Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 485
Message ID: 28
#28, RE: เรื่องสั้นแนวลึกลับ อีโรติก อินดี้ (เยอะไปมั้ย) ครับบบ
Posted by อิ๊ก on 21-Oct-12 at 02:27 PM
In response to message #27
ผมลืมตาตื่นขึ้นในห้องพยาบาลของค่าย แก้วกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างเตียงของผมหันมาทำตาโต ยิ้มรื่นด้วยความดีใจ

“ฟื้นแล้วหรอ คนเก่ง”

ทั้งๆ ที่คุ้นเคยอยู่แล้ว แต่ผมก็มองสำรวจไปรอบๆ ห้องอย่างช้าๆ เตียงหลังอื่นๆ ภายในห้องว่างอยู่ทั้งหมด แสงแดดบ่ายส่องลอดผ่านหน้าต่างบานเกล็ดที่ผนังด้านตรงข้ามเกิดเป็นเงาทาบทับพื้น ผมได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้อยู่ใกล้ๆ เมื่อมองไปที่โต๊ะหัวเตียง ผมเห็นถุงผ้าใบเล็กๆ วางอยู่ตรงนั้น ผมจินตนาการได้ว่าภายในคงใส่กลีบของดอกไม้แห้งอัดไว้จนเต็ม มันทำให้ผมรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด ข้างๆ มีกระเป๋าสตางค์ของผมวางอยู่

“ห้องพยาบาล... ที่ค่าย... พวกเรากลับมาได้สองวันแล้ว” แก้วบอกผมอีก ภาพต่างๆ ที่เกิดขึ้นในป่าหลั่งไหลกลับเข้ามาอย่างรวดเร็ว เมื่อผมเอ่ยขึ้นเป็นครั้งแรก เสียงผมก็แหบพร่าจนฟังแทบไม่เป็นคำจนแก้วต้องลุกขึ้นรินน้ำใส่แก้วให้ผม จากนั้นนั่งลงข้างๆ ผมบนเตียงแล้วพยุงให้ผมกินน้ำ

“คนอื่นๆ เป็นไงบ้าง”

“ไม่ต้องห่วงนะ... นายปลอดภัยแล้ว” แก้วตอบ

“คนอื่นล่ะ” ผมถามย้ำอีก แก้วอึกอักก่อนถอนหายใจ

“รับออกมาหมดแล้ว” ผมเข้าใจคำพูดของแก้วได้ทันที

“ไม่มีใครรอดเลยเหรอ” แก้วได้แต่ถอนหายใจ ก่อนยิ้มให้ผมน้อยๆ แล้วตอบ

“มีเราสองคนไง” แก้วลูบศีรษะผมเบาๆ อย่างเอ็นดูพลางยิ้มอย่างอ่อนโยน

“มึงพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวกูจะไปเรียกพยาบาลมาให้... ไว้ค่ำๆ กูมาหาอีก”

ผมมองแก้วลุกขึ้นและเดินไปที่ประตู เมื่อแก้วเปิดประตูออก แสงแดดจ้าภายนอกก็สะท้อนเข้าตาผม ทำให้ร่างสองร่างที่ยืนอยู่ตรงประตูเป็นเพียงแค่เงาดำ ร่างหนึ่งคือแก้วที่กำลังเดินออกไป แต่อีกร่างหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาเป็นร่างของเด็กวัยรุ่น เมื่อเขาปิดประตูลงให้หลัง ผมก็เห็นชัดเจนว่าเด็กคนนั้นคือเสือน้อยที่รักของผมนั่นเอง ผมรู้สึกใจชื้นขึ้นเป็นกองขณะมองเสือเดินเข้ามาหาผมด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม เขาทำตาโตขณะพูด

“อ้าก๋อตื่นแล้วเหรอ เหยียวมาหาอ้าก๋อทุกวันเลย ดีใจจังนะที่ไม่เป็นไร” เสือเอามือทั้งสองข้างมากุมมือขวาของผมไว้ก่อนเอ่ยต่อ “ใจไม่ดีเลย เป็นห่วงแทบแย่”

“เสือสบายดีนะ” ผมเอ่ยทักบ้าง เด็กชายหลบตา

“อ้าก๋อคิดว่า องฮูงเป็นคนทำรึเปล่า” ผมมองหน้าเสือที่ยังหลบตาผมอยู่ก่อนเอ่ย

“เสือรู้ใช่มั้ย ว่าพลอยไม่ได้ท้องกับพี่” เสือพยักหน้า

“อ้าต่อท้องก่อนจะเจออ้าก๋อนะ แต่อ้าต่อชอบอ้าก๋อมาก... เหยียวก็ชอบอ้าก๋อมาก” ผมเห็นแก้มของเสือแดงระเรื่อด้วยเลือดฝาด เด็กชายดูน่ารักเหลือเกิน

“แล้วเสือรู้มั้ยว่าพลอยท้องกับใคร” เสืออึกอักและมีสีหน้าลังเลใจ เขาเปิดปากออก แต่แล้วก็เงียบไปและทำท่าครุ่นคิดอีกคำรบ... ในที่สุดเด็กชายก็เอ่ยขึ้น

“อ้าต่อไม่เคยปิดอะไรเหยียวเลยนะ แต่เรื่องนี้อ้าต่อไม่ยอมพูด... อ้าต่อไม่บอกใครเลย แต่พอองฮูงโกรธเข้า อ้าต่อเลยยอมบอกว่าเป็นอาคมสัน” น่าแปลกที่ผมจำภาพของพี่คมสันในป่าไม่ได้แล้ว มีเพียงภาพที่เลือนรางของเขาขณะนั่งเป่าหีบเพลงปากในคืนที่ชื้นแฉะหลังฝนตกก่อนที่เราจะออกลาดตระเวนในวันรุ่งขึ้น เสือกำมือผมแน่นขึ้นแล้วพูดต่อ

“แล้วเมื่อกี้อาต้าพูดอะไรกับอ้าก๋อเหรอ” หน้าตี๋ๆ ของต้าผุดขึ้นมาในห้วงความคิดของผมก่อนที่ความพิศวงจะเข้ามาแทนที่ ผมเอ่ยถามเสือ

“เมื่อกี้ไหน”

“ก็ก่อนเหยียวจะมา อาต้าได้คุยอะไรกับอ้าก๋อรึเปล่า”

“... เสือหมายถึง พี่คนเมื่อกี้น่ะเหรอ” ผมถามย้ำ เด็กชายพยักหน้า ผมจึงถามย้ำอีก

“พี่คนเมื่อกี้คืออาต้าเหรอ” ผมถามอีก เสือทำหน้างุนงง

“ก็อ้าต่อเรียกเขาว่ายังงั้น เหยียวก็เรียกตามนี่”

“แล้วอาต้าคนนี้ คือคนที่พลอยเข้าไปหาในเต้นท์พร้อมกับพี่คมสันงั้นเหรอ” ผมถาม เสือเหลียวหลังมองที่ประตูก่อนจะหันกลับมาหาผมแล้วพยักหน้ารับ ขณะนั้นผมไม่แน่ใจว่าจะแปลความหมายของสิ่งที่ได้ยินว่าอย่างไร ความคิดของผมเหือดแห้งเหมือนกับน้ำเสียงที่แหบพร่าของตัวเอง

“เสือรู้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นในป่า” ผมถามเด็กชาย เขาส่ายหน้าก่อนเอ่ย

“อาต้าบอกว่าเสือโคร่ง แต่เหยียวรู้ว่าไม่ใช่... องฮูงบอกว่า คนที่ทำให้อ้าต่อท้องต้องตาย เรื่องถึงจะจบ ไม่งั้นต้องมีคนตายเจ็ดคน” จากนั้นเด็กชายก้มหน้ามองพื้น ไม่กล้าสบตาผมก่อนจะเอ่ยต่อ “เหยียวว่าองฮูงคงจะเป็นคนทำ...”

ข้อมูลที่ผสมกับความเชื่อซึ่งไม่รู้ว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ และมันมีมากมายเหลือเกิน ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าควรจะไปต่ออย่างไร ผมเลือกถามคำถามที่ติดอยู่ใกล้กับริมฝีปากที่สุด

“แล้วองฮูงจะทำอะไรเราอีกไหม” อันที่จริง คำว่า ‘เรา’ ในเวลานี้ก็เหลือแค่ผมกับแก้วแค่นั้นเอง เสือเอ่ยตอบน้ำเสียงตื่นเต้น

“อ้าก๋อหลับอยู่เลยไม่รู้เรื่อง... องฮูงตายแล้ว” ผมควรจะเห็นใจเด็กชายที่เพิ่งสูญเสียญาติผู้ใหญ่ แต่ผมแค่รู้สึกประหลาดใจกับข่าวที่ได้ยินมากกว่า และน้ำเสียงของเสือก็ไม่ได้มีความโศกเศร้ามากนัก เด็กชายพูดต่อ

“เขาว่าของเข้าตัว...” จนถึงตอนนี้ ผมยังไม่รู้ว่าควรจะเชื่อมโยงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นอย่างไร แต่ผมก็ตัดสินใจว่าจะไม่คิดถึงมันอีกแล้ว หากคนเราถึงที่ตายก็คงจะต้องตายไปเองล่ะมัง องฮูงก็ชรามากแล้ว หากจะเสียชีวิตฉับพลันก็คงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดอะไรเท่าไหร่นัก

ผมเห็นเสือทำคิ้วขมวดเมื่อมองไปที่หัวเตียง ก่อนที่จะทำตาโตและหยิบถุงบุหงารำไปขึ้นมาถือไว้

“ผีกองกอยหรอ... อ้าก๋อ” เด็กชายถามผม มันทำให้ผมนึกถึงผีอัปลักษณ์ที่ปลอมตัวมาเป็นหนุ่มน้อยรูปงามเบื้องหน้าผม แต่อย่างน้อยผมก็ใจชื้นว่าเด็กชายที่อยู่เบื้องหน้าผมในขณะนี้คือตัวจริงไม่ผิดเพี้ยนเพราะถุงบุหงาที่เขากำไว้ในมือนั้นส่งกลิ่นหอมกรุ่น เมื่อเสือหยิบมันขึ้นมาดมด้วยสองมือ ท่าทางนั้นดูเหมือนคนเป่าหีบเพลงปาก และตอนนั้นเองผมจึงนึกออกว่า ถุงบุหงาที่คุ้นตานี้ผมเคยเห็นพี่คมสันหยิบถือดมในคืนชื้นแฉะหลังฝนตกก่อนที่เราจะออกลาดตระเวน... ไม่ใช่หีบเพลงปากอย่างที่ผมนึกได้เลือนรางในทีแรก ผมไม่รู้ว่าถุงบุหงาของพี่คมสันมาอยู่ที่หัวเตียงของผมได้อย่างไร แต่ผมรู้ว่าหากพี่คมสันพกมันไว้กับตัว เขาก็น่าจะเป็นคนที่รอดออกมาเหมือนกับผม หากแต่คนที่รอดออกมานั้นคือแก้ว และแก้วก็นั่งอยู่ที่นี่เมื่อครู่นี้...

จู่ๆ ผมนึกถึงคืนในป่า ที่ต้ายื้อยุดฉุดแขนพี่คมไว้

พี่รู้ใช่มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น 

“พี่คมสันรู้ใช่ไหม ว่าองฮูงจะทำอะไร” ผมถามเสือ เด็กชายหยุดถอนหายใจแรงๆ ก่อนเอ่ยตอบ

“อาคมสันไม่รู้หรอก แต่อาต้าขึ้นไปหาอ้าต่อวันก่อน... อาต้าขู่จะหักเอาอ้าต่ออีก อ้าต่อเลยต้องพูด”

ผมรู้สึกคอแห้งผากอีกครั้งเมื่อจินตนาการบางอย่างปรากฎขึ้น หัวสมองผมลำดับเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างเป็นขั้นตอน

แก้วถามเอากับพลอยและรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แก้วมาบอกพี่คมสันเพื่อให้พี่คมสันพาพวกเราทั้งเก้าคนออกไปลาดตระเวน พี่คมสันมีถุงบุหงาซึ่งผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลยจนกระทั่งในคืนก่อนที่เราจะออกลาดตระเวน... แก้วจะเป็นคนหามาให้พี่คมสันหรือเปล่านะ... หากเป็นอย่างนั้น พวกเราที่เหลือทั้งเจ็ดคนคือเครื่องสังเวยเพื่อให้ทั้งสองคนนั้นรอดชีวิต เว้นแต่..แก้วกลับบอกวิธีเอาตัวรอดให้กับผมแทนและขโมยถุงบุหงามาจากพี่คมสัน ทำให้พี่คมไม่เหลืออะไรไว้ป้องกันตัวเลย เท่ากับว่าเจ็ดคนที่ตายไปคือเครื่องสังเวยของแก้วอย่างนั้นหรือ...

ผมส่ายหัวพร้อมสลัดเอาความคิดมั่วซั่วที่ก่อตัวขึ้นออกไปเสียทั้งหมด มันไม่มีประโยชน์ที่จะคิดถึงอีกแล้ว โดยเฉพาะเมื่อไม่รู้ว่ามันคือความจริงหรือไม่ ผมอาจจะเหนื่อยเพลียและหลับฝันถึงผีกองกอยที่แก้วกรอกหูผมอยู่ตลอดคืน และท้ายที่สุดแล้วเสือโคร่งคือฆาตกรอย่างที่แก้วว่าอย่างนั้นจริงๆ ก็ได้ ซึ่งไม่ว่าจะอย่างไรผมก็คงจะถามเอาความจริงจากคนที่ต้องการปกปิดความจริงไม่ได้อยู่ดี...



“แล้วพลอยเป็นไงบ้าง”

“สบายดี ท้องโตแล้ว” เสือตอบพลางยิ้มให้ผม “แล้วไม่ถามบ้างหรอว่าเหยียวเป็นยังไงบ้าง” เด็กชายแสร้งทำปากเบ้

“ก็เห็นอยู่แล้วว่าเสือสบายดี” ถุงบุหงาในมือเด็กชายทำให้ผมนึกถึงกุหลาบขาวที่เขาให้ไว้กับผม ผมรีบเอื้อมไปหยิบกระเป๋าสตางค์ที่วางตรงหัวเตียงและเปิดออกตรวจดู แต่กุหลาบขาวก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว

“พี่ทำกุหลาบขาวที่เสือให้หายไปแล้ว” เมื่อเสือได้ยินก็ทำหน้าฉงนชั่วครู่ ก่อนจะทำตาโต

“อ้าก๋อเก็บไว้ด้วยเหรอ!”

“ใช่ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว”

“ไม่เป็นไรหรอก กุหลาบขาวในป่ามีตั้งเยอะแยะ”

“แต่ที่เสือให้มีแค่ดอกเดียวนี่” ผมตอบ เสือยิ้มเขินจนแก้มแดงเรื่อทำให้ผมนึกถึงเพลงแครอทขึ้นมาอย่างนั้นจึงยิ้มขัน เด็กชายก้มลงมากัดต้นแขนของผมเบาๆ แล้วเอาคางเกยไว้อย่างนั้นขณะพูด

“อ้าก๋อพูดเก่งขึ้นนะ... อ้าก๋อหายไวๆ นะ อ้าก๋อหายเมื่อไหร่ เหยียวจะเก็บกุหลาบขาวมาให้อีก”

อันที่จริงแล้วผมไม่ได้เป็นอะไรเลย แค่รู้สึกเพลียก็แค่นั้น แต่รอยกัดของเด็กชายทำใหผมรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ผมยิ้มให้เขาก่อนเอ่ยตอบ

“ถ้าโดนเด็กหอมแก้มก็คงจะหายเร็วขึ้นนะ” เสือถอยหน้าออกแล้วยิ้มเขินหลบตาผม ก่อนที่ในที่สุดเขาจะยอมยืนขึ้นและโน้มหน้าเข้ามาหา

ก่อนที่ผมจะได้รับสัมผัสของเด็กชาย เสียงประตูที่สุดทางเดินของห้องก็เปิดขึ้นพร้อมพยาบาลที่เดินเข้ามา ผมและเสือแอบยิ้มขันให้กัน ก่อนที่เด็กชายจะขยับออกไปแล้วบอกกับผมว่า

“เหยียวไปก่อนนะ... แล้วจะมาหาอ้าก๋ออีก... อ้าต่อคลอดเมื่อไหร่ จะให้อ้าก๋อดูลูกของเราเป็นคนแรกเลย”

เด็กชายยกมือขึ้นโบกลาและส่งยิ้มให้ผมก่อนจะเดินจากไป สวนกับบุรุษพยาบาลที่เดินมาถึงเตียง

ขณะที่พยาบาลป้อนปรอทวัดไข้เข้าปากและเริ่มวัดความดันพร้อมกับสอบถามถึงอาการของผม ผมก็ไม่ได้สนใจเขาเลย ผมไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดเพราะได้แต่ครุ่นคิดทบทวนถึงคำพูดสุดท้ายของเสือที่ดังแว่วขึ้นมาแล้วแผ่วหายไปสลับกันเป็นจังหวะจนไม่สามารถจับความที่ชัดเจนได้ ราวกับเสียงตะโกนที่ล่องลอยมาจากหุบเขาไกลโพ้นและสะท้อนก้องกลับไปมาไม่สิ้นสุด...