Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 417
Message ID: 71
#71, RE: ขอร้องพี่ๆครับ ใครมีนิยายเรื่องหนึ่งใจหลายรักของพี่เอ๋CT บ้างครับ อยากอ่านต่อจนนอนไม่หลัยเลย
Posted by POPO on 03-Aug-16 at 09:21 PM
In response to message #0
71
เราเอาผลไม้อบแห้งของฝากจากเชียงใหม่ไปให้พี่เพลินที่บ้านตลาดทันทีที่ไปถึง
"ขอบใจเอ๋ ไงสนุกมั๊ย ทำไมทำหน้าอย่างนั้นหล่ะ เพิ่งไปเที่ยวกับแฟนมานี่" พี่เพลินซักพร้อมกับลากเก้าอี้มานั่งคุย แกกำลังเก็บร้านอยู่
"ก็สนุก แต่เอ๋คิดว่าเขาคงไม่ใช่แฟนเอ๋อีกแล้วหล่ะพี่"
"ทำไมหล่ะ" เราก็เล่าเรื่องราวในความคิดของตัวเองให้แกฟัง พี่เพลินส่ายหน้า
"กระเทยก็อย่างนี้ ทุกที ไม่ว่ารุ่นเล็กรุ่นใหญ่ พี่เคยบอกเอ๋ว่าไง จำไม่ได้เหรอ" เราส่ายหน้า
"อยู่กับความสุขสิ วันนี้ได้แค่นี้ก็ต้องเอาแค่นี้ ไม่ต้องคิดเผื่อแผ่ไปจนถึงวันข้างหน้า เจ๊มีประสบการณ์มาหมดแล้ว มันก็รูปแบบเดียวกันทั้งนั้น เอ๋ก็รู้นี่นาว่าเราไม่ใช่ผู้หญิงจะวาดฝันวิมานไปทำไม" พี่เพลินแกะของฝากกินเล่นมองหน้าเรา
"เอ๋ก็เห็นนี่นา ขนาดเจ๊ทำมาหากินเองได้แล้วอยากจะเลี้ยงผู้ชาย อยากจะมีผัวกี่คนก็ทำได้ แต่ทำไมเจ๊ไม่ทำ ความรักของกระเทยมันเศร้า เอ๋ก็รู้ แล้วไอ้นิยายกระเทยแปลงเพศที่เราอ่าน ตอนจบมันเป็นไง ผ่าแล้วก็ใช่ว่าเขาจะรัก สุดท้ายก็ใส่ชุดแต่งงานนอนตายอยู่คนเดียว"
"แต่ว่า...." พี่เพลินเอามือจุ๊ปาก
"ไม่มีแต่ยะ อย่าคิดไปเองอย่าเหมาเอาเองว่าที่เขาเอากับเรา เพราะเขารักเรา เจ๊ไม่อยากให้เอ๋คิดแบบนี้ มันไม่ค่อยถูกต้องสำหรับกระเทย"
"แล้วเขาคิดอะไรกับเอ๋หล่ะ" เรายังไม่ยอมง่ายๆ
"ถ้าให้เจ๊คิดเองก็คือไม่ได้คิดอะไร แต่สำหรับใจเขาเจ๊ไม่รู้จริงๆ ที่ดีที่สุดตอนนี้คือใจเราเองเท่านั้น ถ้าเอ๋ยังคิดตามความคิดของเอ๋ เจ๊ก็ไม่รู้จะบอกยังไง ของอย่างนี้ต้องหาคำตอบให้กับตัวเอง แล้วไม่นานหรอกเอ๋จะตอบคำถามตัวเองได้หมด โดยไม่ต้องถามใครเลย"
"แล้ว พี่โด่งเขาจะโทรมาหาเอ๋มั๊ยพี่ เขาจะคิดถึงเอ๋มั๊ย"
"เด็กเอ๋ย เราหล่ะคิดถึงเขารึเปล่า" เราพยักหน้า
"คิดถึงก็โทรไปหาเลยสิ จะอ้ำอึ้งชักช้าอยู่ทำไม"
"เอ๋กลัว ว่าเขาจะไม่รับโทรศัพท์"
"แล้วเราโทรหาเขาแล้วเหรอ ถึงรู้ว่าเขาจะไม่อยากรับ" พี่เพลินส่ายหน้า "จะต้องให้บอกให้สอนอีกเมือ่ไหร่ ว่าชีวิตกระเทยต้องหาแต่ความสุขใส่ตัวไม่ต้องคิดมาก ถ้าทำแล้วมีความสุขและไม่เดือดร้อนใคร ก็ทำไปเถอะ อย่างน้อยก็จะได้สบายใจ โทรไปถ้าไม่เจอเขา เขาก็อาจจะติดธุระอยู่ก็ได้ หรือเขาอาจไม่สะดวกในตอนที่เราโทรไป อย่างน้อยเราก็ได้ทำแล้ว" พี่เพลินผละไปเก็บร้านต่อทิ้งให้เรานั่งเซ็งอยู่คนเดียว ทุกคำพูดที่เพลินพูดกรอกหูเรายังคงจำได้ทุกครั้งและมันดังชัดขึ้นมาทุกทีที่อกหัก
เรากลับมาที่ร้านนั่งจ่อมอยู่หน้าเครื่องโทรศัพท์เหมือนรอให้มันดังขึ้นมาเอง เตี่ยกับแม่กลับบ้านไปแล้วเราเก็บของในร้านเสร็จ ก็นั่งชั่งใจอีกพักว่าจะทำยังไง มือคว้าหูโทรศัพท์ แล้วค่อยๆหมุนเบอร์อพาร์ทเมนท์พี่โด่ง โอเปอเรเตอร์ต่อสายให้แล้ว เสียงสายว่างดังกังวานอยุ่นานพอดูกว่าจะมีคนรับ เราใจสั่นเกือบสองทุ่มแล้วทำไมพี่โด่งยังไม่กลับอีก เรานึกในใจว่าจะรอให้สายตัดไปเองแล้วค่อยวางหู
"ฮัลโหล" เสียงคุ้นๆรับสายแล้ว "ใครครับ" เหมือนน้ำลายมันเต็มปากกว่าจะพูดกลับไปได้
"เอ๋ฮะพี่"
"เออ ลืมไปพี่ว่าจะโทรหาพอดี ไงถึงบ้านรึยัง"
"ถึงแล้วพี่ พี่โด่งทำอะไรอยู่เหรอ รบกวนรึเปล่า"
"กำลังอาบน้ำ นี่ยังอาบไม่เสร็จเลย เอ๋มีอะไรรึเปล่า"
"ก็จะโทรมาบอกว่าถึงบ้านแล้ว" น้ำเสียงของเราเหมือนสั่นและขาดหายเป็นห้วงๆ ดูเหมือนเราไม่มั่นใจที่จะคุยกับพี่โด่ง
"แล้วเป็นไงบ้าง" พี่โด่งถามมาอีก
"คิดถึง"
"พี่ก็คิดถึงเราเหมือนกันแหล่ะ แล้วนี่กินข้าวรึยัง"
"กินแล้ว แล้วพี่หล่ะ"
"วันนี้จะออกไปข้างนอกกับเพื่อนพอดี แค่นี้ก่อนนะเอ๋เดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำต่อ"
"เดี๋ยวก่อนพี่"
"มีอะไรครับ"
"เอ๋รักพี่นะฮะ" เรายังควบคุมน้ำเสียงตัวเองไม่ได้
"ฮื่อ แค่นี้ก่อนนะครับ" เราขยับปากจะพูดอะไรอีกแต่ปลายสายก็วางหูไปแล้ว เสียงโทรศัพท์ที่วางสายแล้วยังดังกังวานอยู่ในหูกว่าเราจะวางมันลง เหงายิ่งนัก เหมือนขอบตามันร้อนผ่าว เราได้ทำในสิ่งที่ต้องการแล้วนี่ พี่โด่งก็ไม่สะดวกที่จะคุยด้วยอย่างที่พี่เพลินพูดจริงๆ ถอยรถออกจากร้าน แล้วปิดประตู เราขับมอเตอร์ไซค์ไปตามทางเรื่อยๆ วนไปตามถนนสายต่างๆ จนเบื่อถึงเลี้ยวกลับบ้าน เตี่ยกับแม่กำลังดูทีวี น้องๆกำลังทำการบ้านหน้าจอทีวีเหมือนกัน
"เอ๋ ทำไมกลับดึกนักหล่ะ" แม่ละสายตาจากละครมาถาม
"ไปขี่รถเล่นมา"
"เดี๋ยวก็ไม่สบาย ยังเที่ยวไม่อิ่มเหรอ"
"ไม่ได้อยู่บ้านนานก็เลยคิดถึงนะแม่"
"เออ น้าอ๊อดมาแล้วนะ เห็นเขาถามหาเอ๋แหน่ะลูก เห็นว่าจะชวนไปกรุงเทพฯ" แม่ลูบหัวเรา "ก็เพิ่งกลับมานี่นาคงไม่อยากไปแล้วมั๊ง" น้าอ๊อดเป็นน้องชายแม่ที่ทำงานโรงแรมในกรุงเทพฯ เรามีน้าสามคนที่ทำงานโรงแรม "เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปถามเขาที่บ้านยายนะว่ามีเรื่องอะไร พอดีมัวแต่คุยเรื่องอื่นเลยลืมถาม" ครอบครัวแม่จะมีสังสรรค์ปีใหม่ทุกปีที่บ้านยาย ลูกทุกคนจะกลับมาฉลองกับตาและยายทุกปี เราพยักหน้าก่อนจะแยกตัวไปอาบน้ำและขึ้นนอน เราไม่คุ้นกับห้องนอนเราเท่าไหร่นัก การนอนคนเดียวโดยไม่มีพี่โด่งกอดก่ายในคืนนั้น ทำให้นอนไม่หลับ ได้แต่ลืมตาอยู่ในความมืดเอาหมอนมากอดแล้วสมมติว่าเป็นพี่โด่ง และพูดคนเดียวกับหมอน เหมือนมันรับฟัง ท่าจะบ้าไปแล้วเรา เรานอนหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้......................
"เอ๋ เมื่อไหร่จะไปเรียนหนังสือ" น้าอ๊อดถามเมื่อเจอหน้าที่ตลาด น้าจะมาเล่นกับแม่ที่ร้านทุกครั้งที่มา
"ก็มันยังไม่เปิดเทอมนี่นา"
"ไปทำงานกรุงเทพฯกับน้ามั๊ย"
"ใครจะช่วยเจ๊ขายของ" แม่บอก
"เดี๋ยวมันไปเรียนหนังสือ ก็ต้องหาลูกจ้างแล้ว เพื่อนผมมันให้หาคนไปทำงาน นายมันเปิดร้านอาหาร อยากได้เด็กไปเสริฟ"
"อะไร จะให้เอ๋ไปเป็นเด็กเสริฟ"
"เสริฟฝรั่งในโรงแรมเหมือนผมไง ไม่ได้เสริฟตามร้านอาหารข้างถนนนะ เงินดี มีทิปด้วย"
"แล้วเขาจะเอาเหรอ เด็กบ้านนอก วุฒิแค่มอหก"
"สบายมาก น้าก็จบเหมือนกัน จบแค่ม.ศ.ห้า ไม่ได้เป็นผู้จัดการนี่หว่า"
"ว่าไงเฮีย ให้ไปรึเปล่า"
"ถามมันดูเอง เพราะพักนี้มันก็ไม่ค่อยอยู่บ้านอยู่แล้ว"
"ใครจะช่วยเตี่ยขายของหล่ะ" เราถาม
"อยู่กันหลายคน โตๆกันแล้วคงช่วยได้ เอ๋จะได้มีประสบการณ์งัย แม่ก็ว่าดีนะดูน้าๆเขาสิทำงานโรงแรมฟู่ฟ่ากันทั้งนั้น"
"ตอนกลางวันก็ไปเรียนได้สบาย ไม่ต้องห่วงเลยเรียนรามอ่านหนังสือเอาที่บ้านก็ได้ เหมือนน้างัย"
"แปดปี เหมือนน้านะสิ" แม่ย้อน "แล้วนี่เมื่อไหร่จะจบ"
"เรียนไปเรื่อยๆ เจ๊" น้าเปลี่ยนเรื่อง แล้วหันมาที่เรา "ว่าไงจะไปมั๊ย"
"แล้วมันจะไปอยู่ที่ไหน"
"ก็ไปอยู่กับเจ๊ใหญ่ไง" น้าหมายถึงป้า "พวกผมก็นอนที่ร้าน ส่วนเจ๊เขาไปนอนในหมู่บ้าน ผมจะได้ดูแลมันด้วย
"เออ เดี๋ยวเจ๊กับเฮียจะคุยกับเจ๊เขาก่อน" ทุกคนตัดสินชีวิตให้เราหมดแล้ว ทุกอย่างมันเร็วจนตั้งตัวไม่ติด ถัดจากนั้นสองวันเราก็ขนของมาอยู่ชั้นบนร้านขายของในตลาดของป้าแล้ว บ้านป้าจะขายเทปเพลง กับรับถ่ายเอกสารให้นักศึกษามหาวิทยาลัยเอกชนแถวนั้น นักศึกษาเต็มร้านทุกวัน น้าอ๊อดโทรนัดเพื่อนแล้วจับเราไปตัดผม ผมที่ระต้นคอถูกตัดสั้นเรียบร้อย ถ่ายรูปเพื่อสมัครงาน วันต่อมาพวกเรายืนรอเพื่อนน้าอ๊อดด้านล่างของตึกสูงปรี๊ดข้างหน้า เราแหงนมองสีรุ้งของมันจนคอตั้งบ่า ตอนนั้นที่นี่ยังไม่ใช่โรงแรมเป็นเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ก่อนจะเปลี่ยนเป็นโรงแรมในภายหลัง พี่ชัยพาเรากับน้าไปที่ชั้นสิบเอ็ด ซึ่งเป็นสระว่ายน้ำและร้านอาหารสำหรับแขกที่พักข้างบน แนะนำตัวกับผู้จัดการเสร็จก็ถูกมอบหมายให้มาทำงานพรุ่งนี้เลย ทำงานสี่โมงเย็นเลิกตีหนึ่ง ได้เงินเดือนพันห้า และมีทิปรายอาทิตย์อีกอาทิตย์ละ สามร้อย เบ็ดเสร็จก็ สองพันเจ็ด มากพอดูสำหรับสมัยนั้น แต่ยังน้อยกว่าค่าแรงที่เตี่ยให้อีก เราได้วันละร้อย โดยแม่จะฝากธนาคารไว้ให้ แต่ไม่รวมที่เราหยิบใช้เองอีกต่างหาก
"เดี๋ยวพรุ่งนี้ กลางคืนน้าเลิกงานห้าทุ่มจะแวะมารับ พาขึ้นรถเมล์รอบดึก แล้วเอ๋จะได้กลับเองได้ถูก" พรุ่งนี้ก็ได้ทำงานแล้วแปลกดีเหมือนกัน จะต้องทำอะไรบ้างนะนี่ น้าอธิบายคร่าวๆแค่ว่าเสริฟอาหาร เก็บโต๊ะ กางโต๊ะนอนให้แขกที่มาว่ายน้ำ มันน่าจะง่าย มีความตื่นเต้นอันใหม่จนทำให้ลืมเรื่องพี่โด่งไปได้....................