Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 416
Message ID: 51
#51, RE: Reasoning (เหตุผลหรือความรัก)
Posted by ไอ้ต้า on 09-May-12 at 07:50 PM
In response to message #50
ผมทนยืนอยู่ในสภาพผีได้ไม่นาน ผมก็ต้องออกจากจุดนั้น คือเดินไปที่จุดอื่นเพื่อเลือกดูของ แต่ผมไม่ได้หยิบซื้ออะไรหรอกนะครับ เพียงแค่พักเดียว ซันก็เดินมาหาผม
“ต้า ผมคุยเสร็จแล้ว ไปทางโน้นกันดีกว่า”
“อ่อ ผมเดินมาดูอะไรนิดหน่อยน่ะ” ผมบอก
“ผมขอโทษนะต้า คือ อย่างที่บอกแหละ ทำไมคนเราถึงรักคนพร้อมกันสองคนไม่ได้นะ”
“พอเหอะต้า เราเปลี่ยนเรื่องคุยกันเถิดนะครับ” ผมเปลี่ยนเรื่อง
“โอเค เราไม่พูดเรื่องนี้เวลาเราคุยกันนะครับ” ซันกอดคอผม
ผมยิ้มตอบซันเท่านั้น ไม่ได้พูดอะไรต่อ เราก็เดินซื้อของกันต่อ จนเสร็จเรียบร้อย เราเดินไปที่รถ ก่อนที่ผมจะขึ้นรถ ผมรู้สึกกระอักกระอ่วน เลยบอกกับซันว่า
“ซัน ผมว่าผมยังอยากเดินเล่นน่ะ ซันกลับไปก่อนแล้วกัน”
“อ้าว ต้า งั้นผมเดินเป็นเพื่อนนะ” ซันเสนอ
“ไม่เป็นไรซัน ผมอยากเดินคนเดียวน่ะ”
“ไม่เอา ผมเดินเป็นเพื่อนดีกว่า แล้วผมไปส่งที่ห้องนะ”
“ไม่เป็นไรจริง ๆ ขอผู้อยู่คนเดียวสักพักได้ไหม” เสียงผมเริ่มดังและซีเรียสขึ้น
“อ่อ ๆ งั้น ผมรออยู่ที่รถดีไหม”
“ไม่ต้องครับ ซัน ซันกลับไปก่อนนะ” เสียงผมสงบลงมากกว่าเมื่อกี้
“โอเค ๆ งั้นไว้ผมโทรหานะ”
“อืม” แล้วผมก็เดินจากซันมา

ผมเดินเข้าไปที่ห้องน้ำของห้าง แล้วก็ปิดประตูห้องส้วม พร้อมกับร้องไห้ออกมา มันเจ็บปวดเหลือเกินครับ ผมคิดแล้วว่า ผมจะไม่แคร์เวลาที่ซันติดต่อกับพี่เซนต์ แต่ทำไมผมถึงทนมันไม่ได้ ผมนั่งปิดปากร้องไห้ให้เงียบที่สุด เพราะยอมรับตรง ๆ ครับว่าผมอาย สักพักใหญ่ ๆ ผมจึงออกจากห้องน้ำ มองตัวเองในกระจก ตาบวมเชียวครับ ตอนนั้นก็อายนะครับที่เดินออกจากห้องน้ำ คนมองเหมือนกัน แต่ทำไงได้ เรื่องแบบนี้ปิดใครไม่ได้อยู่แล้ว ผมมันโง่เองครับ แต่ความรักที่มีมันก็ไม่ได้ลดลงเลยน่ะสิครับ

กว่าจะกลับถึงบ้านได้ ผมเองก็เหนื่อยกับชีวิตที่ไม่มีใครแบบนี้เหลือเกิน ถ้าผมไม่ติดว่าจะต้องเรียนนะครับ ผมคงจะบวชไปแล้ว นั่นเป็นความคิดโง่ ๆ ที่จะบวชหนีทุกอย่าง ซึ่งภายหลังผมก็คิดแล้วว่ามันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา ผมเหนื่อยเหลือเกิน เป็นอีกวันที่หลับไปพร้อมทั้งเรื่องราวมากมายที่อยู่ในหัวสมอง

เช้าวันใหม่ ทำไมหลายคนเคยบอกว่า ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ เราสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ทุกวัน แต่สำหรับผม เรื่องราวที่มีมาแต่ก่อน มันยังคงยุ่งเหยิง ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลยครับ ผมลืมตาขึ้นมากับเรื่องเดิม ๆ นอนคนเดียว เรียนแทบเรียกได้ว่าเรียนคนเดียว กินคนเดียว ผมต้องรับแรงกดดันเรื่องเพศจากกลุ่มเพื่อน ๆ รวมถึงตัวไอ้นุเองด้วย ไหนจะซันอีก เราจะได้เจอกันเวลาที่เขาไม่มีใครเท่านั้นน่ะเหรอ หลาย ๆ ครั้งที่เรายังคงไปไหนด้วยกัน แต่ก็ไม่พ้นต้องคุยโทรศัพท์กับพี่เซนต์อยู่รำ่ไป สภาพผีของผมเกิดขึ้นบ่อยครั้ง พอเกิดขึ้นบ่อย ๆ มันก็เริ่มชาชิน เพราะว่า ซันเองก็ยังคงบอกรักผมอยู่นั่นเอง

เป็นอีกครั้งที่นุล้อผมเรื่องการมีเพศสัมพันธ์กับชายด้วยกันมันสนุกไหมวะ คนหลายคนได้ยิน ผมเองก็หมดความอดทนเต็มที นุอยู่ใกล้ผม และรอบ ๆ ก็เป็นพวกไอ้บาส ไอ้พงษ์ และคนอื่น ๆ
“เวลามึงเอากัน ใครเป็นคนเอาตูดวะ มึงหรือมัน”
“.....” ผมเงียบไม่ตอบ
“กูถามไม่ได้ยินเหรอไง หรือว่ามึงเป็นฝ่ายโดนเอาวะ”
“มึงต้องการอะไรไอ้นุ มึงต้องการอะไรจากกู”
“โหย มึงเคยเห็นตุ๊ดโมโหป่ะวะ” แล้วไอ้นุก็หัวเราะ
“กูหมดความอดทนกับมึงเต็มทีแล้ว” ผมบอก
“อะไรของมึง เรื่องอุบาทว์ของมึง คนเขายังรู้ไม่ลึกเลย มา กูสัมภาษณ์เองวันนี้ 555”
“มึงเคยเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกูเลยก็ว่าได้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว มึงได้ยินไหม ว่าไม่ใช่แล้ว”
“ใครอยากเป็นเพื่อนกะมึง” มันเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้แล้วพูดเสียงเบา ๆ ว่า “มึงเลือกเอง”
“แล้วมึงจะให้กูทำไง มึงถึงจะเลิกยุ่งกะกู” ผมถาม
“เอางี้ ให้กูคิดก่อนละกัน ช่วงที่กูคิด กูจะไม่กวนมึง แล้วถ้ากูคิดออกเมื่อไหร่ กูจะบอกแล้วกัน 555” มันหัวเราะเหมือนผู้ร้ายเลยจริง ๆ
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคิดอะไร แต่ที่แน่ ๆ ผมอยากจะจบปัญหาไปทีละเปราะ เพราะคิดว่าปัญหาของไอ้นุมันแก้ได้ไม่ยากเท่าปัญหาของซัน เพราะปัญหาของซันนั้น แม้แต่ผมเองก็ยังไม่รู้วิธีแก้ไขเลย อย่างน้อยผมเชื่อที่ไอ้นุมันว่า หากมันยังคิดไม่ออก ในเวลานั้นผมก็ยังไม่ถูกมันป่วนมากนัก ชีวิตจะได้พอที่จะสงบสุขอยู่บ้าง