Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 391
Message ID: 92
#92, RE: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
Posted by sarawatta on 09-Apr-12 at 04:40 PM
In response to message #0
คิดๆ อยู่สองสามวัน ในที่สุดก็ตัดสินใจกว่า กลับมาเขียนต่อดีกว่า
พอได้กลับมาเขียน ก็รู้สึกว่า...ก็ยังอยากเขียน ก็ยังมีความสุขที่จะเขียน
ก็จะเขียนอย่างนี้ต่อไปจนกว่าจะจบครับ
ในอนาคตก็คงจะไปเขียนแบบอื่นๆ บ้าง แต่ก็ยังตอบไม่ได้ว่าจะเขียนแบบไหน
อาจจะดราม่ายิ่งกว่าเดิม อาจจะตลก อาจจะสบายๆ หรืออะไรก็ไม่รู้
แต่อยากเขียนในสิ่งที่คิดว่าพอจะให้สาระประโยชน์กับคนอ่านได้บ้าง ไม่มากก็น้อยครับ
ที่สำคัญ ต้องเป็นสิ่งที่เชื่อและอยากจะเขียนด้วยครับ

ตอนนี้จะให้พระเอกกับนายเอกได้หวานกันสักหน่อยนะครับ ก่อนจะเจอมรสุมลูกใหญ่

-----------------------------------------------------------------

ตอนที่ 27

"ทิว...ถ้า...ความรักของมึงกับบูมไม่สมหวัง มึงจะทำไงวะ" จู่ๆ ต้องก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมาขณะที่นั่งคุยกันอยู่หน้าบ้านหลังจากกลับมาจากข้างนอกด้วยกันแล้ว

ตั้งแต่เข้ามาในบ้าน ทิวผิดสังเกตว่าต้องดูมีอาการประหม่า ปกติต้องไม่ค่อยมีอาการแบบนี้ให้เขาเห็นบ่อยนัก

"อะไรวะ ไหนว่ามึงจะเล่าเรื่องแฟนให้กูฟังไง มาถามอะไรเนี่ย" ทิวพยายามพูดติดตลกพร้อมกับทวงถามเรื่องที่ต้องจะเล่าให้ฟัง เขารู้สึกอึดอัดที่จะคุยเรื่องนี้กับต้อง

"ก็กูอยากรู้เรื่องนี้ก่อน เรื่องแฟนมึงได้ฟังแน่ๆ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ตอบกูมาก่อน" ต้องทำเสียงเหมือนรำคาญ

ทิวมองหน้าเพื่อนด้วยสายตาไม่ค่อยเข้าใจนักว่าต้องจะมาคาดคั้นถามเขาเรื่องนี้ทำไม "ก็...คงเสียใจ"

"อันนั้นกูรู้แล้ว แต่หลังจากนั้นล่ะ มึงจะทำไง"

แล้วต้องจะอยากรู้ไปทำไมกัน... "ไม่รู้ว่ะต้อง มันยังไม่เกิดขึ้น...กูยังตอบอะไรตอนนี้ไม่ได้ แต่ถึงมันจะเป็นอย่างนั้น กูก็ดีใจที่เราได้พยายามทำอะไรบางอย่าง มันก็ดีกว่าที่เราจะไม่ทำอะไรแล้วบอกว่า...มันทำอะไรไม่ได้"

ดูเหมือนทิวก็พูดเหมือนที่บูมบอกเขาเมื่อวันนั้นเลยว่า "อย่างน้อยทิวก็จะไม่มีวันเสียใจว่ากูไม่เคยทำอะไรเพื่อความรักของกูกับทิวเลย"

"มึงสนุกหรือทิวที่ต้องอยู่ในสถานะที่ไม่ต่างจากมือที่สามแบบนี้ บูมมันกำลังจะหมั้นนะทิว"

ทิวรู้สึกอึดอัดมากขึ้นทุกทีที่ต้องยังไม่เลิกคุยเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าต้องก็สังเกตอาการนี้ของทิวได้ เขาจึงค่อยๆ ลดท่าทีแข็งกร้าวลง "ขอโทษ...กูก็ไม่ได้อยากกดดันมึงขนาดนั้นหรอก" ต้องหันหน้าไปทางอื่น ครุ่นคิดสักพักก็ตัดสินใจถามว่า "แล้วมึง...ไม่คิดจะรักใครคนอื่นบ้างเหรอ"

ทิวขมวดคิ้วด้วยความสงสัย "แล้วมึงจะให้กูรักใครวะ"

ต้องหันหน้ากลับมา เขามีอาการประหม่ามากขึ้น แต่ก็ต้องพยายามรวบรวมความกล้าทุกอย่างที่เขามีอยู่ในตอนนี้เพื่อที่จะบอกสิ่งที่เขาเก็บไว้ในใจมานานหลายปีให้ทิวรู้ "ก็กูไง"

"อะไรนะต้อง เมื่อกี้มึงพูดอะไร" ทิวถามเสียงเบาเหมือนกับไม่แน่ใจว่าฟังผิดหรือไม่

"กูชอบมึง ไอ้ทิว ได้ยินไหมว่ากูชอบมึง ชอบมาหลายปีแล้วด้วย" ต้องพูดเสียงสั่นเครือ เมื่อตัดสินใจพูดออกไปแล้วมันก็ช่วยให้ต้องรู้สึกโล่งใจมากขึ้น แม้ว่าตอนนี้จะรู้สึกตื่นเต้นและประหม่ามากก็ตาม ผลที่จะตามมาจะเป็นแบบไหนเขาก็พร้อมที่จะยอมรับมัน

ทิวได้แต่เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง เขาฟังไม่ผิดจริงๆ หรือนี่ ต้องชอบเขาจริงๆ ทำไมทิวไม่เคยเห็นต้องมีท่าทางที่ทำให้เขาระแวงสงสัยเรื่องนี้เลย คบกันมาตั้งเกือบ 20 ปี ทิวไม่คาดคิดมาก่อนว่าต้องจะชอบเขา

"กูรู้ว่ามึง...คงไม่อยากจะเชื่อ แต่มันเกิดขึ้นกับกูแล้วไอ้ทิว กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง"

"ต้อง..." ทิวเรียกเพื่อนด้วยเสียงแหบพร่า ใครบางคนคงกำลังเล่นตลกกับชีวิตของพวกเราอยู่ แต่คนที่สั่งให้เล่นก็คงลืมถามความสมัครใจของผู้เล่นว่าอยากจะเล่นเกมส์รักหลายเส้าแบบนี้หรือไม่

ต้องก็เงียบไปเช่นกัน เงียบไปนานเลยทีเดียวจนบรรยากาศเริ่มอึดอัด จนมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น บูมโทรมาหาทิวนั่นเอง ทิวหันไปมองต้องด้วยความลังเลใจ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจรับ

"ทิว...กลับมาหรือยัง" น้ำเสียงของบูมดูเป็นห่วงและมีลูกอ้อนอยู่ในที

"เพิ่งกลับมาถึงไม่นานนี้แหละ"

"เหรอ...เราไปหานายได้ไหม จะไปตอนนี้เลย คิดถึงทิว...ไม่ได้ไปนอนบ้านทิวหลายวันแล้ว ได้หรือเปล่า พรุ่งนี้เราจะได้ไปส่งนายที่มหาลัยไง"

น้ำเสียงอ้อนๆ นั้นทำให้ทิวใจอ่อนมานักต่อนักแล้ว แต่วันนี้เพิ่งมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน แถมต้องก็ยังนั่งอยู่ตรงนี้ ทิวก็เลยรู้สึกลำบากใจที่จะตอบตกลง

"เดี๋ยวเราโทรกลับได้ไหมบูม ตอนนี้ยังไม่ค่อยสะดวกคุยเท่าไร" ทิวบอกเสียงเบาพลางใช้มือป้องปากไว้

"เหรอ...โอเค... แล้วรีบโทรกลับมานะ เราจะรอ ดึกแค่ไหนเราก็จะรอ คิดถึงนะครับ"

พอวางสายไปแล้ว ทิวก็เจอกับสายตาของต้องที่ทำให้ทิวรู้สึกลำบากใจทีเดียว ต้องมันจะน้อยใจหรือเปล่านะที่เขากับบูมรักกันแบบนี้

"ทิว...กูก็แค่บอกให้มึงรู้ว่ากูคิดยังไง ถ้ามึงกับบูมยังรักกันอยู่กูก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก ไม่ต้องมากลัวว่ากูจะน้อยใจ" ดูเหมือนต้องจะรู้ทันเสียด้วยสิ แต่ต้องน้อยใจหรือเปล่าล่ะ... ก็เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ยิ่งรู้ว่าบูมโทรมาหาทิวเมื่อกี้นี้ มันก็ยิ่งตอกย้ำว่าเขาไม่มีพื้นที่ที่จะยืนแทรกระหว่างสองคนนี้ได้เลย ถึงจะเบียดเข้าไปได้แต่มันก็อึดอัดเสียจนสุดท้ายเขาก็ต้องเดินออกมาเอง

"กูกลับก่อนละกันนะ" ต้องพูดแล้วก็รีบลุกขึ้นเตรียมตัว ก่อนออกไปก็หันพูดดักไว้ว่า "ไม่ต้องไปส่งกูหรอก" ว่าแล้วก็เดินลิ่วเปิดประตูออกไปทันทีโดยไม่ฟังเสียงเรียกของทิว

ทิวได้แต่นั่งงง ตอนนี้ต้องคงควบคุมอารมณ์ที่แปรปรวนของตัวเองไม่ค่อยได้ เขาก็รู้สึกเห็นใจต้อง แต่...เขาก็คงจะตอบ

สนองสิ่งที่ต้องต้องการไม่ได้ ทิวถอนหายใจอย่างหนักใจ ถ้าต้องไม่ใช่เพื่อนที่เขาต้องรักษาน้ำใจ ทิวก็คงจะบอกไปแล้วว่าไม่ได้คิดอะไร แต่ด้วยความที่เป็นเพื่อนรักกันมานาน มันก็พูดยาก แล้วที่ต้องถามว่าเขาจะทำยังไงถ้าบูมกับเขาถึงทางตัน...ต้องหมายความว่าต้องจะรอเขาอย่างนั้นหรือ ดูเหมือนใครๆ ก็คิดว่าความรักของเขากับบูมคงไปได้ไม่ถึงไหน แต่ถึงมันจะเป็นอย่างนั้น ทิวก็ยังตอบไม่ได้อยู่ดีว่าเขาจะหันมามองต้องแบบนั้นหรือไม่ บางทีเพื่อนก็อาจจะเป็นแค่เพื่อนจริงๆ คงเป็นอย่างอื่นไม่ได้

-------------------------------------------------------------------------

เสียงรถมาจอดหน้าบ้านทิวก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร มาบ่อยเสียจนทิวจำเสียงเครื่องยนต์ได้แล้ว ตั้งแต่กลับมาหาทิวในวันนั้น บูมก็ไปมาหาสู่ที่นี่เป็นประจำ ชีวิตที่ไม่เหลือใครของทิวทำให้บูมค่อนข้างเป็นกังวลว่าทิวจะเหงาหรือคิดมาก เขาจึงพยายามมาหาและใช้เวลาอยู่กับทิวเท่าที่จะเป็นไปได้

ทิวเปิดประตูบ้านต้อนรับคนที่มาถึงด้วยรอยยิ้มดีใจ บูมโอบไหล่เขาไว้แล้วก็พาเดินเข้ามาในบ้าน

"มาดึกๆ แบบนี้ที่บ้านเขาจะไม่สงสัยเอาเหรอบูม"

"ไม่รู้เหมือนกัน แต่เราคิดถึงนาย...ยังไงก็ต้องมา"

"ทีหลังถ้ามันดึกมากไม่ต้องมาก็ได้ เราอยู่คนเดียวได้ ไม่เป็นไรหรอก เราก็อยู่แบบนี้มาตั้งหลายปี ชินแล้วล่ะ นายจะได้พักผ่อน เก็บแรงไว้ทำงาน ทำประโยชน์ให้สังคม"

บูมหยุด จับไหล่สองข้างของทิวให้หันมามองหน้า "เรารู้ แต่คนมันคิดถึงนี่นา ช่วงนี้ทำงานเยอะ ไม่ค่อยได้มาหา ก็ตอนเย็นว่าจะมาหาแล้วก็ไม่ได้มา" น้ำเสียงในตอนท้ายแฝงความน้อยใจไว้ในที

ทิวได้แต่ยิ้ม ตอนสมัยเรียนเขาไม่ค่อยเห็นภาพบูมเป็นคนขี้อ้อนหรือมีรอยยิ้มที่สดใสมากนัก บูมดูหน้าตาถมึงทึงแทบตลอดเวลา ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้บูมจะกลายเป็นคนขี้อ้อนได้ด้วย แต่ทิวก็ชอบเหมือนกันที่บูมเปลี่ยนไปแบบนี้

"ต้องกลับไปแล้วเหรอ" บูมถามเมื่อนึกขึ้นได้

ทิวเปลี่ยนจากสีหน้ายิ้มๆ เป็นเคร่งขรึมเล็กน้อย "กลับไปแล้ว"

ตอนนี้พอพูดถึงต้อง ทิวรู้สึกตะขิดตะขวงใจชอบกล เขาทำตัวไม่ถูกจริงๆ ที่รู้ว่าต้องแอบชอบเขามานานแล้ว บูมจะรู้เรื่องนี้หรือยังหนอ... หรือเขาควรจะบอกบูมดีไหม... แต่ก็กลัวบูมหวาดระแวงเพราะต้องกับเขาเป็นเพื่อนสนิทกัน เจอกันบ่อย กลัวบูมจะคิดมาก

"ไปเที่ยวกับต้องสนุกไหม" ถามพลางยิ้ม

ทิวพยักหน้า "ก็...สนุกดี ต้องมันเห่อรถใหม่น่าดู ขับพาเราไปนั่นไปนี่จนจำไม่ได้แล้วว่าไปตรงไหนมาบ้าง แล้วก็ไปกินข้าว เพิ่งกลับมาถึงไม่นานนี้เอง"

ได้ฟังแล้วบูมก็รู้สึกหึงๆ อยู่บ้าง แต่เขาก็ไว้ใจทิว การที่ทิวอดทนรอเขามาได้จนสี่ปีกว่าก็คงจะเพียงพอที่จะพิสูจน์ความมั่นคงของทิวได้เป็นอย่างดี

"กินอะไรมาหรือยัง" ทิวถามเมื่อนึกได้

"กินแล้ว...นายหิวอีกเหรอ"

"ไม่ไหวแล้ว ให้กินอีกก็คงอ้วก ต้องมันเล่นเลี้ยงเราซะจุกเลย" ทิวบอกพลางขำ

"ต้องนี่ก็เป็นเพื่อนทีดีเหมือนกันนะ ถ้าตอนนั้นไม่มีต้อง นายก็คงแย่เนาะ"

ทิวรู้สึกสะดุดใจจนต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แต่ทิวก็ยิ้มแล้วตอบไปว่า "อืม...ถ้าใครถามเราว่าเพื่อนที่ดีที่สุดของเราคือใคร เราก็คงตอบว่าเป็นต้องอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าไม่มีต้อง...เราก็คงแย่อย่างที่นายว่า"

บูมเขยิบเดินไปทางด้านหลังของทิว แล้วก็กอดทิวทางด้านหลังไว้ "แล้วเราล่ะ มีอะไรเป็นที่สุดหรือเปล่า"

"เป็นคนขี้อิจฉาที่สุดไง" ทิวล้อแล้วก็หัวเราะชอบใจ

"โห...นายอะ...เอาดีๆ หน่อยสิ" บูมแกล้งทำหน้ากระเง้ากระงอด

"ก็...เป็นคนที่เรารักที่สุดตอนนี้ไง" ทิวพูดเอาใจ

บูมกอดกระชับทิวแน่นขึ้น ยิ้มด้วยความพอใจ แต่สักพักก็ทำจมูกฟุดฟิดๆ "หืม...เราว่านายไปอาบน้ำก่อนดีกว่า ตัวเหม็นแล้ว"

แล้วก็ขำด้วยกันทั้งคู่

-------------------------------------------------------------------

บูมไม่รู้ว่าความลับของเขากับทิวจะถึงหูพ่อกับแม่ของเขาตอนไหน ชีวิตในตอนนี้จึงดูน่าหวาดหวั่นยิ่งนัก แต่ก่อนที่มันจะเกิดเรื่องใหญ่โต เขาอยากจะใช้เวลาตอนนี้กับทิวให้คุ้มค่าที่สุด บูมกระชับอ้อมแขนข้างหนึ่งของเขาเพื่อให้ทิวซบอยู่บนหน้าอกของตัวเอง สายตาของเขาที่มองดูทิวเต็มเปี่ยมไปด้วยความเสน่หา เขาดีใจที่ช่วยทำให้ชีวิตที่อ้างว้างของทิวอบอุ่นขึ้น และมันก็เป็นเหมือนเงื่อนไขที่ทำให้บูมต้องต่อสู้เพื่อให้เขากับทิวได้อยู่ด้วยกันแบบนี้

"นายคิดถึงแม่ไหมทิว"

"คิดถึงสิ คิดถึงทุกวันเลย"

"ไว้วันไหนว่างๆ เราไปทำบุญที่วัดให้แม่กันไหม"

"ได้สิ ก็ดีเหมือนกัน ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้ไปทำบุญให้แม่เลย"

บูมลูบไล้ไปตามเนื้อตัวทิวเบาๆ อย่างสบายอารมณ์ แต่ในใจก็อดหวาดหวั่นไม่ได้ว่าเขาจะมีโอกาสทำแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน

"ชีวิตนายเป็นไงบ้างทิว รู้สึกเหงา อ้างว้างโดดเดี่ยวอยู่หรือเปล่า เงินทองไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม มีอะไรลำบากหรือเปล่า"

"ตอนนี้เหรอ...ก็โอเคนะ จริงๆ การที่ไม่มีญาติพี่น้องคนไหนเหลืออยู่เลยมันก็เหงานะ แต่พอ...นายกลับมา เราก็รู้สึกอย่างนั้นน้อยลง"

"เราดีใจนะที่ได้ยินอย่างนั้น ว่าแต่ว่า...นายเคยอยากเจอหน้าพ่อของนายบ้างไหม"

"ไม่หรอก...เขาจากไปนานจนเราไม่รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่เราต้องนึกถึง ไม่มีเขาเราก็อยู่ได้"

"อืม...ดีแล้วทิว นายไม่ต้องกังวลหรอก ถ้านายเหงา ถ้านายขาดความอบอุ่น เราจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้นายเอง"

ทิวเงยหน้ามองบูมแล้วก็ยิ้มด้วยความรู้สึกขอบคุณ ขอบคุณที่ฟ้าได้นำพาและลิขิตให้เขาได้มาเจอผู้ชายคนนี้ แม้จะไม่รู้ว่าความรักที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นสิ่งที่ฟ้าตั้งใจหรือไม่ แต่เขาก็พอใจกับสิ่งที่ได้รับแม้ว่าวันหนึ่งเขาอาจจะต้องสูญเสียสิ่งนี้ไป

"ต่อไปนี้นะ ไม่ว่านายจะไปไหนหรือลำบากอะไร นายบอกเรานะ เรายินดีทำให้ทุกอย่างที่เราทำได้"

ทิวพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย

"ทิว..." บูมเรียกเสียงเบา

"หืม..."

"เราคงต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วนะ เราคิดว่า...อีกไม่นานนี้...คงจะต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น"

ได้ยินแล้วก็อดที่จะใจหายไม่ได้ ถ้าบูมไม่เตือนขึ้นมาทิวก็อาจจะมัวแต่หลงระเริงไปกับความสุขจนลืมที่จะคิดถึงความจริง
บูมถอนหายใจแล้วก็ถามสืบไปว่า "ถ้าเราหนีไป นายจะไปกับเราไหม"

"ไปสิ" ทิวตอบโดยไม่ลังเล

"แล้วถ้าหาก...เราจะต้อง...จะต้อง...จะต้องตาย นายจะอยู่คนเดียวได้ไหม"

บูมพูดเรื่องนี้อีกแล้ว บูมคิดอะไรอยู่ถึงได้พูดเรื่องนี้บ่อยๆ จนทำให้ทิวรู้สึกถึงความไม่ธรรมดาของมัน ทิวลุกขึ้นนั่ง มองหน้าบูมแล้วก็ตอบไปว่า "ถ้าตาย...ก็ต้องตายด้วยกัน"

บูมลุกขึ้นนั่งบ้าง เขาถอนหายใจแล้วก็กอดทิวไว้ "เราจะพยายามไม่ให้มันไปถึงขนาดนั้นหรอก เราแค่ไม่แน่ใจว่าสุดท้ายแล้วเรื่องมันจะไปลงเอยตรงไหนก็เลยถามเผื่อไว้ แต่ที่แน่ๆ เราจะไม่ยอมถูกบังคับให้แต่งงานเป็นอันขาด แต่นายต้องอดทนนะทิว ไม่ว่ามันจะบีบคั้นกดดันขนาดไหน แต่ถ้านายกลัวหรือไม่มั่นใจ ก็ขอให้บอกเราตั้งแต่ตอนนี้"

ถ้าจะบอกว่าทิวไม่รู้สึกกลัวเลยนั้นก็ดูจะผิดความเป็นมนุษย์ไปหน่อย ตอนอยู่ที่สำนักงานบางทีเขาก็รู้สึกอัดอัดและไม่สบายใจเพราะอดคิดไม่ได้ว่าเขากำลังจะแอบทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นของคนรักของเขา ไม่ว่าใครจะมาก่อนมาหลัง แต่แพรวก็คือคู่หมั้นของบูมในตอนนี้ แล้วเขาจะตอบบูมว่ายังไงดี...

"นอนดีกว่าทิว ขอโทษด้วยที่เราชวนคุยเรื่องเครียดๆ ตอนก่อนนอน" บูมเอ่ยขึ้นเมื่อนึกได้ จริงๆ เขาก็ไม่ควรกดดันทิวมากเกินไป อย่าให้ทิวต้องสัญญาเลยดีกว่า บางทีอะไรหลายๆ อย่างก็ขึ้นอยู่ที่การตัดสินใจและความเข้มแข็งของเขา ทิวไม่ควรจะต้องแบกรับภาระความกดดันนี้มากเกินไป

บูมล้มตัวลงนอนก่อนแล้วก็ค่อยๆ ดึงทิวให้นอนตามลงไปด้วย ทิวยอมตามอย่างว่าง่าย บูมรอจนคิดว่าบรรยากาศเริ่มผ่อนคลายแล้วจึงแกล้งหยอกว่า

"คืนนี้...เราขอนอนกอดนายแบบนี้ละกันนะ คงไม่ทำอะไรมากกว่านี้"

"ก็ตามใจสิ เราไม่ได้ว่าอะไรเสียหน่อย ไม่ได้บ้ากามเหมือนใครบางคน" เมื่อหยอกมา ทิวก็หยอกไปบ้าง

"นายว่าใครบ้ากาม ว่าเราหรือเปล่า"

"เปล่านี่...ถ้านายไม่ได้เป็นแบบนั้นก็ไม่เห็นต้องเดือดร้อนนี่นา"

"แต่สงสัยเราจะเดือดร้อนแล้วล่ะ เพราะเราเป็นคนบ้ากาม"

พูดจบบูมก็พลิกตัวขึ้นมาอยู่ข้างบนตัวทิวทันที เล่นเอาทิวตั้งตัวแทบไม่ทันแต่ก็หัวเราะกิ๊กด้วยความชอบใจ

"ถอดเสื้อให้ผมหน่อยสิครับ...ที่รัก"

สายตายิ้มกรุ้มกริ่มของบูมนั้นทำให้ทิวอดเขินอายไม่ได้ เลือดในกายแล่นพล่านปลุกพลังความต้องการให้ตื่นขึ้นอย่างทันทีทันใด ทิวทำตามอย่างว่าง่าย ค่อยๆ ใช้สองมือดึงชายเสื้อกล้ามของบูมขึ้นแล้วถอดออก

"เอาไปซักให้ด้วยนะ ผมจะนอนละ" บูมทำหน้าตายแล้วก็กลับมานอนตามเดิม แอบสะใจเล็กๆ ที่ได้แกล้งทิวให้เสียรู้

"บ้า นายนี่" ทิวว่าแล้วก็ใช้มือหมายจะทุบให้สะใจ ให้สมกับที่ทำให้เขาเสียรู้ แต่บูมก็จับไว้ได้ทั้งสองมือ ต่างคนก็ต่างหัวเราะ

แต่เมื่อปลุกความต้องการกันถึงขนาดนี้แล้ว จะนอนเฉยๆ โดยไม่ได้ทำอะไรก็คงจะยาก คืนนี้ก็คงเป็นอีกคืนที่บูมได้ป้อนความสุขทางกายและใจให้กับทิวจนแทบล้นทะลักอีกเช่นเคย

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

ในที่สุดวันเปิดตัวโครงการก็มาถึง บูมกับเพื่อนๆ มาถึงโรงแรมที่จะจัดงานตั้งแต่เช้าตรู่ เอิร์ธกับวิทวุ่นวายกับการจัดและตกแต่งเวทีและคอมพิวเตอร์ ทิววุ่นวายกับการประสานงานกับโรงแรมและแขกที่จะมาในงาน ส่วนบูมก็คอยดูความเรียบร้อยต่างๆ บางทีก็มาช่วยจัดโต๊ะจัดเวทีด้วย บางทีก็ช่วยทิวประสานงานกับโรงแรม

ช่วงเที่ยงหลังจากพักกินข้าวกันแล้วทุกคนก็กลับมาเตรียมงานกันต่อ แต่ก็ไม่ค่อยมีอะไรมากนักเพราะได้เตรียมไว้เรียบร้อยเกือบหมดตั้งแต่เช้าแล้ว พี่บีม แอนเดอร์สันและลีน่ามาถึงแล้วในเวลาไล่เลี่ยกัน ส่วนแพรวคงจะมาถึงอีกสักพักเพราะเธอเพิ่งโทรมาบอกบูมว่าเพิ่งทำผมเสร็จ

"มาถ่ายรูปด้วยกันหน่อยไหม"

เสียงพี่บีมดังขึ้น ทำให้บูมซึ่งกำลังช่วยติวให้ทิวนำเสนอพรีเซนเทชั่นหยุดและหันมามองหาเจ้าของเสียง

"อ้าว พี่บีม เมื่อกี้พี่บีมว่าอะไรนะครับ"

"บูมกับทิวมาถ่ายรูปกันหน่อยไหม เดี๋ยวพี่ถ่ายให้ เร็ว... เดี๋ยวแขกมาจะไม่มีเวลาถ่าย" บีมบอกซ้ำอีกครั้ง เห็นบูมกับทิวอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขแล้วเขาก็รู้สึกดีไปด้วย

"ตรงไหนดีครับ" บูมถาม

"ตรงนั้นดีกว่า" บีมชี้ไปตรงมุมหนึ่งของห้องซึ่งมีภาพวาดธรรมชาติติดไว้

บูมกับทิวเดินไปด้วยกันแล้วก็่ตั้งท่าถ่ายรูป บีมถ่ายไปได้สองสามรูปแล้วก็ยังไม่ค่อยถูกใจ

"เอางี้ดีกว่า ท่าพวกนี้มันดูธรรมดาไป ทำยังไงก็ได้ให้คนเขารู้ว่าเราสองคนน่ะ...เป็นแฟนกัน" บีมยิ้มทีเล่นทีจริง

ทิวดูตกใจมากทีเดียวที่ได้ยินแบบนั้น เขาหันมามองหน้าบูมก็ดูเหมือนบูมจะอึ้งๆ ไปเหมือนกัน ดีนะที่คนอื่นๆ ไม่ได้หันมาสนใจ ไม่งั้นก็คงได้ยินไปแล้ว

"ให้ทำยังไงล่ะครับ" บูมถามด้วยน้ำเสียงอายๆ

บีมกวักมือเรียกให้น้องชายมาหาแล้วก็กระซิบว่า "อย่ามัวแต่ชักช้า พี่รู้นะว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ กล้าๆ หน่อย เอางี้ละกัน กอดทิวก็ได้ ผู้ชายกอดกันไม่น่าเกลียดหรอก"

เอาล่ะสิ บูมนึกในใจ แต่ก็ดีเหมือนกัน เขาคิดไม่ผิดเลยที่ยอมเปิดเผยเรื่องนี้กับพี่ชาย เขาเดินกลับมาหาทิวแล้วก็เขยิบไปข้างหลังทิวเล็กน้อย แล้วก็ตัดสินใจกอดทิวไว้จากทางด้านหลัง

"อ้าว ยิ้มหน่อยครับ" พี่บีมส่งเสียงให้สัญญาณ

"ยิ้มสิทิว" บูมบอกเบาๆ เมื่อเห็นทิวทำท่าอึ้งๆ อยู่ แต่สุดท้ายก็ยอมยิ้มอย่างงงๆ แล้วบีมก็กดชัตเตอร์

"อีกภาพนะ กันเหนียว" พี่บีมบอกแล้วก็ยกกล้องขึ้นมาถ่ายอีก เสียงพูดของพี่บีมทำให้คนอื่นๆ หันมามองทิวกับบูมด้วยความสนใจทันที ดูเหมือนว่าแต่ละคนที่ได้เห็นก็มีอาการไม่ต่างกันคือ ขมวดคิ้ว สงสัยและไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของคนสองคนนี้ แต่บางคนก็เริ่มคิดไปในทางที่บูมอยากจะให้คิดแล้วล่ะ

"บูมคะ แพรวมาแล้วค่ะ ขอโทษทีที่มา...." พอแพรวเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น กระเป๋าที่เธอถือไว้ในมือก็หล่นหลุดมือลงไป

"บูม!!!!!" นี่มันอะไรกัน แพรวไม่เคยเห็นเพื่อนกันที่ไหนเขาถ่ายรูปด้วยการกอดกันแบบนี้เลย นี่ตกลงบูมกับทิวเป็นอะไรกันแน่!!!!!