Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 391
Message ID: 29
#29, RE: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
Posted by sarawatta on 11-Mar-12 at 07:20 PM
In response to message #0
ตอนที่ 11

ช่วงนี้บูมกับแป๋มต้องห่างๆ กันไปบ้างเพราะบูมต้องซ้อมกับวงเพื่อที่จะไปแข่งชิงรางวัลวงดนตรีเยาวชนยอดเยี่ยมแห่งประเทศไทย แต่ไม่ว่าจะอยู่ในห้องเรียนหรือเวลาซ้อมกับวง ทิวดูเงียบๆ ไป ไม่ค่อยมาคุยมาเล่นกับเขาเหมือนเดิม ไม่ใช่แต่บูมเท่านั้นที่สังเกตเห็น เพื่อนๆ คนอื่นๆ ในห้องก็เริ่มรับรู้และสงสัยถึงพฤติกรรมที่แปลกไปของทิวเช่นกัน

วันนี้ก็เช่นกัน พอซ้อมเพลงเสร็จแล้ว ทิวก็เก็บกระเป๋าเตรียมกลับบ้านทันที ปกติชอบเช่นเตะบอลก็ไม่ค่อยเล่นเหมือนเมื่อก่อน

"ทิว วันนี้ไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันไหม" บูมชวนเพื่อนพลางยิ้ม ไม่รู้สิ เขารู้สึกคิดถึงทิวอย่างบอกไม่ถูก แต่คำตอบของทิวก็ทำให้บูมหน้าเสีย

"ไม่ดีกว่า เราจะกลับบ้าน วันนี้แป๋มไม่ชวนนายไปไหนเหรอ" น้ำเสียงเหมือนแฝงความน้อยใจอยู่ในที

"ทิว..." บูมพูดเสียงเบาเหมือนกับรู้สึกผิดหวัง ปกติทิวไม่เคยปฏิเสธเขาแบบนี้เลยนี่นา "พอดีวันนี้น้องแป๋มเขาต้องไปธุระกับครอบครัว เขาก็เลยขอกลับก่อน"

"อ๋อ..." ทิวสะพายกระเป๋าเป้ เตรียมตัวเดินออกไป "เราไปก่อนนะ"

พูดจบทิวก็เดินออกไปโดยไม่คิดจะพูดคุยอะไรต่อ แต่บูมก็ตัดสินใจคว้ามือเพื่อนไว้เสียก่อน

"เดี๋ยวก่อนสิทิว"

ทิวหยุดและหันมามอง "มีอะไรหรือเปล่าบูม" ทิวไม่รู้ว่ามันเป็นคำถามที่ดีไหมที่เขาควรจะถามเพื่อนไหม

บูมค่อยๆ ปล่อยมือเพื่อนเพราะคนที่เดินผ่านไปมาเริ่มมองด้วยสายตาแปลกๆ "นายโกรธอะไรเราหรือเปล่า" คำถามนั้นเหมือนจะไม่ค่อยมั่นใจนัก เพราะบูมไม่รู้จริงๆ ว่าเขามีอะไรที่ทิวต้องโกรธหรือเปล่า นอกจากเรื่องที่เขามีแฟนแล้ว ความรู้สึกทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม ก็ไม่น่าจะมีอะไรให้ทิวไม่พอใจนี่นา

"เปล่า...นายไม่ต้องคิดมากหรอก เราไม่ได้เป็นอะไร ไม่ได้โกรธอะไรนายเลย" ทิวพยายามยิ้มอย่างเต็มที่เพื่อให้บูมสบายใจว่าเขาไม่ได้เป็นอะไร

"แต่นายดูไม่เหมือนเดิมเลยนะทิว" บูมยังไม่วายสงสัยอยู่ดี

"เฮ้ยจริงเหรอ...ไม่หรอก เราก็เหมือนเดิมแหละ สงสัยนายจะคิดมากไปเอง" ทิวพยายามกลบเกลื่อนร่องรอยทุกอย่างอย่างที่สุด มันอาจจะดูไม่เป็นธรรมชาตินัก แต่เมื่อเพื่อนยืนยันขนาดนี้ บูมก็ควรจะเลิกสงสัย

"ถ้างั้นเราไปบ้านนายด้วยได้ไหม" บูมไม่เลิกความพยายาม ยังไงวันนี้เขาก็ต้องใช้เวลากับทิวบ้างให้ได้ "ไม่มีอะไรหรอก เราแค่อยากคุยกับนาย"

ทิวพยักหน้าตกลง จริงๆ เขาก็ไม่ควรจะท่ามากจนเกินไป ยิ่งทำอย่างนั้นก็จะยิ่งทำให้คนอื่นสงสัย เป็นผู้ชายต้องน้อยๆ เข้าไว้ คิดมาก เรื่องเยอะมันดูจะผิดวิสัยของผู้ชายมากไป

ก็เป็นอันว่าบูมได้มาเที่ยวบ้านทิวอีกครั้ง ไปถึงเขาก็ช่วยทิวรดน้ำต้นไม้ที่มีอยู่มากมาย แม่ของทิวกลับมาพอดี วันนี้บูมก็เลยโชคดีที่จะได้กินอาหารฝีมือคุณแม่ของทิว รดน้ำต้นไม้เสร็จแล้ว บูมก็ชวนทิวมานั่งร้องเพลงด้วยกันที่มุมคีย์บอร์ดในห้องรับแขกด้านล่าง

ก็ร้องเพลงกันอยู่ดีๆ นั่นแหละ จนกระทั่งบูมขอร้องเพลง "ฉันดีใจที่มีเธอ" ทิวเล่นตีคอร์ดให้บูมร้อง ทิวก็ร้องด้วย แต่พอร้องท่อนฮุกแรกจบไป บูมก็สังเกตว่าทิวมีน้ำตาไหลออกมา

"ทิว เป็นไร"

ทิวหยุดเล่นคีย์บอร์ด พยายามคิดหาคำตอบที่เขาควรจะตอบเพื่อน บางทีเขาก็นึกโมโหตัวเอง จริงๆ ถ้าไม่นับว่าบูมมีแฟนแล้วและต้องแบ่งเวลาส่วนหนึ่งไปให้แฟน นอกนั้นบูมก็เหมือนเดิมกับเขาทุกอย่าง บูมไม่ได้มีอะไรต่างไปจากเดิมเลย เขาไม่ดีใจเลยหรือที่มีบูมเป็นเพื่อน นี่เขาจะเรียกร้องเอาอะไรจากเพื่อนกันแน่ ที่เขาได้มาอยู่ตอนนี้มันไม่พอหรืออย่างไร

"เปล่า...เพลงมันเพราะดีนะ ความหมายก็ดี ตรงกับความรู้สึกของเราตอนนี้เลย" ทิวกำลังจะเช็ดน้ำตา แต่บูมดูเหมือนจะมือไวกว่า เขาคว้าผ้าเช็ดหน้าของเขาออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วซับน้ำตาให้เพื่อน นั่นยิ่งทำให้ทิวร้องให้ด้วยความซาบซึ้งใจมากขึ้น ทิวเลยต้องรับผ้าเช็ดหน้ามาจากมือของเพื่อนแล้วซับน้ำตาของตัวเอง ตั้งแต่มีเพื่อนมาก็ไม่เคยมีความรู้สึกหรือต้องมานั่งร้องให้แบบนี้เลย นี่ถ้าพวกนั้นมันมาเห็น มันคงสงสัยเขาน่าดูเลย

ไม่ทันที่จะได้คุยอะไรกันต่อ แม่ก็เรียกกินข้าวเสียแล้ว เด็กๆ จึงต้องละจากการร้องเพลงแล้วไปกินข้าวกับแม่ในห้องกินอาหาร บูมดูจะชอบอาหารที่แม่ของทิวทำมาก เขาชมไม่ขาดปากและกินข้าวไปตั้งสามจาน เยอะที่สุดเท่าที่เคยกินมาเลยล่ะ

กินข้าวเสร็จแล้ว บูมกับทิวก็มาเดินเล่นดูต้นไม้ด้วยกันหน้าบ้านอยู่พักหนึ่ง จากนั้นบูมจึงขอตัวกลับบ้าน ทิวโทรเรียกแท็กซี่ให้มารับเพราะบ้านเขาอยู่ในซอยลึกพอสมควร

พอบูมขึ้นแท็กซี่ ทิวก็โบกไม้โบกมือให้จนรถเคลื่อนออกไป ทิวมองตามแล้วก็ถอนหายใจ เขาไม่รู้เลยว่าต่อไปอารมณ์เขาจะแปรปรวนมากแค่ไหน เขาจะพยายามเตือนตัวเองก็แล้วกันว่าบูมไม่ได้ทำอะไรผิด บูมก็ยังเป็นเพื่อนกับเขาเหมือนเดิม ความรู้สึกดีๆ ที่เขาได้จากเพื่อนมันเพียงพอแล้ว เวลาที่เพื่อนให้มาก็เพียงพอแล้ว ใช่ไหมทิว มันพอแล้วใช่ไหม นายไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านี้ใช่ไหม...

กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นแบบนี้ มันก็ผ่านมาจนเขาอายุ 17 ปีแล้ว แต่ก็ใช่ว่าที่ผ่านมาจะไม่มีอะไรแปลกๆ ให้เขาสงสัยตัวเอง ก็มีเหมือนกัน ตั้งแต่พ่อจากไป ทิวก็รู้ว่าในใจลึกๆ ของเขาโหยหาความอบอุ่นนี้จากพ่อ เป็นความอบอุ่นในแบบที่แม่ไม่สามารถทดแทนให้เขาได้ หลายครั้งทิวพบว่า เวลาที่เขาเห็นผู้ชายวัยกลางคนที่หน้าตาท่าทางใจดี ทิวชอบเข้าไปคุยด้วยหรือชอบเข้าไปอยู่ใกล้ๆ บางครั้งก็เผลอคิดไปว่าถ้าเขาได้กอดผู้ชายคนนั้น มันคงจะอบอุ่นมาก แต่เขาก็ไม่เคยได้ทำอย่างนั้นหรอก กับเพื่อนๆ ก็ไม่เคยได้กอดอะไรแบบนั้น อย่างมากก็กอดคอ จนกระทั่งได้รู้จักกับบูม แล้วบูมก็กลายเป็นผู้ชายคนแรกที่มอบความอบอุ่นในแบบที่ทิวเรียกร้องหามาตลอดชีวิต มันเหมือนการเสพติด พอได้มาแล้วเขาก็อยากจะได้สิ่งนั้นต่อไป แต่ทิวก็รู้ว่ามันยังมีอะไรที่มากกว่าการเสพติด ความใกล้ชิดและความผูกพันมันทำให้เขาคิดไปไกลกว่านั้นแล้ว นั่นแหละคือเหตุผลที่ทิวไม่สามารถหลอกตัวเองได้อีกต่อไปว่าสิ่งที่ได้จากเพื่อนในตอนนี้มันเพียงพอแล้ว มันไม่พอไม่ใช่เพราะว่าบูมให้เขาน้อยไป แต่มันไม่พอเพราะบูมไม่ได้ให้ในสิ่งที่เขาอยากได้ต่างหากล่ะ ที่บรรยายมาทั้งหมดนี้ก็คงจะรู้แล้วสินะว่า "ทิวเป็นเกย์!!!!!"

-------------

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ดูเหมือนบูมจะเริ่มให้เวลากับทิวมากขึ้น ถึงทิวจะไม่พูดอะไร แต่บูมก็เดาเอาเองว่าทิวน่าจะน้อยใจที่เขาไม่ค่อยมาหา แต่กลับไปให้เวลากับแป๋มมากเกินไป จะว่าไปแล้ว บูมก็มีความสุขดีเวลาอยู่กับทิว เวลาอยูกับแฟน บูมรู้สึกว่าเขาถูกคาดหวังให้ต้องทำอะไรหลายอย่าง เขาต้องเสียสละ เขาต้องอดทน เขาต้องยอมแม้จะไม่เห็นด้วย เขาต้องคอยเอาใจ ต้องคอยทำให้ประทับใจ บางทีมันก็เยอะไปเหมือนกัน

แต่เพราะแบบนี้นี่แหละที่ทำให้เขากับแป๋มต้องทะเลาะกันอีกแล้ว

"พี่บูมยังเห็นแป๋มเป็นแฟนพี่บูมอยู่หรือเปล่าคะ ถ้ายังเห็นอยู่ ก็ควรจะมีเวลาให้แป๋มบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ซ้อมดนตรีแล้วก็เรียนๆๆๆๆ"

"แป๋ม ช่วงนี้พี่ต้องซ้อมเยอะเพราะว่าอาทิตย์หน้าพี่ต้องไปแข่งแล้ว อีกอย่าง มันก็ใกล้สอบแล้วด้วย พี่ก็ต้องอ่านหนังสือบ้าง แต่ไม่ได้หมายความว่าพี่ไม่แคร์แป๋มนะ"

"พี่แคร์แป๋มจริงๆ เหรอคะ แล้วที่สัญญาแป๋มไว้พี่บูมก็ทำไม่ค่อยได้ นอกจากจะซ้อมเพลง อ่านหนังสือจนไม่มีเวลาให้แป๋มแล้ว พี่ก็ยังเป็นลูกแหง่เหมือนเดิม ไม่เห็นจะ..."

"น้องแป๋ม!!!" บูมพูดเสียงดังด้วยความไม่พอใจจนแป๋มต้องหยุดชะงัก เธอดูตกตะลึงทีเดียวที่เห็นบูมทำเสียงและสีหน้าไม่พอใจแบบนั้น เท่านั้นยังไม่พอ คนที่อยู่ในร้านอาหารเดียวกับพวกเขาสองคนต่างก็หันมามองด้วยความสงสัย

คำว่า "ลูกแหง่" มันเสียดแทงใจบูมเหลือเกิน เขาเกลียดคำนี้ เขาไม่ได้อยากได้ยินมันอีกแล้ว

"ถ้าน้องแป๋มยังอยากเป็นแฟนกับพี่อยู่ น้องแป๋มต้องเลิกเรียกพี่แบบนี้เข้าใจไหม" บูมยื่นคำขาดด้วยเสียงและมือไม้ที่สั่นเทิ้ม

"พี่บูม" ดูเหมือนแป๋มจะตกใจและผิดหวังกับการกระทำของบูมมากทีเดียว นี่มันในร้านอาหารแถมมีคนนั่งอยู่หลายคน บูมควรจะให้เกีรยติเธอบ้าง นี่เล่นพูดเสียงดังจนเธอรู้สึกอับอายเขาไปหมด

"งั้นก็เลิกกันวันนี้เสียเลย แป๋มก็เบื่อที่อยู่กับคนปัญหาเยอะอย่างพี่แล้วล่ะ" แป๋มพูดด้วยเสียงสั่นเครือ น้ำตาค่อยๆ ไหลลงอาบแก้มใสนั้น

"แป๋ม" เหมือนบูมจะได้สติกลับมา แต่มันก็คงสายไปเสียแล้ว บูมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น เขาตกใจไม่น้อยกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินเมื่อสักครู่นี้

แป๋มหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วก็เดินลิ่วออกไปจากร้านทันที แต่แปลกที่บูมไม่คิดจะวิ่งตามไป ใช่...เขาผิดเอง เขามัวแต่โมโหจนลืมดูไปว่าตอนนี้เขากำลังอยู่ที่ไหน

"ทิว" แทนที่บูมจะคิดวิ่งไปตามง้อแฟน แต่เขากลับคิดถึงทิวขึ้นมาเสียอย่างนั้น "เก็บตังค์ด้วยครับ" บูมร้องบอกพนักงาน พอจ่ายเงินแล้วบูมก็รีบวิ่งออกไปเรียกแท็กซี่ทันที

"ไปลาดพร้าวครับ" บูมบอกเมื่อได้รถแท็กซี่แล้ว

แต่พอไปถึง บ้านทิวก็ปิดไฟเหมือนกับไม่มีคนอยู่ โทรหาทิวก็ไม่ติด ไม่รู้ว่าแบ็ตหมดหรือปิดเครื่อง แต่ยังไงวันนี้เขาก็ต้องคุยกับทิวให้ได้ แต่เขาก็กลัวพ่อกับแม่จะเป็นห่วงเหมือนกัน บูมจึงตัดสินใจโทรไปบอกแม่ว่า

"แม่ครับ วันนี้ผมจะนอนค้างบ้านเพื่อนนะครับ พอดีมีงานที่ต้องทำด้วยกัน บูมกลัวทำเสร็จไม่ทันครับ"

"จะทำอะไรก็ทำไป" แม้ว่าคุณทิพย์นภาจะพูดด้วยเสียงเบาเพราะเธอยังอยู่ในห้องประชุมอยู่ แต่บูมก็สัมผัสได้ถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงนั้น

"ครับแม่ สวัสดีครับ" บูมวางสายลงด้วยความไม่ค่อยเข้าใจแม่ของเขาเองนัก ไม่รู้เหมือนกันว่าที่บ้านจะโกรธอะไรเขากันนักหนา พี่ชายเขาก็พลอยเป็นไปด้วยอีกคนหนึ่ง

บูมทำได้เพียงยืนรออยู่หน้าบ้าน พอเมื่อยขาก็นั่งเลยนั่งพิงประตูหน้าบ้าน

ราวๆ สี่ทุ่ม ก็มีรถคันหนึ่งเก๋งคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้านทิว บูมพยายามเพ่งมองแต่ไฟหน้ารถก็แยงตาเขาจนมองไม่เห็นอะไร เขารีบลุกขึ้นยืนแล้วก็เห็นทิวกับแม่เปิดประตูลงมาจากรถ

"บูม" ทิวร้องเรียกเพื่อน เขาเห็นว่าบูมมารอตั้งแต่ก่อนที่รถจะจอดแล้วล่ะ

"ทิว" บูมร้องเรียกเพื่อนด้วยความดีใจเช่นกัน เขารีบวิ่งเข้าไปกอดเพื่อนทันที

อีกแล้วนะบูม นายชอบทำให้เราทำใจลำบากอยู่เรื่อยเลย ยิ่งทำใจยากๆ อยู่ แต่ทิวก็กอดเพื่อนตอบแต่โดยดี แม่ของทิวมองดูเพื่อนสองคนที่ยืนกอดกันด้วยความเอ็นดู

"คิดถึงขนาดนั้นเลยหรือบูม" แม่ของทิวหรือคุณทิษณาแซว

บูมจึงรู้ตัวว่าเขาลืมแม่ของทิวไปเลย บูมจึงรีบปล่อยเพื่อนออกแล้วหันไปสวัสดีคุณทิษณา "สวัสดีครับแม่"

"มานั่งรอทิวตั้งแต่เมื่อไรจ้ะ"

"ตั้งแต่ทุ่มกว่าแล้วครับ"

"ตายแล้ว แล้วทำไมไม่โทรหาทิวล่ะลูก" คุณทิษณาทำน้ำเสียงตกใจ

"โทรแล้วครับ แต่ไม่ติด" บูมบอก ทิวจึงรีบหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาดู ก็พบว่าแบ็ตหมดแล้ว ไม่รู้ว่าหมดไปตั้งแต่ตอนไหน

"แบ็ตหมดแล้ว ถึงว่าไม่เห็นมีใครโทรหาทิวเลย" ทิวหันไปพูดกับแม่

"บูมกินอะไรมาหรือยังลูก"

บูมพยักหน้า จริงๆ ก็กินไปได้นิดเดียว แต่เกิดเรื่องเสียก่อน แต่ไม่เป็นไร ค่อยหาอะไรในครัวกินก็ได้

"แม่ล่ะครับ"

"กินแล้วจ้ะ พอดีทิวเขาอยากไปกินข้าวนอกบ้านกับแม่ ก็เลยพาเขาไปเสียหน่อย นานๆ ที" คุณทิษณายิ้มด้วยแววตาแฝงไปด้วยความเมตตา บูมชอบแม่ของทิวก็เพราะอย่างนี้แหละ "เข้าไปในบ้านกันเถอะ" คุณทิษณาบอกเด็กๆ

"ครับ" ทิวกับบูมรับคำพร้อมกัน

คุณทิษณาพอจะเดาได้ว่าบูมคงมีเรื่องอะไรบางอย่างจึงได้มานั่งรอทิวอยู่ตั้งนานแบบนี้ เธอจึงขอตัวขึ้นไปอาบน้ำบนบ้าน ปล่อยให้เด็กๆ นั่งคุยกันตามลำพัง

"มีอะไรหรือเปล่าบูม มานั่งรอเราตั้งนานแบบนี้" ทิวถามเมื่อเห็นว่าแม่ขึ้นไปบนบ้านแล้ว

"เรากับแป๋มเลิกกันแล้วนะ"

!!!!!!?????????