Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 416
Message ID: 96
#96, RE: Reasoning (เหตุผลหรือความรัก)
Posted by ไอ้ต้า on 01-Jun-12 at 06:21 PM
In response to message #95
เช้าวันต่อมา หลังจากตื่นจากคราบน้ำตา ช่วงชีวิตผมตอนนี้มีแต่เรื่องวุ่น ๆ มีแต่ความทุกข์เสมอเลย อาจจะเป็นเพราะว่า เราทำไม่ดีก็ได้มั้งครับ ชีวิตผมถึงได้ประสบแต่ปัญหา เรื่องแบบนี้ผมไม่สามารถคุยกับใครได้เลย แม้แต่คนในครอบครัว ถึงแม้ว่าผมจะย้ายหอ แต่ก็คงต้องเลือกไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยซักเท่าไหร่ คงรู้ใช่ไหมครับว่า ราคาค่าเช่าด้วย และก็เรื่องของค่ารถด้วย แต่หอพักนั้นหาไม่ยากมากหรอกครับ ผมก็ไปติดต่อเอาไว้เรียบร้อย พอขากลับผมก็ดันเลือกลงรถที่จะต้องผ่านหน้าร้านซันเค้าซะด้วย คือหัวใจมันเรียกร้องน่ะครับ แต่สมองผมคอยค้านแล้วนะครับ แต่มันแพ้ ถึงแม้ว่าผมต้องการจะจากไป แต่ผมเองก็ยังคิดถึงและอยากเห็นหน้าซัน “คนที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของผมเหมือนกัน”

ผมก็แค่เดินผ่านเท่านั้นแหละครับ เพราะซันคงอยู่มหาวิทยาลัย ผมเองไม่ค่อยได้มาร้านแล้ว เพราะว่าผมก็ไปเจอซันนอกรอบเท่านั้น มองเข้าไปในร้าน ก็เห็นไม่ค่อยชัด แต่ที่แน่ ๆ เป็นคนที่ผมไม่รู้จัก ผมเองก็ไม่ได้เห็นพี่แก้วมาตั้งนาน แต่นั่นไม่ใช่พี่แก้วแล้ว ผมไม่รู้เหมือนกันนะว่าพี่แก้วยังทำงานอยู่รึเปล่า ผมเดินผ่านร้านของซัน เดินไปเรื่อย ๆ เพื่อจะไปทางหอที่ผมอยู่ ก็ต้องเดินสักพักเหมือนกันแหละครับ ทั้ง ๆ ที่รถเมล์นั้น มันสามารถมาลงได้ใกล้กว่านี้ แต่ผมเลือกท่ีจะเดินผ่านสิ่งที่ซันรักก็ยังดี

วันเวลาก็ผ่านไปหลายวัน นับจากวันที่ผมคุยกับพี่เซนต์ ผมไม่กล้าโทรหาซัน และผมเองก็ไม่ได้รับสายจากซันเลย ผมคงคิดว่า ซันอาจจะไม่อยากมีปัญหากับพี่เซนต์ เพราะพี่เซนต์คงอยู่กับซันในช่วงนี้ อีกแค่สองวันผมก็ต้องย้ายห้องแล้ว เตรียมเก็บข้าวของซึ่งมีไม่เยอะเอาเสียเลย ก็แค่เสื้อผ้า กับของใช้บางอย่างส่วนพวกเฟอร์นิเจอร์นั้น เป็นของทางหอเขาครับ ผมรู้สึกใจหายเหมือนกันนะ ผมอยู่หอนี้มาตั้งหลายปี คุ้นเคยกับการเดินทาง คุ้นเคยกับสิ่งต่าง ๆ ในห้อง คุ้นเคยกับภาพของห้อง และที่สำคัญความประทับใจและเสียใจที่เกิดขึ้นในห้องนี้ ความรัก มิตรภาพ ความโกรธ ความสูญเสีย ทุก ๆ อย่าง ผมกำลังจะหันหลังให้กับมันแล้วครับ คืนนั้นผมนอนไม่หลับเลย ถามผมนะ ผมไม่อยากย้ายเลย เพราะว่าผมตั้งใจไว้แล้วว่า จะย้ายตอนเรียนจบและหางานทำได้แล้ว เพื่อจะย้ายไปใกล้ ๆ ที่ทำงานที่หาได้ แต่วันนี้ ผมกลับต้องไปก่อนที่จะถึงกำหนดที่ผมเองได้วางแผนเอาไว้ แต่ละชั่วโมงผ่านไปอย่างยาวนาน โดยที่ในมือนั้น ยังคงกำพวงกุญแจรูปดวงอาทิตย์นั้นอย่างแน่น รู้สึกเหมือนว่าเขาอยู่ข้าง ๆ ผมตลอดเวลา แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของพี่เซนต์ก็ยังคงดังก้องอยู่ในหัวเป็นระยะ ช่างขัดแย้งกันจริง ๆ ว่าไหมครับ

ผมรู้สึกเพลีย ๆ แต่ผมก็ยังลุกขึ้นแต่งตัวไปมหาวิทยาลัย ผมตั้งใจแล้วว่า วันนี้จะทำอะไรซักอย่างหลังจากเรียนเสร็จแล้ว ความตั้งใจที่ผมมีนั้น ทำให้ผมพอจะระงับความเพลียที่ไม่ได้นอนได้ ในระหว่างเวลาผมส่งข้อความไปหาซัน บอกให้ซันโทรหาผม สักพักเดียวซันก็โทรมา
“ฮัลโหล ต้า”
“ฮัลโหล ซัน”
“เอ่อ เป็นไงบ้าง สบายดีไหม พอดีช่วงนี้ผมยุ่ง ๆ นะ เลยไม่ได้โทรหา” ซันบอก
“ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ อะไรแค่นี้ต้องรีบให้เหตุผลเลยเหรอ ผมเข้าใจน่า 5555” ผมหัวเราะ
“แล้วต้ามีอะไรรึเปล่า ให้ผมช่วยอะไรไหม”
“ไม่มีอะไร เพียงแค่วันนี้อยากชวนต้าไปเที่ยวซักหน่อยนึงหลังเลิกเรียน”
“เอ่อ ผมต้องทำรายงานกับกลุ่มเพื่อนน่ะสิ เกรงว่าจะไม่สะดวกนะวันนี้น่ะ” ซันบอก
“อ้าวเหรอ งั้นจะเสร็จเมื่อไหร่ล่ะ ผมไปรอได้นะ ไปรอที่มหาวิทยาลัยซันก็ได้ คิดถึงน่ะ อยากเจอหน้าซันไง ไม่มีไรมากหรอก”
“อืม จะมารอก็ได้นะ แต่ไม่รู้ว่าเสร็จกี่โมงน่ะสิ”
“ไม่เป็นไร เด๋ียวผมไปหาแล้วกัน”
“ตามใจละกัน เด๋ียวรอจนเบื่ออย่ามางอนผมละกัน 555” ซันพูดพลางหัวเราะ
“ไม่งอนหรอกน่า รักมากนี่เนอะ งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ” ผมบอก
“เดี๋ยวเจอกันนะ ต้า” แล้วซันก็วางสาย
ผมต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด แค่นั้นคือสิ่งที่ผมคิด ใจผมคิดว่า ทำไมชีวิตกูถึงเหมือนละครนักวะ ถึงเวลาต้องจากกันด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่ละครมันก็มาจากชีวิตจริงนี่ครับ ดังนั้นผมคงทำถูกต้องแล้ว วันที่เหลืออยู่ ก็อยากจะมีความสุขกับซันอีกสักนิด ให้ผมได้ซึมซับ จดจำเวลาดี ๆ เอาไว้เพิ่มอีกสักหน่อย คงไม่เป็นไร

หลังจากเลิกเรียนผมก็นั่งรถโดยสายไปที่มหาวิทยาลัยริมน้ำเจ้าพระยาที่เดิม ที่ ๆ ผมรู้สึกคุ้นเคย ไม่ต่างกับมหาวิทยาลัยของตัวเอง พอผมลงจากรถก็โทรหาซันทันที
“ซัน ตอนนี้ผมมาถึงแล้วนะ กำลังจะเดินเข้าไป”
“อ่อ ผมอยู่ตรง... มาหาผมตรงนี้ละกัน ผมอยู่กับกลุ่มเพื่อน”
“อ่อ โอเค งั้นเดี๋ยวเดินไปหา”
ผมวางสายแล้วก็เดินไปหาซัน ณ จุดที่ซันนั่งทำงานกับกลุ่มเพื่อนอยู่ แต่ผมแค่นั่งอยู่ห่าง ๆ ที่เรามองเห็นกันและกัน ทันทีที่สายตาสบกัน เราก็ยิ้มให้กันเป็นการทักทาย ผมรู้สึกมีความสุขแค่ได้เห็นรอยยิ้มของผู้ชายคนนี้จริง ๆ ซันนั่งทำรายงานดูจริงจัง มีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ซิครับ แค่เห็นเขาอยู่ห่าง ๆ แบบนี้ถึงกับน้ำตาเอ่อ คลอเบ้ากันเลยทีเดียว เห็นซันส่งข้อความ เครื่องของผมมีข้อความเข้า ซันส่งมาให้ผมนั่นเอง “รอหน่อยนะ ดีใจที่ได้เจอต้านะ” ผมล่ะปลื้มสุดขีดเลยครับ

ผมรอซันอยู่ประมาณสองชั่วโมงเห็นจะได้ ก็เห็นซันกับเพื่อน ๆ แยกย้ายกัน แล้วซันก็เดินมาหาผม
“ไปหาอะไรกินกันนะต้า”
“มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว จิงมะ” ผมลุกขึ้นแล้วเอาแขนโอบไหล่ “ไปเลยเพื่อน” ผมบอก
เราสองคนเดินไปที่รถซัน ผมจะได้นั่งรถคันนี้อีกครั้งเดียวเองเหรอเนี่ย พลางคิดในใจ แต่สีหน้าของผมนั้น ไม่มีแสดงออกถึงความเสียใจเลยในตอนนั้น ทำทุกอย่างให้เนียนที่สุดเลยล่ะครับ
“ต้าอยากกินอะไร”
“อะไรก็ได้ ก็รู้ ๆ อยู่ว่าผมอยากกินกับซันไง” ผมยิ้ม
ก่อนที่ซันจะออกรถ ผมเอื้อมหน้าไปหอมแก้มซัน “แหวะ เหม็นจัง” 5555 ผมหัวเราะ
“โห ตัวเองหอมมากเลยนะ ดูดิ มอมเลย 5555” ซันหัวเราะ
“มอมดิ นั่งรถเมล์มา เหนื่อยมากเลยนะเนี่ย” พอพูดจบ ซันก็มาจูบหน้าผากผม แล้วพูดว่า
“ถึงจะมอม แต่ผมก็รักของผมนะ” แล้วส่งยิ้มหวานให้ผมอีกด้วย
ซันออกรถ “งั้นผมเลือกเองเลยนะว่าจะกินอะไร”
ผมนั่งอยู่ในตอนนั้นแทบจะปาดน้ำตาเลย ผมดีใจนะ ที่อย่างน้อยเกิดมาก็ทำให้คนรักเราได้ และเราก็รักเขาได้ขนาดนี้ ผมดีใจจริง ๆ ครับ

เรามาถึงย่านที่เรียกว่าบางรักครับ ซันบอกว่ามีร้านราดหน้าสุดอร่อยอยู่แห่งหนึ่ง (ผมได้ชิมแล้วในวันนั้น อร่อยมากจริง ๆ) ผมนึกว่าเป็นราดหน้าข้างทาง ที่ไหนได้ เป็นภัตตาคารจีนเลยครับ มาไกลเลยวันนี้ ซันจัดแจงสั่งให้เสร็จสรรพ เพราะรู้ว่าผมคงไม่สั่งอะไร ไม่ประสีประสา ผมเลยมีโอกาสได้ชิมราดหน้าคะน้าฮ่องกง อร่อยสุด ๆ เลยล่ะครับ สำหรับผมอาหารพวกนี้คงไม่ได้มีโอกาสมากินหรอกถ้าไม่มีซัน เราสั่งอย่างอื่นมากินด้วย มีสี่อย่าง อร่อยทุกอย่างเลยครับ ในระหว่างที่กิน ผมกับซันก็คุยกันเล็กน้อย ไม่ได้เยอะแยะอะไร ผมตั้งใจว่าวันนี้ต้องจ่ายให้ซัน ผมกดเงินมาพันนึงติดตัวไว้เลย สรุป พันกว่าครับ ผมก็เอาแบงค์พันให้ซัน บอกว่าครั้งนี้ผมขอ ผมตั้งใจไว้แล้วจริง ๆ ถ้าไม่รับผมโกรธ ซันจึงยอมรับไว้แล้วจ่ายส่วนต่างที่เหลืออีกไม่กี่ร้อยบาท ผมรู้สึกว่า ผมนี่มันตัวเล็กนิดเดียวจริง ๆ เงินที่ว่าเยอะสำหรับเราแล้ว แต่สำหรับผู้คนที่เข้ามากินอาหารที่นี่ มันคงเป็นเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ต่างกันจริง ๆ ครับ เราก็เดินไปที่จอดรถ ก็ลับตาคนนะครับ เพราะว่าเป็นใต้ดินของภัตตาคารนั้นแหละ ผมก็เลยบอกกับซันว่า “ซัน ผมอยากจูบกับซัน”
“ขึ้นรถเลย คิดว่าผมไม่อยากจูบนายเหรอไง” ซันว่า
เราสองคนขึ้นรถปุ๊ป เราก็เข้าหากัน จูบทันทีครับ เป็นการจูบดูดดื่มอีกวันนึงที่เรามี คิดถึงสัมผัสนี้เหลือเกิน มันอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเลยครับ เราจูบกันนานเป็นนาที แค่เพียงเท่านั้น น้ำตาผมก็ไหลออกมาเลย หลังจากจูบเสร็จ ซันก็ถามผม “ต้าร้องให้ทำไม เป็นอะไรรึเปล่า”
“อ่อ จะเป็นไรได้ล่ะ ซึ่้งจะแย่อยู่แล้วเนี่ย” ผมบอก
“เจ้านำ้ตานะครับ เดี๋ยวนี้ เป็นนางเอกเหรอไง ผมก็ดีใจนะ มีเมียเป็นนางเอกด้วย 5555” ซันล้อผม
“เมียอะไรกัน ซันแหละเมียผม 5555” ต่างคนต่างหัวเราะที่ได้หยอกล้อเล่นกัน
ระหว่างทางขับรถไปส่งที่ห้องผม เราคุยกันสนุกสนาน คุยกันหลายเรื่อง หัวเราะกันหลายรอบ ตลอดการเดินทางนี้ ผมจับมือซันไว้แน่นเลย ซันก็ขับรถแค่มือเดียวเอง ผมรู้สึกว่ามือนี้นุ่มจัง ผมชอบ อยากจับไปตลอด แต่ก็คงต้องได้แค่นี้แล้วล่ะ
รถขับถึงที่หอผม ซันบอกผมว่า “ต้า ผมขอขึ้นไปนั่งพักนะ เหนื่อยจัง แหะ ๆ”
ผมรีบบอกซันไปเลยว่า “วันนี้ไม่เอาดีกว่า ผมว่าซันเหนื่อยแล้วล่ะ ไว้ค่อยมานั่งละกันนะ นะครับ” ผมพยายามบอกให้ซันไม่ไปห้องผม ไม่งั้นก็จะเห็นข้างของที่เก็บไว้แล้ว
“ทุกทีเนี่ย อยากให้ผมขึ้นไปนะเนี่ย แล้ววันนี้ทำไมไม่อยากให้ขึ้นไปล่ะ ซ่อนใครไว้เหรอต้า”
“ล้อเล่นอยู่เรื่อยเลยนะ ผมจะมีใครได้ไงเล่า รักซันขนาดนี้” ผมรีบตอบ
“ผมรู้น่า หน้าตาอย่างซันจะหาใครได้อีก 555”
“555 นั่นสิน หน้าตาอย่างผมทำให้ซันมารักได้ ก็กำไรชีวิตแล้ว” ผมหัวเราะพร้อมพูด
“ผมไปละดีกว่า” พูดเสร็จแล้ว ผมก็จูบปากกับซันอีกครั้ง
“จูบผมจนปากเหี่ยวแล้วนะต้า วันนี้หื่นนะ”
“ผมรักคุณนะซัน จำไว้ว่าผมรักคุณนะ ผมไปละ”

ผมลงจากรถยืนรอลาซัน ผมโบกมือลาซัน น้ำตาก็ไหลออกมาด้วย มันเหมือนรู้สึกกำลังจะตายทั้งที่ยังมีลมหายใจอยู่เลยครับ ซันก็โบกมือลา แล้วก็ขับรถออกไป ผมเดินร้องให้ ร้องแบบร้องให้โฮเลยนะครับ สะอึกสะอื้นแบบนั้นเลย เดินไปที่ห้อง พอปิดประตูห้องเท่านั้น ขาก็อ่อนเลยนั่งทรุดลงร้องให้ตรงประตูนั่นแหละครับ ในตอนนั้นผมได้รับข้อความ “ผมมีความสุขมากครับ ผมรักต้านะ” ยิ่งทำให้ผมหายใจไม่ออกเข้าไปใหญ่ เรียกได้ว่าผมคลานไปที่เตียงเลยทีเดียว บนเตียงมีพวงกุญแจของซัน ผมเอามันมาไว้กับอกแล้วก็ร้องให้ ผมต้องระบายมัน ระบายความทุกข์ ความเหนื่อยล้า ความเสียใจ ออกมาทางน้ำตา ผมต้องร้องออกมาให้หมด ผมไม่อยากจะเหลือน้ำตาไว้เพื่อความทุกข์อีกแล้วครับในตอนนั้น ผมร้องไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ผมเรียกได้ว่าหลับทั้งน้ำตาเลยทีเดียว

เช้าวันใหม่ที่ตื่นขึ้น ผมคนนี้คือร่างกายที่มีลมหายใจแต่ไม่มีวิญญาณ เรียกได้ว่าเป็นแบบนั้น ผมอาบน้ำแต่งตัว แล้วลงไปเรียกแท๊กซี่ ผมยกของลงไปรอ ผมขึ้นแท็กซี่ไปที่หอใหม่ระหว่างนั้นผมก็ปิดโทรศัพท์ แล้วก็คิดจะปาซิมการ์ดทิ้ง แต่ก็ไม่กล้าพอ แค่เพียงเก็บซิมการ์ดเอาไว้เท่านั้น พอถึงที่ใหม่ก็จัดแจงเอาของไปไว้ในห้อง แล้วก็นั่งลงพัก ความเหนื่อยล้ามันทำให้ผมหยุดคิดเรื่องซันสักระยะ ผมคิดว่าสิ่งที่ทำมาทั้งหมดนี้มันก็คงถูกต้องแล้ว ผมต้องเผชิญความอ้างว้างเพียงคนเดียวแล้วสินะ ต้นเหตุแห่งความเสียใจ ผมเอาพวงกุญแจขึ้นมามอง “อย่างน้อยฉันก็มีแกเป็นเพื่อน” ผมต้องเข้มแข็ง เพื่อชีวิตของเราสามคน ผม ซัน และพี่เซนต์ ผมหวังว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะจบลง หลังจากที่ผมออกจากชีวิตของเขาทั้งสองคน......