Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 416
Message ID: 106
#106, RE: Reasoning (เหตุผลหรือความรัก)
Posted by ไอ้ต้า on 04-Jun-12 at 11:53 AM
In response to message #105
ห้องใหม่ สิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมลืมสิ่งที่ผ่านมา อดีตที่แสนสุขปนเศร้า ตอนนี้เหลือเพียงพวกกุญแจที่จะเป็นเพื่อนคอยรับฟังสิ่งต่าง ๆ ภายในใจผมได้ ผมใช้ชีวิตเหงา ๆ อยู่แบบนี้สักระยะแล้ว ไอ้นุเองก็เพิ่งได้เบอร์ใหม่ผมไปไม่นาน เพราะว่าเรายังคงเจอกันที่มหาวิทยาลัย ผมรู้นะว่านุห่วงใยผม ห่วงใยในฐานะเพื่อนที่ดีมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าครั้งหนึ่ง ความสัมพันธ์ของเราเรียกได้ว่ายำ่แย่ที่สุด แต่ตอนนี้ความรู้สึกแย่ ๆ กับเพื่อนคนนี้มันเลือนลางไปมากแล้วครับ ผมจึงตัดสินใจให้เบอร์ใหม่นี้เนื่องจากว่า มันถามผมว่าทำไมไม่สามารถติดต่อกับผมได้เลย ผมจึงได้ให้เบอร์ไป โดยที่บอกเหตุผลไปว่า ผมเปลี่ยนโปรโมชั่น เพราะว่าระบบเติมเงินแบบเก่า แพงจนผมไม่อยากใช้แล้ว นั่นคือเหตุผลที่ดีพอและเชื่อว่ามันคงจะไม่ถามอะไรไปมากกว่านี้ ผมไม่อยากคิด ไม่อยากตอบอะไรอีกแล้ว ผมคนที่เคยร่าเริง ตอนนี้เปลี่ยนไปราวกับคนละคน วัน ๆ ผมแทบไม่อยากจะหัวเราะ ก็คงมีบ้างแหละครับ ที่จะหัวเราะให้กับเรื่องบางเรื่อง แต่กับอีกหลาย ๆ เรื่องที่ผมก็ไม่รู้ว่าทำไม ตัวเองถึงไม่สามารถสนุกไปกับความขบขันเหล่านั้น

วันแล้ววันเล่ากับชีวิตไร้ชีวาแบบนี้ผ่านเลยไป ปิดเทอมคราวนี้ผมมีโอกาสไปทำงานพิเศษครับ เพราะว่าคิดว่าอยู่บ้านแล้วมันคงไม่มีความหมายอะไร แต่งานพิเศษนี้เป็นงานอู่รถของลุงที่ต่างจังหวัดครับ เพราะผมถามพ่อว่าพอจะมีงานอะไรให้ผมทำไหม พ่อก็ลองถามลุงที่เป็นเจ้าของอู่รถครับ ผมก็ได้งาน ผมจำเป็นต้องเก็บห้องไว้ ก็เลยจ่ายค่าเช่าเอาไว้ เพราะไปทำงานในช่วงแค่ปิดเทอมเท่านั้น

ผมไม่เคยทำงานหนักอะไรแบบนี้มาก่อน ลุงผมไม่ได้เห็นผมเป็นหลาน ท่านให้ผมทำงานเปรียบเหมือนลูกจ้างคนอื่นจริง ๆ ซึ่งอันนี้ผมไม่ได้โกรธอะไร วัน ๆ ผมก็มอมแมมไปตามประสา คอยหยิบจับอุปกรณ์ให้กับช่าง เตรียมเครื่องมือไว้ อะไรทำนองนี้ ในที่ทำงานมีคนหนึ่งชื่อพี่รุ่ง พี่รุ่งเป็นช่างเคาะ ที่ผมพูดถึงเขาเพราะว่าพี่เขาเป็นคนมีน้ำใจ มักจะถามสารทุกข์สุกดิบผมเสมอ เวลาเราทำงานด้วยกัน เพราะผมก็ต้องช่วยพี่รุ่งเขาด้วย พี่รุ่งอายุ 31 แล้ว อายุแก่กว่าผมเกือบสิบปี ผมทำงานกับพี่รุ่งมาได้เดือนครึ่งแล้ว เราก็สนิทกันพอสมควร หลาย ๆ ครั้งที่เราไปเดินเล่นในตัวเมืองด้วยกัน แต่ผมไม่ได้คิดอะไรกับพี่รุ่งหรอกนะ และผมเชื่อว่าพี่รุ่งเองก็คงคิดกับผมแค่น้องเช่นเดียวกัน (ทุกวันนี้ยังคลุมเคลือ)

“ไอ้ต้า วันนี้พี่จะไปตัวเมืองหน่อยว่ะ เอ็งจะไปป่ะ” พี่รุ่งชวน
“ไปทำไมวะพี่ พี่เพิ่งไปมาสองวันก่อนเองนะ” ผมถาม
“ก็น้าเปี๊ยก (ลุงผม) แกให้เอาของไปเปลี่ยนให้แกในเมืองหน่อย”
“ไม่ไปหรอกพี่ ต้องช่วยลุง เด๋ียวลุงหาว่าอู้อีก” ผมบอก
“เห้ยย ไปเป็นเพื่อนพี่หน่อย เดี๋ยวบอกน้าเปี๊ยกให้”
ว่าแล้วพี่รุ่งแกก็ตะโกนไปถามลุงผมว่า จะให้ผมไปเป็นเพื่อน โดยบอกเหตุผลว่า ไอ้ต้ามันจะได้รู้จักร้าน คราวหน้าผมจะได้ไปแทน โดยที่พี่รุ่งจะได้ทำงานที่อู่
ผมคิดในใจ “แสบจริง ๆ หาเหตุผลมาจนได้”
“เออ ต้า เอ็งไปกับพี่รุ่งเขาละกัน เรียนรู้จากเขาให้มาก ๆ” ลุงผมตะโกนมา
“ครับ” ผมก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ ล้างมือ แล้วก็เตรียมตัวออกไป
ผมถามพี่รุ่งว่า “ไปยัง”
“ไปดิ” แล้วพี่รุ่งก็หยิบกุญแจรถไปเอารถเบนซ์ที่มาซ่อมสี ถึงแม้ว่ามันไม่ใช่รถรุ่นเดียวกับคน ๆ นั้น ผมก็สะอึก ผมเห็นรถเบนซ์คันนี้แบบมองผ่าน ๆ ไป เพราะไม่ได้สนใจ แต่วันนี้มันถูกขับออกมาและผมกำลังจะต้องเข้าไปนั่ง ผมก็ยืนอึ้ง ๆ ค้าง ๆ
“เอ้า จะไปป่ะไอ้ต้า เอ้อ นานละนะ” พี่รุ่งพูด
ผมก็เข้ามานั่งในรถ ถึงภายนอกและภายในมันจะเก่ากว่า แต่ผมรู้สึกเหมือนกำลังนั่งรถของเค้าอยู่เลย ผมคุ้นเคยกับเบนซ์ C-class คันนั้น หน้าอกผมเร่ิมแน่น หลังจากเข้าไปนั่งได้ไม่นาน ผมเงียบอยู่นาน จน พี่รุ่งแกทักผม
“ต้า เอ็งเป็นอะไรวะ เห็นเงียบ ๆ อึ้งๆ ไปเลย รถคันนี้เจ้าของยังไม่ตายนะเว้ย อ่อ อ่อ เอ็งคงไม่เคยนั่งรถเบนซ์สินะ แต่พวกพี่น่ะ ขับกันจนเบื่อไปเลย 5555”
ผมไม่ได้ขำด้วยเลย ผมยังคงเงียบ เนื่องจากอาการจุกอกของผมกำเริบ
“เห้อ พี่ถามจริง ๆ เหอะ เอ็งเป็นอะไรป่ะวะ พ่ีอยู่กะเอ็งมาตั้งนาน ไม่ค่อยเห็นเอ็งหัวเราะเลย”
“อ่อ พี่ ผมไม่เป็นไรหรอก พอดีเคยมีเพื่อนที่มหาลัยขับรถยี่ห้อนี้ แล้วผมไม่ได้นั่งนานแล้ว ก็เลยนึกถึงน่ะ แค่นั้นเอง”
“เอ็ง ทำเหมือนกับคนอกหักอย่างนั้นแหละ ถึงพี่จะเรียนมาน้อย แต่ประสบการณ์ก็โชกโชนนะเว้ย” พี่รุ่งคุย
“เหรอ แล้วทำไมไม่มีเมียซะทีล่ะพี่ สามสิบกว่าแล้ว”
“ไม่ใช่ไม่มีนะเว้ย แค่ยังไม่เจอคนถูกใจ อีกอย่างนะ ใครจะเอาพี่วะ หาเช้ากินค่ำ ไม่ได้เรียนสูง ๆ อย่างเอ็ง”
“โอย พี่ ไม่ได้เกี่ยวกับเรียนสูงเลย เห็นผมเรียนสูงป่ะ ยังมาเป็นลูกมือพี่เลย จริงมะ”
“5555 จริงของเอ็งว่ะ” พี่รุ่งขำ
หลังจากเราเปลี่ยนของร้านนั้นเสร็จแล้ว พี่รุ่งก็บอกให้ผมจำทางเองไว้ เผื่อวันหลังจะได้มาเปลี่ยนเอง
“ไหน ๆ ก็ออกมาแล้ว อู้แปปนึงดีกว่า”
“ไปไหนล่ะพี่ เด๋ียวก็โดนด่ากันหมดหรอก”
“ขอไปกินราดหน้าร้านอร่อยของข้าหน่อยเถอะวะ เข้าเมืองมาทีไร ต้องกินทุกที”
ผมสะอึกกับเมนูอาหารที่พี่รุ่งพูดถึง “ราดหน้าร้านอร่อย” ผมรู้สึกเหมือนผมเคยได้ยินมาจากใครบางคน ใครบางคน ที่ผ่านมานานเท่าไหร่ ก็ยังไม่สามารถลืมเขาได้เลย
“เห้ย ไปกินป่ะ พี่เลี้ยงเอง” พี่รุ่งตบไหล่ผม ทำให้ผมสะดุ้ง
“อ่อ แล้วแต่พี่” ผมหลุดจากภวังค์ความคิดเมื่อสักครู่
“เป็นอะไรไปวะ เหม่อ ๆ ไอ้นี้ เด๋ียวก็รถชนตายห่าหรอก 5555”

พี่รุ่งพาไปกินร้านราดหน้าเจ้าอร่อยของพี่เขา ก็เป็นร้านธรรมดา ไม่ได้เป็นภัตตาคารอะไรอย่างที่ผมเคยไปกิน ผมก้าวเข้าไปในร้าน ผมรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาในใจ พี่รุ่งสั่ง แล้วจึงถามผม ผมก็เงียบ จนพี่รุ่งสั่งเหมือนกันให้กับผม แล้วพี่รุ่งก็ถามผม
“ต้า พี่ไม่รู้นะเว่ย ว่าเอ็งเจออะไรมา แต่พี่ก็พอจะดูออกว่าเอ็งคงไม่สบายใจบางเรื่อง ถ้าเอ็งเห็นว่าพี่เป็นพี่ พี่ก็ยินดีฟังเรื่องของเอ็งนะ เผื่อเอ็งจะรู้สึกดีขึ้น”
น้ำตาผมไหลออกมา ไม่ใช่เพราะที่พี่รุ่งพูด แต่เพราะผมคิดถึง “เค้า”
ผมปาดน้ำตา “ไม่เป็นไรพี่ ผมไม่อยากพูดถึงมันอีก กินราดหน้าสุดอร่อยของเราดีกว่า เมื่อกี้พี่สั่งอะไรให้ผมนะ ผมลืม”
“ก็เส้นใหญ่ราดหน้าไง เอ็งนี่” พี่รุ่งส่ายหน้า
“พี่บอกแล้วไง ว่าพี่เลี้ยงเอ็ง ที่น้ำตาไหล เพราะกลัวจะจ่ายให้พี่ใช้ไหมล่ะ 5555”
“พี่รู้ได้ยังไง ผมอึ้งเพราะว่าพี่ชวนกิน ผมไม่ได้เอาตังมา หึหึ” ผมหัวเราะเล็ก ๆ
“หัวเราะได้แล้ว เอ็งก็น่ารักดีเวลาหัวเราะ อย่าเอาแต่ร้องไห้เลย จำไว้”
“อืม” ผมพยักหน้าให้พี่รุ่ง
เสียงข้อความโทรศัพท์ผมดังขึ้น ผมหยิบขึ้นดู เป็นไอ้นุ ส่งข้อความมาว่า “มึงเป็นไงบ้าง ทำงานโอเคไหม กูเบื่อฉิบหาย ปิดเทอม” ผมเลยกดข้อความส่งกลับไป “กูโอเค อีกเดือนเดียวกูก็กลับ กทม แล้ว ไว้มึงไปกินข้าวกะกูแล้วกัน”
“ใครส่งข้อความมา แฟนเหรอ?” พ่ีรุ่งถาม
“ป่าวพี่ เพื่อนน่ะ พอดีมันถามว่าเป็นไงบ้าง ผมก็เลยบอกมันไปว่า อยู่ที่นี่อีกเดือนเดียวแหละ ก็จะกลับแล้ว”
พี่รุ่งเปลี่ยนสีหน้า “อยู่อีกเดือนเดียวเองหรือวะ”