Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 504
Message ID: 114
#114, RE: เรื่องเล่าคาวน้ำกาม
Posted by romanrome on 15-Jan-13 at 05:02 AM
In response to message #111
นังกองฟางมากับป้อง โดยมีป้องทำหน้าที่เป็นขี้ข้าถือกระเป๋า+ถุงช็อปปิ้งเดินตามก้นอยู่ต้อยๆ ส่วนนังกองฟางเดินเชิ่ดนำหน้า ท่าเดินของนางเหมือนกับนางแบบเดินบนแคทวอล์คยังไงยังงั้น

"ไม่เป็นไรคะ ฟางเองเดินดูของจนลืมดูคนเหมือนกัน จะว่าไปตัวฟางก็มีส่วนผิดอยู่ ถือว่าหายกันนะคะ" นังกองฟางยิ้มให้ผม (คำตอบของนางช่างโลกสวยมากๆ ถ้าไปตอบคำถามบนเวทีประกวดนางงาม รับรองมงกุฏหล่นใส่หัวนางแน่ๆ)

ผมยืนเอ๋อรับประทานไปชั่วขณะ (จะไม่ให้เอ๋อรับประทานได้ไง หนีเสือปะจระเข้ แท้ๆเลยตรู)

ครั้นเรียกสติกลับคืนมาได้ ผมรีบกล่าวคำขอบใจคู่กรณี

ก่อนที่จะเดินแยกย้ายไปนั้น ผมแอบชำเลืองมองดูป้องที่ยืนอยู่ข้างๆ สายตาของป้องที่มีให้ผมนั้น มันช่างดูเย็นชาไร้อารมณ์ ปราศจากอากัปกริยายินดียินร้ายใดๆทั้งสิ้น

ผมเดินลงบันไดเลื่อนอย่างเหม่อๆ การเจอป้องในครั้งนี้ ผมรู้สึกว่าอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองเข้มแข็งและหนักแน่นมากกว่าเมื่อก่อน

ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมแทบจะเจ็บปวดรวดร้าว กระวนกระวายกินไม่ได้นอนไม่หลับไปหลายวันหลายคืน

แต่ในเวลานี้ วินาทีแรกที่ผ่านมาซักครู่ ผมยอมรับว่ารู้สึกจี๊ดๆร้อนๆหนาวๆไปชั่วขณะ แต่พอไม่กี่นาทีผ่านไป อารมณ์+ความรู้สึกของตัวเองก็สามารถปรับเข้าสู่โหมดปรกติได้โดยอัตโนมัติ ผมเห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่า "กาลเวลาเป็นยารักษาใจชั้นยอด"


ผมเดินมายังแผนกซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นใต้ดิน เพื่อซื้อขนมและของขบเคี้ยวต่างๆ


"หน้าตาคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน?" ผมพูดกับตัวเอง พร้อมกับชะเง้อมองดูหนุ่มน้อยที่กำลังยืนเลือกซื้อสบู่ แชมพู

หนุ่มน้อยคนนี้ใส่ชุดนักศึกษาผูกไทด์ เท่าที่ดูจากเครื่องแบบน่าจะเป็นมหาลัยเดียวกับผม

"น่าจะใช่นะ เข้าไปทักก็ไม่เห็นเป็นไร ถ้าผิดคน อย่างมากก็แค่กล่าวคำ ขอโทษ" ผมบอกตัวเอง

"ใช่… ทอย หรือเปล่า?" ผมทักหนุ่มน้อยอย่างไม่ค่อยแน่ใจ เนื่องจากทรงผมที่เปลี่ยนไป เลยอาจทำให้หน้าตาเปลี่ยนตามไปด้วย (หนุ่มคนนั้นไว้ผมสั้นรองทรง ส่วนหนุ่มคนที่ผมเห็นในตอนนี้ ไว้ผมยาวเลยติ่งหูพอสมควร)

"ครับ… เดี๋ยว!!! กันต์ ใช่ไหม?" หนุ่มน้อยรูปหล่อมาดเซอร์คนนั้น พยายามนึกชื่อผม

"ใช่ ทอยจริงๆด้วย ไปยังไงมายังไง? ไม่ได้เจอกันจะเกือบปีแล้วนะ" ผมถามสารทุกข์สุกดิบของอีกฝ่าย (คุณผู้อ่านคงจะจำทอย น้องชายของพี่ทีสุดหล่อได้นะครับ)

"เราสอบได้คณะวิจิตรฯ พักอยู่หอ3 นายละอยู่หอไหน?" ทอยถามไถ่ผม ด้วยอาการตื่นเต้นดีใจ

"เราอยู่หอนอก หลังมอ นี่มาคนเดียวหรือว่ามากับใคร? " ผมหันหน้ามองไปรอบๆ

"มาคนเดียว เรื่องมันยาว เดี๋ยวเราให้ฟัง กันต์มากับใครแล้วมายังไง?" ทอยถามกลับ

"เรามาคนเดียว นายว่างไหม? จะได้ไปกินข้าวเย็นด้วยกัน" ผมกล่าวเชิญชวน

"ตกลง ดีเหมือนกันกำลังหิวอยู่พอดี" ทอยรับคำเชิญ

ผมพาทอยไปกินข้าวที่ศูนย์อาหารบนชั้น3 ตอนแรกกะว่าจะพาไปร้านอาหารตามสั่งแถวช้างเผือก แต่ข้างนอกฝนตกหนัก เลยถือเอาความสะดวกสบายเป็นหลัก


เราทั้งสองได้พูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบต่างๆนานา..

ทอยเล่าให้ผมฟังว่า ก่อนจะเจอผมที่กาดสวนแก้ว เขาได้ขี่มอเตอร์ไซด์เที่ยวรอบตัวเมือง แต่มอเตอร์ไซด์เสียข้างทาง เลยต้องจูงเดินไปหาร้านซ่อมละแวกนั้น โชคดีที่เจอร้านซ่อมรถใกล้กับกาดสวนแก้ว พอส่งมอเตอร์ไซด์เข้าอู่เสร็จ ฝนเริ่มตก เลยเข้ามาหลบฝนที่กาดสวนแก้ว

อีกเรื่องที่ทอยเล่าอย่างเซ็งๆคือ มาเรียนที่เชียงใหม่ ทอยรู้สึกเหงาและเบื่อ เนื่องจากเขาไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไหร่(เห็นบอกว่า ไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนๆในคณะ ตามภาษาชาวบ้านคือ ยังหากลุ่มเพื่อนที่สนิทสนมไม่ได้) และที่สำคัญคือ ทอยไม่ค่อยกินเส้นกับรูมเมทของเขาเท่าไหร่ เลยทำให้ไม่อยากอยู่หอ (ตามประสาคนมีอารมณ์ศิลปิน+ติสแตกชนิดที่มากถึงมากที่สุด)


เรื่องที่ผมรอฟังจากปากของทอยอย่างใจจดจ่อคือเรื่อง พี่ทีสุดหล่อ โดยทอยเล่าให้ฟังว่า พอเรียนจบ พี่ทีก็บินไปอยู่กับพ่อแม่ที่อเมริกาทันที ตอนนี้กำลังสมัครเรียนต่อปริญญาโท (ผมลืมบอกไปตั้งแต่ต้นว่า พี่ทีเป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกับพี่ต่อ แต่พี่ทีสอบเทียบได้ตอนม.5 และยังสอบเอ็นฯติดอีกด้วย ดังนั้นพี่ทีจึงเข้าเรียนมหาลัยเร็วกว่าพี่ต่อ 1 ปี)

"คืนนี้ว่างไหม? วันเสาร์กับอาทิตย์ว่างหรือเปล่า?" ผมถามทอย

"ว่าง ทำไมหรือ?" ทอยทำหน้าสงสัย

"ไปเล่นวีดีโอเกมส์ที่หอเราไหม? ส่วนวันพรุ่งนี้เรากะไปเที่ยวลำพูนกับลำปางอยู่พอดี เราจะได้มีนายไปเป็นเพื่อน งั้นคืนนี้นายมาค้างที่หอเรานะ?" ผมยื่นข้อเสนอพร้อมกับเชิญชวนทอย

"อยากจะตอบตกลง แต่เราเกรงใจนายมาก" ทอยตอบอย่างตรงไปตรงมา

"เกรงใจอะไรกัน เรายินดีอย่างเต็มที่ ถ้านายไม่สะดวกใจ ให้คิดซะว่า นายเป็นตัวแทนของพี่ที เรายังไม่มีโอกาสได้ตอบแทนความมีน้ำใจของพี่ทีเลย ยิ่งตอนนี้พี่ทีอยู่ไกลมาก เราไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ตอบแทนพี่ทีเมื่อไหร่ ตอนเราไปกรุงเทพคราวก่อนโน้น พี่ทีเทคแคร์เราเป็นอย่างดี ขับรถพาเราไปโน่นไปนี่ แต่ยังดีที่เราเจอนาย ณ เวลานี้ ถือซะว่าการที่เราเทคแคร์นาย ก็เหมือนกับว่าเราได้เทคแคร์พี่ทีไปในตัวนะ " ผมอธิบายเหตุผลเพื่อให้อีกฝ่ายเกิดความสบายใจ


"โอเค" ทอยตอบตกลง


ในเวลาเดียวกัน ทอยทำท่ากวักมือเหมือนจะเรียกใคร


"พี่ป้อง ไม่นึกจะเจอกันที่นี่ มาซื้อของหรือว่ามาทำอะไรครับ?" ทอยทักทายฝ่ายตรงข้าม

ผมนั่งอยู่ตำแหน่งตรงข้ามกับทอย (นั่งหันหลังให้คนที่ทอยกำลังทักทาย) พอได้ยินชื่อของคนที่ทอยกำลังทัก ผมถึงกับสะดุ้งโหยง (ก็ชื่อดันเป็นชื่อเดียวกับใครคนนั้น จะไม่สะดุ้งได้ยังไง)

"หวังว่าคงไม่ใช่เขาคนนั้นนะ" ผมได้แต่ภาวนาอยู่ในใจ โดยไม่กล้าหันไปดู

"อ้าว… ทอย มาดูหนังหรือเปล่า?" เจ้าของเสียงพูดกับทอย พร้อมกันนั่งลงที่โต๊ะติดกัน

"เปล่า ฝนตกเลยเข้ามาหลบฝนที่นี่ แล้วพี่ละครับ?" ทอยพูดอย่างเป็นมิตร

“พี่มาดูหนัง กว่าหนังจะฉายตั้งชั่วโมงกว่า เลยมาหาอะไรกินก่อน" ชายหนุ่มเจ้าเสียงตอบ

ผมได้หันหน้าไปดูหน้าคู่สนทนาของทอย โอ้… คุณพระช่วย ใช่เขาจริงๆด้วย ทำไมโลกมันช่างกลมขนาดนี้หนอ ผู้คนมีเป็นร้อยล้านคนไม่ยักเจอ ดันมาเจอคนที่ตรูไม่อยากจะเจอ(หรือเปล่าน๊า??)

"ฟาง… นี่… ทอย หลานรหัสเรา และเป็นน้องโรงเรียนเราด้วย จบมาจากโรงเรียนเดียวกัน นี่.. พี่ฟาง อยู่คณะบริหารฯ" ป้องแนะนำทอยและกองฟางให้รู้จักกัน


"ยินดีค่ะ น้องทอย ทั้งลุงรหัสหลานรหัส หล่อเท่ห์สุดๆ โรงเรียนนี้คงมีแต่คนหล่อๆทั้งนั้นเลย" กองฟางเยินยอสองหนุ่ม (อ้อล้อตัวแม่จริงๆ นังคนนี้)

"พี่ป้อง… พี่ฟาง… นี่… กันต์ เรียนปีเดียวกับพวกพี่ แต่อายุรุ่นเดียวกับผม รู้จักกันที่กรุงเทพเมื่อปีที่แล้ว ไม่นึกเลยว่าจะได้เจอกันอีกครั้งที่นี่" ทอยแนะนำให้ผมรู้จักกับป้องและกองฟาง

"เหรอ.. " ป้องยังคงทำสีหน้าเฉยๆ ส่วนผมก็ตีสีหน้าเฉยๆเข้าสู้ฝ่ายตรงข้าม

"เมื่อกี้เพิ่งจะเดินชนกัน ไม่นึกว่าจะได้เจอกันอีก โลกกลมจริงๆ กันต์เรียนอยู่เมเจอร์ไหน?" กองฟางส่งยิ้มทักทายผม (ทำตัวเหมือนนางงามมิตรภาพเลยนะยะหล่อน)

"เมเจอร์…. " ผมตอบอย่างสั้นๆ

"ที่แท้ก็เมเจอร์เดียวกับมิ้นต์ ตอนปี1 เราเคยอยู่หอเดียวห้องเดียวกับมิ้นต์ พอขึ้นปี2 ย้ายออกมาอยู่หอนอก เลยไม่ได้เจอมิ้นต์อีกเลย มิ้นต์เป็นอย่างไรบ้าง? เรียนเมเจอร์เดียวคงได้เจอกันบ่อย" กองฟางคุยกับผมอย่างเป็นมิตร (แต่ในใจตรูหาเป็นมิตรด้วยไม่ ถ้าไม่มีเรื่องป้องมาเกี่ยวข้อง ตรูคงจะเป็นมิตรกับนาง เพราะเท่าที่ดู นางก็เป็นคนดี+มีมิตรไมตรีมากคนหนึ่ง)

"มันก็สบายดีนะ พูดมากเป็นโทรโข่งเหมือนเดิม" ผมแอบเม้าท์เพื่อนร่วมสาขาเดียวกัน

"อย่างมิ้นต์ เขาต้องเรียกว่าเป็นคนใช้วาทะศิลป์เก่ง ปากเป็นเอกเลขเป็นโท เห็นเขาเคยบอกว่า การพูดเป็นการออกกำลังทางปากอย่างหนึ่ง" กองฟางพูดสนับสนุนอย่างอารมณ์ดี

ผมคุยกับกองฟาง ส่วนป้องคุยกับทอยเรื่องสัพเพเหระต่างๆอย่างออกรส

"พรุ่งนี้ว่างหรือเปล่า? จะได้ชวนไปก๊งเหล้า" ป้องเอ่ยถามทอย

"ไม่ว่าง พรุ่งนี้ผมจะไปลำพูนกับกันต์แต่เช้า" ทอยตอบไปตามตรง

"พอได้มีโอกาสเจอกัน คราวนี้ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋เชียวนะ แต่ไม่เป็นไร เอาไว้คราวหน้าก็ได้ ยังมีเวลาชนแก้วกันอีกเยอะ" ป้องมองผมและทอย ด้วยสายตาที่รู้เท่าทัน

"ดีแล้วที่ไม่ว่าง ป้องนี่.. ชอบชวนน้องทอยไปเสียคนอยู่เรื่อย จะกินเหล้าไปทำไมเยอะแยะ มันไม่เกิดประโยชน์เลย" กองฟางต่อว่าป้อง

เมื่อกินอาหารเสร็จเรียบร้อย พวกเรานั่งคุยกันได้ซักพักหนึ่ง ป้องและกองฟางขอตัวแยกออกไปก่อน เพราะหนังใกล้จะฉาย

การได้เจอป้องในครั้งนี้ ผมรู้สึกดีขึ้นมากกว่าเมื่อก่อน ดีขึ้นในด้านของการวางตัวและการควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง ไม่ให้พริ้วไหวแตกกระเจิงไปกับภาพองค์ประกอบที่เห็น
วินาทีแรกที่ป้องเดินเข้ามาคุยกับทอย ผมอาจจะรู้สึกสั่นๆตื่นเต้นปนจี๊ดขึ้นมาเล็กน้อย แต่พอผ่านไปไม่กี่นาที ก็สามารถปรับอารมณ์ตัวเองเข้าสู่สภาวะปรกติได้ไม่ยาก

………………………………………………………………………………………………………………………………

ทอยนั่งเล่นวีดีโอเกมส์อย่างอารมณ์ดี ดูเหมือนภาพทอยคนเดิมที่ผมเห็นในครั้งก่อน กลับมาปรากฏให้เห็นอีกรอบ แทบไม่เหลือเค้าภาพของทอยที่ผมเจอในกาดสวนแก้วอีกต่อไป(ภาพของทอยที่ผมเจอในกาดสวนแก้ว หน้าตาเหมือนคนเบื่อโลกยังไงไม่รู้)

ทอยยังคงเล่นวีโอเกมส์อย่างสนุกสนานจนดึกดื่น ส่วนผมเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ จนเผลอตื่นโดยบังเอิญ ผมค่อยๆลืมตา เพื่อมองดูนาฬิกาแขวนบนฝาผนังที่แขวนอยู่เหนือทีวี ว่ากี่โมงแล้ว

เมื่อเห็นภาพในทีวี ผมตาสว่างทันทีจนไม่ต้องพึ่งกาแฟแต่อย่างใด ภาพในทีวีเป็นภาพหนังโป๊ชายกับชาย จากหนึ่งในม้วนวีดีโอหนังโป๊เกย์ของผม ที่วางในลิ้นชักตรงชั้นวางทีวี (ตอนแรกนึกว่าทอยคงสนใจแต่ม้วนวีดีโอเกมส์ซึ่งอยู่ลิ้นชักข้างบนอย่างเดียว ผมเลยไม่ได้ใส่ใจม้วนวีดีโอที่เป็นหนังเท่าไหร่ งานเข้าอีกแล้วตรู!!!)

ทอยนั่งดูพร้อมกับใช้มือลูบเป้ากางเกงของตัวเอง

"ฮัดเช้ย…. " ผมเผลอจามออกมาอย่างลืมตัว และแกล้งทำเป็นหลับต่อไป เพื่อไม่ให้ไก่ตื่น

เมื่อได้ยินเสียงจามของผม ทอยรีบปิดทีวีทันที พร้อมกับเอาม้วนวีดีโอออกจากเครื่องเล่นอย่างรวดเร็ว จากนั้นปิดไฟเพื่อเข้านอน

ทอยล้มตัวลงนอนใกล้กับผม ภาพของทอยลูบเป้ากางเกงเมื่อซักครู่ ช่างทำให้ผมเกิดอารมณ์ทางเพศยิ่งนัก ผมพยายามควบคุมสติของตนเองไม่ให้เตลิดไปไกลกว่านี้ สำหรับทอยแล้ว ผมไม่เคยคิดเรื่องใต้สะดือกับทอยเลย อาจเพราะ ทอยเป็นน้องของพี่ที ซึ่งผมกับพี่ทีเคยมีอะไรต่อมิอะไรกันมาก่อน อีกอย่างผมยังไม่แน่ใจนักว่า ทอยรู้เรื่องระหว่างผมกับพี่ทีหรือไม่? (ไม่รู้สิ มันเป็นความรู้สึกที่ผมอธิบายไม่ออก ยังไงคุณผู้อ่านช่วยกันเดาและวิเคราะห์ความรู้สึกแทนผมด้วยนะครับ)

ในที่สุดผมก็พ่ายแพ้ต่อไฟตัณหาราคะของตัวเอง ผมแกล้งนอนพลิกตัวแล้วเอาแขนไปกอดทอย (ลองหยั่งเชิงดูก่อนว่า ทอยเล่นด้วยหรือเปล่า? ถ้าเกิดไม่เล่นด้วย ผมก็ไม่ดันทุรังบังคับฝ่าฝืน คงต้องแอบไปชักว่าวเอาเองในห้องน้ำ

ซักพักทอยใช้มือลูบตรงแขนผมอย่างเบาๆ (ได้ไปต่อแล้วตรู 555+ ) เมื่อฝ่ายตรงข้ามให้สัญญาณแบบนั้น ผมก็ใส่เกียร์เดินหน้าต่อไป

ผมใช้มือลูบผ่านบริเวณหน้าท้องของทอย ลงไปสู่หัวหน่าว ตรงนี้นิ้วของผมสามารถสัมผัสกับหัวด้ามปืนที่แข็งโด่ของทอย อย่างจังๆ

ผมสอดมือผ่านกางเกงเข้าไปยังกางเกงในของทอย เคของทอยแข็งโด่รอการนวดคลึงจากมือของผม

ผมใช้นิ้วมื้อเขี่ยขนหะมอยของทอย ที่ขึ้นประปราย เล่นอย่างค่อยๆ ทอยพลิกตัวจากท่านอนตะแคงหันหลังให้ผม มาเป็นท่านอนหงาย ผมได้จังหวะ เลยใช้มือถอดเสื้อพร้อมกางเกงของทอยออกจนหมด รวมทั้งของผมเองอีกด้วย

เราทั้งสองอยู่ในสภาพล่อนจ้อนด้วยกันทั้งคู่ ทอยยังคงนอนนิ่งเฉย ส่วนผมนั้นเริ่มขึ้นไปนอนทับบนตัวทอย ผมค่อยๆใช้จมูกไซร้ตามซอกหู ต้นคอของทอยอย่างทะนุถนอม

เสียงครางอย่างเบาๆของทอย ดังออกมาเกือบทุกวินาที ผมลากลิ้นยาวลงมาเลียรอบๆหัวนมทั้งสองข้างของทอย ส่วนมือก็ลูบคลำไข่นกกระทา 2 ฟองของทอยเล่นอย่างเมามันส์

เมื่อเลียหัวนมจนหนำใจแล้ว ผมก้มลงไปที่ลูกกระโปกของทอย พร้อมใช้ลิ้นเลียวนไปวนมา เสียงครางของทอยเริ่มดังขึ้นและลากยาวมากขึ้น

ผมใช้ปลายจมูกสูดดมจากลูกกระโปกขึ้นไปสู่ลำแท่งทวนอันแข็งโด่ของทอย แท่งทวนของทอย ตั้งตรงมีขนาดใหญ่และยาวมาก เมื่อเทียบกับของพี่ที (แต่ยังไม่ถึงขนาดของแซยิด) หัวเปิดบาน แถมมีกลิ่นสาบเพิ่มอารมณ์ทางเพศนิดๆ

ก่อนจะถึงบริเวณรอยหนักตรงส่วนหัวกระดอ ผมใช้ลิ้นเลียนรอบๆเส้นแบ่งบนหัวรอยหยัก ทอยเริ่มแกว่งตัวอย่างพริ้วไป และใช้มือทั้งทั้งสองข้างจิกเส้นผมบนศรีษะของผม

ผมอ้าปากครอบแท่งทวนของทอย จนมิดลำ ผมรู้สึกจุกบริเวณลำคออย่างบอกไม่ถูก แท่งทวนของทอยช่างใหญ่คับปากผมจริงๆ ผมใช้ริมฝีปากหนีบลำแท่งทวนอย่างแน่น จากนั้นก็ชักขึ้นๆลงๆ

เสียงร้องครางของทอยดังออกมาไม่ขาดปาก ซักพักทอยพยายามใช้มือทั้งสองข้างดึงหัวผมออกห่างจากแท่งทวนของตัวเอง

"เราเอาตูดนายได้ไหม?" ทอยถามผม

ผมพยักหน้า พร้อมลุกไปหยิบเจลหล่อลื่น มาชะโลมทั่วลำทวนของทอย และทั่วผนังทางเข้าถ้ำทองของผม

"โอ๊ย… เบาๆหน่อยซิ ค่อยๆเสียบช้าๆ อย่าเร่งรีบ" ผมร้องเสียงหลง (เท่าที่ดูวิธีการเสียบ สงสัยทอยคงยังไม่เคยเอาทั้งประตูหน้าและหลังมาก่อน ถึงได้เสียบพรวดพราดขาดจังหวะผ่อนหนักผ่อนเบาอย่างนี้)

ทอยค่อยๆจับแท่งทวนอันแข็งปั๋ง จ่อปากถ้ำทองของผม โดยดันเข้าไปทีละนิดละหน่อย ซักพักพอแท่งทวนเข้าไปในถ้ำทองใกล้จะมิดลำแล้ว ทอยก็เริ่มกระเด้าเข้าๆออกๆอย่างเป็นจังหวะ

ผมรู้สึกจุกไปทั่วท้องน้อย เนื่องจากขนาดเคของทอย ใหญ่จริงๆ เมื่อผนังถ้ำทองของผมเริ่มปรับตัวต่อขนาดเคของทอยๆได้แล้ว ความจุก ความเจ็บก็เริ่มกลับกลายมาเป็นความเสียวแทน

ทอยกระเด้ากระดอเข้าๆออกๆในรูดากของผมอย่างติดลมบน เสียงที่ครางออกมาบ่งบอกได้ถึงความเสียว ไม่เกิน 15 นาที น้ำกำหนัดอุ่นๆหนืดๆเหนียวๆของทอยก็แตกในรูดากของผม

หลังจากทอยถอดแท่งทวนออกจากรูดากของผมๆรู้สึกเจ็บแปล็บขึ้นมา เพราะขนาดที่ใหญ่ของแท่งทวน

ซักพักผมขอร้องให้ทอยช่วยผมให้ถึงจุดสุดยอด โดยทอยเลียหัวนมของผม ส่วนผมใช้มือข้างขวาสาวว่าวให้ตัวเอง ส่วนมือข้างซ้ายก็จับแท่งทวนของทอยเล่น ไม่นาน น้ำอสุจิของผมก็พุ่งกระจายออกมา
ทอยเล่าให้ผมฟัง ทอยรู้มาตั้งนานแล้วว่า พี่ทีเป็นเกย์ โดยเฉพาะตอนที่ผมมีอะไรกับพี่ทีในเรือนแพคืนนั้น ทอยเห็นโดยบังเอิญ ทอยตื่นกลางดึกมาเข้าห้องน้ำ แล้วประตูห้องนอนของผมกับพี่ทีปิดไม่สนิท เปิดแง้มบานไว้ ประกอบกับเสียงร้องครวญครางของผมค่อนข้างดัง เลยดึงดูดความอยากรู้อยากเห็นของทอย ทำให้ทอยแอบย่องไปแอบดูตามรอยแง้มของบานประตู

การมีเพศสัมพันธ์กับทอย ช่างเสียวและจุกปนเจ็บ ครบเครื่องจริงๆ นับจากคืนนั้น ผมกับทอยก็เล่นเสียวกันเป็นประจำ

ส่วนบอล หลังจากสอบได้ทุนนักศึกษาแลกเปลี่ยนไทย-จีน ก็ยุ่งกับการเตรียมตัวต่างๆไม่ว่าจะเป็นเอกสารและข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น ผมเองได้เจอกับเขาแค่ 2-3 ครั้ง ก่อนเขาจะไปจีน (บอลไปจีนก่อนสอบปลายภาคประมาณ 2 อาทิตย์ โดยเขาขออนุญาตกับทางมหาลัย สอบปลายภาคล่วงหน้าก่อนกำหนด)

บอลต้องไปเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่จีน ระยะเวลา 1 ปี (เขาไปตอนผมอยู่ปี 3 จะขึ้นเทอม 2 ตอนเขากลับมาผมก็อยู่ปี 4 จะขึ้นเทอม 2)

………………………………………………………………………….............................


ปี3 เทอม2 ผมยังคงผูกปิ่นโตเป็นขาประจำของทอย เพราะเทอมนี้ ผมต้องเรียนหนักมากกว่าปรกติ ชนิดลงทะเบียนเรียนเต็มวัน (จันทร์-ศุกร์)ตั้งแต่ 8 โมงเช้ายัน 5 โมงเย็น เพื่อชดเชยช่วงปี2 เทอม1 ที่ผมได้ไปเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนข้ามมหาลัย (ถ้าขืนไม่กระหน่ำลงทะเบียนแบบนี้ มีหวังไม่ได้จบ 4 ปี แน่ๆ) เลยทำให้ไม่มีเวลาว่างออกไปไหนมาไหนหรือหมกมุ่นแต่เรื่องใต้สะดือเหมือนเมื่อก่อน


……………………………………………………………………............................


ปีการศึกษา 2540

ปีนี้เป็นปีการศึกษาสุดท้ายของการเป็นนักศึกษาปริญญาตรี ในรั้วมหาลัยแห่งนี้

4 ปี ช่างผ่านไปไวจริงๆ ตอนเข้ามาเป็นนักศึกษาปี1 ผมเคยถอนหายใจว่า จะเรียนไหวไหมนี่? อีกตั้ง 4 ปี นะ หนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรหนอ.. ?

แต่ในที่สุด ผมก็ฝ่าฟันมาจนถึงจุดนี้ ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถ ถ้าเรามีความพยายามตั้งมั่น ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคข้อผิดพลาดทั้งหลายทั้งปวง ความสำเร็จจะเข้ามาหาเราได้ไม่ยาก


สำหรับเรื่องประสบกามของผมในชั้นปี4 นั้น ไม่ค่อยมีอะไรโลดโผนตื่นเต้นหรือน่าสนใจเหมือนแต่ละชั้นปีที่ผ่านมา ออกจะน่าเบื่อ เนือยๆด้วยซ้ำ


เริ่มจากเทอม1 ช่วงต้น-กลางเทอม ผมยังคงผูกปิ่นโตเจ้าประจำกับทอยอยู่เหมือนเดิม แต่พอมาถึงช่วงกลางเทอม ต่างฝ่ายต่างมีภาระกิจจะต้องรับผิดชอบสะสาง เลยไม่มีเวลาว่างทั้งคู่ หลังจากนั้น ทอยเริ่มหายหน้าหายตาไป มาทราบภายหลังได้ข่าวว่า ทอยมีแฟน(ผู้หญิง)เป็นนักศึกษาชั้นปีเดียวกัน แถมยังเป็นดาวคณะผมอีกด้วย ซึ่งผมรู้สึกยินดีกับทอยอย่างยิ่งที่เห็นทอยมีความสุข มีคนรู้ใจเคียงข้าง

เทอม2 ต้นเทอม-กลางเทอม ไม่มีอะไรหวือหวา แต่ก็ไม่ถึงกับน่าเบื่อ เพราะตอนนั้นมีซาวน่าเกย์เพิ่งเปิดใหม่แห่งแรกในเชียงใหม่ คือ "เฮ้าส์ออฟเมล" ทุกครั้งที่ผมได้เข้าไปใช้บริการ ก็ได้ประลองวิทยายุทธกำลังภายในใต้สะดือกับบรรดาหนุ่มหล่อที่ไปใช้บริการที่นั่น (ไม่ได้มีอะไรหวือหวาน่าตื่นเต้นเร้าใจชวนให้กระเจี๊ยวโด่เท่าไหร่ เลยไม่ขอเล่า แบบถือคติที่ว่าเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ)

ช่วงปลายเทอม ยิ่งไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลย ผมมัวแต่ยุ่งเรื่องเรียน เพราะเป็นเทอมสุดท้ายด้วย บรรดาเพื่อนๆในสาขาวิชาเดียวกับผม ต่างมัวแต่ยุ่งกับการสมัครเรียนต่อปริญญาโท หรือไม่ก็สมัครงานตามบริษัทและหน่วยงานต่างๆ ส่วนตัวผมนั้น ชิวส์ๆ สบายๆ ไม่ได้ส่งใบสมัครไปยังที่ไหนทั้งนั้น

ทำไม? เพราะอะไร? ถ้าอยากรู้คำตอบ ต้องติดตามภาค2 นะครับ (แอบโฆษณาอย่างเนียนๆ)


......................................................


ของแถมเล็กๆน้อยๆ

-ป้อง = ตั้งแต่เจอกันโดยบังเอิญที่กาดสวนแก้วคราวนั้น ผมก็ไม่ได้เจอกับป้องอีกเลย

-บอล = หลังจากกลับมาจากจีน ผมไม่ติดต่อกับบอล เพราะน้องชายของบอลได้ย้ายไปอยู่หอพักอีกแห่งหนึ่ง พอบอลกลับมาเลยต้องย้ายตาม ยังดีที่ผมพอมีโอกาสได้เจอบอล ถึงแม้จะแค่ครั้งเดียวก็ตาม(เจอกันโดยบังเอิญที่หอสมุด ก่อนวันสอบปลายภาควันสุดท้าย)

-ภีม = ผมมีโอกาสได้สาน(เพศ)สัมพันธ์กับภีมอีกรอบ ตอนภีมขึ้นมาเที่ยวเชียงใหม่กับครอบครัวช่วงฤดูหนาว (เวลานั้นบอลยังอยู่ที่จีน) และนัดเจอกับผม

-พี่ต่อ = ตั้งแต่เหตุการณ์ในโรงอาหารครั้งนั้น ผมกับพี่ต่อก็ไม่มองหน้ากันเลยจนกระทั่งพี่ต่อเรียนจบ

-พี่ที = หลังจากพี่ทีไปอยู่อเมริกากับพ่อแม่แล้ว ผมขาดการติดต่อกับพี่ทีไปช่วงหนึ่ง จนกระทั่งได้อีเมลของพี่ทีจากทอย(สมัยนั้นอีเมลกำลังเป็นของใหม่ และได้รับความนิยมอย่างมาก) ผมเลยได้มีโอกาสติดต่อกับพี่ทีอีกครั้งทางอีเมล

-ไอ้พัฒน์ = นับตั้งแต่ที่มันมาเยี่ยมผมที่เชียงใหม่คราวนั้น ผมยังติดต่อกับมันทางโทรศัพท์ 3-4 ครั้ง หลังจากนั้นก็ขาดการติดต่อกัน อาจเป็นเพราะต่างคนต่างมีภาระหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบด้วยกันทั้งนั้น


.............................................................


ขอขอบพระคุณ คุณผู้อ่านทุกท่านที่คอยติดตามและให้กำลังกันมาตั้งแต่ต้นเรื่อง อย่าลืมติดตามภาค2 นะครับ