Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 540
Message ID: 133
#133, RE: นิยายที่ยังไม่มีชื่อเรื่อง
Posted by someone on 18-Apr-13 at 08:55 PM
In response to message #132
ช่วงที่กำลังเรียนคาบสุดท้าย ขณะที่ อ.ภาษาไทยกำลังสอนยู่ อ.สุชาติที่ดูแลชมรมการแสดงเดินเข้ามาคุยกับ อ.ภาษาไทย สองสามประโยค แล้วเดินมาหาผมที่โต๊ะ

“เอกพัฒน์ เรียนเสร็จแล้ว แวะไปหาครูที่ชมรมหน่อยนะ ครูมีเรื่องคุยด้วย”อ.สุชาติบอก

“ครับจารย์” ผมตอบกลับไปทั้งๆที่ยังงงอยู่เลยว่าอาจารย์มีธุระอะไรกับผม ถึงให้ผมไปหาที่ชมรมการแสดง

พอเลิกเรียน ผมเลยรีบโทรบอกไอ้นัย ให้เข้ามารอหน้าตึก เพราะมันส่งข้อความมาบอกก่อนหน้านี้ว่าจะมารับที่หน้าโรงเรียน เหมือนที่มันเคยทำ

“มึงมาตามทางที่กูบอกเลยนะ แล้วนั่งรอที่ม้าหินหน้าตึกก็ได้ ไม่รู้จะคุยนานแค่ไหน”

“เออๆ มึงไม่ต้องห่วง กูจะเล่นเกมส์งูรอมึงไปเรื่อยๆ”ไอ้นัยบอก

ผมรีบบึ่งไปชมรมการแสดงทันทีครับ เข้าไปในห้องก็เห็นอาจารย์สุชาติกับนักเรียนรุ่นน้องอีกหกเจ็ดคน กำลังเม้าท์กันกระจาย ที่ต้องบอกแบบนี้ เพราะน้องๆที่อยู่ในห้องเป็น “ผู้ชายสวย” กันทุกคนครับ พอผมไปถึงก็หยุดเม้าท์กัน มองผมเป็นตาเดียว ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แถมสะกิดกันอีก ทำเอาผมเดินขาปัดเลยละครับ…….แง…..จารย์จะให้ผมมาทำไรวะ

“เอ้า มาแล้วเหรอเอกพัฒน์” อาจารย์ร้องทัก “ครูมีเรื่องอยากขอความช่วยเหลือหน่อย”

“เรื่องอะไรครับจารย์” ผมอดสงสัยไม่ได้ เพราะอย่างผมเนี่ยจะไปช่วยชมรมการแสดงได้ไง ถ้าจะให้ผมเล่นละคร คงได้เป็นก้อนหินอะไรซักก้อนล่ะครับ

“คืองี้นะ เดือนหน้าที่จะมีนิทรรศการวัฒนธรรมไทยน่ะ เธอคงรู้ใช่มั้ย” อ.ถามผม ผมเลยพยักหน้ารับ “ทางชมรมเลยต้องจัดการแสดงหลายอย่าง และหนึ่งในนั้น จะเป็นการร้องเพลงลูกทุ่งพร้อมหางเครื่อง ครูเลยอยากให้เธอมาช่วยเป็นนักร้องให้ครูหน่อย”

“แล้วพวกนักร้องของชมรมดนตรีละครับ” ผมอดสงสัยไม่ได้ครับ ว่าทำไมอาจารย์ไม่ติดต่อชมรมดนตรีมาช่วย อีกอย่างจริงๆแล้วอาจารย์เอง ก็ไม่เคยได้ยินผมร้องมาก่อนด้วย

“ชมรมดนตรีเค้าก็มีคอนเสิร์ตปิดท้ายงาน ครูเลยไม่อยากไปรบกวนพวกเค้า” อาจารย์พูดเสียงน่าสงสารจัง

“แล้วจารย์เชื่อใจผมเหรอครับ” ผมอดถามไม่ได้ แกจะรู้ได้ไงว่าผมร้องเพลงได้

“เชื่อสิ” อาจารย์พยักหน้า “ก็อาจารย์สานิตย์เค้าเล่าให้ครูฟัง ว่าในชั่วโมงแนะแนว เค้าเคยให้เธอออกมาร้องเพลงหน้าห้อง…….รู้มั้ย เค้าชมไม่ขาดปากว่าเธอร้องดีมาก” โห……ผมเขินนะเนี่ย ยืนยิ้มแก้มปริ แต่ก็อดภูมิใจตัวเองไม่ได้…….อิอิ พูดชมกันแบบนี้มันก็น่าช่วยอยู่นะ

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ผมแค่พอร้องได้เท่านั้นเอง” ผมถ่อมตัวนิดๆ พอให้ดูดี แต่จริงๆโคตรมั่นใจเลยว่าผมก็ไม่แพ้ใคร

“เอางี้เธอลองร้องให้ครูฟังซักเพลงก่อนดีมั้ย” อาจารย์บอก “ครูมีซีดีแบ็คกิ้งแทร็ค อยู่หลายเพลง ไงเธอลองเลือกมาซักเพลง ร้องให้ครูฟังหน่อย”

ผมแม่งก็บ้ายุซะด้วยสิครับ ไม่ลังเลที่จะเดินไปเลือกเพลงเลย อิอิ…… ผมเลือกอยู่แป๊บนึง ก็ชี้บอกอาจารย์

“เพลงนี้ครับจารย์ รักคุณยิ่งกว่าใคร ของพี่ก็อต”ฮ่าๆ เพลงหากินของผมเลยครับ ไปคาราโอเกะร้านข้าวต้มทีไร เป็นต้องร้องจนคอโป่ง

อาจารย์เดินเอาแผ่นไปเปิดกับเครื่อง ก่อนจะถือไมค์โครโฟนมายื่นให้ผม ผมก็เอาเลยครับ เคยอายซะที่ไหน เรื่องร้องเพลง ไอ้นี่ไม่ไล่ไม่เลิก พอตนตรีอินโทรขึ้น พวกน้องๆ หนุ่มสวย ก็เริ่มออกท่าทางกันใหญ่ ผมรู้สึกคึกคักจริงๆครับ

“รักคุณเสียยิ่งกว่าใคร มอบกล่องดวงใจเอาไว้ให้คุณ……..”

ผมมั่นใจกับเพลงนี้มากครับ เพราะร้องทีไรคนปรบมือเกรียวกราวทุกครั้ง ผมมองอาจารย์แกนั่งมองผมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พวกน้องๆแต๋วที่อยู่ในห้องก็เต้นกันไปอย่างสนุก ผมเลยใส่ไม่ยั้งจนจบเพลง

“กรี๊ดดดดดดด……….” เสียงกรี๊ดของน้องๆแต๋วทำเอาผมตกใจ อาจารย์สุชาติและน้องๆ ปรบมือกันใหญ่ ทำเอาผมยืนยิ้มหน้าบาน

“ใช่เลย ร้องดีแบบนี้ สมกับที่อาจารย์สานิตย์บอกครูเลยจริงๆ” ครูเข้ามาตบไหล่ผม “แล้วเพลงที่เธอเลือกเนี่ย ก็ตรงกับที่ครูและน้องๆเลือกเอาไว้เลยด้วย”

“ตกลงเธอจะช่วยครูได้มั้ยเอกพัฒน์” อาจารย์ถามเอาคำตอบ ผมก็เต็มใจช่วยอยู่แล้ว

“ครับจารย์”ผมพยักหน้ารับ พวกน้องแต๋วเลยกรี๊ดกันอีกรอบ “แล้วผมต้องมาซ้อมกับหางเครื่องมั้ยครับ”

“ยุทธนา…..มานี่หน่อย” อาจารย์หันไปเรียกน้องคนนึงในกลุ่มหนุ่มสวยแล้วหันมาบอกผม “น้องๆพวกนี้แหละ หางเครื่องเธอ ส่วนยุทธนา เค้าเป็นคนออกแบบท่าเต้น”

ผมเลยหันไปยิ้มให้พวกน้องๆ เพราะคงต้องทำงานร่วมกัน น้องๆยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ชูสองนิ้วให้ผมบ้าง โบกมือให้บ้าง……เออ น้องๆพวกนี้มันก็น่ารักดีนะ

“พี่…..อะไรนะคะ” น้องยุทธนาถาม……ผมอดขำในใจไม่ได้ ชื่อโคตรแมนเลย

“พี่เอกครับ” ผมบอกไป

“ค่ะ เรียกหนูว่าแองจี้นะคะ” เธอพูดจบน้องๆคนอื่นก็พากันกรี๊ด ทำเอาผมอดขำไม่ได้ จากยุทธนา มาเป็นแองจี้ได้ไงวะเนี่ย……เอิ๊กๆๆๆ “พี่เอกต้องซ้อมรวมกับแด๊นเซอร์เหมือนกันค่ะ” เธอออกเสียงคำว่าแด๊นเซอร์ได้ถึงใจจริงๆ ครับ ผมหมายถึงดัดจริตนั่นแหละ

เออว่ะ มันต้องมีเต้นด้วยเหรอวะเนี่ย เกิดมายังไม่เคยเต้นอะไรเป็นเรื่องเป็นราว เคยแต่เต้นในผับแถว RCA นั่นมันก็คนละเรื่องเลย

“แต่พี่ไม่เคยเต้นเลยนะครับน้องแองจี้” ผมบอกไปตามจริง

“พี่เอกไม่ต้องเต้นทั้งเพลงหรอกค่ะ” เธออธิบาย “มันมีบางช่วงที่พี่ต้องเต้นให้เข้ากับแด๊นเซอร์ ไม่ยากหรอกค่ะ หนูว่าพี่ทำได้แน่” น้องยุทธ เอ๊ย น้องแองจี้บอกผมทำท่าทางมั่นใจ…….เอาวะ ไม่ยากก็ไม่ยาก ลองดูซักตั้งก็คงไม่เสียหายอะไร

ผมเลยคุยรายละเอียดเรื่องการซ้อม สรุปว่า ผมต้องมาร่วมซ้อมกับน้องๆ week ละสองวันตอนเลิกเรียน ส่วน week สุดท้ายก่อนแสดงจริง จะซ้อมทุกวันแถมเสาร์อาทิตย์อีกด้วย เพราะจะมีงานวันจันทร์


กว่าผมจะออกมาจากชมรมได้ก็ปาไปเกือบชั่วโมง พอเดินพ้นประตูห้องก็เห็นไอ้นัยยืนยิ้มเผล่อยู่ตรงนั้น

“เฮ้ย ขึ้นมาได้ไงวะ บอกให้นั่งรอที่ม้าหินไง” ผมอดสงสัยไม่ได้

“ก็กูได้ยินเสียงร้องเพลง กูเดาว่าต้องเป็นเสียงมึงแน่ กูเลยมาแอบดูหน่อย” ไอ้นัยพูดพลางยิ้ม ทำเอาผมเขินไม่น้อย…….เออ ใช่สิ วันนั้นที่มันเข้าห้องมาแล้วผมกำลังร้องเพลงอาบน้ำอยู่…….ไอ้นัยจำเสียงผมได้ด้วยสิ

“ไงล่ะ พอไปไหวมั้ย” ผมเดินไปกอดคอมันพาเดินลงจากตึก

“กูบอกได้คำเดียวว่ามึง เกิด!!!” ไอ้นัยพูดให้กำลังใจ เน้นคำท้ายเสียงดัง

“แหะๆ จริงๆ กูก็เขินเหมือนกันนะโว้ย” ผมนึกถึงตัวเองตอนยืนเต้นบนเวที ก็อดขำตัวเองไม่ได้ “กูจะเต้นกับเค้าได้มั้ยวะ เสต็ปเหี้ยไรก็ไม่เป็น”