พลบค่ำแล้ว ความมืดโรยตัวเข้าปกคลุมไปทั่วอย่างรวดเร็ว เป็นสัญญาณในการสิ้นสุดกิจกรรมอันเหน็ดเหนื่อยประจำวันของคนทั่วไป แต่คงไม่ใช่สำหรับชายหนุ่มสองคน ต่างวัย ต่างอาชีพและหน้าที่ ต่างสถานที่ ต่างกรรมต่างวาระ คนหนึ่งเป็นถึงเดือนโรงเรียน ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นครูพละหนุ่มสุดฮอต ........ที่ค่ำคืนนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของกิจกรรมแบบ จัดหนัก สำหรับคนทั้งคู่ ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม
อะไรเป็นสาเหตุให้บุคคลทั้งสองต้องเผชิญชะตากรรมเยี่ยงนี้ อาจเป็นเพราะ.......
ทั้งคู่ต่างประกอบกรรมในรูปแบบที่แตกต่าง คนหนึ่งก่อกรรมกับบุคคลรอบข้างด้วยอุปนิสัยที่ดูถูกเหยียดหยามคนอื่น ส่วนอีกคนหนึ่งก่อกรรมหนักกว่าด้วยความมักมากในกามคุณจนบดบังความมีสามัญสำนึกและจรรยาบรรณในฐานะพ่อพิมพ์ของชาติทั้งสองคนกำลังจะได้รับกรรมที่ก่อไว้ในคืนวันนี้แล้ว คนหนึ่งได้รับกรรมสืบเนื่องตั้งแต่เมื่อวาน ส่วนอีกคนหนึ่งกำลังจะได้รับกรรมในวันแรก และที่แน่ๆ ไม่ใช่วันสุดท้าย !
แสงไฟสลัวๆ ลอดมาจากบ้านไม้หลังเล็กๆ หลังโรงเรียน ซึ่งตั้งอยู่ในละแวกไร่ทดลองงานด้านเกษตรที่กว้างใหญ่และดูรกร้าง ทำให้ไม่ค่อยมีใครเหยียบย่างไปนักโดยเฉพาะตอนกลางคืน
แต่วันนี้ ความเงียบสงัดของสวนเกษตรหลังโรงเรียนถูกรบกวนด้วยเสียงย่ำฝีเท้าของบุรุษร่างใหญ่ผู้หนึ่ง ซึ่งเดินฝ่าความมืดมาด้วยท่าทีที่รีบร้อนกระวนกระวาย
ร่างนั้นหยุดยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่กลางสวนและสอดส่ายสายตาหาผู้นัดพบ..........
แต่สิ่งที่ล้อมรอบตัวยังคงเป็นเพียงความมืดและความเงียบสงบยามค่ำคืน
ไอ้เหี้ยจอม แม่งทำไมยังไม่มาเสียทีว่ะ ปล่อยให้กูรอ ได้ทีเอาใหญ่นะมึง เสียงก่นด่าดังพึมพำมาจากปากของผู้ยืนรอด้วยความอดทนที่น้อยลงทุกขณะ
ทันใดนั้น...เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงก็แผดเสียงขึ้น.......เจ้าตัวรีบล้วงขึ้นมากดรับทันที
เสียงแหบๆ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ปลายสายบ่งบอกให้รู้ว่าใครโทรมา........
หวัดดีครับ ครูบิ๊ก มาตามคำสั่งผมตรงเวลาดีนี่ครับ เสียงนั้นย้ำคำว่า คำสั่ง อย่างจงใจ
ครูบิ๊กกัดฟันอย่างแค้นใจก่อนตอบ เอ่อ กูเอง มึงอยู่ไหน มึงต้องการอะไร บอกกูมา
อะ อะ อย่าใจร้อนสิครับ คุณครู ค่ำคืนนี้ยังอีกยาวไกล ไม่ต้องรีบร้อนไปไหน
ครูบิ๊กถอนหายใจอย่างแรงพลางนับหนึ่งถึงสิบอยู่ในใจเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์กราดเกรี้ยวที่พร้อมจะระเบิดขึ้นมาได้ทุกขณะ
มึงต้องการอะไรจากกู มึงก็บอกมา อย่ามาเล่นตลกกับกูแบบนี้ กูไม่ใช่เพื่อนเล่นของมึงนะโว้ย
เสียงหัวเราะแหบพร่าลอดมาตามสายคล้ายกับสิ่งที่ครูบิ๊กพูดเป็นเรื่องที่ตลกเสียเหลือเกิน
ฮ่าฮ่าฮ่า........ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เพราะคนอย่างครูไม่มีวันที่ผมจะนับเป็นเพื่อนอยู่แล้ว เอาล่ะ ถ้าครูอยากพบผม ก็เข้ามาพบผมที่เรือนเพาะชำสิครับ ผมรอครูอยู่นานแล้ว..................หึหึหึ
เสียงกริ๊กวางสายเมื่อเสียงสนทนาที่ปลายสายสิ้นสุดลง
แม้นึกสังหรณ์ใจอะไรบางอย่าง แต่ดูเหมือนทางเลือกน้อยเต็มที่ ครูบิ๊กจึงจำต้องก้าวเท้าไปยังเรือนเพาะชำกระจกใสและมีโครงสร้างเป็นเหล็กสีขาวที่ตั้งตระหง่านอยู่ข้างหน้าอย่างจำใจ
มันค่อยๆ แง้มประตูกระจกเข้าไป.......ภายในเรือนเพาะชำมืดสลัว ต้นกล้าของพืชพรรณที่ยังไม่เติบโตเต็มที่ถูกปักในถุงพลาสติกใสเรียงรายเป็นแถวๆ สุดลูกหูลูกตา แสงจันทร์จากเบื้องบนส่องสว่างทอดลงมากระทบโครงสร้างเหล็กสีขาวจนเห็นเป็นประกายยามค่ำคืน...........ช่วงดูสวยงาม ลึกลับ และน่าสะพรึงกลัวไปพร้อมๆ กัน
เท้าของมันก้าวลึกเข้าไปเรื่อยๆ ในเรือนเพาะชำ จนสายตาของมันสัมผัสถึงบางสิ่งบางอย่างที่กำลังเคลื่อนไหวกระดุกกระดิกตรงปลายสุดของอาคารกระจก
ครูบิ๊กพยายามหรี่ตามองสักพักก่อนสาวเท้าเข้าไปหาเป้าหมายที่อยู่ไม่ไกลนัก
ไอ้เหี้ยจอม มันจะเล่นตลกอะไรกับกูอีกวะ ครูบิ๊กคำรามอยู่ในใจ
ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ ภาพที่เห็นข้างหน้าก็ยิ่งกระจ่างชัด........................
ในที่สุด เมื่อมันเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าอย่างชัดเจน มันก็ใจหายวาบและต้องขยี้สายตาอีกครั้งว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดหรือสติวิปลาสไปแล้ว