Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 417
Message ID: 121
#121, RE: ขอร้องพี่ๆครับ ใครมีนิยายเรื่องหนึ่งใจหลายรักของพี่เอ๋CT บ้างครับ อยากอ่านต่อจนนอนไม่หลัยเลย
Posted by มีแค่ตอนสุดท้ายที่โพสต์ไว้ on 10-May-17 at 10:36 PM
In response to message #120
546….
เรารู้สึกเหนียวตัวจนนอนไม่หลับแม้ว่าห้องนอนจะเย็นฉ่ำเพราะแอร์แต่ก็ทนไม่ไหวเพราะฤทธิ์ของอัลกอฮอล์ทำให้ความร้อนจากในตัวมากกว่าปกติ เราขยับตัวหลายครั้งเพื่อให้ความรำคาญนั้นหมดไปแต่มันก็เป็นไปไม่ได้ อั้นหลับไปแล้วมั๊งเพราะเสียงกรนเบาๆเป็นระยะ เราลุกขึ้นเดินออกไปนอกห้องนอนแล้วตรงไปที่ห้องน้ำที่อยู่อีกด้าน หยิบของใช้ส่วนตัวในการอาบน้ำออกมาเพื่ออาบน้ำ ห้องน้ำค่อนข้างจะเซ็กซี่ในสายตาของเราเพราะช่องลมเป็นแบบเปิดออกได้เรามองเห็นดวงจันทร์จากช่องหน้าต่างนั้น อาบน้ำเสร็จแล้วค่อยสบายตัวหน่อย เรามันประเภทที่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมตลอดเวลา อย่างน้อยก็มีเสื้อยืดกางเกงนอนขาสั้นพกไว้เสมอเวลาไปไหนมาไหน เครื่องประทินผิวขนาดพกพาช่วยไว้ได้เยอะ อาบน้ำแล้วค่อยสบายตัวหน่อย ประพรมน้ำหอมกลิ่นที่ชอบไนท์ครีมซึมซับไปทั้งหน้าพร้อมลิปมันแตะที่ริมฝีปาก แล้วก็กลับมานอนต่อ เสียงแมลงกลางคืนบ่งบอกถึงธรรมชาติที่ยังคงมีอยู่กลิ่นหอมเย็นๆ เราสอดตัวเข้าไปในผ้าห่ม และสัมผัสที่แก้มของอั้นไปมา
“นอนไม่หลับเหรอพี่เอ๋” เสียงเขาอู้อี้เล็กน้อยก่อนจะขยับตัวมาใกล้
“เหนียวตัวเลยไปอาบน้ำ”
“สบายตัวขึ้นมั๊ย”
“เยอะเลย”
”ทนเหม็นไปก่อนนะผมขึ้เกียจไปอาบเดี๋ยวนอนไม่หลับ” อั้นขยับมากอดเอวเราไว้เขาซบหน้าลงที่ไหล่ของเรา ลมหายใจอุ่นๆรดที่ต้นแขนของเรา
“ตัวเย็นดีจัง” อั้นกอดเราไว้กับตัวมากขึนเรื่อยๆ
“ตัวเหนียวเชียว”
“ไม่หรอกน่า นอนเถอะพี่” อั้นกระซิบที่ข้างหูกลิ่นไวน์ยังคงกรุ่นตอนนี้มันเริ่มแรงขึ้นแล้วไม่หอมเหมือนเมื่อครู่ซะแล้ว
“เมื่อก่อนเมายังไงก็นอนด้วยได้นี่นา”
“ไหนว่าจะนอน” เราลูบผมอั้นไปมาก่อนจะเอามือเขาออกจากเอวแล้วนอนตะแคงข้างให้เขา อั้นแนบตัวให้ชิดกับตัวเรามือยังคงวางที่สะโพกเราและเราเองก็หลับไปในที่สุด

อากาศตอนเช้าในสวนนี่สดชื่นยิ่งนัก เราลุกขึ้นบิดขี้เกียจหลังจากหลับยาวมาทั้งคืนจนเช้า รีบอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยจะได้กลับห้องเสียที เช้าวันอาทิตย์ทีแสนจะรื่นรมย์ เราจิบกาแฟอยู่หน้าบ้านไม่นานอั้นก็ตื่นแล้วก็ล้างหน้าล้างตาเรียบร้อย
“รีบตื่นทำไม”
“ถึงเวลามันก็ตื่นขึ้นมาเอง”
“แล้วนี่จะรีบไปไหนนี่”
“กลับห้องสิ กว่าจะไปถึงก็สายพอดี”
“แล้วพี่จะทำอะไรวันนี้”
“ไม่มีแพลน คงกลับห้อง แล้วหาอะไรกิน เดินเล่นห้างมั๊ง”
“น่าเบื่อ”
“อ้าวแล้วจะให้ทำอะไรละค่ะ คุณลุงไม่มากินน้ำชาตอนเช้าเหรอ” อั้นมองหน้าเราเหมือนเคือง
“ไมมองงั้นหล่ะ”
“อย่าพูดได้มั๊ย ขี้เกียจหงุดหงิดแต่เช้า”
“อาบน้ำแล้วก็ไปส่งพี่หน่อยสิ แค่ปากซอยก็ได้” เราคว้ากระเป๋าแล้วเดินลงบันได
“จะรีบไปไหนเนี่ยยังไม่เจ็ดโมงเลย”
เราไม่สนุกแล้วเราก็อยากกลับเป็นเรื่องธรรมดาไม่เห็นต้องถามเลย
“แล้วตัวเองรีบตื่นทำไมละ ไม่นอนต่อ”
“ไม่มีคนให้กอด”
“กอดไม่ไหวหรอกเหม็น” เราแหวะใส่อั้น เราเดินลงไปจนถึงบันไดขั้นสุดท้ายไม่ได้น้อยใจอะไรหรอกก็แค่ว่ามันเหมือนแปลกๆในตัวอั้นและตัวเราเองด้วย คงจูนไม่ค่อยติดแล้วมั๊งคงเหมือนพี่กับน้องไปแล้วสิท่า
“บอกให้ขึ้นมาไง” อั้นลงมาดึงมือเรากลับไปชั้นบนเช่นเดิมแล้วกระชากประตูบ้านให้ปิดอย่างรวดเร็ว
“คนอยากจะนอนยังจะมางอแงอีก”
เราขี้เกียจจะเถียงแล้วเลยนอนลงข้างๆ อั้นจับมือเราเอาไว้แล้วหัวเราะคนเดียว เราไม่งงและไม่ถามด้วยอยากคิดอะไรก็คิดไปเถอะ
เขาโน้มตัวลงมาจูบที่ต้นคอเราและซุกไซ้ไปมา เคราแข็งๆครูดกับลำคอเราจนขนลุกเกรียวจนต้องหดคอเอาไว้แต่อั้นก็ไม่หยุดยังคงซุกไซ้ไปมาจนเราเลิกเกร็งเพราะชิน เขาเอาคางเกยที่หน้าอกของเราและจ้องตาเรานิ่ง
“พี่คบกับใครอยู่ตอนนี้”
“เรื่อยๆ”
“กับคนเก่าเหรอ ชื่ออะไรนะผมจำไม่ได้”
“อย่าไปจำเลย”
“เลิกกับคนนั้นไปแล้วเหรอ”
“ถึงเวลาก็เลิก” เราตอบสั้นๆไม่อยากรื้อฟื้นหรือคิดอะไรให้มันมากไปกว่านี้ ไม่งั้นสมองเราก็จะวนเวียนหาคำตอบให้ตัวเองไม่เลิกว่าตอนนั้นมันจบลงยังไง นับแต่วันนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีกแม้ว่าเรากลับมาอยู่กรุงเทพอีกก็ตาม เราไม่แม้แต่จะหาคำตอบจากต่อเสียด้วยซ้ำ เขาจะยังไงอย่างไร คิดไปก็ไม่มีอะไรดีขี้น เพราะเราไม่เหลือจิดใจให้เขาแล้วก็คงเหมือนกับเขาที่ป่านนี้เรื่องราวเหล่านั้นคงเหมือนลมที่ผ่านไปในแต่ละวัน
“แล้วตอนนี้อั้นละคบกับใครอยู่”
“ก็นิดหน่อยตามประสา”
“คบกับคนแก่แล้วเหรอตอนนี้”
“หมายถึงใคร”
”ก็คุณลุงไง เมื่อคืนดูเหมือนลับลมคมในอะไรไม่รู้”
“ไม่มีอะไรหรอก แค่คนแก่แกเหงาไม่มีคนคุยด้วย หึงเหรอ”
“หึง” เราทำหน้างง “เข้าใจผิดละมั๊ง อั้นทิ้งพี่ไปตั้งนานแล้ว พี่จะไปหึงเราให้เมื่อยทำไม”
“ปากแข็ง ยังไงพี่ก็ไม่มีทางลืมผมหรอก”
“เอาอะไรมาพูดจ๊ะรูปหล่อ”
“ปากแข็งไปเฮอะ ไม่งั้นจะยอมมาง่ายๆได้ไง คงรอผมง้อสิเนี่ย”
“เข้าใจผิดไปใหญ่แล้วก็แค่อั้นชวนแล้วพี่ก็อยากมาเห็นเพราะว่างมันก็แค่นั้น หล่อแค่ไหนถ้ามันหมดเวลาแล้วทำไงก็ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกว่ามั๊ย”
“แล้วไม่เสียดายมั่งเหรอ หล่อๆแบบนี้”
“ตัวเองหายไปไหนมาละ ไปซะเงียบ กลับมาก็เงียบ ใครจะไปรอไหว ถึงไม่มีใครก็ไม่รอแล้ว”
“ใจแข็งด้วยนี่”
“แน่นอน” อั้นหัวเราะแล้วพลิกตัวไปนอนอีกข้างนึง
“ไม่รู้สิ อยากมาเจอพี่เอ๋เหมือนกันนะแต่ว่าทำไมถึงไม่มาก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“เยื่อใยมันหมดไปแล้วก็ขี้เกียจเป็นของธรรมดา” เราก็เป็นเหมือนกัน รู้ว่าอยากเจอแต่ก็ขี้เกียจที่จะไปหาเป็นออกจะบ่อย
“ว่างๆก็มาเล่นที่นี่บ่อยๆสิ”
“ไปมาลำบาก”
“วันไหนจะมาก็รอมาพร้อมผมเก็บเสื้อผ้าไว้รอเลย”
“มาเพื่อ” เราหัวเราะ
“เผื่อว่าจะจูนกันติดอีกไง”
“ไม่มีทางหรอก อั้นไม่เหมือนเดิมแล้ว โตขึ้นเยอะแยกแยะได้มากกว่าเดิมและก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว”
“เป็นผู้ใหญ่หมายความว่าไง”
“เป็นผู้ใหญ่ก็ไม่มีเวลามานั่งคิดเรื่องโน้นเรื่องนี้เหมือนตอนเป็นเด็กไง”
“พี่ว่าผมแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“มั๊ง”
“ไม่น่ากิน”
“มั๊ง หรืออีกอย่างคงลืมว่าน่ากินยังไง”
“อยากกินสิเนี่ย”
เรายิ้มแล้วโน้มตัวไปหาเขามั่ง
“เมื่อคืนก็เกือบได้กินแล้วแต่ก็อดจนได้”
”รออีกคืนสิเผื่อได้กิน”
”จะคุ้มเร้อ”
“มีเหรอที่ไม่คุ้ม” เราจ้องตากันนิ่งมันน่านัก แล้วเราทั้งคู่ก็อึ้งไปสักพัก
“พี่เริ่มต้นไม่ถูกเหมือนกันว่าจะยังไงดี”พูดเสร็จก็อายตัวเอง
“ไม่มีอารมณ์เพราะอิ่มมากกว่า”
“แล้วอั้นละ”
“ไม่รู้สิ ผมเริ่มแล้วแต่พี่ไม่คล้อยตาม”
“เริ่มแล้วเนี่ยนะ นึกว่าทำเล่นๆ”
”จะเล่นไปทำหอยอะไรละพี่ ของมันเคยแล้วหรือว่าจำไม่ได้”
“อั้นเหมือนเดิมตรงที่หล่อ แต่นิสัยไม่ค่อยเหมือน พี่ไม่คุ้นกับอั้นแบบนี้”
”แล้วคุ้นแบบไหน”
“แบบอั้นคนเดิมมากกว่า พี่คงจำได้แต่อั้นตอนนั้นไม่ใช่อั้นที่เป็นแบบนี้”
“ผมก็เหมือนเดิม ใครมั่งมันจะไม่แก่ จะให้ผมเป็นเด็กไปถึงไหน เมื่อวานก็ถามว่าเมื่อไหร่จะมีเมีย จำไม่ได้เรอะ”
“ฮื่อ” เราลุกขึ้นนั่งเท้าแขนมองไปรอบห้องอีกครั้งนาฬิกาข้างฝาเหมือนเดินช้ากว่าปกติอั้นโอบเอวเราไว้แล้วดันตัวมานั่งข้างๆ
“แปลกดีนะ”
เราพยักหน้า เขาก้มลงมาจุบที่ปากเราทีนึง
“กลับก็กลับแล้วกันนอนไม่หลับแล้ว จะให้ไปส่งที่ไหน”
“ตามสะดวกที่ไหนใกล้รถแท๊กซี่ก็กลับได้”
อั้นลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าออกจากตัวกางเกงอยู่กับบ้านหล่นลงที่พื้นแล้วเขาก็หันหน้ากลับมาหาเราและเดินเข้ามาช้าพร้อมกับการแกว่งไกวของแก่นกายกลางลำตัวของเขา มันอยู่ระดับเดียวกันกับใบหน้าของเรา ใกล้แค่อ้าปากไปหาอีกนิดเดียวก็จะถึงอั้นจับไหล่เราทั้งสองไว้ตาจ้องตาเหมือนชักชวนให้เรายินยอมแต่เจ้ากรรมทุกอย่างเหมือนหยุดชะงักเพราะเสียงออดที่หน้าบ้าน อั้นตกใจ เราคว้าเอวของอั้นไว้แล้วแนบหน้าซุกกับหน้าท้อง
“ตกใจทำไมหล่ะอั้น ก็อั้นบอกว่าอั้นยังนอนไม่ตื่นแล้วจะรีบไปไหน”
อั้นก้มลงมองหน้าเรา เขายิ้ม
“ไม่จำเป็นไม่ใช่เหรอที่จะต้องรีบออกไปเปิดประตูรับแขกแต่เช้าในเมื่อธุระของเรายังไม่ถึงไหนเลย”
เราลูบไล้ไปมาในสิ่งที่เราเคยคุ้นและเอ็นดู
“เอ หรือว่านัดกันไว้ จะไปไหน ไปวัดกันเหรอ เช้าวันอาทิตย์เนี่ย”
“พูดเล่นอยู่ได้ ปล่อยก่อนเถอะพี่ ผมรำคาญเสียงออดเต็มทนแล้ว”
คนกดน่าจะมีมารยาทนะ ที่ยังไม่มีคนไปเปิดก็ยังคงกดอยู่ได้ อั้นรีบคว้ากางเกงยีนส์มาใส่แทนกางเกงใส่เล่นที่บ้านพร้อมกับเสื้อยืด ปะผมน้ำหอมและหวีผมอย่างรวดเร็ว เราไม่ต้องทำอะไรเพิ่มนอกจากคว้ากระเป๋าสะพายใบเก๋ของเรามาคล้องที่ไหล่
“งั้นพี่กลับแล้วกันนะจ๊ะ”
เราไม่รอที่อั้นจะตอบว่าอะไร เดินผ่านด้านข้างของเขาเปิดประตูห้องนอนออกไปแล้วก็เปิดประตูบ้าน คนกดออดเป็นชายวัยกลางคนยังคงชะเง้อมองอยู่ที่ประตูรั้ว
“ทำอะไรอยู่อั้น สายแล้วนะ” เสียงแกถามมาอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ได้ดูว่าเป็นใคร คงดีใจที่เห็นประตูเปิดแล้วแต่ไมทันมองว่าไม่ใช่คนที่อยากจะคุยด้วย
เราเดินลงบันได
“อ้าวนี่ใครกันละ”
“เพื่อนอั้นฮะ” เราตอบพร้อมกับเปิดประตูรั้วให้แกเดินเข้ามาในมือมีถุงปาท่องโก๋กับโจ๊กเสียด้วย
“แล้วอั้นละหนู” แกเรียกเราว่าหนู
“เพิ่งตื่นเดี๋ยวคงลงมาฮะ” เราตอบ
“นี่ไปไงมาไงละเรา”
“มากินเหล้าตั้งแต่เมื่อวาน เมาเลยค้างที่นี่ และก็กำลังจะกลับฮะ”
เราตอบไปตามความเป็นจริง
“เดี๋ยวรออั้นแป๊บนึงนะฮะ ผมกลับแล้ว”
“อ้าว จะรีบกลับไปไหนละ ลุงแค่แวะเอาโจ๊กกับปาท่องโก๋มาให้ ไม่รู้ว่ามีสองคนเมื่อคืนอั้นไม่ได้บอกว่าเพื่อนมาค้างด้วย”
“ขอบคุณฮะ แต่ต้องกลับแล้วไว้คราวหน้ามาจะรบกวนนะฮะ” ฟังดูเย็นชายังไงก็ไม่รู้
“ชื่ออะไรละเรา”
“เอ๋” อั้นตอบแทนเรา
“แวะไปตลาดมาเลยซื้อมาฝากไม่รู้ว่าเอ๋อยู่ไม่งั้นจะซื้อมาเผื่อด้วย เพื่อนน่ารักดีนะ”
ลุงมองเราทีมองอั้นที แวบในแววตาของแกมันเหมือนพวกเรา เราคิดว่าแกคงเห็นอะไรบางอย่างเพราะแววตาของแกเราดูได้ง่ายว่าไม่ได้ต่างจากเรานักหรอกน่า เราหันไปมองหน้าอั้นแล้วยิ้มอั้นรับถุงจากมือของลุงไปถือ แกกำชับให้รีบกินก่อนจะเดินไปที่บ้านของแกที่อยู่รั้วถัดไปบ้านใกล้เรือนเคียง เราอมยิ้ม
“พี่ยิ้มอะไร”
“เสน่ห์แรงนะเรา”
“พี่หมายความว่าอะไร” อั้นมองหน้าเรา
“ก็หมายความอย่างที่พูดนะสิ ถามได้” เราดึงประตูรั้วไว้
“แล้วนี่จะกลับยังไง”
“เดินไปปากซอยแล้วเรียกแท็กซี่ หรือถ้าอั้นจะใจดีไปส่งก็โอเคนะ” เรามองที่มือของอั้น “แต่ว่ารีบไปกินโจ๊กกับปาท่องโก๋ก่อนเถอะ เดี๋ยวมันเย็นแล้วจะไม่อร่อย” เราหมั่นไส้อั้นขึ้นมาโดยไมมีสาเหตุแล้วผลักบานประตูปิดไว้ตามเดิม รั้วไม้สีขาวสูงแค่อกเราหันหลังให้อั้นแล้วออกเดินไปตามทางราดปูนโดยไม่หันหลังกลับไปมอง ไม่ได้ใกล้อย่างที่คิดกว่าจะถึงปากซอยก็เหงื่อซึมเหมือนกัน ออกปากซอยก็ต้องเดินไปอีกประมาณนึง จะกลับเรือหรือรถดี กลับเรือก็เดินไปอีกแต่กลับรถถนนตอนนี้ก็ไม่มีแท็กซี่ผ่านเลย
“ขึ้นสิจะไปส่ง” อั้นขับมอเตอร์ไซค์มาเทียบข้างๆเรา คงกินโจ๊กหมดแล้วออกมาแน่ๆ ปล่อยให้เราเดินซะเหงื่อตก เราขึ่นคร่อมที่อานด้านหลังอั้นยื่นหมวกสำรองให้เราใส่
“ใส่ซะ” เรารับมาใส่ตามที่บอก
“ไปแค่ท่าเรือต้องใส่หมวกด้วยเหรอ”
“ดีกว่าไม่ใส่น่า” อั้นบอกแล้วก็บิดอย่างแรง อั้นขับรถพาเราลัดเลาะออกไปจนเจอถนนใหญ่ที่ออกไปอีกทาง
“นี่จะไปไหน”
“ไม่รู้ อยากขับรถเล่น” อั้นตะโกนแข่งกับเสียงลมที่ดังอื้ออึงอยู่ข้างหูตามความเร็วของรถ เราจำอะไรไม่ได้นอกจากสายลมที่อื้ออึงพัดผ่านใบหู