Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 417
Message ID: 112
#112, RE: ขอร้องพี่ๆครับ ใครมีนิยายเรื่องหนึ่งใจหลายรักของพี่เอ๋CT บ้างครับ อยากอ่านต่อจนนอนไม่หลัยเลย
Posted by โปโป on 12-Mar-17 at 09:32 PM
In response to message #0
235.....
เรานอนเฝ้าโมที่โรงพยาบาล เพื่อนๆเขาก็ทยอยมาตอนเย็น เราจะโทรบอกพ่อแม่เขาที่ต่างจังหวัดก็โดนตวาดว่าไม่ต้องยุ่งอีก
“พ่อแม่จะได้ ตกใจนะสิ”
“โม แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีคนรู้นะอย่างน้อยแกจะได้ไม่ต้องห่วงมาก”
“คอยดูนะใครบอก” เราได้แต่นิ่ง พี่นงมองหน้าเราแล้วส่ายหน้า
“ไม่น่าเลยนะ คืนก่อนก็ยังสนุกกันอยู่เลย มันอะไรนักหนาเอ๋ ทำไมโมเขาเป็นแบบนี้” กลายเป็นเราผิดรึเปล่าเรามองแววตาพี่นง แล้วหลบสายตาแก กว่าที่ทุกคนจะกลับก็คุยจนเหนื่อย เราล้าพอสมควรขยับไปหาตัวเขา
“โมจะนอนรึยัง เช็ดตัวก่อนนะ” เขานั่งนิ่งมองเราที่ค่อยๆเช็ดไปตามหน้าตาของเขาเราปลดกระดุมเสื้อของแก เช็ดทั้งแผ่นหลัง เราถอดกางเกงคนไข้ออกแล้วเช็ดไปทั้งตัวทุกส่วน ทาแป้งลงบนไอ้ดื้อ อยู่ๆมันก็ดีดขึ้นมา เราใส่กางเกงให้เขา โมอายหลบสายตาเรา ให้เขากินยาเสร็จเราก็นอนลงที่โซฟาห่มผ้าแล้วนอน เราไม่เคยเฝ้าคนป่วยนอนไม่ค่อยหลับแปลกที่กว่าทุกครั้ง
“เอ๋” เสียงโมเรียก เรารีบลุกโมอยากเข้าห้องน้ำแต่สายน้ำเกลือมันเกะกะ เรายกน้ำเกลือไว้และประคองเขาค่อยๆเดินมือข้างเดียวมันทำอะไรได้ไม่ค่อยถนัด เราให้โมถือขวดน้ำเกลือไว้แล้วอ้อมไปข้างหลังเลื่อนกางเกงบางนั้นออกแล้วจับไอ้นั่นเขาไว้
“อย่าเพิ่งนะ เดี๋ยวมันเลอะกางเกง” เราจัดท่าให้เรียบร้อยมือก็จับมันไว้ให้เขา จนหมดสะบัดให้เขาและเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำก่อนจะประคองเขากลับไปนอน
“นอนซะนะ” โมคงระบมจากการทำแผล พอได้ยาก็หลับสนิท ตื่นมาอีกวันเขาก็ไม่พูดกับเรา เราก็ได้แต่ทำตามหน้าที่ไปเรื่อยๆ ดูแลเขาให้ดีที่สุด
“พรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้นะคะ แต่ว่าคงต้องพักฟื้นสักอาทิตย์ แล้วค่อยกลับมาให้หมอดูแผลอีกที”
“เรื่องงานไม่ต้องกังวลนะคะ พอหายดีแล้วมือก็กลับมาใช้ได้เป็นปกติเหมือนเดิม” หมอบอกกับโมโดยที่มีเรานั่งฟังอยู่ เพื่อนของโมทยอยมาเยี่ยมเราก็ปลีกตัวไปอยู่ข้างนอกเงียบๆจนทุกคนกลับ เราโทรไปลางานกับหัวหน้าสำหรับวันพรุ่งนี้ที่จะพาโมกลับบ้าน ที่ทำงานของโมให้โมหยุดงานจนกว่าจะหายดี
“โมจะให้ไปส่งที่ไหน ที่บ้านต่างจังหวัด หรือว่าที่ห้องโม” เราถามเขาหลังจากเคลียร์บิลล์ส่วนที่เหลือของประกันเสร็จ โมก็ไม่พูดอะไร
“โม พูดอะไรบ้างสิ เราไม่สบายใจนะที่โมเงียบแบบนี้ ถ้าทุกอย่างเราเป็นต้นเหตุ เราก็ยอมรับ แต่ขอให้โมแยกแยะนะว่า อะไรที่เป็นเรื่องของโมถ้าเราช่วยเหลือได้เราจะทำ เราโทรไปหาวีแล้วเขาต้องไปต่างจังหวัดด่วน ส่วนคนอื่นเขาก็ไม่สะดวก จะให้เราทำยังไง ถ้าหากโมไม่ต้องการให้เราดูแลต่อ เราก็ขอทำหน้าที่จนวันสุดท้ายแล้วกัน” เราเปิดประตูรถให้บุรุษพยาบาลประคองโมขึ้นรถ เขานิ่งอยู่พักแล้วถึงพูดออกมา
“เอ๋ไม่อยากจะทำ เราก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ ไม่ต้องบังคับตัวเองหรอกนะ และก็ไม่ต้องโทษตัวเองว่าผิดหรอก” เราเลี้ยวรถออกจากโรงพยาบาล
“แล้วโมจะไปที่ไหนหล่ะ”
“มีที่ไหนที่ควรจะไป” เขาหันมามองหน้าเรา
“ห้องของโม ก็ไม่มีคนดูแล” เราตอบ “พรุ่งนี้เราต้องไปทำงานแล้ว”
“เอ๋ห่วงแต่ตัวเองเหรอ” เราสะอึก
“เราไม่ได้ห่วงตัวเองหรอก แต่ว่าเราต้องรับผิดชอบ เราต้องเลี้ยงตัวเองไม่มีใครมาหาเลี้ยงเรานี่นา” เราขับรถไปเรื่อยๆ
“แล้วเราจะอยู่ยังไงคนเดียว มือก็เจ็บแบบนี้ จะทำอะไรสะดวกเหรอ”
“แต่มืออีกข้างยังใช้การได้นี่นา” เราหันไปมองหน้าเขาแล้วจอดรถที่ข้างทาง
“เราอยากให้เอ๋ดูแลเรา” เขาพูดออกมาตรงๆ “เอ๋เป็นสาเหตุให้เราเจ็บตัว” เรานิ่ง
“งั้นเหรอ” เราหันไปมองหน้าเขา
“ได้รึเปล่า เช้าเอ๋ก็ไปทำงานเอารถเราไปแล้วตอนเย็นก็รีบกลับมันไม่เห็นจะยากอะไรนี่” เขาพูดไปเรื่อยๆ “หรือมันยาก” เสียงเขาเริ่มตวัดขึ้นเล็กน้อย
“ไม่ยากหรอก” เราขับรถไปต่อจนไปถึงห้องเขา อพาร์ทเม้นท์ดูเงียบเชียบเพราะคนออกไปทำงานกันหมดแล้ว
“อาบน้ำหน่อยนะจะได้สดชื่น” โมยืนให้เราถอดเสื้อผ้าจนเหลือแต่ตัวล่อนจ้อน มือซ้ายของเขายังมีผ้าคล้องแขนอยู่
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวเราอาบเอง”
“อย่าเลยเดี๋ยวถูกแผล โมยืนดีๆนะคอยยกแขนไว้เราจะค่อยๆทำ” เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ให้เราค่อยๆราดน้ำลงบนตัวเขาช้าๆ แขนก็คอยยกขึ้น เราไม่เคยทำแบบนี้ให้โมหน้าเขาแดงตอนที่ต้องลุกขึ้นยืนให้เราถูสบู่ไปตามตัวของเขา เราขัดถูไปทั้งร่างไม่เว้นแม้แต่ซอกหลืบข้างหลังจนมาถึงข้างหน้า ท่อนลำที่เคยทำอย่างอื่นกันถูกเราฟอกสบู่ ปลิ้นเขาปลิ้นออก โมสะดุ้งเขายี่งอายไปใหญ่เมื่อมองลงมาหน้าและปากของเราอยู่ในระดับเดียวกันกับส่วนนั้นของเขา เราไม่มีความรู้สึกอะไรหรอกก็เหมือนอวัยวะส่วนอื่น แต่โมสิรู้สึกทั้งที่แขนเจ็บ มันกระดกอยู่ต่อหน้าเรา เขาก็หันหน้าหนี เราก็หลบสายตาไม่สนใจกับการตื่นตัวของมัน ไม่นานก็อาบน้ำเสร็จ โมพอจะแปรงฟันเองได้แต่เราต้องคอยระวังช่วยเขา
“เสร็จแล้ว” เขายืนให้เราเช็ดตัวจนแห้ง และทาแป้งให้จนเสร็จ
“นอนพักก่อนนะ เดี๋ยวเราลงไปหาอะไรมาให้กินนะ” เรากำลังจะเดินออกจากประตู
“เอ๋” เราหันตามเสียงเรียก
“ขอบใจนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก” เราเดินออกจากห้องขับรถไปเรื่อยๆ อย่างคนไม่มีความรู้สึก เรากำลังขัดแย้งในตัวเองเหลือเกิน เราจะอยู่กับเขา เพราะคำพูดของเขาที่บอกว่าเราเป็นต้นเหตุให้เขาเจ็บตัว มันถูกต้องแล้วหรือในเมื่อสิ่งที่เขาทำกับเรามันรุนแรงไม่ต่างกันเลย
การดูแลคนเจ็บมันเป็นงานที่ใช้ความอดทนสูงมากโดยเฉพาะการต้องดูแลคนที่มีอะไรในใจกันแบบนี้ เราตื่นแต่เช้าอาบน้ำแต่งตัวเตรียมของกินให้เขาแล้วออกไปทำงาน ตกเย็นก็รีบกลับจนเพื่อนสงสัยเพราะเราไม่เคยกลับเร็ว
โมนอนดูทีวีอยู่เงียบๆคนเดียว เราหอมแก้มเขาจากข้างหลัง
“กลับมาแล้วนะ วันนี้ดีขึ้นมั๊ย ยังเจ็บแผลอยู่รึเปล่า” โมส่ายหน้า
“ร้อนมั๊ย” เขาพยักหน้า คราวนี้เขาไม่ได้หลบสายตาเราตอนที่ทำความสะอาดส่วนนั้นอย่างเบามือ มันกระดกตัวทักทายเราเช่นเคย คราวนี้เราสิเป็นฝ่ายอาย โมจ้องตาเราไม่กระพริบ เรารีบราดน้ำให้เขาแล้วเช็ดตัวอย่างรวดเร็ว
“คิดอะไร อยู่ๆทำไมหน้าแดง”
“ไม่มีอะไรหรอก”
“มานี่ซิ” เขาเรียกเราให้ไปนั่งข้างๆ มือที่ไม่เจ็บคล้องคอเราไว้
“เราอยากอยู่กับเอ๋นะ” เราเบี่ยงตัวหลบการจูบของเขา
“เรายังไม่ได้อาบน้ำ”
“จะเป็นไร ไม่เห็นเหม็นนี่ น้ำหอมฉีดขนาดนี้ ไม่ฉุนตัวเองเหรอ” เราติดน้ำหอม หมดพี่โด่งก็มีพี่ภู ตอนนี้รองหัวหน้าก็หิ้วมาให้บ่อยๆจากเมืองนอก
“มีอะไรเหรอ”
“เราไม่กล้าคุยกับเอ๋ เพราะเรารู้สึกผิดที่ทำให้เอ๋ลำบาก”
“อย่าพูดถึงมันเลย”
“ตอนนั้นเอ๋ คงโกรธเรามาก”
“ก็โกรธ” เรารับคำเบาๆ “โมไม่รู้จักเราดีพอ ถึงเราอาจจะเผลอไปมีอะไรกับใครหรือทำตัวอย่างที่โมว่า แต่เราไม่มีความรักให้หรอก เราเป็นนักทำสถิติ โมไม่รู้เหรอ” เราตอบไปตามตรง “เวลาเราเมาหรือเจอคนที่ถูกใจ เราห้ามตัวเองไม่ได้หรอก เราต้องการเอาชนะ เรามั่นใจในตัวเองมาก เหมือนกับตอนที่เราพยายามจะจัดการกับโมโดยที่เราไม่สนใจเพื่อนโมว่าจะสงสัยรึเปล่า เรามันนิสัยแบบนี้แหล่ะ”
“เรารู้ แต่เราไม่อยากให้ทำ มีเราคนเดียวยังไม่พออีกเหรอ”
“ไม่รู้สิ”
“เอ๋รักใครเป็นรึเปล่า” คำถามที่เรายังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ เรารักใครไม่เป็นหรือมากรักกันแน่
“เป็นมั๊ง” เราไม่รู้จะตอบอะไร
“อย่าพูดอีกเลย”เราพยายามแกะมือเขาออก โมบีบที่ไหล่เราแน่นแล้วกดตัวเราลง
“เราจะทำให้เอ๋อิ่มที่สุด เราจะแก้โรคประจำตัวของเอ๋ให้ได้” เขาใช้มือที่ไม่เจ็บกดหน้าเราลงที่เป้าของเขา
“เอ๋”มันตื่นตัวอยู่ในกางเกงบางๆนั้น
“โม ยังไม่สบายอยู่นะ”
“มันแขนนี่ไม่ใช่ไอ้นั่น”
“จะดีเหรอ” เขายกก้นขึ้นเอามือข้างที่ไม่เจ็บถอดกางเกงออก แล้วดันให้เราลุกขึ้นนั่งทับมันไว้ มือที่เจ็บพาดไว้ที่ไหล่ของเรา เขาทำหน้าเหยเกไม่ต่างจากเราเท่าไหร่นัก
“เบาๆนะ เราไม่ค่อยถนัด” เราหยิกที่แก้มเขา
“เจ็บแล้วไม่เจียม จะกระแทกให้หักเลยคอยดูสิ” เราหยุดการเคลื่อนไหวแล้วจูบเขาเบาๆนานและนานก่อนจะลุกขึ้นปล่อยให้มันเป็นอิสระ เราเดินไปห้องน้ำอาบน้ำล้างตัวให้สะอาดแล้วกลับมาทำความสะอาดให้โม เขายังไม่เสร็จ โมเดินไปนอนบนเตียง มือที่ไม่เจ็บคอยกำกับจังหวะการขึ้นลงของปากเรา เขาครางเบาๆก่อนที่ทำนบมันจะทะลักทะลายเกือบอาทิตย์ที่เราไม่ยอมเขา โมกดหน้าเราแนบจนหยาดหยดสุดท้ายถึงได้ปล่อยเราเป็นอิสระ
ดีที่วีกับต่อมาช้าไม่อย่างนั้นโมคงจะค้างเติ่งแน่ วีพาต่อมากินข้าวกับพวกเราทุกเย็น ในบางครั้งสายตาของวีที่เราอาจจะเผลอคิดไปเองเหมือนกับเขามองเราอย่างเสียดาย

“ขับรถดีๆนะ” ถึงวันนัดดูแผล โมอาบน้ำแต่งตัวหล่อนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้เราขับ อยู่กับโมเราไม่เคยได้ขับรถให้เขาหรอก เพราะเขาไม่ชอบให้คนอื่นขับมีตอนที่เจ็บนี่แหละ
“อีกสองวันก็ใช้การได้แล้วนะคะ เก่งคะที่ทำกายภาพบำบัดด้วยตัวเองตลอด สุขภาพก็ดี อารมณ์ดีมากเลยนะคะ” เรานั่งอยู่อีกฟากของห้องเพราะโมขอให้เรามาฟังด้วย เผื่อเขาอาจจะเก็บรายละเอียดที่หมอบอกไม่หมด
“ทานยาชุดสุดท้ายก็มาหาหมออีกครั้งนะคะ คราวนี้นัดยาวเลย แผลไม่มีปัญหาแล้ว อีกเดือนมาหาหมอนะคะ” คุณหมอรุ่นแม่หน้าตาเหมือนแม่พระผู้อารี เช้าวันเสาร์ที่โรงพยาบาล โมเดินตามเราต้อยๆเหมือนลูกแหง่
ที่คล้องแขนถูกเอาออกแล้วโมเป็นอิสระ เขาบีบที่ไหล่เราไปตลอดทางกลับห้อง
“ถึงเราหายดีแล้วแต่เราก็ยังอยากให้เอ๋ดูแลไปตลอดนะ เอ๋ทำได้มั๊ย” เราหันกลับไปมองหน้าโม
“ถ้าโมจะใจเย็นกับเรามากกว่าที่ผ่านมา” เราตอบไปมองทางไป
“เราจะไม่วู่วาม ขี้โมโหกับเอ๋อีก”
เราได้แต่ยิ้ม มันคงเป็นไปได้ยากมั๊ง เพราะอารมณ์ของโมเป็นอย่างไร คบกับเขามานานขนาดนี้เรารู้ดี
“ไม่ต้องไปชวนเอ๋มันหรอกเบียร์ มันมีผัวแล้ว” ทีน่าบอกเมื่อเบียร์ชวนเราไปกินเหล้ากับกลุ่มเอ้าท์ติ้ง
“ผัวก็ส่วนผัวสิ นี่หัวหน้านะ” เบียร์ไม่ได้สนใจสิ่งที่กระเทยพูดกัน “ว่าไง ไปรึเปล่า” เราตอบตกลงก่อนที่จะโทรบอกโม
“อย่าดึกแล้วกัน เรารออยู่นะ” ใจเรานึกภาวนาว่าเมื่อไหร่โมจะไปต่างจังหวัดเหมือนวีซะที เราจะได้หายใจสะดวกกว่านี้ เราอยู่กับเขาเป็นอาทิตย์จนมันเอียน เขาไม่ใช่โมที่เราคุ้นเคย เราถึงไม่สนิทใจเหมือนเป็นคนที่เริ่มทำความรู้จักกันใหม่ยังไงยังงั้น
ร้านเดิมที่เดิม แต่คราวนี้มีพี่วริตมาแจมด้วย พวกเราคุยกันถึงกิจกรรมคราวโน้นอย่างไม่รู้เบื่อ ยิ่งพูดถึงยิ่งสนุก พี่วริตตามกุ้งกับแมนมาด้วยแกไม่รู้จะไปไหนก็เลยแวะมากินแล้วก็ยาว แกนั่งติดกับเราขาสีกันบ่อยจนน่าแปลกใจ พอรู้สึกตัวก็เจอสายตาแปลกๆมองกลับ
“เอ๋กับเบียร์ ไปกลับพี่สิ ทางผ่านอยู่แล้ว” เบียร์เหมือนอยากจะแยกแต่เขาก็ต้องจำใจนั่งหลังกลับด้วย จอดส่งเบียร์ที่หน้าหอ ก็ต่อไปที่อพาร์ทเม้นท์เรา เราแกล้งบอกให้มาส่งที่นี่ เพราะเราอยากแวะมาเอาเสื้อผ้าด้วยแล้วค่อยกลับห้องโม พี่วริตมองหน้าเรา
“พี่หิวน้ำ” แกบอกแล้วเดินตามเราขึ้นห้องพัก
“ไม่ค่อยอยู่ห้องเหรอ”
“พอดี เพื่อนไม่สบายเลยไปเฝ้าเขา” เราตอบตามตรง พี่วริตขอเข้าห้องน้ำ เราหยิบเสื้อผ้าและของใช้ที่จำเป็นใส่กระเป๋า แกจับแก้มเราเล่น
“พี่เมานะวันนี้” เราหันไปทำหน้าสงสัย
“เมาแล้วทำไมหล่ะพี่” เรายังสนใจกับเสื้อผ้าอยู่ พี่วริตเดินไปนอนเล่นที่เตียง
“พี่ดึกมากแล้วนะ เดี๋ยวที่บ้านเขาเป็นห่วงนะ” แกไม่ตอบแต่มองหน้าเราอย่างเชิญชวนสติสัมปชัญญะความรู้สึกผิดชอบชั่วดีมันขาดผึงไปพร้อมกับตอนที่เราปลดตะขอกางเกงยีนส์ของแกแล้วดึงเจ้างูตัวนั้นออกมาจากพุ่มไม้รกทึบออกมาเล่น มันแผ่แม่เบี้ยขู่เรา ลำตัวมันโงนเงนหลอกล่อไปมา เราค่อยๆคว้ามันที่หัวแล้วรูดลำตัวของมันช้าก่อนที่ขย้อนมันเข้าปากเราจะรีดพิษเจ้างูตัวนี้ให้ราบคาบเลย
“ขอถุงยางหน่อย” พี่วริตดันหน้าเราออก คนที่รักลูกรักเมียอย่างพี่วริตค่อยๆจ่อมันเข้าช้าๆ
“ช่วยกันนะ” แกทาบทับมาที่หลังของเราพร้อมกับขยับมันเข้าออกอย่างรุนแรงไปเรื่อยๆ หลายครั้งที่แกพยายามจะดูดต้นคอเราแต่เราหลบ เราไม่ต้องการให้ใครมาประทับตราให้เราอีกพี่วริตหอบหายใจถี่แกเร่งสปีดจนเราเผลอคราง แกรีบดึงถอนลำและดึงถุงยางออกละเลงลงที่ก้นเราจนเหนียวเหนอะ ก่อนจะลุกทำความสะอาดอย่างรวดเร็ว
“พี่กลับก่อนนะ” แกเหมือนคิดอะไรได้เมื่อทุกอย่างมันจบลงไปแล้ว เราอาบน้ำแต่งตัวแล้วหิ้วกระเป๋าเดินออกจากห้อง เรียกแท็กซี่ไปห้องโม เรานั่งคิดไปตลอดทาง เรามันเลว ที่ไม่รู้จักหักห้ามความต้องการของตัวเองของของคนอื่นก็ยังอยากได้
เราปรับสายตาให้คุ้นกับความมืดในห้องก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอน
“สนุกมั๊ย ทำไมดึกจัง” เสียงงัวเงียพร้อมกับพลิกตัวมากอดเราไว้
“พอดีแวะไปเอาเสื้อผ้าที่ห้อง”
“ไม่เห็นต้องรีบเลยนี่”
“ติดรถเพื่อนมาพอดีทางผ่าน” เราบอกเขาเบาๆ “จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปเอาวันพรุ่งนี้ไง”
“ฮื่อ” โมตอบแล้วซุกหน้าที่ซอกคอเราไว้ เราได้แต่ลืมตาในความมืด .......อีเลว เราด่าตัวเอง