พูดพร้อมกับสืบเท้าเข้าหา ส่วนพันไมล์ยังคงปักหลักอยู่กับที่ ลังเลไม่แน่ใจว่าจะหนีไปทางซ้ายหรือขวาดี รู้ว่าถ้าสู้กันจริงๆ ตัวเองไม่มีทางเอาชนะโจรหนุ่มได้เลย แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่อยากเป็นเหยื่อบำเรอกาม ปล่อยให้โจรหื่นล่วงเกินเขาได้ตามอำเภอใจ อย่างน้อยก็ต้องต่อสู้เพื่อตัวเอง ถ้าแสนก้าวจะได้ร่างกายเขาไป ก็ต้องเป็นตอนที่เขาหมดสติไปแล้วเท่านั้น จะได้ไม่ต้องรับรู้ความเจ็บปวดที่ถูกยัดเยียดให้“คงจะหมายถึงตัวแกและคู่ขาของแกสิท่า ก็น่าจะเหมาะกันดี ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ เพราะเลวทั้งคู่
พันไมล์โต้ตอบไม่ลดละ หัวสมองก็พยายามครุ่นคิดหาวิธีช่วยเหลือตัวเอง ทว่าคนที่ไม่เคยประสบกับสถานการณ์คับขันอย่างนี้มาก่อน จะให้คิดหนทางเอาตัวรอดก็ไม่ใช่เรื่องที่จะคิดกันง่ายๆ
“จะพูดถึงคนอื่นทำไมล่ะจ๊ะ ทูนหัว ในห้องนี้มีแค่เราสองคน ก็พูดเรื่องเราสองคนเถอะ มามะ มาให้ฉันปล้ำซะดีๆ....”
คนพูดขยับเข้ามาใกล้อีก คราวนี้พันไมล์ไม่ยืนปักหลักอีกต่อไป หากแต่ถอยไปอีกด้าน เตรียมหนี
“ไม่พ้นหรอก อย่าหนีเลยดีกว่า แล้วอย่าคิดสู้ เมื่อกี้ก็ขู่จะเผาบ้านฉันทีแล้ว ฉันยังไม่ได้จัดการเลยนะ”
น้ำเสียงข่มขู่เต็มที่
“อยู่ให้โง่นะสิ”
พูดจบ หนุ่มหน้าสวยก็เลิกตั้งการ์ด กระโจนลงจากเตียง แล้ววิ่งหนีเอาดื้อๆ โจรหนุ่มหัวเราะก๊ากด้วยความขำ สายตามองตามคนที่วิ่งหนีไปที่ประตูห้องและพยายามจะเปิดมันออก แต่เนื่องจากแสนก้าวให้ช่างทำกลอนประตูใหม่ไว้หลายตัวเพื่อกันคนหนี ทำให้พันไมล์เสียเวลาในการที่จะเปิดประตูอยู่หลายนาที
“จะไปไหน”
ยังไม่ทันปลดล็อคกลอนได้หมดทุกอัน โจรหนุ่มก็ก้าวถึงตัว ร่างเล็กถูกกระชากอย่างแรงจนเซมาประทะอกกว้าง
“เฮ้ย ปล่อยฉันนะโว้ย”
พันไมล์ดิ้นหนีไม่ยอมให้โจรหนุ่มแตะเนื้อต้องตัวโดยง่าย หมัดซ้ายขวาเหวี่ยงสะเปะสะปะแบบมวยวัดมุ่งทำร้ายคนที่บังอาจแตะต้องตัวเขา จากการคลุกวงในใกล้ชิดทำให้โจรหนุ่มโดนต่อยเข้าไปหลายหมัด เฉียดบ้าง ถากบ้าง เจอเต็มๆบ้าง เล่นเอามึนไปได้เหมือนกัน
“ฤทธิ์มากนักนะ”
คนถูกทำร้ายคำรามลั่นก่อนจะตัดสินใจกางแขนออกแล้วรวบตัวนักมวยสมัครเล่นเอาไว้ในวงแขนแล้วล็อคเอาไว้ จากนั้นก็ลากพันไมล์ถูลู่ถูกังไปยังเตียงนอน โดยที่คนตัวเล็กพยายามออกแรงต้าน เตะถีบไปพัลวัน
“ปล่อยนะไอ้บ้า ไอ้โจรชั่ว”
ปากสวยๆเปล่งเสียงด่าลั่น แต่ก็หาได้หยุดยั้งโจรหนุ่มไม่ เขาลากพันไมล์ไปจนถึงเตียง จากนั้นก็ผลักลงไปนอน และกระโจนขึ้นไปคร่อมทับทันที
กำปั้นถูกระดมเข้าใส่ลำตัวแสนก้าวไม่ยั้งยามที่เขาโน้มตัวลงมาจะลวนลาม เข่าศอกกระทุ้งตามลำตัวและสีข้าง พันไมล์รวบรวมพละกำลังทั้งหมดที่มีต่อสู้ดิ้นรนเต็มที่เพื่อให้รอดจากการถูกข่มขืน แต่คนที่ไม่ได้ฝีกร่างกายเพื่อต่อสู้กับคนอื่นอย่างพันไมล์มีหรือจะต้านแรงของคนที่เชี่ยวชาญในเรื่องการชกต่อยกับคนอื่น หลังจากที่ผลักไสดิ้นรนชกต่อยคนที่คร่อมอยู่ด้านบน สักพักพันไมล์ก็อ่อนแรงถูกจับกดติดเตียงดิ้นหนีไม่ได้
“รู้ว่าหนีไม่พ้น แล้วจะยังดิ้นรนหาเรื่องเจ็บตัวทำไม”
โจรหนุ่มตะคอกใส่เสียงดัง พันไมล์ดิ้นอึกอัก แม้จะไม่เห็นทางรอด แต่ก็ไม่ยอมถูกข่มขืนง่ายๆ
“หรือว่าเป็นพวกแมสโซคิส ต้องเจ็บตัวถึงจะมีความสุข”
คนตัวโตกว่าทำเสียงหยามหยัน ก่อนจะก้มหน้าลงมาซุกไซร้ซอกคอขาวๆ หนุ่มหน้าหวาน พันไมล์พยายามจะยกสองมือขึ้นผลักหน้าคนที่กำลังรังแกตัวเอง หากแต่ไหล่ทั้งสองถูกกดด้วยมือแข็งแรงของโจรหนุ่มทำให้ดิ้นไปไหนไม่ได้ ถูกปากจมูกระดมจูบซุกไซร้ไร้ทางป้องกัน
ใจหวนนึกถึงส้อม กับมีด ที่ซุกไว้ใต้หมอนซึ่งหนุ่มหน้าหวานเตรียมเอาไว้ใช้เป็นอาวุธสำหรับการต่อสู้หากโดนย่ำยี ทว่าสภาพที่ถูกกดทับจนไม่สามารถขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวร่างกายได้ทำให้ไม่สามารถนำอาวุธออกมาใช้ได้
คนตัวเล็กพยายามใช้สมองคิดหาวิธีการหลีกหนีจากการถูกข่มขืนอีกครั้ง ความกักขฬะหยาบคาย ถ้อยคำดูหมิ่นเหยียดหยามที่ได้รับจากครั้งก่อนเตือนใจให้เขาพยายามต่อสู้เพื่อไม่ให้ถูกรังแกโดยง่าย
แต่ยิ่งพยายามต้านเท่าไหร่ คนที่รุกไล่รังแกก็ยิ่งเพิ่มแรงในการรุกรานมากยิ่งขึ้นเท่านั้น สุดท้ายไม้ซีกก็ไม่อาจงัดไม้ซุงได้ ร่างกายบอบบางถูกบดขยี้ย่ำยีด้วยร่างหนาหนักของโจรใจร้าย
ทว่าในความเร่าร้อนรุนแรงก็แฝงด้วยความอ่อนโยน ตอนแรกแสนก้าวตั้งใจจะลงทัณฑ์หนุ่มหน้าหวานให้สาสมกับความผิดที่คิดจะเผากระท่อมย่างสดเขา ทว่าหลังจากแนบชิดเคล้าคลึงร่างน้อยที่สั่นระริกด้วยความกลัวที่จะถูกข่มขืน ทำให้เขาลดความดุดันลงและนุ่มนวลมากขึ้น