ที่ปลายสายตา ผมเห็นใบหน้ากระหยิ่มของหมอกขาวยิ้มเยาะมาแต่ไกล สายหมอกพวยพุ่งเข้ามาจากในป่าอย่างรวดเร็วและโอบรัดพวกเราแต่ละคนจนมองอะไรไม่เห็นเลย ขนาดที่เรายืนอยู่ด้วยกันนี่แท้ๆ “เฮ้ย... เกิดอะไรขึ้นวะ” เสียงใครสักคนเอ่ย “กูมองอะไรไม่เห็นเลย”
จากนั้นผมเริ่มได้ยินเสียงฝีเท้าสวบสาบ แต่ผมยังคงยืนขาแข็งอยู่กับที่
“น้อต! มึงอยู่ไหน น้อต!” เสียงแก้วเรียกผม
“นายน์... นายน์อยู่ไหนวะ” เสียงต้าร้องเรียกนายน์
“กูอยู่นี่” เสียงนายน์เอ่ยตอบ เมื่อครู่นี้นายน์อยู่ห่างจากผมราวห้าเมตร ผมยื่นแขนออกไปข้างหน้าและเดินไปในทิศที่นายน์ยืนอยู่และแกว่งแขนสะเปะสะปะ แต่ผมก็ไม่เจอนายน์เลย ผมหันไปทางที่แก้วยืนอยู่ แต่แขนผมก็ปัดไม่โดนตัวเขาอีกเช่นกัน
“แก้ว! มึงอยู่ไหน” ผมร้องเรียกเพื่อน แต่เสียงของผมก้องสะท้อนอยู่เบาๆ
“น้อต! ...” ผมได้ยินเสียงแก้วเรียกชื่อผม แต่เสียงนั้นอยู่ไกลออกไปมาก แก้วพูดอะไรตามมาอีกแต่ผมได้ยินไม่ถนัด ผมได้ยินเสียงต้าเรียกนายน์จากที่ไกลๆ และผมได้ยินเสียงผู้ชายอีกคนหนึ่งแผ่วๆ จนไม่แน่ใจว่าใช่เสียงนายน์หรือไม่ ผมเริ่มรู้สึกกลัวจับใจเป็นครั้งแรกและเอ่ยเรียกเพื่อนอีก
“แก้ว! ไอ้ต้า! ไอ้นายน์! พวกมึงอยู่ไหนกัน เฮ้ย!” ผมตะโกนจนสุดเสียง แต่ไม่ได้ยินเสียงใดๆ ตอบกลับมาอีกแล้ว
ผมเดินสะเปะสะปะวนไปวนมาไม่ได้ไปไหนไกลเลย แต่กลับไม่ได้ยินเสียงเพื่อนๆ อีกแล้ว และในขณะนั้นผมก็ได้ยินเสียงสวบสาบใกล้ๆ ซึ่งไม่ได้เกิดจากตัวผมเอง ผมจึงรีบเดินเข้าไปหา
“แก้วเหรอ! ใครวะ” เท้าผมสะดุดเข้ากับก้อนหินหรือรากไม้จนหน้าคะมำ แต่มือของใครคนหนึ่งดันผมไว้ไม่ให้ล้ม และในตอนนั้นเองที่หมอกเริ่มจางลงจนผมเห็นใบหน้าของคนคนนั้นที่ทำให้ผมอดประหลาดใจไม่ได้...