Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 485
Message ID: 1
#1, RE: เรื่องสั้นแนวลึกลับ อีโรติก อินดี้ (เยอะไปมั้ย) ครับบบ
Posted by อิ๊ก on 04-Oct-12 at 03:38 AM
In response to message #0
เสียงลั่นเปรี๊ยะใต้เท้าผมคือเสียงของกิ่งไม้แห้งอย่างไม่ต้องสงสัย มันทำลายท่วงทำนองอึมครึมของเสียงสวบสาบจากฝีเท้าของชายกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินลุยเข้าไปในป่าอย่างระแวดระวัง สองขาของผมยังแข็งแรงดีอยู่ สองแขนที่ถือปืนเล็กยาวเก่าคร่ำครึยิ่งกว่าอายุของผมเองเริ่มอ่อนล้าลงไปบ้าง สัมภาระครึ่งบ่าที่แผ่นหลังแบกรับไว้เริ่มใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ หัวใจของผมกำลังเต้นในจังหวะที่แปลกประหลาด ความกังวลเกาะกุมสมองจนไม่อาจนึกคิดเรื่องใดได้ ผมรู้ว่าฟ้าสีน้ำเงินเข้มของฤดูหนาวจะเปลี่ยนกลายเป็นสีดำได้อย่างรวดเร็วในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ แต่กระนั้น พวกเราทั้งเก้าคนยังคงเดินถลำลึกเข้าไปสู่ความรกชัฏของป่าเบื้องหน้า
.
ผู้หมู่พาพวกเราออกลาดตระเวนตั้งแต่เมื่อตอนบ่าย ผมเห็นเขามองซ้ายมองขวา ก้มหน้าเงยหน้า นั่งยอง คุกเข่า แต่ไม่มีคำพูดใดหลุดลอดออกมา วันนี้เขาดูเงียบกว่าปกติ
.
หลังจากเดินกันมาเกือบสองชั่วโมง ร่องรอยหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ประทับอยู่ในโคลนเบื้องหน้า ผู้หมู่เขม้นมองและก้าวเท้าข้างหนึ่งออกไปวัด ร่องรอยนั้นมีขนาดเล็กกว่ารองเท้าคอมแบทของเขาพอสมควร ตลอดบ่ายมานี้ผมภาวนาอย่าให้พวกเราเจอะเจอกับสมาชิกกองกำลังของชนกลุ่มน้อยในประเทศเพื่อนบ้านเลย โดยเฉพาะในเวลาที่การเมืองของเราและเขายุ่งเหยิงอยู่อย่างนี้
.
หากแต่ร่องรอยเบื้องหน้านั้นกลับทำให้พวกเรางุนงง ระยะห่างของแต่ละรอยบ่งบอกว่ามันน่าจะเป็นรอยเท้า แต่ก้าวของมันยาวกว่าก้าวของพวกเราเกือบเท่าตัว ผมเพ่งมองมันใกล้ๆ ร่องรอยเข้ารูปกับรอยเท้า เหมือนจะเป็นรอยเท้าเด็ก แต่ไม่ว่ารอยไหนๆ ก็มีรอยนิ้วเท้าปรากฏให้เห็นเพียงนิ้วเดียวเท่านั้น
.
รอยเท้าประหลาดปรากฏขึ้นเป็นระยะๆ นับจากจุดนั้น และแม้หลังจากเราเดินต่อมาอีกหนึ่งชั่วโมงแล้ว รอยเท้านั้นก็ยังคงปรากฏให้เห็นอยู่... และไม่มีอะไรมากกว่านั้น... ขณะที่แสงสุดท้ายเริ่มริบหรี่ลงทุกที ต้าก็พูดกับผู้หมู่ว่า
.
“หมู่ครับ... เรากำลังหาอะไรกันอยู่รึเปล่า” หากแต่พี่คมสันผู้บังคับหมู่ไม่ได้หันกลับมาขณะเอ่ยตอบ
.
“ลาดตระเวนปกติ”
.
“คิดว่า รอยเท้านั่นคืออะไรครับ” นายน์ถามบ้าง แต่ไม่มีคำตอบจากพี่คม ผมเห็นต้ากับนายน์มองหน้ากันอย่างเป็นกังวล อันที่จริงแล้ว พวกเราทั้งเจ็ดคนมีสีหน้าที่เป็นกังวลอยู่ในเวลานี้ มีเพียงพี่คมคนเดียวที่ดูเคร่งเครียดด้วยความมุ่งมั่น...
.
จะว่าไป พวกเราควรจะมีกันเก้าคนไม่ใช่หรือ...
.
“ไอ้น้อตอยู่ไหนวะ” ไอ้ต้าหันมาถาม
.
“อยู่นี่” ผมเอ่ยตอบ
.
“นั่นมึงเหรอ” มันถามย้ำ
.
“เออ” ผมตอบอีก
.
“แล้วใครไม่อยู่วะ” ต้าถามอีก พี่คมหยุดฝีเท้าหันกลับมามองแล้วเอ่ยถามบ้าง
.
“ใครหายไป” พวกเราต่างมองหน้ากันและกันอยู่พักหนึ่ง ผมกำลังจะเอ่ยขึ้น แต่แก้วพูดตัดหน้า
.
“ไอ้มอส... ไอ้มอสหาย”
.
“ไอ้มอสไปไหนวะน้อต” ต้าเลิกคิ้วเข้มๆ ถามผม ดวงตาที่เรียวเล็กของมันดูโตกว่าตอนปกติ ผมมองหน้ามันอย่างงงๆ ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร “มึงเดินคนสุดท้าย มึงไม่เห็นเหรอว่าไอ้มอสไปไหน” ต้าคั้นผมอีก ผมกำลังงุนงงอยู่ แก้วจึงชิงพูดก่อน
.
“มันเดินข้างหน้ากู กูยังไม่รู้เลยว่ามันหายไปไหน... ก็เดินตามติดๆ กันมาเนี่ย ไหงมันกลายเป็นไอ้จอมไปได้วะ” จากนั้นทุกคนหันไปทางพี่คมเพื่อขอความเห็น พี่คมดูเหมือนไม่ได้รับรู้เรื่องที่เราพูดกันอยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมองไปข้างบนและนิ่งอยู่อย่างนั้น เมื่อผมมองตามขึ้นไป สิ่งที่เห็นคือส่วนเล็กๆ ของท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้มที่พอจะปรากฏให้เห็นผ่านช่องว่างของกิ่งไม้ใบไม้รกทึบ ดาวดวงหนึ่งส่องแสงสว่างจ้าอยู่เหนือพุ่มไม้... พี่คมลดสายตาลงมาที่พวกเราแล้วเอ่ย
.
“เตรียมไฟฉายด้วย มืดแล้ว” จากนั้นเขาหันหลังกลับและออกเดิน ผมเห็นต้ากับนายน์สบตากันอีกก่อนที่ต้าจะพูดขึ้น
.
“แล้วมอสล่ะครับ”
.
“ไม่ต้องห่วง กลับถึงค่ายแล้วผมจะจัดการเขาเอง” พี่คมพูดโดยไม่ได้หันหลังกลับมา คำตอบของเขาไม่ใช่สิ่งที่ต้าหรือนายน์ หรือแม้แต่ผมคาดคิดไว้ เมื่อสักครู่นี้ผมยังงุนงงอยู่ว่าเพื่อนของผมหายไปไหนและหายไปได้อย่างไร ซึ่งผมเชื่อว่าคนอื่นๆ ก็คงรู้สึกฉงนเช่นเดียวกับผม แต่ในเวลานี้ ผู้หมู่ทำให้เราคล้อยตามได้ว่า มอสคงหนีกลับค่ายไปแล้ว
.
ทั้งๆ ที่มีเสียงค้านอยู่ในใจ แต่ผมกลับเลือกทำเป็นเชื่อในสิ่งที่ผู้หมู่พูด...