Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 504
Message ID: 10
#10, RE: เรื่องเล่าคาวน้ำกาม
Posted by romanrome on 23-Nov-12 at 03:00 AM
In response to message #8
ตั้งแต่นั้นมา ผมก็ไม่มีโอกาสได้เจอกับพี่ทีอีกเลย ส่วนพี่ต่อนั้นคงไม่ต้องถาม เพราะยังคงติดต่อกันอยู่เป็นนิจ (โดยเฉพาะตอนที่รู้สึกเงี่ยน จะติดต่อกันมากเป็นพิเศษ)

.....................................................


ปี 2537 เข้าสู่ปี 2538 หนึ่งปีผ่านไปไวเหมือนโกหก ผมเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองเพิ่งจะเข้ามาเป็นนักศึกษาปีที่ 1 เมื่อวานนี้เอง เผลอแป๊บเดียวจะขึ้นปี 2 แล้ว แต่การขึ้นปี 2 ของผมไม่ธรรมดาเสียด้วย (อยากรู้ก็ต้องติดตามอ่านไปเรื่อยๆครับ)

ขอย้อนไปช่วงเทอม 2 ของชั้นปีที่ 1 ซักนิด ตอนนั้นผมได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการนักศึกษาแลกเปลี่ยนระหว่างมหาวิทยาลัยในส่วนภูมิภาคต่างๆ (ความจริงคนที่ได้สละสิทธิ์ ส้มเลยมาหล่นใส่ผม) เป็นระยะเวลา 1 ภาคเรียน เรียกง่ายๆว่า 1 เทอม นั่นเอง (ประมาณ3เดือนกว่าๆ)

เพราะฉะนั้น ในภาคเรียนที่ 1 ของชั้นปีที่ 2 ของผม (ปี 2 เทอม1) ผมจะต้องไปเรียนในมหา'ลัยที่ผมได้รับการคัดเลือกให้ร่วมโครงการ สำหรับมหา'ลัยที่ผมจับสลากได้นั้น คือ มหา'ลัยที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในภาคใต้ (แจ๊คพ๊อตจริงๆเลยตรู ไกลมากๆ ตอนแรกแอบหวังไว้ว่าจะได้ไปกินส้มตำเผ็ดๆแซ่บๆ แกล้มกับใส้กรอกอีสานดุ้นโตๆ ที่เมืองเสียงแคนแห่งแดนอีสาน หรือไม่ก็ไปจับปลาดุกทะเลหัวแดงๆบานๆ ตัวเขื่องๆอวบๆยาวๆเล่นที่ชายหาดบางแสน ถ้าไม่เป็นอย่างนั้น คงจะได้ไปเดินล่าหนุ่มหล่อที่แถวๆนครปฐม)

ตอนแรกๆ ผมยังลังเลอยู่ว่าจะไปหรือไม่ไป แต่จนแล้วจนรอด สัญชาติญาณนักผจญภัยสั่งการให้ผมใส่เกียร์เดินหน้าลุยมันเข้าไป

มหา'ลัยที่ว่านี้มี 2 วิทยาเขต(ในสมัยนั้น) ผมดันคิดว่าจะได้ไปวิทยาเขตหาดใหญ่ ซึ่งค่อนข้างจะคึกคักตื่นตาตื่นใจมาก (เพราะเป็นเมืองใหญ่ ที่สำคัญคือ ขึ้นชื่อในเรื่องของการช็อปปิ้ง) แต่พอมาเช็ครายละเอียดกำหนดการดูอีกทีก ผมแทบจะคว่ำหน้าขว้ายาดมแทบไม่ทัน มันเป็นไปได้อย่างไร!

สรุปคือ ผมต้องไปที่วิทยาเขตปัตตานี แจ็คพ๊อตสองเด้งอีกแล้วเหรอตรู หาดใหญ่ว่าไกลแล้วนะนั่น เจอปัตตานีเข้าไป ไกลเพิ่มขึ้นอีกตั้งเกือบๆร้อยกิโล ยิ่งมีข่าวผู้ก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดนด้วยซิ แค่คิดก็เสียววาบๆชนิดที่ขนลุกซู่ไปทั้งตัว ถ้าเป็นภาษาเหนือเรียกว่า "ขนคิงลุกซู่" (สมัยนั้นความรุนแรงยังไม่ค่อยลุกลามใหญ่โตและบานปลายมากเหมือนกับในสมัยนี้)

จะทำอย่างไรดีเรา สละสิทธิ์ตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว เหลือเวลาอีกไม่ถึงอาทิตย์ต้องเดินทางไปรายงานตัว ทำไมเราถึงสะเพร่าแบบนี้ แทนที่จะอ่านดูรายละเอียดทั้งหมดก่อนว่า เป็นวิทยาเขตไหนกันแน่ (สับสนเพราะดูจากชื่อมหาลัยเพียงอย่างเดียวแล้ว ยืนยันฟันธง 100% ได้เลยว่าจะต้องเป็นที่หาดใหญ่แน่นอน) เอาละว่ะ เป็นไงเป็นกัน ใส่เกียร์เดินหน้าแล้ว ต้องไม่มีคำว่าถอย

ในที่สุดผมก็ดั้นด้นมาถึงวิทยาเขตปัตตานีจนได้ ด้วยสภาพที่เยินสุดๆเหมือนกับโดนรุมโทรมข้ามวันข้ามคืน ไม่ใช่... พูดผิดไป ด้วยสภาพอิดโรย เล่นนั่งรถไฟจากเชียงใหม่มาสถานีหัวลำโพง 11ชั่วโมงกว่า และในวันเดียวกันนั้นเอง ต่อด้วย... สถานีหัวลำโพงมาที่หาดใหญ่อีก 14-15 ชั่วโมง และนั่งรถแท็กซี่จากหาดใหญ่มาที่ปัตตานีอีกชั่วโมงกว่าๆ รวมแล้วเบ็ดเสร็จก็ประมาณเกือบๆ 28 ชั่วโมง อาจจะขาดๆเกินๆมานิดหนึ่ง ปัดเศษปัดจุดทศนิยมกันเองนะ (ถ้าเป็นสมัยนี้ง่ายนิดเดียว แค่นั่งหางแดงบินตรงจากเชียงใหม่มาหาดใหญ่ ใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมงเอง)

พอมาถึงในมหา'ลัย “พี่พล” รุ่นพี่ที่เป็นหัวหน้าโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษา มีหน้าที่คอยติดต่อธุระประสานงานเรื่องต่างๆให้ผม ในระหว่างที่ผมพักอยู่ที่ปัตตานี พี่พลพาผมไปรายงานตัวเข้าหอพักชายกับอาจารย์แม่บ้านประจำหอ

หอพักชายที่ผมเข้าพักนั้น เป็นหอพักชายที่ไม่รับนักศึกษาชายทั่วไปเข้าพัก นักศึกษาชายที่จะเข้าพักในหอพักนี้ได้จะต้องเป็นนักศึกษาชายจากวิทยาลัยอิสลามศึกษาหรือไม่ก็นักศึกษาที่นับถือศาสนาอิสลามเท่านั้น (วิทยาลัยอิสลามศึกษา ในสมัยนั้นเป็นแค่เพียงคณะหนึ่งในวิทยาเขตแห่งนี้) ส่วนนักศึกษาชายทั่วไปก็พักตามหอพักชายต่างๆ หอพักชายในมหา'ลัยมีทั้งหมด 4 หอพัก (รวมทั้งหอพักนักศึกษาวิทยาลัยอิสลามศึกษาแล้ว)

ผมคิดอยู่ในใจว่า ทำไมไม่ให้ผมพักในหอพักนักศึกษาชายธรรมดาทั่วไป? ทำไมถึงต้องเจาะจงให้พักในหอพักพิเศษนี้ด้วย? (ผมได้ถามพี่พลในตอนหลัง คำตอบที่ได้คือ พี่พลต้องการให้ผมได้รู้ได้เห็นวัฒนธรรมท้องถิ่นที่แปลกแตกต่างไปจากท้องถิ่นของผม ถ้าเอาผมไปพักในหอพักนักศึกษาชายทั่วไป สภาพแวดล้อมที่ผมสัมผัส มันจะเดิมๆไม่แตกต่างอะไรมากนักกับมหา'ลัยของผม)

พี่พลและอาจารย์แม่บ้านเดินไปส่งผมถึงหน้าห้องพัก หลังจากนั้นต่างคนก็ขอตัวแยกย้ายกลับไปทำธุระของตน ผมเดินถือกระเป๋าสัมภาระเข้าไปในห้อง ทันใดนั้นก็มีหนุ่มน้อยหน้ารูปงาม หน้าตาหล่อเหลาคมเข้ม โครงหน้าออกไปทางแขกขาว ดูๆไปคล้ายกับพระเอกหนังแขกอาหรับไม่มีผิด หันหน้ามามองผมพร้อมกับยิ้มทักทาย

“สวัสดี... นายคงเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยน เห็นอาจารย์แม่บ้านบอกไว้เมื่ออาทิตย์ก่อนว่าจะมีนักศึกษาแลกเปลี่ยนจากมหา'ลัยอื่น มาพักในห้องนี้ ” หนุ่มน้อยหน้าแขกเอ่ยุถาม

“ใช่แล้ว... เราชื่อ กันต์ อยู่ปี 2 นายชื่ออะไร?” ผมแนะนำตัว

“แซยิด ปี 2 เหมือนกัน นายมาจากมหา'ลัยไหน?” แซยิดยังคงถามผมต่อไป

“เรามาจากมหา'ลัย...... ในห้องนี้ถ้ารวมตัวเราด้วยจะมีอยู่ทั้งหมด 6 คนใช่ไหม?” ผมมองดูเตียงสองชั้น ซึ่งมีทั้งหมด 3 เตียง ตั้งตระหง่านอยู่ตามหัวมุมต่างๆในห้อง

“ไม่ถึง 6 คนหรอก มีอยู่ด้วยกัน 3 คน ปี 2 ทั้งหมดเลย รวมตัวนายด้วยก็ 4 คน เตียงตรงใกล้ประตูระเบียงหลังห้องยังว่าง นายก็เลือกเอาเองละกันว่าจะนอนชั้นบนหรือว่าชั้นล่าง” แซยิดชี้ไปที่เตียงดังกล่าว

“ห้องน้ำอยู่ตรงไหน? เหนียวตัวชักอยากอาบน้ำแล้วซิ” ผมถามแซยิด

........................................................

หลังจากที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย ผมนุ่งผ้าเช็ดตัวเดินมาที่ห้อง (ห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวม เวลาเดินไปอาบน้ำ หลายคนจะนุ่งผ้าเช็ดตัวแค่ผืนเดียวเดินไปห้องน้ำ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่หลายคนกระทำกันอย่างปรกติ) ขณะที่ผมกำลังใส่กางเกงในโดยมีผ้าเช็ดตัวคลุมปิดบริเวณส่วนล่างอยู่นั้น ผมสังเกตเห็นแซยิดจ้องมองอย่างไม่วางตา ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเพื่อไม่ให้ไก่ตื่น แถมยังหยอกไก่อีกต่างหาก ด้วยการดึงผ้าเช็ดตัวออกให้เหลือแค่กางเกงในตัวเดียว

“โอ้โห... ผิวนายขาวมากๆ คนเหนือผิวดีจริงๆ” แซยิดพูดไปมองผมไป

ผมเขินจนพูดอะไรไม่ออก ค่อยๆใส่เสื้ออย่างช้าๆ เพื่อหยั่งเชิงฝ่ายตรงข้าม ทันใดนั้นก็มีเสียงเปิดประตูห้องเข้ามา ผมรีบหยิบกางเกงมาใส่แทบไม่ทัน
คนที่เปิดประตูห้องเข้ามาคือ รูมเมทอีก 2 คน ผมได้แนะนำตัวและพูดคุยทักทาย จึงทราบชื่อว่า คนหนึ่งชื่อ “เล๊ะ” และอีกคนหนึ่งชื่อ “ดุล”
(ผมไม่ค่อยสนิทกับ “เล๊ะ” และ “ดุล” เท่าไหร่ เพราะพวกเขาเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจา บางครั้งก็ดูจริงจังกับชีวิตมากเกินไป ผิดกับแซยิดที่คุยเก่ง ดูเป็นกันเอง และมีมิตรไมตรี ที่สำคัญคือ หน้าตาน่ากินมากๆ คงจะแซ่บไม่หยอก)

ผมคุยกับแซยิดได้ซักพัก แซยิดก็ออกไปเรียน ช่วงเกือบเที่ยงของวันนั้น ผมถือโอกาสออกไปเดินสำรวจรอบๆมหา'ลัยไปในตัว

ผมเดินตรงไปที่ทะเลโคลนก่อน จากนั้นก็มุ่งหน้าเข้ามาทางมหา'ลัย โดยผ่านลานเล ซึ่งเป็นชื่อของโรงอาหารที่ 2 ของมหา'ลัย ผมรู้สึกหิวเลยแวะเข้าไปหาอะไรทาน ระหว่างเดินเข้าไปในโรงอาหาร มีเสียงตะโกนดังขึ้นมา...

“ไอ้หน้าอ่อน ทำไมมึงไม่ใส่ชุดนักศึกษา? เก๋าตั้งแต่ปี1 เลยนะมึง อยากลองดีหรือไง กูบอกต่อหน้าแถวไปแล้วใช่ไหมว่า ช่วงรับน้องห้ามใส่กางเกงยีนส์เด็ดขาด มึงฟังภาษาคนไม่ออกหรือไง? คิดว่ามึงแน่มากนักหรือ?”

ผมเดินต่อไปโดยไม่สนใจเสียงเห่าที่ดังขึ้นมา ซักพักมีมือข้างหนึ่งมาจับที่ต้นแขนผม ผมหันหน้ามองด้วยสายตาที่ไม่พอใจ

“กูพูดกับมึง ทำไมมึงต้องเดินหนีกูด้วย อยากโดนดีหรือไง ” เจ้าของน้ำเสียงตะคอกใส่ผม

ผมจ้องมองหน้าไอ้คนที่บังอาจมาตะคอกใส่ผม ด้วยสายตาเหมือนกับจะกินเลือดกินเนื้อ ไอ้บ้าคนนี้มันเป็นใคร ถึงกล้ามาเบ่งใส่ผมอย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้ ความจริงหน้าตาของมันก็โคตรจะหล่อ (หล่อแบบกวนๆแกมทะลึ่งทะเล้นนิดๆ) แถมหุ่นก็ดีมีเซ็กส์แอ๊ปพีลสูง หุ่นแบบนี้พวกเกย์ชอบนัก แต่ทำไมคำพูดคำจาของมัน… dog doesn’t eat จริงๆ

“อย่ามายุ่งกับผม ผมไม่ใช่เด็กปี1 ที่คุณจะมาใช้อำนาจความเป็นรุ่นพี่มาบีบบังคับ ถ้าคุณอยากรู้ว่าผมเป็นใคร ไปถามพี่พล เอกภาษาจีน แล้วจะรู้เอง กรุณาถอยไป... ผมขอร้องคุณดีๆนะครับ หากคุณยังไม่ฟังและยังไม่หยุด เรื่องนี้ถึงหูอธิการบดีแน่” ผมพูดตอกกลับอย่างสุภาพชน ปนขู่นิดๆ ผมเดินไปเข้าคิวซื้ออาหารอย่างไม่สะทกท้านใดๆ

ที่วิทยาเขตแห่งนี้ นักศึกษาทุกคนทุกชั้นปี ไม่ว่าชายหรือหญิงจะรู้จักกันหมด (ยกเว้นกลุ่มนักศึกษาวิทยาลัยอิสลามศึกษา ที่แยกกลุ่มไปสมาคมต่างหาก พวกเขามีสังคมของตัวเอง ไม่ค่อยจะข้องเกี่ยวกับนักศึกษาทั่วไปเท่าไหร่นัก อันนี้เป็นกรณีพิเศษ) เพราะวิทยาเขตมีขนาดเล็ก ดังนั้นจึงไม่แปลกที่นักศึกษาทั้งหมดจะรู้จักกัน

ตอนเย็นพี่พลมาหาผมที่หอพักเพื่อพูดคุยเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวันในโรงอาหาร พี่พลบอกว่า เป็นความเข้าใจผิดของพวกรุ่นพี่ที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการรับน้องใหม่ ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นไม่เคยเห็นหน้าผมมาก่อน เลยสรุปเอาเองว่า ผมต้องเป็นนักศึกษาปี1 แน่ๆ ส่วนไอ้หน้าหล่อที่บังอาจมาตะคอกใส่ผมเมื่อตอนกลางวัน ชื่อ “พัฒน์” (ขอเรียกว่า “ไอ้พัฒน์”ละกัน หมั่นใส้มัน) เป็นหัวหน้าว๊าก ไอ้พัฒน์เรียนอยู่ปี2 (ปีเดียวกับผมนั่นเอง)
......................................................................

สองสัปดาห์ผ่านไป ผมเริ่มรู้สึกเบื่อๆเพราะบรรยากาศในมหา'ลัยและตัวเมืองปัตตานี เงียบสงบ ร่มรื่น ได้บรรยากาศธรรมชาติมากถึงมากที่สุด ไม่มีความพลุกพล่าน ไม่มีอะไรให้ตื่นตาตื่นใจเลย

วันจันทร์ถึงศุกร์ ผมไปเข้าห้องเรียนหรือไม่ก็ไปเข้าร่วมกิจกรรมตามแต่โครงการจะกำหนดให้ทำ ส่วนวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ นั้น ถ้าไม่ไปเดินเล่นรับลมทะเล ดูปลาตีนบริเวณทะเลโคลน ผมก็นั่งรถสองแถว (คนที่นั่นเขาเรียกว่า “รถป๊อกๆ” ) เข้าไปเดินเล่นในตัวเมืองปัตตานี โดยเฉพาะห้างไดอาน่า ไปจนพนักงานทุกชั้นทุกแผนกจำหน้าได้หมด ผมไม่ค่อยชอบรรยากาศมหา'ลัยในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เพราะเงียบสงัดวังเวงมากๆ (นักศึกษาส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษาในท้องถิ่น พอถึงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ต่างกลับบ้านกันหมด)

“พรุ่งนี้วันเสาร์อีกแล้ว เบื่อ เบื่อ เบื่อ และโคตรเบื่อจริงๆ” ผมบ่นกับแซยิด

“ถ้านายเบื่อ หรือไม่มีอะไรทำ ไปเที่ยวบ้านเราไหม?” แซยิดกล่าวเชิญชวน


ผมใจเต้นตุ้มๆต่อมๆ รู้สึกตื่นเต้นและดีใจที่หนุ่มหน้าแขกเอ่ยปากเชิญชวน ช่างโชคดีนาทีทองอะไรแบบนี้ ผมพยายามหาโอกาสที่จะอยู่ใกล้ชิดกับแซยิดในห้องสองต่อสองเพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่าง แต่ก็ยังหาโอกาสไม่ได้เสียที เพราะเล๊ะกับดุลอยู่ในห้องเกือบตลอดเวลา ผมมีโอกาสอยู่กับแซยิดสองต่อสองเฉพาะในตอนเย็นช่วงกินข้าวเท่านั้น เพราะเราทั้งสองมักจะไปกินข้าวด้วยกันบ่อยๆ แซยิดใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในห้องสมุด ทั้งทำการบ้านและอ่านหนังสือ (เขาเป็นเด็กเรียน ส่วนเราเป็นเด็กแรดปนร่าน)

“ขอบใจมาก แต่มันจะดีหรือ? เราเกรงใจที่บ้านนาย ไม่อยากไปรบกวน” ผมพูดเพื่อสงวนท่าทีไม่ให้ดู “คันคะเยอ” จนน่าเกียจเกินงาม

“รบกวนอะไรกัน นายคิดมากไปเอง เราว่านายต้องชอบบ้านเราแน่ๆ พ่อกับแม่เราใจดี ท่านชอบคุยกับคนต่างถิ่น คุยได้ทุกเรื่อง ยิ่งนายเป็นคนคุยเก่งด้วยแล้ว รับรองคุยกันสนุกแน่ๆ แม่เราทำอาหารอร่อยนะ แล้วเราจะขี่มอเตอร์ไซด์พานายเที่ยวรอบตัวเมืองยะลา” แซยิดพูดให้ผมคล้อยตาม

ไม่ต้องเดาก็พอจะรู้คำตอบของผมนะครับ.... (ฮิๆๆๆ.....) บ้านของแซยิดอยู่ที่อ.เมือง จ.ยะลา จากปัตตานีไปยะลา ระยะทางประมาณ กิโลเมตร

พ่อของแซยิดเป็นครูสอนอยู่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในตัวเมือง ส่วนแม่ของแซยิดทำงานอยู่ที่ว่าการอำเภอ แซยิดเป็นลูกชายคนโต โดยมีน้องสาวคนเล็กซึ่งอายุห่างกันไม่มากนัก น้องสาวเรียนอยู่ชั้นม.6 (อายุรุ่นราวคราวเดียวกับผม) ครอบครัวของแซยิดเป็นครอบครัวที่น่ารักมาก ทุกคนให้การต้อนรับผมอย่างดี

ผมนอนห้องเดียวเตียงเดียวกับแซยิด ผมนอนไม่ค่อยหลับพยายามข่มตาเท่าไหร่ก็ไม่หลับเสียที ส่วนแซยิดนั้นนอนหลับตั้งแต่หัวถึงหมอน ผมมองแซยิดนอนพลิกตัวไปมา (จากที่ได้สังเกต แซยิดเป็นคนนอนดิ้น) ซักครู่หนึ่ง แซยิดก็พลิกตัวหันมาทางผม หัวใจผมเกือบตกไปอยู่ตรงหัวหน่าว เมื่อเห็นปลายโสร่งของแซยิดมีสภาพกึ่งหลุดหลุ่ย แซยิดเวลานอนไม่ใส่กางเกงในซะด้วย ถ้าพลิกตัวอีกนิด แซยิดน้อยก็จะโผล่ออกมารับลมเล่นในยามราตรี

ผมพยายามใช้มือค่อยๆจับโสร่งของแซยิด เพื่อใช้ปกปิดก่อนที่แซยิดน้อยจะโผล่ออกมา บังเอิญแซยิดพลิกตัวอีกรอบหนึ่ง เลยทำให้มือของผมไปโดนส่วนหัวของแซยิดน้อยเข้าอย่างเต็มๆ ขอบอกว่ากล้ามเนื้อตรงส่วนนั้นแน่นมาก เวลานี้ใจของผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทั้งสั่นทั้งตื่นเต้นเหมือนกับผจญภัยในดงกล้วย ผมค่อยๆใช้มือลูบบริเวณต้นขาข้างลำตัวของแซยิดอย่างเบาๆ เพื่อพิสูจน์อาการตอบสนองของฝ่ายตรงข้าม ผมลูบไปได้ไม่ถึง 2 นาที แซยิดก็พลิกตัวหันหน้ามาทางผมอีกครั้งเหมือนกับจงใจ แต่คราวนี้ทำเอาผมตกตะลึงเลยทีเดียว เจ้าแซยิดน้อยเกิดอาการขยายตัวแปลงร่างเป็นงูอนาคอนด้าที่ทั้งใหญ่ทั้งยาว โผล่ทะลุผ้าโสร่งออกมาสัมผัสกับโลกภายนอก

หัวกระดอของแซยิดเป็นหัวกระดอเปิด สีแดงอมชมพู ตัวลำกล้องนั้นทั้งอวบทั้งยาวสวยมาก ผมแกล้งนิ้วมือลูบๆแตะๆบริเวณหัวหน่าวที่โกนขนอย่างราบเรียบเป็นหน้ากลอง จากนั้นก็ค่อยเลื่อนมือลงมาลูบคลึงตรงหัวกระดอที่เปิดบานเป็นดอกเห็ด

เมื่อแซยิดทำท่าจะพลิกตัวอีกรอบหนึ่ง ผมจึงหยุดการกระทำ พร้อมกับดึงมือของผมออกมา

“ทำต่อซิ กำลังสบายตัว” แซยิดกระซิบบอกผม

พออีกฝ่ายไฟเขียวให้ผมใส่เกียร์เดินหน้าอย่างเต็มที่ จะรอช้าอยู่ทำไม ผมจัดการบรรเลงเพลงสวาททันที ผมดึงโสร่งของแซยิดออก พร้อมกับใช้มือจับกระดอของแซยิดรูดขึ้นลงตามจังหวะ ส่วนจมูกของผมนั้นก็ดอมดมหากลิ่นสาบเสน่หาที่ตรงกะโปกและลูกชิ้นเอ็นทั้ง 2 ลูก

เมื่ออนาคอนด้าของแซยิดแข็งตั้งชูชันพร้อมรบอย่างเต็มอัตราศึกแล้ว ผมจึงอ้าปากครอบอนาคอนด้าจนมิดลำ กระดอของแซยิดยาวได้ใจมากๆ เกือบจะทิ่มลิ้นไก่ผมอยู่แล้ว ผมรูดลำลึงค์ของแซยิดขึ้นๆลงๆอย่างช้าๆ สลับกับใช้ลิ้มเลียรอบบริเวณหัวดอ พร้อมกับตวัดปลายลิ้นตรงรอยหยักเส้นเสียว

แซยิดนอนแผ่หราอยู่บนเตียง พร้อมทั้งส่งเสียงครวญครางด้วยอารมณ์สุดเสียว ผมอมและดูดกระดอของแซยิดอย่างเมามัน จากนั้นผมก็เลือนตัวขึ้นมาทับบนตัวของแซยิดเพื่อที่จะจูบปากและซอนไซร้ที่ตรงลำคอลากลงมาถึงบริเวณหัวนม แต่แซยิดห้ามไว้ บอกว่ารู้สึกแปลกๆ เพราะว่ายังไม่เคยมีอะไรกับใครมาก่อน (ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย) นี่เป็นครั้งแรกของเขาที่ยอมให้คนอื่นจับและดูดอวัยวะเพศ เขาขอให้ผมโม๊คให้อย่างเดียวก่อน คราวหน้าถ้าเขารู้สึกเคยชินมากกว่านี้ เขาค่อยอนุญาติให้ผมจัดการล่าสวาทแบบครบเครื่องเต็มรูปแบบไปทีละนิดทีละหน่อย

ผมก้มลงไปโม๊คกระดอให้แซยิดต่ออย่างดุเด็ดเผ็ดมัน ส่วนมืออีกข้างก็ลูบใล้ลูกชิ้นเอ็นทั้ง 2 ลูก อย่างทะนุถนอม ซักพักแซยิดเกร็งตัวพร้อมกับร้องเสียงหลงออกมา ทันใดนั้น น้ำกำหนัดสีขาวข้นหนืดๆอุ่นๆของแซยิด ก็พุ่งทะลักเข้าสู่ในลำคอของผม

คราวนี้ก็มาถึงคิวของผมบ้าง ผมใช้มือจับอนาคอนด้าของแซยิดเล่นๆ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ใช้ชอลิ้วเฮียงให้กับแท่งตอปิโดของผม จนน้ำอสุจิของผมพุ่งทะลักออกมาจากลำกล้อง

หลังจากคืนนั้นแล้ว แซยิดเริ่มจะติดใจในฝีปากของผมเข้าไปทุกที ยิ่งช่วงไหนที่ เล๊ะ กับ ดุล กลับบ้านไปพร้อมกันโดยเหลือแค่แซยิดกับผมอยู่ในห้องด้วยกันสองคน แซยิดก็มักสะกิดผมให้ช่วยเอาน้ำแป้งเปียกคาวๆสีขาวขุ่นออกจากกระบอกปืนใหญ่ อยู่ตลอดเวลา