Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 534
Message ID: 1
#1, RE: ลม ทะเล รัก
Posted by แสนภู on 05-Mar-13 at 01:13 AM
In response to message #0
บทที่ 2

ในช่วงฤดูหนาวแบบนี้ พื้นที่ที่มีความสูงกว่าพันเมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลางแห่งนี้ อากาศตอนเช้ามักจะหนาวเย็นกว่าตอนกลางคืน ดวงอาทิตย์สาดแสงสร้างความอบอุ่นมาได้สี่ชั่วโมงแล้ว แต่ชายหนุ่มร่างหนาก็ยังคงนอนครุ่นคิดถึงเรื่องราวต่างๆอยู่ บางครั้งก็อยากปล่อยให้วันเวลาเป็นตัวรักษาจิตใจที่เจ็บปวด ทว่าพอนึกถึงสภาพร่างที่ไร้วิญญาณของน้องสาว และความโศกเศร้าเสียใจของผู้เป็นแม่แล้ว ความรู้สึกโกรธแค้นก็พลุ่งพล่านขึ้นจนเขาไม่อาจทนนิ่งเฉยอยู่ได้ หนุ่มร่างสูงยันกายลุกขึ้นจากฟูกนอนพลัน หนุ่มไฮโซร่างเล็กที่นอนขดตัวนิ่งอยู่บนพื้นกลางห้อง พลิกกายกลับมาทางประตูเมื่อได้ยินเสียงเปิดออก แล้วดวงตาเรียวคู่นั้นก็เบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นคนที่ถือโซ่เส้นยาวยืนขวางประตูอยู่

“คุณ!” ชลันธรผวาลุกขึ้นนั่งด้วยความแปลกใจ คนที่ยืนจ้องมองตนตาเขม็งอยู่นี้ คือคนคนเดียวกับคนที่โปะยาสลบเขาแน่หรือ ชายร่างสูงคนนี้ไม่มีแผลเป็นกับหนวดเครา ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มราวกับมีเชื้อแขกเปอร์เซียผสม หน้าตาของเขาดูต่างจากเมื่อวานราวเทวดากับซาตานอย่างนั้น แต่รูปร่าง ดวงตา จมูก และทรงผมเหมือนกันราวกับแกะ มันลงทุนปลอมตัวขนาดนั้นเพื่อลักพาตัวเขามา มันต้องการอะไรกันแน่

“มึงไม่ต้องกลัวกูขนาดนั้นหรอก รับรอง ตลอดเวลาที่มึงอยู่ที่นี่ มึงต้องกลัวกูมากกว่านี้แน่” ชายร่างสูงพูดขึ้นอย่างเหี้ยมเกรียม รอยยิ้มที่แสยะออกมาจากใบหน้านั้นทำให้ชลันธรขนลุกซู่ เผลอขยับถอยหลังไปนั่งชิดติดฝาห้องโดยไม่รู้ตัว แล้วร่างสูงใหญ่นั้นก็ก้าวเข้ามาในห้อง ทรุดนั่งลงตรงหน้าแล้วก็จับขาขวาของเขาดึงกระชากเหยียดออก

“คะ..คุณจะทำอะไร” มือหนาจับข้อเท้าเรียวไว้แล้วเอาโซ่พันรวดเร็วโดยไม่กล่าวตอบ ชลันธรพยายามดึงเท้ากลับ แต่ก็ไม่สามารถสู้แรงมหาศาลที่กดขาแนบลงกับพื้นได้ แล้วโซ่เส้นนั้นก็พันเข้ากับข้อเท้าเขาจนสำเร็จ เอากุญแจคล้องล็อคข้อโซ่เข้าด้วยกัน จากนั้นก็ลากปลายโซ่อีกด้านไปสอดล่ามไว้กับไม้คร่าวตรงหน้าต่างหลังห้อง คล้องกุญแจล็อคไว้เหมือนกับข้อเท้าเขา อีกฝ่ายล่ามโซ่ตรวนเขาราวกับเป็นนักโทษแหกคุก พอชายร่างสูงกลับมายืนเด่นอยู่กลางห้อง หนุ่มไฮโซจึงยื่นแขนที่ยังถูกใส่กุญแจมือติดกันอยู่ให้ดู

“ล่ามโซ่ผมแล้ว ช่วย ช่วยไขกุญแจออกให้หน่อยได้ไหม” ชลันธรเอ่ยขอร้องเสียวแผ่วเบา

“ไม่!” เสียงห้าวกล่าวปฏิเสธคำเดียว

“มันเจ็บเหลือเกิน ผมขอร้อง” หนุ่มร่างเล็กขอร้องอีกครั้งแล้วลุกขึ้นยืนก้าวเข้าไปเผชิญหน้า หนุ่มร่างสูงยืนนิ่งครุ่นคิดอยู่พักก่อนจะลงมือไขปลดออกให้ พอข้อมือทั้งสองข้างของตนเป็นอิสระ ชลันธรรีบยกขึ้นมาดูรอยแดงช้ำด้วยอาการสั่นเทา

“ดะ..เดี๋ยวคุณ” หนุ่มไฮโซส่งเสียงเรียกเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ทำท่าจะเดินออกจากห้อง ขายาวหยุดชะงัก

“คุณจับผมมาทำไม” พอได้ยินคำถาม ชายหนุ่มร่างสูงหันกลับไปมองหน้าเชลยอีกครั้ง

“เดี๋ยวก็รู้” เขาบอกเสียงกร้าวออกมาด้วยประโยคสั้นๆ

“แต่ผมต้องการรู้เดี๋ยวนี้ ถ้าจับผมมาเรียกค่าไถ่ ทำไมคุณถึง...”

“ไม่ใช่เรียกค่าไถ่” เสียงห้าวตะคอกบอกก่อนอีกฝ่ายจะพูดจบ สายตาคมจ้องมองใบหน้าเรียวราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“ถ้าไม่ใช่ แล้วคุณต้องการอะไร” ชลันธรถามอีกครั้ง แต่คนตรงหน้าเอาแต่จ้องเขานิ่ง ไม่ยอมตอบอะไรจนเขาเริ่มโมโห

“บอกผมมาสิ บอกผมมา คุณต้องการอะไร” หนุ่มไฮโซตะโกนถามออกไปเสียงดัง หนุ่มร่างสูงถลาเข้าไปจับต้นแขนเรียวสองข้างเขย่ารุนแรงจนศีรษะของเชลยสั่นคลอนไปมา ดวงตาคมแข็งกร้าวดุดันยิ่งขึ้น

“มึงอยากรู้นักใช่ไหม กูจับมึงมาเพื่อแก้แค้นไง แก้แค้นให้สาสมกับความผิดของมึง” สองมือหนาผลักร่างเชลยออกไปอย่างแรง ร่างเล็กบางหงายหลังเซถลาไปกระแทกกับผนังกั้นห้องเสียงดังปั๊ก ทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างเจ็บปวด หนุ่มร่างสูงใหญ่กระแทกเท้าเดินออกไปทันที สักพักก็มีเสียงสตาร์ทรถแล้วขับออกไป

ชลันธรทั้งเจ็บทั้งอ่อนล้าทั้งหวาดกลัวไปพร้อมกัน ป่านนี้อาชนะพลคงรู้แล้วว่าเขาหายตัวไป อาจะกังวลแค่ไหนเมื่อไปเจอรถของเขาถูกเฉี่ยวชนจอดทิ้งไว้ในห้าง แล้วที่โจรลักพาตัวบอกว่าจับเขามาแก้แค้นให้สาสมกับความผิด เขาเคยทำอะไรให้มันโกรธแค้นอย่างนั้นหรือ โกรธแค้นถึงขนาดไม่เกรงกลัวกฎหมาย จับเขามากักขังล่ามโซ่ไว้แบบนี้ มันต้องเป็นการเข้าใจผิดแน่ๆ ชายหนุ่มมองไปรอบๆตัวหลังจากนั่งกอดเข่าครุ่นคิดอยู่นาน เขาถูกขังล่ามโซ่ไว้ในห้องโล่งๆล้อมฝาด้วยแผ่นไม้ ภายในห้องมีเพียงเสื่อกับหมอนเก่าๆวางทับกันอยู่ตรงมุมห้องเท่านั้น ห้องกว้างประมาณสี่คูณสี่ตารางเมตร มีห้องน้ำในตัวเพราะมีประตูห้องน้ำอยู่ทางด้านฝาผนังกั้นห้อง

เชลยหนุ่มยันกายลุกขึ้นแล้วเดินลากโซ่ไปชะโงกดูที่หน้าต่างหลังห้อง บ้านไม้หลังนี้ปลูกอยู่บนที่ลาดชัน ด้านหลังยกสูงจากพื้นดินประมาณสามเมตร ตัวบ้านอยู่กลางหุบเขา มีลำห้วยยาวคดเคี้ยวลงมาตามร่องเขาสองลูก ภูเขาสูงอีกฝั่งมีต้นไม้น้อยใหญ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ ดูรกครึ้มเขียวขจีจนน่ากลัว เมื่อเดินไปดูทางหน้าต่างข้างห้องจึงรู้ว่าเป็นบ้านชั้นเดียว ปล่อยใต้ถุนที่ลาดชันไว้โล่งๆ

ดวงอาทิตย์ลับเหลี่ยมภูเขาไปได้ไม่นาน ชลันธรก็ได้ยินเสียงคล้ายรถกระบะวิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้าน หลังจากเสียงกระแทกเท้าหนักๆ ขึ้นบันไดบ้านเงียบลง ประตูห้องขังก็ถูกกระชากเปิดออก หนุ่มร่างเล็กนั่งนิ่งมองคนตัวสูงใหญ่ที่ก้าวเข้ามา ในมือขวานั้นถือถุงพลาสติกอยู่สองสามใบ

“เอ้า!” หนุ่มร่างสูงกระแทกถุงกระติบข้าวเหนียว ถุงอาหารกระป๋อง และถุงขวดน้ำดื่มลงกับพื้นตรงหน้า แต่เพียงสิ้นเสียงบอกสั้นๆ ขาเรียวก็ยื่นออกมาเตะถุงทั้งสามใบจนล้มกลิ้ง

“อยากหิวตายก็เรื่องของมึง” เสียงห้าวเอ่ยประชดอย่างไม่ถือสากับกิริยาของอีกฝ่าย เหมือนคาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าคงได้รับการตอบโต้กลับมาแบบนั้น

“ผมไปทำอะไรให้คุณโกรธแค้น ถึงได้จับผมมากักขังไว้แบบนี้” ชลันธรถามออกไปเสียงขุ่น

“มึงเคยได้ยินชื่อวริษาไหม” อีกฝ่ายไม่ตอบแต่กลับถามขึ้นเสียงเรียบ ชลันธรใจสั่นวาบทันทีที่ได้ยินชื่อนี้

“ธะ..เธอเป็นอะไรกับคุณ” น้ำเสียงที่ถามออกไปแหบแห้ง

“เป็นน้องสาวกูเอง เธอผูกคอตายก็เพราะมึง” ชลันธรตกใจจนแทบไม่เชื่อหู ดวงตาเรียวเบิกกว้าง หญิงสาวหน้าตาสวยคมที่เคยคบกับน้องชายเขา ฆ่าตัวตายอย่างนั้นหรือ

“น้อง...น้องริษาผูกคอตาย” ชายหนุ่มพึมพำออกมาเสียงสั่น ใบหน้าเรียวนั้นซีดเผือด

“มึงขู่บังคับให้ฝนเลิกกับน้องมึง จนเธอฆ่าตัวตาย” คนร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่เบื้องหน้ากล่าวโทษออกมาเสียงเข้ม

“ไม่ใช่นะ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมไม่เคยยุ่งเกี่ยวเลย” หนุ่มร่างเล็กรีบเอ่ยปากปฏิเสธข้อกล่าวหา วายุส่ายหน้าดวงตาคมวาวโรจน์ขึ้น คนในชนชั้นที่คิดว่าตัวเองสูงส่งกว่ามนุษย์คนอื่นอย่างมัน มักพูดโกหกเพื่อให้ตัวเองได้ผลประโยชน์เสมอ

“อย่ามาตอแหล กูมีทั้งหลักฐาน มีทั้งพยาน มึงมันเลวสิ้นดี” เสียงห้าวตะคอกใส่อย่างโมโหจัด

“ผมไม่ได้ตอแหล ผมไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับความรักของน้อง คุณมีหลักฐานพยานอะไร ถึงได้เชื่อว่าผมทำแบบนั้น คุณจับผมมาแบบนี้ มันผิดกฎหมายนะ” เชลยหนุ่มพยายามชี้แจงความจริงให้ฟัง แต่ดูเหมือนเพลิงอาฆาตในหัวใจของอีกฝ่ายมีมากมาย จึงไม่สนใจรับรู้

“กูกล้าจับมึงมาขนาดนี้ มึงยังคิดว่ากูกลัวกฎหมายอยู่อีกหรือ ถึงโดนประหารชีวิตกูก็ยอม ขอแค่ให้ได้ทำลายชีวิตของมึงเหมือนที่น้องสาวกูโดน น่าเสียดายที่น้องมึงมันหนีความรับผิดชอบไปอยู่เมืองนอกเสียก่อน แต่มันกลับมาเมื่อไหร่ มันไม่พ้นเงื้อมือกูแน่” ชายร่างสูงกล่าวเสียงเหี้ยมเกรียมออกมายืดยาว พูดจบก็กระแทกเท้าออกไป ปิดประตูห้องเสียงดังปังจนบ้านไม้สะเทือนไปทั้งหลัง

เมื่อความมืดกับความหนาวเย็นเริ่มแผ่ปกคลุมเข้ามาในห้อง ชลันธรก็เริ่มปวดท้องเพราะความหิว ไม่มีอะไรตกถึงท้องเขายี่สิบกว่าชั่วโมงมาแล้ว สุดท้ายชายหนุ่มก็ทนไม่ไหว มือเรียวควานหากระติบข้าวที่ตัวเองเตะทิ้ง พอเปิดฝากระติบข้าวออกก็คลำเจอน่องไก่ทอดวางอยู่บนข้าวเหนียวสองน่อง ชลันหยิบขึ้นมานั่งกินกับข้าวเหนียวที่ค่อนข้างแข็งเงียบๆท่ามกลางความมืด เรื่องราวความรักของชลัชจักรกับวริษามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เมื่อเก้าเดือนที่แล้วจู่ๆน้องชายก็มาบอกว่าจะไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกา ทั้งๆที่เคยบอกว่ากับเขาว่าจะเรียนต่อมหาวิทยาลัยเดิมเพราะไม่อยากอยู่ห่างแฟน พอเขาถามเรื่องแฟนน้องก็บอกว่าเลิกกันแล้ว

ตอนนั้นยังอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมถึงเลิกกัน เพราะดูก็รู้ว่าชลัชจักรรักแฟนคนนี้มาก หลังจากพ่อแม่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตพร้อมกันเมื่อหกปีที่แล้ว น้องชายของเขาก็เป็นคนเงียบขรึมลง ไม่ค่อยพูดค่อยจามาตั้งแต่นั้น เมื่อน้องไม่เอ่ยถึงสาเหตุที่เลิกกันให้ฟังเขาก็ไม่สอบถาม เพราะไม่เคยเข้าไปยุ่งวุ่นวายในเรื่องความรักของน้องชายอยู่แล้ว สาเหตุเพียงแค่เลิกกันทำให้วริษาถึงกับฆ่าตัวตายเลยหรือ ขณะที่หนุ่มไฮโซกำลังคิดหาสาเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่นั้น พลันบานประตูห้องก็เปิดออก แล้วแสงไฟฉายก็ส่องเข้ามาใส่หน้า

“เมื่อทนความหิวโหยไม่ไหว ผู้ดีไฮโซมันก็กินของที่ตัวเองเอาตีนเขี่ยทิ้งจนเกลี้ยง ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงห้าวเอ่ยขึ้นอย่างเยาะหยันก่อนจะหัวเราะออกมาดังลั่น แล้วผ้าห่มนวมก็ถูกโยนใส่ร่างอย่างแรงตามมา หนุ่มไฮโซหน้าแดงก่ำ พยายามระงับอารมณ์ของตนไว้ คนร่างสูงใหญ่ที่ยืนทะมึนอยู่เบื้องหน้ากล่าวหาเขาอยู่ข้างเดียว ไม่ยอมรับฟังความจริงที่เขาบอกเลย

“ผม ผมขอรู้ชื่อคุณหน่อยได้มั้ย” เมื่ออารมณ์กลับมาเป็นปกติแล้ว ชลันธรจึงเงยหน้าสู่แสงไฟฉายถามขึ้น

“มึงจะอยากรู้ไปทำไม” คนร่างสูงใหญ่ถามกลับเสียงเข้ม

“เออะ ผม ผมแค่อยากรู้ว่าคนจับผมมาชื่ออะไร”

“วายุ” เสียงห้าวบอกห้วนสั้น

“คุณลักพาตัวผมมาแบบนี้ ป่านนี้ไม่รู้ว่าคนที่บ้านผมจะเป็นยังไง เอ่อ ผม ผมขอยืมโทรศัพท์โทรไปบอกหน่อยได้ไหม ให้โกหกว่าอะไรก็ได้ ผมไม่อยากให้พวกเขาเป็นห่วง” เชลยหนุ่มเอ่ยขอขึ้นอย่างหวาดๆ

“มึงคิดว่ากูโง่นักหรือไง” เสียงห้าวตะคอกใส่ ร่างสูงทะมึนที่ก้มหน้าลงมาข่มขู่ ทำให้คนร่างเล็กที่นั่งติดฝาห้องอยู่ดูราวกับลูกไก่ตัวเล็กๆ ที่กำลังจะโดนหมาป่าดุร้ายจ้องจับกินอย่างนั้น

“ไม่เลย ผมแค่ หากมีคนที่คุณรักหายตัวไป คุณจะรู้ว่าพวกเขารู้สึกยังไง” ชลันธรเอ่ยแก้ตัวเสียงแผ่ว แต่คนร่างสูงที่กำลังจ้องตาวาวโรจน์อยู่เหมือนจะยิ่งโกรธเกรี้ยว มือหนาตวัดผลักไหล่ของเขาอย่างแรง ชายหนุ่มรีบเอามือค้ำพื้นไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองล้มลง

“อย่าได้สะเออะมาถามกูว่ารู้สึกยังไง ทั้งๆที่มึงเป็นคนทำให้น้องกูฆ่าตัวตาย” วายุชี้หน้าอีกฝ่ายมือสั่น ดวงตาคมแข็งกร้าวดุดัน เชลยหนุ่มไม่กล้าพูดชี้แจงอะไรอีก ได้แต่นั่งเงียบๆ มองร่างทะมึนสูงใหญ่เดินส่องไฟฉายออกจากห้องไป....

**************************************************************