Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 391
Message ID: 186
#186, RE: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
Posted by sarawatta on 01-May-12 at 10:28 PM
In response to message #0
จะแถมให้อีกตอนหนึ่งนะครับ เป็นทั้งตอนพิเศษและตอนจบไปในตัว
แล้วก็คงจบจริงๆ ครับ :monkeysad:

----------------------------------------------------------------------

ตอนที่ 39

ทิวมาถึงบ้านของบูมก็ประมาณเกือบเที่ยง กดออดอยู่สักพักก็มีคนรับใช้มาเปิดให้ พอบอกว่าเขาชื่อทิว มาพบบูม ทิวก็สามารถเข้ามาในบ้านได้ไม่ยากนักเพราะคุณทิพย์นภาสั่งไว้แล้ว

ทิวไม่ได้มาที่บ้านหลังนี้นานมากแล้ว ครั้งสุดท้ายก็คืองานวันเกิดบูมเมื่อสิบปีที่แล้ว แต่ว่าเขาก็พอจำได้บ้างเพราะตอนสมัยเรียนทิวเคยมาค้างที่บ้านบูมบ้าง แม้จะไม่ค่อยบ่อยก็ตาม

เมื่อคนรับใช้พาทิวเข้ามาในบ้านก็เจอกับแพรวที่กำลังเล่นกับน้องพีมอยู่พอดี เมื่อเห็นทิวแล้วแพรวก็พอจำได้ เธอยิ้มและร้องทักว่า

"ทิว...ไม่ได้เจอกันซะนานเลย สบายดีไหม"

ทิวยิ้มและเดินเข้าไปหาแพรวที่มุมโซฟาของบ้าน เห็นน้องพีมแล้วทิวก็พอจะเดาได้ว่าน่าจะเป็นลูกสาวของแพรวกับพี่บีม

"สบายดีครับ แพรวคงสบายดีนะ นี่ลูกสาวเหรอครับ น่ารักเชียว ชื่ออะไรครับ" ทิวพูดพลางยิ้มอย่างเอ็นดู

"สบายดีจ้ะ นี่น้องพีมนะ อายุจะสองขวบอีกไม่กี่เดือนนี้แล้วล่ะ ทิวนั่งก่อนสิ แพรวจะเล่าอะไรให้ฟังนิดหน่อย" แพรวบอกเมื่อเห็นทิวยืนย่อตัวอยู่

ทิวจึงนั่งลงกับโซฟาที่ติดกับที่แพรวนั่งอยู่ เขามองไปรอบๆ บ้านก็ไม่เห็นบูม เหมือนแพรวจะเดาได้ว่าทิวกำลังมองหาอะไรอยู่ก็เลยชวนคุยเรื่องของบูมเสียเลย

"บูมเขาอยู่ในห้อง ดูท่าทางจะเสียใจมากอยู่เหมือนกัน ทิวมาก็ดีแล้วล่ะ ช่วยบูมหน่อยเถอะ รู้ไหมว่าที่บ้านของเรา เราเป็นห่วงบูมกันมากเลย" แพรวพูดไปพลางเล่นกันลูกสาวไปพลาง

"มีอะไรหรือแพรว" ทิวสงสัย

"ก็บูมน่ะสิ จะเป็นโรคซึมเศร้าอยู่แล้ว เขาเก็บตัว ไม่ค่อยเข้าสังคมตั้งแต่ที่ไปเรียนโทแล้วล่ะ พอกลับมาทำงานที่เมืองไทย เขาก็ไม่ออกไปพบปะกับใครหรือมีสังคมเลย เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน เศร้าๆ ซึมๆ อยู่แบบนี้"

"ทำไมล่ะแพรว บูมเขาเป็นอะไรเหรอ"

"เขาคงอยากพิสูจน์ให้คุณแม่เห็นว่าเขารักทิวมากแค่ไหน ก็เลยตัดขาดจากสังคม วันๆ ก็อยู่แต่ในห้องแล้วก็ทำแต่งาน"

"จริงเหรอแพรว" ทิวครางด้วยความสะท้อนใจ เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าบูมจะยอมทำเพื่อความรักมากขนาดนี้ มิน่าล่ะบูมถึงได้เสียใจมากที่แต๋งบอกว่าเป็นแฟนเขา สามปีที่ผ่านมาบูมรอเขามาตลอดและยอมที่จะทรมานตัวเองถึงขนาดนี้เพื่อความรัก ถ้าชีวิตนี้ทิวไม่รักผู้ชายคนนี้แล้วจะให้เขาไปรักผู้ชายคนไหนในโลกนี้

"จริงสิ ตอนนี้บูมก็คงนอนซึมอยู่บนห้องนั่นแหละ ทิวขึ้นไปหาบูมเลยก็ได้ แพรวก็มัวแต่ชวนคุย ช่วยเขาหน่อยละกันนะทิว"

"ครับ" ทิวรับคำแล้วก็มองขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน

"ทิวจำห้องบูมได้ใช่ไหม เห็นพี่บีมบอกว่าทิวเคยมาค้างที่นี่เหมือนกันสมัยเรียนมัธยม"

ทิวพยักหน้า

"ไปเถอะทิว บูมคงรอทิวอยู่" แพรวบอกพลางยิ้มให้กำลังใจ

"ไปก่อนนะแพรว เดี๋ยวค่อยคุยกัน" ทิวบอกแล้วก็ลุกเดินขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน

------------------------------------------------

ไม่นานนักทิวก็มายืนอยู่ที่หน้าห้องนอนของบูม เขาชั่งใจอยู่สักพักก็ตัดสินใจเคาะประตูห้อง ไม่นานนักบูมก็เดินเปิดประตูออกมาด้วยชุดนอน พอบูมเห็นทิวแล้วเขาก็ทำสีหน้าที่ทิวเองก็ตีความได้ยาก จะว่าดีใจก็ไม่เชิง จะว่าเฉยๆ ก็ไม่ใช่ จะว่าโกรธก็ยังไม่ถึงขนาดนั้น

บูมหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้องตามเดิม ทิวรีบปิดประตูแล้วก็เดินเข้าไปกอดบูมจากทางด้านหลังไว้ เขารักผู้ชายคนนี้เหลือเกิน ยิ่งรู้ว่าบูมเสียใจก็ยิ่งเป็นห่วง อยากมาหา อยากมาขอโทษและอธิบายสิ่งต่างๆ ให้ฟังเพื่อให้เขากับบูมกลับมารักกันดังเดิม

"เรารักบูมนะ เราไม่เคยรักใครคนอื่น เรานอนไม่หลับ เป็นห่วงบูมทั้งคืนแล้วก็โทรหาตลอดเลย พอเช้าก็รีบมา คิดถึงบูมนะ"

ถ้าทิวยืนอยู่ตรงหน้าบูมก็คงเห็นเขาแอบยิ้มแล้วล่ะ แต่บูมก็ยังคงทำเป็นเงียบอยู่ เขาแกะมือทิวออกแล้วก็เดินกลับไปนอนบนเตียง หันหน้าไปอีกทาง ไม่พูดไม่จา

ทิวยืนงงอยู่สักพักก็เดินตามไป เขาไม่รู้ว่าควรจะขึ้นไปบนเตียงของบูมหรือเปล่าเพราะถือว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัว ทิวยืนหันรีหันขวางอยู่สักพักก็ตัดสินใจขึ้นไปนั่งบนเตียงของบูม แต่บูมก็ยังทำเป็นนอนเงียบไม่รู้ไม่ชี้อยู่ ทิวจึงนอนลงข้างๆ แล้วก็กอดบูมไว้ทางด้านหลัง

"ขอบคุณบูมมากนะที่ทำเพื่อความรักของเรา นายเป็นผู้ชายที่เรารักที่สุดในโลกเลยรู้หรือเปล่า"

แต่บูมก็ยังเงียบอยู่ ทิวก็เลยเงียบบ้างแต่ก็ยังคงกอดบูมไว้อยู่แบบนั้น แต่เหมือนบูมคงจะเริ่มทนไม่ไหวก็เลยยอมเปิดปากพูดบ้าง

"ไม่กลับไปอยู่กับแฟนล่ะ ชอบมีแฟนเด็กไม่ใช่เหรอ"

ทิวแทบจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่ เป็นครั้งแรกที่เห็นบูมงอนเขาแบบนี้ ดูไปก็น่ารักเหมือนเด็กๆ ทีเดียว

"ใครบอกว่าเราชอบมีแฟนเด็กล่ะ เราชอบมีแฟนเป็นผู้ใหญ่มากกว่า อบอุ่นดี กอดแล้วก็อุ่นดีด้วย" ทิวพูดพลางกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นและซบหน้าบนไหล่ของบูม

บูมแอบยิ้มแต่ก็ยังทำเป็นเฉยๆ ทิวไม่เคยง้อเขาแบบนี้เลย นึกไปนึกมาก็สนุกดีเหมือนกัน

"เราไม่ใช่ผู้ใหญ่ซะหน่อย อายุก็เท่ากัน"

ในที่สุดทิวก็อดขำไม่ได้ แต่เขาก็หัวเราะเบาๆ เพราะเดี๋ยวจะทำให้บูมงอนอีก

"ไม่เห็นเป็นไรเลย เราก็ชอบคนอายุเท่ากันด้วย โดยเฉพาะคนที่เรากอดอยู่ตอนนี้ เรารักที่สุดในโลกเลยรู้เปล่า"

บูมแค่นเสียง "รักจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ พอเราไม่อยู่ก็แอบไปมีแฟนเด็ก"

เอาล่ะสิ แล้วทิวจะตอบว่าไงล่ะเนี่ย... ทำไมบูมงอนไม่เลิกเลยล่ะ

"เราไม่เคยมีแฟนเด็กเลยนะ เราไม่ได้ชอบเขา เขามาชอบเราเองต่างหาก เรารอแต่แฟนผู้ใหญ่...เอ๊ยไม่ใช่ๆ...แฟนอายุเท่ากันคนนี้เท่านั้นแหละ รอตั้งหลายปีแน่ะ กว่าจะได้เจอก็ตั้งนาน คิดถึงจนแทบใจจะขาด แต่พอเจอกันนะ แฟนคนอายุเท่ากันก็แกล้งเราใหญ่เลย เราน่ะใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเลยรู้เปล่า แต่ไม่เป็นไรหรอก เรารักแฟนคนที่อายุเท่ากันมาก ยอมให้แกล้งได้"

บูมได้ฟังแล้วสุดท้ายก็อดขำไม่ได้ แม้จะพยายามกลั้นไว้แต่ก็มีเสียงเล็ดรอดออกมา

"แต่นายก็ทุบเราจนเจ็บเลยนะ" บูมพูดแล้วก็พลิกตัวหันมาเผชิญหน้ากับทิว

"จริงเหรอ ไหนขอดูหน่อยสิ" ทิวพูดแล้วก็ลุกขึ้นนั่ง เขาเลิกเสื้อยืดสีขาวที่บุมใส่นอนขึ้นเพื่อดูว่าหน้าอกของบูมมีรอยทุบจริงหรือเปล่า ทิวใช้มือลูบไล้ไปมาบนหน้าอกของบูมแล้วก็พูดว่า "ไม่เห็นมีรอยทุบเลย เราน่ะทุบแค่เบาๆ เองนะ เรารักของเราขนาดนี้ ใครจะกล้าทำแฟนคนอายุเท่ากันเจ็บล่ะ"

นี่คงจะเป็นครั้งแรกในรอบสามปีที่บูมเกิดความรู้สึกปั่นป่วนกับการถูกกระตุ้นปลุกเร้าอารมณ์ทางเพศ เขากุมมือทิวไว้ตรงหน้าอกของเขา ทิวเองก็รู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้กัน

"หายโกรธเราแล้วใช่ไหมบูม อย่าโกรธเราอีกเลยนะ นายเป็นที่พึ่งคนเดียวในโลกนี้ที่เรามีอยู่รู้หรือเปล่า ถ้านายโกรธ
เรา...เราก็ไม่เหลือใครเลยนะ" ทิวพูดพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มมาคลอที่เบ้าตา

บูมใช้มือโอบไหล่และดึงทิวให้โน้มต่ำลงจนใบหน้าเกือบจะชิดกัน "ตอนแรกก็โกรธแหละ แต่ตอนนี้หายแล้ว แถมยังมีความรู้สึกแปลกๆ บางอย่างด้วย"

"อะไร" ทิวพาซื่อ

"ก็นาย...ยั่วเราซะขนาดนี้...จะให้เรารู้สึกยังไงล่ะ" บูมยิ้มกรุ้มกริ่ม

พอทิวรู้ทันก็เลยตอบไปว่า "เดี๋ยวจะยั่วให้มากกว่านี้อีก"

พูดจบทิวก็ประทับริมฝีปากของเขาลงบนริมฝีปากของบูม บูมดูตกใจเล็กน้อยที่ทิวเป็นฝ่ายรุกเขาก่อน แต่แล้วก็ปล่อยเลยตามเลย สงสัยคราวนี้...บูมคงจะต้องยอมทิวบ้างแล้วล่ะ ก็ดีเหมือนกันเผื่อจะได้เปลี่ยนรสชาติบ้าง

พอทิวถอนปากออก ต่างคนต่างก็หายใจหอบด้วยความตื่นเต้นวาบหวิว ต่างคนต่างห่างหายจากเรื่องนี้ไปนานหลายปีก็เลยทำให้ความต้องการพุ่งทะยาน

"บูม...วันนี้เราผลัดกันบ้างนะ ได้หรือเปล่า" ทิวถามเสียงหอบ

"เรารักนายขนาดนี้...ขออะไรก็ให้ได้ทั้งนั้นแหละ"

ทิวยิ้มดีใจ เขาก้มลงไปจุมพิตกับบูมแล้วก็บอกว่า "ที่รักของทิว"

บูมหัวเราะชอบใจใหญ่ "ครับ...คนดีของบูม อย่ามัวแต่ชักช้า...เดี๋ยวเปลี่ยนใจนะ"

ทิวจึงรีบถอดเสื้อของเขาออกเหลือแต่อกเปล่าเปลือย "อย่าท้าเรานะ ถึงครั้งนี้จะเป็นครั้งแรก นายอาจจะติดใจจนลืมไม่ลงเลยก็ได้" ทิวบอกพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม เขาไม่เคยทำสีหน้าแบบนี้เลย บูมก็เลยขำเล็กน้อย

"โห..อย่าหัวเราะสิ คนยิ่งไม่มั่นใจอยู่ เสียเซลฟ์หมดเลย" ทิวบอกพลางทำหน้างอ

บูมจึงเงียบ แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย ทิวค่อยๆ โน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ บูม ก่อนจะลงมือก็บอกว่า "เป็นของเรานะบูม"

บูมอดขำอีกไม่ได้ แต่ทิวไม่สนใจแล้วล่ะ เขาไซร้บริเวณซอกคอแล้วค่อยๆ ไล่ไปที่ใบหู เหมือนที่บูมชอบทำบ่อยๆ นั่นแหละ บูมรู้สึกเสียวสะท้านจนต้องกอดทิวไว้แน่น ทิวเริ่มรู้สึกพอใจ อย่างน้อยเขาก็ยังพอคุมเกมส์ได้อยู่ เป็นงานแรกก็ต้องเข้าใจกันบ้าง

----------------------------------------------------------

จนเกือบบ่าย ทิวกับบูมจึงได้ยุติกิจกรรมที่แสนพิเศษนั้น

"เจ็บหรือเปล่าบูม" ทิวถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง แต่ทิวก็เป็นฝ่ายนอนอยู่บนอ้อมอกของบูมในที่สุด ทิวรู้สึกว่าสุดท้ายแล้วเขาก็เป็นฝ่ายที่ต้องการความอบอุ่นจากบูมมากกว่า

"เพื่อคนที่เรารัก...เราทนได้อยู่แล้ว"

"บูม...เรารักนายจังเลย ไม่รู้จะบอกว่ารักยังไง พูดอีกล้านครั้งก็ไม่เท่ากับความรู้สึกของเราที่อยู่ข้างในหรอก" ทิวบอกพร้อมกับกอดและซุกหน้ากับอกบูมแน่น บูมเป็นคนดีเหลือเกิน ยอมได้แม้กระทั่งเรื่องนี้ เพียงเพราะอยากจะให้คนที่เขารักได้ลองมีความสุขอีกแบบหนึ่งบ้าง

"เรารู้...นายอย่าไปยุ่งกับเด็กอีกละกัน" บูมพูดติดตลก

"บ้า...นายนี่ คนกำลังซึ้งๆ เดี๋ยวก็ทุบให้อีกหรอก" ทิวพูดพลางลุกขึ้นและทำท่าจะทุบอกบูม

"เราล้อเล่นน่า" บูมยิ้มแล้วก็ลุกขึ้นมานั่งในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน

ทิวกลิ้งไปนอนบนบริเวณตักของบูม มีผ้าห่มปิดส่วนนั้นไว้อยู่

"บูม...แพรวบอกเราว่า...นายเอาแต่เก็บตัว ไม่ยอมออกไปไหนเลยเหรอ" ทิวถามพลางแหงนมองใบหน้าของบูม

"ก็...ถ้าไม่ทำแบบนี้...แม่ก็ไม่เห็นใจเราน่ะสิ เราน่ะ...อยากพิสูจน์ให้แม่รู้ว่าเรา...มั่นคงแค่ไหน ก็ไม่ได้อยากทำให้ใครเป็นห่วงหรอกนะ"

ทิวดึงมือบูมมากุมไว้บนอกของตัวเองด้วยสีหน้ารักใคร่ "ขอบคุณมากนะบูม นายได้พิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่า...นายทำทุกอย่างได้เพื่อความรักจริงๆ เราศรัทธาในตัวนายมาก นายทำให้เรา...รู้ว่ารักแท้เป็นแบบไหน จริงๆ เราก็มั่นใจมานานแล้วล่ะ แต่ครั้งนี้...เราเข้าใจรักแท้มากขึ้น"

"ขอบคุณนายด้วยนะที่รอเรา เรารู้ว่านายคงเหงา...ต้องการใครสักคน สามปีที่ต้องอยู่กับความเหงามันก็...โหดร้ายไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะ แต่เรา...ก็ผ่านมันไปได้"

"เพราะเรามีรักแท้ไงบูม นายเคยได้ยินไหมที่เขาบอกว่า ขอแค่ให้เรามั่นคง รักก็จะนำทางเราไปเสมอ จนสุดท้ายเราก็ได้มาเจอกันอีก"

"ก็หวังว่าเราคงจะไม่จากกันไปอีกแล้วเนาะ" บูมก้มลงมองใบหน้าทิวพลางยิ้ม เขาใช้มือลูบผมทิวเล่น

"เราก็หวังอย่างนั้น" ทิวยิ้มตอบด้วยความหวัง

"เมื่อไร...นายจะย้ายมาอยู่กับเราล่ะ เราอยากให้นายย้ายมาวันนี้พรุ่งนี้เลยด้วยซ้ำ" บูมเปลี่ยนมาถามอีกเรื่องที่เขากับทิวควรจะต้องรีบทำให้ชัดเจนโดยเร็วที่สุด

"คงไม่เร็วขนาดนั้นหรอกบูม เราต้องยื่นใบลาออกอย่างน้อยหนึ่งเดือนล่วงหน้า ให้เขาหาคนก่อน ว่าแต่ว่า...ถ้าเรามาอยู่ที่นี่ นายจะให้เราทำอะไรล่ะ เราไม่อยากอยู่เฉยๆ ไม่มีงานทำ"

"นายอยากทำดครงการอีกไหม เรามีไอเดียเยอะแยะเลย ถ้านายยังชอบทำงานแบบนี้อยู่ เราก็จะเขียนโครงการให้ เราพอมีเครดิตจากการทำงานครั้งที่แล้วอยู่บ้าง ถ้าเรามีไอเดียอีกเขาก็ไม่น่าจะขัดข้อง เดี๋ยวชวนเอิร์ธกับวิทมาทำด้วย อ้อ...ลีน่ากับแอนเดอร์สันกลับไปแล้วนะ กลับไปได้เกือบสองปีแล้วล่ะ"

"อยากทำสิ...เราชอบงานแบบนั้น" ทิวตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

"โอเค...เราจะเลิกเก็บตัวละ ช่วงที่นายยังทำงานอยู่ที่โน่น เราก็จะเขียนโครงการแล้วก็ชวนเพื่อนเราอีกสองคนมาช่วย เอิร์ธกับทิวคงอยากทำอยู่เพราะเขาเปรยๆ เอาไว้ ตอนนี้เราอยากนำความรู้เรื่องการทำธุรกิจเพื่อสังคมมาเผยแพร่ รู้สึกว่าตอนนี้ธุรกิจแบบนี้กำลังเป็นที่สนใจเลย เราอยากเอาแนวคิดแบบนี้มาช่วยให้คนที่ขาดโอกาสได้มีอาชีพมีรายได้"

"ดีๆ เราว่าโครงการแบบนี้ก็ดีนะ"

"ถ้านายชอบจริงๆ บางทีเราอาจจะช่วยตั้งเป็นองค์กร มูลนิธิหรือสมาคมให้ นายก็ทำตรงนั้นไป เราก็ทำงานบริษัทของพ่อ สานต่องานตรงนี้ แต่ยังไงเราก็จะมาช่วยนายทำโครงการด้วย หรือถ้านายอยากเขียนโครงการเป็น เราก็จะช่วยสอนให้ เอามั๊ย"

ทิวพยักหน้า "เอาสิ" แล้วก็พูดต่อไปว่า "เราโชคดีจริงๆ นะที่ได้เป็นแฟนกับคนที่อายุเท่าๆ กันที่มีจิตใจดีแบบนี้"

ได้ยินคำว่า "แฟนคนที่อายุเท่าๆ กัน" แล้วบูมก็ขำ มันกลายเป็นคำติดปากของทิวไปเลย

"เราพอมีความรู้ ช่วยคนอื่นได้เราก็ควรทำนะ เฮ้อ...ดีใจจังที่เราจะได้มาอยู่ด้วยกัน ช่วยกันทำงาน ผัวหาบ...เมียคอน"

"โห...ดูเปรียบเทียบเข้า นี่แน่ะ" ทิวว่าพลางใช้มือทุบไปบนอกบูมเบาๆ สองสามที แล้วต่างคนก็ต่างหัวเราะชอบใจ

คงจะหมดทุกข์หมดโศกเสียทีนะทิวกับบูม แม้จะเคยคิดว่าฟ้าคงไม่ได้ลิขิตให้เขาสองคนได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน แต่พวกเขาก็เลือกและวางแผนที่จะลิขิตชีวิตให้ตัวเอง ด้วยหัวใจที่เข้มแข็งและความรักที่มั่นคง สุดท้ายพวกเขาสองคนก็สามารถเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ไปได้ด้วยดี แม้กระทั่งใจคนซึ่งเป็นอุปสรรคที่ยากที่สุดในบรรดาอุปสรรคทั้งหมด