Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 416
Message ID: 124
#124, RE: Reasoning (เหตุผลหรือความรัก)
Posted by ไอ้ต้า on 10-Jun-12 at 03:42 PM
In response to message #123
ผมร้องให้กอดพี่รุ่ง “พี่ผมรักเค้ามากพี่ ผมไม่สามารถลืมเขาได้เลย”
พี่รุ่งลูบหัวผม “พอจะเล่าให้พี่ฟังได้ไหมวะ ต้า”
ผมก็เล่าเรื่องทั้งหมด แบบเปิดใจ ตั้งแต่ผมเข้าเรียนมหาวิทยาลัย และร้านที่ผมไปซื้อช็อกโกแลตเย็น เรื่องราวของผมทั้งหมด เกี่ยวของกับตัว “เขา” แต่ผมไม่สามารถเอ่ยชื่อเขาออกมาได้อีก ได้เพียงแต่บอกพี่รุ่งว่า “เขาคนนั้น” เท่านั้น พี่รุ่งฟังผมอย่างตั้งใจ และไม่มีการแทรกถามแต่อย่างใด พี่รุ่งฟังผมเล่าในขณะที่ผมกำลังร้องให้ ร้องไปเล่าไป จนผมเล่าถึงว่า ผมย้ายห้อง หนีเขาทุกอย่างและมาทำงานกับลุงที่นี่ในเวลาปิดเทอม พี่รุ่งก็เริ่มมีการสนทนาตอบกลับมาว่า
“แล้วเอ็งจะทำไงต่อไปวะ”
“ผมเหรอ ไม่รู้เลยพี่ ผมทำอะไรไม่ถูกเลย พยายามนะ พยายามทุกวันที่จะลืมเขา แต่มันทำไม่ได้ว่ะพี่ พี่รังเกียจผมไหม ที่ผมเป็นแบบนี้”
“เป็นแบบไหนเหรอวะ ชอบผู้ชายน่ะเหรอ โอย พี่ไม่รังเกียจหรอก สงสารเอ็งมากกว่า”
“อืม พี่ก็แปลกดีนะ แต่ก็เหมือนเพื่อนผมที่โทรหากันบ่อย ๆ นั่นแหละ ไอ้นุเองมันก็ไม่ได้รังเกียจผมเลย แต่เป็นผมซะอีกนะ ที่รังเกียจตัวเอง ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลยพี่” ผมปล่อยโฮต่อเนื่อง
“เห้ย นิ่งซะ ร้องให้ทำไมวะ ซ้ำเติมตัวเองทำไมวะเอ็งนี่” พี่รุ่งเอามือมาตบหัวเบา ๆ
ผมพยายามหยุดร้อง แต่ก็ยังสะอึกสะอื้นอยู่มากในตอนนั้น “พี่ ถึงผมกลับไปที่กรุงเทพ ความรู้สึกแบบนี้มันก็ยังอยู่นะ ผมไม่รู้จะช่วยเหลือตัวเองได้ยังไง”
“พี่ก็จนปัญญาว่ะ เอ็งคงต้องหาทางด้วยตัวเอง เคยมีคนบอกพี่ว่าให้ช่วยคนในกระจกเมื่อเสียใจ แต่พี่ไม่รู้ว่ะ ว่าต้องทำอย่างไร วิธีการเป็นอย่างไร”
“พี่นี่ ทำผมซึ้ง แต่ก็ยังมาซื่อบ้ือต่อหน้าผมอีกนะ หึหึ” ผมนึกขำ
“เอาเป็นว่า เอ็งต้องพยายามเข้านะ” พี่รุ่งยื่นมือมา
ผมยื่นมือไปจับแบบเชคแฮนด์ “ขอบคุณพี่มากครับ”
“เอ็งอิ่มรึยัง ถ้าอิ่มแล้วก็กลับได้แล้ว เดี๋ยวน้าเปี๊ยกก็มาด่าพี่อีก ไม่รู้จักดูแลน้อง”
“ผมอิ่มแล้วพี่ ขอบคุณอีกครั้งนะพี่ ถึงจะเป็นแค่กับข้าวธรรมดา แต่สำหรับผมนะ โครตอร่อย”
พี่รุ่งยิ้ม ๆ “พรุ่งนี้พี่จะไปส่งเอ็งนะ”
ผมลุกขึ้นเตรียมตัวเดินออกจากบ้าน “อ่อ พี่ผมช่วยล้างจานก็ไหม”
“เห้ย ไม่เป็นไร พี่ล้างได้ว่ะ”
“งั้นผมไปแล้วนะ” ผมยกมือขึ้นเหมือนจะโบกมืออำลา
“เจอกันนะ” พี่รุ่งก็โบกมือเบา ๆ

วันรุ่งขึ้น ผมเตรียมตัวเสร็จแล้ว ก็สวัสดีป้า แล้วก็หิ้วกระเป๋าเดินไปที่อู่ ไปสวัสดีลุง
“ลุง ขอบคุณมากนะครับ ผมต้องไปแล้ว ไว้จะมาเยี่ยมนะครับ”
ลุงเปี๊ยกของผมหยิบเงินในกระเป๋าเสื้อให้ผมมา 3 พัน แล้วบอกผมว่า
“เอาไว้ใช้นะ”
ผมรับไว้ “ขอบคุณครับลุง ว่าแต่เห็นพี่รุ่งจะไปส่งผม ลุงเห็นไหม”
“มันยังไม่มาที่อู่เลย มันลาครึ่งวัน อีกเด๋วก็คงมา เพราะลุงให้มันยืมรถที่อู่ไปส่งเอ็งไง”
“อ่อ ขอบคุณครับลุง” ผมก็เดินไปสวัสดีพวกพี่ ๆ ที่ร่วมทำงานกันมาตั้งสองเดือนครึ่ง
สักพัก พี่รุ่งก็มา ลุงก็เรียกผมให้ออกไปได้แล้ว ไปรอก่อนดีกว่าสาย เดี๋ยวตกรถ
ผมเห็นพี่รุ่ง แกใส่เสื้อผ้าที่ผมซื้อให้ทั้งชุด จนลุงผมแซว
“เออ เพิ่งเคยเห็นเอ็งเป็นผู้เป็นคนเนี่ย 5555 ไปส่งแค่นี้ แต่งตัวซะโก้เลยนะเอ็ง”
“ก็ชุดเนี้ย ไอ้ต้ามันซื้อให้น่ะสิน้า ต้องใส่มาขอบคุณมัน” พี่รุ่งตอบแล้วมองผม
ผมก็ยิ้ม ๆ ตอบพี่รุ่งไป
“ไปกันได้แล้วต้า” พี่รุ่งเรียกผม
“ได้ ๆ ผมไปละนะครับทุกคน โชคดีครับ” ผมบอกเสียงดัง

ผมขึ้นรถที่พี่รุ่งเป็นคนขับ เราสองคนไม่ได้พูดอะไรเลยครับ เปิดเพลงฟังไป จนมาถึงท่ารถ ผมลงจากรถ ผมถามพี่รุ่งว่าตรงไหน
“พี่ไม่รู้ว่ะ ไม่เคยไปไหนเลย 5555”
“ช่วยไม่ได้เลยเว้ยพี่เนี่ย 555” ผมหัวเราะ
ผมเดินไปแถวยี่ห้อรถทัวร์ ก็เจอรถที่จะไปซะที
“พี่รุ่ง ขอบคุณมากพี่ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะพี่นะ”
“เดินทางปลอดภัยนะเว้ยเอ็ง อย่าลืมล่ะ เอ็งต้องมีความสุขนะ” พ่ีรุ่งยิ้มแล้วกางแขน
มาถึงขนาดนี้แล้ว ผมก็เลยโผเข้าไปกอดพี่รุ่งด้วยความเป็นพี่เป็นน้อง
“ไอ้ต้า เอ็งยังมีคนมากมายนะที่รักและหวังดีกับเอ็ง อย่าทำให้เขาผิดหวังกันล่ะ”
ผมพยักหน้าในอ้อมกอดของพี่รุ่ง
“เออ ต้า เบอร์โทรศัพท์เอ็งเบอร์อะไรวะ?” พี่รุ่งหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา
“พี่ซื้อโทรศัพท์แล้วเหรอ?”
“ขอซื้อต่อเพื่อนมาน่ะ เอ็งกดเบอร์เอ็งให้หน่อย”
“ผมงงว่า เอาเวลาตอนไหนไปซื้อวะ??” งงกะพี่แก ก็ยังคุยกันอยู่เลย ว่าแกไม่อยากใช้ แต่ผมก็กดเบอร์ผมให้ แล้วผมก็กดโทรออก เพื่อให้เบอร์พี่เขาขึ้นที่โทรศัพท์ของผม
“ไว้พี่จะโทรไปละกันนะ”
“อืม ไว้ผมก็จะโทรหาพี่เหมือนกัน ผมไปนะ”
“เออ” พี่รุ่งยกมือขึ้นอำลา
ผมยิ้มให้พี่รุ่งเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนเดินขึ้นรถ ผมขึ้นรถ แต่ก็ยังเห็นพี่รุ่งมองมา แล้วก็โบกมือ เห็นพี่รุ่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร แล้วเครื่องผมก็ดังอีก ผมรับสาย
“โทรมาทำไมล่ะพี่”
“อ่อ พี่ลองโทรศัทพ์น่ะ ว่าติดหรือเปล่า 5555” พี่รุ่งหัวเราะมาตามสาย
“555 แก่แล้วเพี้ยนนะพี่” ผมขำแกเหมือนกัน
แกวางสายแล้วแกก็โบกมือ แล้วก็หันหลังเดินไป ทันทีที่เห็นพี่รุ่งเดินหันหลังไป ผมรู้สึกใจหาย ทำไมถึงรู้สึกเช่นนั้น ผมคงสนิทกับพี่รุ่ง และเป็นเหมือนเพื่อนสนิทล่ะมั้ง พอรู้สึกว่าจะไม่ได้เจออีกนาน ก็เลยอดใจหายไม่ได้ ไม่นานหลังจากรถออก ผมก็เข้าฌานทันที หลับไปเลย ผมตื่นมาอีกทีก็เกือบถึงกรุงเทพละ พอถึงผมก็โบกแท็กซี่ไปที่ห้องผม แล้วก็ไม่ลืมที่จะโทรบอกไอ้นุ
“เห้ย กูกลับมาถึงแล้วนะ”
“อ้าวเหรอ เออ ๆ ไว้นัดเจอนะ พอดีกูไม่ว่างว่ะ ไว้ค่อยคุยกันแล้วกันนะ” ไอ้นุวางสาย
พอผมถึงบ้าน ผมค่อย ๆ เก็บ ๆ ของ ก็ไม่วายที่จะเจอพวงกุญแจ ผมหยิบขึ้นมามองดูรอบ ๆ “เจ้านายแกจะเป็นไงบ้าง รู้รึเปล่าว่าฉันคิดถึงเขาแค่ไหน”

หลังจากผ่านพ้นช่วงลงทะเบียน ปีสุดท้ายแห่งการเป็นนักศึกษาก็เริ่มต้นขึ้น ผมไปเรียนด้วยความตั้งใจมากขึ้น ไม่รู้สินะครับ ผมตั้งใจเรียนจริง ๆ นะ เพราะพี่รุ่ง พี่ชายของผมเป็นต้นแบบความคิด ผมเชื่อว่า ถ้าพี่รุ่งมีโอกาสได้เรียนสูง ๆ ล่ะก็ พี่รุ่งจะต้องเป็นคนที่เก่งมากแน่ ๆ ดังนั้น ผมมีโอกาสผมก็จะทำเต็มที่ จากเดิม ที่ผมคอยลอกไอ้นุบ้าง ลอกเพื่อนคนอื่น ๆ บ้าง ก็กลายมาเป็นต้นฉบับซะเอง บางครั้งก็ทำได้คะแนนดี บางครั้งก็ทำได้คะแนนแย่ แต่ก็ยังคงมีพวกไอ้นุ ไอ้บาส ไอ้พงศ์ ไอ้หนุ่ม ยินดีมาลอกเสมอมา กลุ่มของเราก็เลยสนิทกันมากขึ้นโดยมีไอ้นุเป็นคนคอยประสาน ชีวิตการเรียนในช่วงนั้นก็เป็นไปได้อย่างราบรื่นครับ พวกไอ้นุเองก็มาหาผมที่บ้านด้วย เราทำอะไรกินกัน กินเหล้ากัน แต่ส่วนน้อยนะครับที่ผมจะกิน เพราะไม่อยากจะเมาแอ๋น่ะครับ ผมกับพี่รุ่ง เราก็ยังคงติดต่อกันอยู่บ่อย ๆ ครับ แต่ไม่ค่อยมีอะไรมาก เนื้อความก็ถามสารทุกข์สุกดิบกันไป และผมเองก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นเรื่อย ๆ แล้วล่ะครับ ผมเองเหลือเวลาต่อวันน้อยมากที่จะได้มีเวลานึกถึง “เขา” เพราะว่าลำพังพวกที่อยู่ในชีวิตผมก็แทบจะเอาเวลาของผมไปหมดแล้วด้วยซ้ำไป