Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 417
Message ID: 107
#107, RE: ขอร้องพี่ๆครับ ใครมีนิยายเรื่องหนึ่งใจหลายรักของพี่เอ๋CT บ้างครับ อยากอ่านต่อจนนอนไม่หลัยเลย
Posted by โปโป on 12-Mar-17 at 05:57 PM
In response to message #0
230…
โมโผล่มาตอนฟ้าสางเราเพิ่งหลับไปได้ไม่นาน เขามีกุญแจห้องเรา รู้สึกตัวตื่นเพราะตัวของโมนอนทับเรา
“เหม็นเหล้า” เราดันตัวเขาออก
“รังเกียจเหรอ”
“ไปอาบน้ำไป” เขาไม่ยอมลุกสักที เราดิ้นจนเขาหลุดพ้นไปจากตัว ลุกขึ้นนั่งมอง
“กินอะไรนักหนาเนี่ย” โมนอนทั้งอย่างนั้นไม่ได้สนใจว่าเราต้องตื่นขึ้นมาหัวเสีย
“โม” เราเรียกเขาพร้อมกับตีที่ตัว “ลุกไปอาบน้ำก่อน”
“อะไรวะ ทำไมต้องอาบง่วง”
จะนอนก็นอนไม่ได้เล่นมานอนพาดกลางเตียงแบบนี้ รำคาญจริงๆเลย เราเอื้อมไปหยิบผ้าปูลงที่พื้นแล้วนอนลงข้างหน้าเตียง ได้ยินเสียงของโมลุกขึ้นจากที่นอน
“ไปไหนวะ”เขาลุกตามมานั่งดูเราที่พื้น เอานิ้วจิ้มไปตามตัวเราเล่น
“จะนอน”
“อารมณ์เสียอะไร คนสวย” แซวอีก”ลุกมานอนบนเตียงนี่”มือใหญ่ดึงแขนเราจนเจ็บ “มานี่”เขาบอกเหมือนตะคอก เราลุกตาม “มันอะไรนักหนาวะ กินแค่นี้ไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้ห้ามแต่ไม่อยากให้กินบ่อยๆ”
“เป็นแม่เราเหรอ ห้ามอยู่ได้” เราไม่ตอบแต่นอนหันหลังให้เขา โมลุกไปเข้าห้องน้ำอยู่สักพักก็เดินกลับเข้ามา
“หันมานี่ซิ” เราไม่หัน “เรียกไม่หันนะ”โมรั้งตัวเรากลับมาหาเขาสองมือกดแขนเราไว้
“บอกหน่อยจะเอาไง เอ๋”
“เรื่องอะไร”
“ไม่รู้เรื่อง เรารู้นะว่าเอ๋คิดอะไร ไง มีคนอื่นสิท่า ถึงทำตัวห่างเหินแบบนี้ โทรมาก็ไม่รับ ไปไหนก็ไม่บอก”
“โทรมาเมื่อไหร่”
“ทุกวันแหล่ะ ไปไหนมา” ยังจะมาถาม
“ก็อยู่ห้องทุกวัน”
“อย่าให้รู้นะว่านอกใจ เจอดีแน่”
“ไม่กลัวหรอก คนขี้เหล้า”
“ปากดี”โมเริ่มซุกไซ้ไปทั่วหน้าเรา เหม็นเราจนต้องเบือนหน้าหนี
“หันมานี่”เขาเอามือบีบที่คางเราให้หันกลับมาหาเขาอีกครั้ง
“เจ็บนะ เป็นอะไรนี่เมาแล้วอาละวาดแบบนี้ ทีหลังก็ไม่ต้องกินนะ” เราดันตัวเขาออก
“จะดิ้นไปทำไม เอ๊ะ บอกให้อยู่เฉยๆ พูดไม่ฟังอีก”เขาพลิกตัวเราให้นอนคว่ำพร้อมกับดึงกางเกงเราออก โมใส่ผ้าขนหนูผืนเดียวมันหลุดออกไปแล้ว
“อย่าเพิ่งนะ ทาหล่อลื่นก่อน” เขาไม่รอเอาขาล็อคเราแล้วจ่อพร้อมทิ่มพรวด
“โอ๊ย”โมรีบเอามือมาอุดปากเราไว้ แล้วทับลงมาส่วนล่างก็กระแทกตามมาหนักๆ “จะร้องทำไม ไม่เคยโดนเหรอแบบนี้หน่ะ” เจ็บแทบแดดิ้นให้ได้ เขากระแทกด้วยความรู้สึกสะใจของเขาแต่เราสิ เจ็บต้องกลั้นหายใจ โมดันทุรังอยู่นานแล้วก็ฟุบหลับที่กลางหลังโดยมีไอ้นั่นคาอยู่ในตัวเรา เขาไม่ได้เสร็จ มันยังคงแข็งอยู่ยังไงก็ดิ้นไม่หลุด ได้แต่รอให้มันหดแต่ขาที่เกี่ยวเราไว้มันแน่นพอดู
“โม” เราเรียกเขา
“หืม”
“เอาออกเถอะ มันเจ็บ”
“ไม่เจ็บหรอกน่า”
“เจ็บจริงๆนะ”
“จริงเหรอ”
“ฮื่อ” เขารีบถอนตัวออก กว่ามันจะหลุดออกไปได้แสบจี๊ดๆเลย เรารีบลุกไปล้าง ยิ่งเจอน้ำยิ่งแสบ ริดสีดวงเล่นงานแล้วรึเปล่านี่ โอย เราต้องหายามากินเพราะอาการเจ็บมันไม่ยอมหาย กินยาเสร็จก็นอนลงข้างๆโมนั่นแหล่ะ
“ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ”
“ฮื่อ” เขาหันมากอดเรา “ไม่ทำแล้ว” โมหลับไปข้างๆซอกคอของเรา ลึกๆแล้วดีใจนะเนี่ยเหมือนโดนข่มขืนเลย เราเผลออมยิ้มคนเดียว ไม่อยากมองหน้าโม เห็นทีไรก็นึกถึงพี่โด่งอีก เรารีบสลัดความคิดถึงหน้าพี่โด่งออกไปนี่มันโม คนละคนกัน เราลุกขึ้นนั่งแล้วประคองไอ้ตัวร้ายไว้ในมือ โมทำเสียงอู้อี้ฟังไม่รู้เรื่อง ขนาดมันเท่ากันรึเปล่านะหน้าตาก็เหมือนกันแบบนี้ เราพยายามคิดถึงส่วนนั้นของพี่โด่งแล้ววางมือกะขนาดกับของโมที่ถูกปลุกขึ้นมาอีกรอบ ของโมใหญ่กว่าอีก มิน่ามันถึงเจ็บ เช้านั้นเราก็ไม่ได้นอนไม่รู้เกิดอะไรขึ้น นอนหลับตานึกถึงขนาดของแต่ละคนไล่เรียงไปเรื่อยๆ ว่าใครที่ใหญ่สุด พี่จกมาอันดับหนึ่ง โอ๊ยอะไรเนี่ยในหัวมีแต่ค-ย เราด่าตัวเองก่อนจะม่อยหลับไป ดันฝันว่าโดนพี่วริตเอาอีก
“เอ๋ รู้มั๊ย ไอ้หนึ่งมันหอบข้าวของออกจากห้องนังหยีแล้วนะ”
“ทะเลาะกันเหรอ”
“ก็อีหยีมันจับได้ว่าหนึ่งพาชะนีไปเอาที่ห้องตอนมันมาทำงานนะสิ”
“มันเอาเวลาที่ไหนไปจับเขา”
“มันแกล้งลาป่วย ร้ายจริงๆนังนี่ คาตาเลย”
“แล้วมันทำไง”
“ก็อาละวาด ป่วงแตก ทำลายข้าวของตัวเอง”
“อีบ้า เรื่องแค่นี้เอง”
“อะไรนังเอ๋ หล่อนรับได้เหรอ”
“ปล่าว มันยังไม่เกิดกับตัวชั้น เพราะเขาไปเอากันที่อื่น”
“อย่างไอ้หนึ่งจะเอาเงินที่ไหนไปโรงแรม ทุกวันนังหยียังต้องจ่ายค่ารถมาทำงานเลย”
“แล้วเงินเดือนมันหล่ะ”
“ลงเหล้า ลงหอยหมดนะสิ ถามได้”
“หยีมันอยู่ไหนหล่ะ” เราอดเป็นห่วงไม่ได้
“โน่น ลาพักร้อน นอนซมอยู่ที่ห้องโน่น”
“แล้วมันทนได้ไงมาทำงานก็ต้องเจอกัน”
“ก็นั่นแหล่ะที่มันทนไม่ได้ มิหนำซ้ำอีชะนีนั่นก็พนักงานโรงแรมเราเอง”
“มันช่างกล้าจริงๆ แล้วมันไม่แคร์เหรอว่าหนึ่งเป็นผัวกระเทย”
“เรื่องอะไรมันจะแคร์ เปิดตัวซะยิ่งกว่า อีหยีกินข้าวเคล้าน้ำตาในแคนทีน นี่หล่อนไม่รู้อะไรเลยเหรอเอ๋”
“ไม่รู้ เพราะชั้นยุ่งกับปิดบัญชี อยู่นี่”
“เรื่องมันเกิดเร็วมากเลยนะ ตอนนี้นะหยีมันก็ตามไปขอคืนดีกับไอ้หนึ่งถึงบ้าน แต่ผู้ชายไม่คุยด้วย”
“ทำไมหล่ะ”
“ก็มันด่าเขาสาดเสียเทเสีย ก่นโคตรเหง้าเขามาด่า ใครมันจะดีด้วยหล่ะ”
“หล่อนอยู่ด้วยเหรอ”
“เปล่า” ทีน่าลอยหน้าลอยตา
“แล้วรู้ได้ไง”
“ก็มันเล่าให้ฟัง ตอนที่มันโดนทิ้งวันแรกมันโทรไปหาชั้น ไม่ได้นอนเลย ต้องรีบไปปลอบมันกลัวมันฆ่าตัวตาย”
“มันไม่โง่ขนาดนั้นหรอกทีน่า เห็นมั๊ยอะไรที่รู้แล้วจะเสียใจอย่าสืบเสาะเลยมันมีคำตอบอยู่แล้ว แล้วรู้ไปทำไม เสียผัว เสียใจ จำไว้นะ” เราบอกทีน่า
“เป็นชั้น ชั้นก็คงตรอมใจแน่ๆ เจ็บใจนะสิ ที่เขามีคนอื่น”
“ชั้นชินแล้ว” เรานึกถึงนกกับพี่รัตน์ขึ้นมา เหมือนแผลในใจถูกสะกิดเล่น “คนมันหมดใจ หรือหมดสนุกกับเรา ต่อให้เราจะเพียรพยายามแค่ไหนก็ไม่ดีขึ้นหรอก บอกหยีมันด้วยนะ ยิ่งดันทุรังยิ่งเสียใจ” เราพูดไปตามความรู้สึกของตัวเอง แว่บนั้นนึกด่าหนึ่งอยู่ในใจด้วย ไม่รักกันก็น่าจะให้เกียรติกันบ้าง แล้วกระเทยมีค่าอะไรที่จะขอร้องให้ผู้ชายมันยกย่อง เหมือนได้ยินเสียงพี่เพลินแว่วมา
“ก็ไปเทอดทูนมันเอง ยกมันเอง คนที่ทำให้ตัวเองไม่มีค่าก็ตัวเองทั้งนั้น” พี่เพลินพูดเหมือนกับตัวเองไม่เคยฟูมฟาย “คิดแค่ว่ามันเอาให้ก็พอแล้ว อย่าไปตีค่ามันให้เลิศเลอเลย มันจะเคยตัว” ก็เคยตัวไปแล้วพร้อมรถกระบะของแกไง เราอมยิ้มกับคำพูดของแก อย่างว่าแหล่ะตอนที่โกรธจนตัดใจได้ส่วนใหญ่ร้อยทั้งร้อยจะต้องพูดแบบนี้ เราก็เป็นเหมือนกัน แล้วไงพออยู่คนเดียวก็เหงา คิดถึงแต่ตอนที่มีความสุขกับเขาจนลืมคิดไปว่าตอนที่มานอนร้องไห้คนเดียวเพราะไอ้คนนั้นหน่ะ เป็นยังไง
เราเห็นหยีนอนซมเหมือนคนไร้สติ แล้วสงสารมัน
“ชั้นไม่เป็นไรหรอก ขอเวลาสักนิดให้มันโล่งซะหน่อย”
“กินข้าวมั่งรึเปล่า”
“กินไม่ลง” หยีตาลึกจนน่ากลัวคงไม่ได้นอน
“แล้วนอนมั่งรึเปล่านี่”
“ตกกลางคืนมันก็นอนไม่ได้ คิดอยู่ทุกวัน”
“อาการหนักกว่าที่คิดนะ ไม่น่าเชื่อว่าหล่อนจะเสียใจได้ขนาดนี้ หล่อนรักมันมากเลยเหรอ”
หยีพยักหน้า “หรือว่าหล่อนเจ็บใจที่แพ้ชะนี” ทีน่ามองหน้าเราเหมือนจะให้หยุดพูด
“แยกให้ออกนะหยีว่าอารมณ์ไหน” เราลูบแขนมันเล่น “กลับมาเป็นหยีคนเดิมเถอะ อย่าไปแข่งกับอีพวกสามกองสิบเลย ถ้ามันแน่จริงมันคงไม่เอาผัวกระเทยหรอก ผู้ชายมีเป็นล้านทำไมต้องมาแย่งกัน”
หยีมองหน้าเรา เราไม่อยากปลอบมันหรอก เราเอาประสบการณ์ของตัวเองมาพูด ยิ่งเสียดแทงเท่าไหร่ยิ่งฮึดสู้เท่านั้น
“พรุ่งนึ้ไปทำงานนะ อย่าจมปลักกับสิ่งที่มันจบไปแล้วเลย” เราบอกหยีก่อนจะกลับ ทีน่ามานอนเป็นเพื่อน แต่เราไม่อยากอยู่เพราะเรากลัวจะเศร้าไปกับมันเห็นหน้าเพื่อนตอนกินข้าวแล้วหดหู่ มันกินไม่ลง มันตื้อไปหมดเรารู้ดีเสียใจอะไรก็ไม่เท่าเสียคนที่เรารักให้คนอื่น ตอนนี้หยีคงอยู่ในขั้นโทษตัวเองที่วู่วามคิดไปสารพัด ถ้าไม่ทำอย่างนี้ ถ้าใจเย็นกว่านี้ มีแต่คำว่าถ้าอยู่ในหัวของหยี ทุกคำพูดที่ได้ยินมามีแต่ความหวังที่เลือนลางว่าหนึ่งจะกลับมา เรานิ่งเมื่อหยีถามก่อนจะกลับว่า
“ถ้าเขาโทรมาหาชั้น ชั้นควรจะทำยังไงดี”
“เอาไว้ให้โทรมาก่อนเถอะ อยากพูดอะไรก็พูดไป จะบอกรักเขาอีกกี่ร้อยกี่พันครั้งก็บอกไป ให้มันโทรมาก่อนนะ” ทีน่ามองหน้าเราอย่างไม่เชื่อหู
“หล่อนเก่งนะที่ทำได้อย่างนั้น”
“ชั้นเจอมาเยอะแล้ว เรื่องแบบนี้ ชั้นอยู่กับคำว่า ถ้า มาหลายครั้งกว่าจะคิดได้ก็นาน เชื่อชั้นเถอะหยี นอนให้หลับพรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว ไม่มีอะไรมากหรอก แล้วอีกไม่กี่วันหล่อนก็จะหัวเราะได้กับสิ่งที่ทำลงไป พรุ่งนี้ก็เป็นวันใหม่นะ” ไม่รู้จะพูดอะไรต่อคนมันเศร้า พูดเองแล้วน้ำตาจะไหลเอง เรารีบออกไปจากห้องหยีทันที
“หวัดดีพี่เอ๋” หนึ่งเข้าลิฟต์มาพร้อมกับเรา หน้าตาดูไม่ยี่หระอะไร “สบายดีมั๊ย”
“เรื่อยๆ” มันไม่รู้จะถามอะไรรึไง
“เพื่อนพี่เป็นไงมั่ง”
“ไม่เกี่ยวกันแล้วนี่” คงอยากจะรู้ความเป็นไป หยีก็มาทำงานแล้วคงได้เจอกันบ้าง
“ปากดี ไม่เตะก็บุญแล้ว”
“เธอคงไม่มีมือ มีตีนคนเดียวหรอกนะหนึ่ง” เราว่ากลับ
“โอ๊ยแค่กระเทยจะไปสู้อะไรได้”
“เหรอ ลืมไปว่ากระเทยไม่มีทางสู้ พวกที่หลอกล่อเก่งได้หรอก” เราเดินออกจากลิฟต์ ไม่รู้สึกหรอกพวกที่ซื้อด้วยเงิน เรากับทีน่าคอยดูแลหยีจนหยีเริ่มดีขึ้น แต่บุคลิกของหยีเปลี่ยนไปไม่แรดไม่กระแต มีแต่ความนิ่ง จนสัมผัสได้ หยีมักจะปลีกตัวออกไปอยู่คนเดียวและไม่อยู่ห้องในวันหยุด รู้แต่ว่า ใจหยีมันสงบยาก หยีไปวัดเป็นประจำ
ตอนกรวดน้ำหยีอธิษฐานให้ใจของตัวเองนิ่ง แต่สายตาของหยีนั้นไม่ได้ดื่มด่ำซาบซึ้งกับผลบุญที่ทำเลย
“เห็นแก่ตัวนะพวกเรา ถ้าไม่มีความทุกข์ก็ไม่เคยนึกถึงพระ” หยีรำพัน
“ไม่ใช่หรอก อย่าคิดมากเรามาทำบุญเพื่อให้ใจสงบ ตอนนี้เป็นเวลาที่เราสงบใจได้ไม่ใช่เหรอ อย่างน้อยผลบุญก็ทำให้เรารู้สึกปิติ”
“ทีน่า หล่อนอธิษฐานว่าอะไร”
“ขอให้โลกสงบสุข ขอให้พบรักแท้”
“ยังหวังอีกเหรอ”
“แน่นอน สวยๆอย่างนี้ สักวันเขาก็จะเดินเข้ามา”
“เดินเข้ามากระชากวิกหล่อนไปใส่นะสิ”หยีสวนตอบ น้ำเสียงแจ่มใสกว่าที่เคย กว่าสองเดือนที่พวกเราเยียวยาหัวใจให้กัน ทำให้เรามองเห็นอะไรในความเป็นจริงหลายอย่าง เพื่อนแม้จะกัดกันทะเลาะกัน แต่พอทุกข์แล้วมันแผ่ซ่านเข้ามาในหัวใจ รับรู้ความรู้สึกชัดเจนมาก
“วันนี้ ชั้นได้ปล่อยใจไปแล้ว ชั้นปล่อยเขาไปแล้ว ไม่มีอะไรหลงเหลือในใจชั้นแล้ว จากวันนี้ต่อไปชั้นจะมีสติ แม้จะรู้ว่ายังตัดเขาไม่ได้ แต่ชั้นก็จะไม่ทุรนทุราย ชั้นจะเดินไปข้างหน้ากับความรู้สึกที่ดี จะนึกถึงแต่สิ่งที่ดีที่มีความสุข เขาไม่รักเรา มันก็เรื่องของเขา เรารักเขา มันก็เรื่องของเรา ดีมั๊ย เอ๋”
“แน่นอนที่สุด ไม่แปลก ตัดใจไม่ได้ก็รักมันต่อไป”
“อีพวกบ้า” ทีน่าค้อน “พูดยังกะคนปลงตก เดี๋ยวจะพาไปออฟผู้ชาย ว่าไงหยี”
“ไม่เอา” หยีส่ายหน้า “ตอนนี้ขออยู่คนเดียว เป็นโสดดีกว่า สนุกกว่ากันเยอะ เบื่อแล้วมีผัว ใครอยากมีก็ตามใจ”
หยีมองหน้าเรา “แต่ไอ้พวกผัวเยอะนี่ คงอีกความรู้สึกนึงนะ”
“แน่นอน ผัวเยอะก็ไม่มีเวลามาคิดถึงคนๆเดียว โทรหาคนโน้นคนนี้ก็หมดวันแล้ว สบายใจ”
“แล้วผัวคนอื่นนี่รวมอยู่ในนั้นด้วยมั๊ย”
”พูดอะไรทีน่า”
“ไม่รู้สิ รู้แต่ว่ามีเพื่อนเราคนนึงแอบปลื้มผัวชาวบ้านอยู่เล็กๆ คงไม่ต้องบอกนะหยีว่ามันเป็นใคร”
ทั้งคู่มองหน้าเรา เราทำไม่รู้ไม่ชี้ ผัวชาวบ้านเหรอ แวะส่งเราหน้าปากซอยทุกวันหลังเลิกงาน แต่ทำไงได้มันก็แค่ผัวคนอื่น แค่มองก็มีความสุขแล้ว...........................