Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 548
Message ID: 0
#0, เรื่องเงี่ยนๆของไอ้เอ็กซ์เด็กม.ปลาย กระทู้2
Posted by Palm on 25-May-13 at 01:24 AM
เปิดกระทู้สองครับ ^ ^

ตอนที่17 กับดัก..

ขอชี้แจงเรื่องวันกับลำดับเหตุการณ์ก่อนนะครับ เผื่อหลายๆท่านอาจจะงง

ครูเดชมาสอนที่โรงเรียนวันแรกคือวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันที่มีเรื่องกับเอ็กซ์
จากนั้นวันอังคาร เอ็กซ์ถูกเรียกเข้าห้องปกครอง ตอนเย็นของวันนั้นบิ๊กก็ไปเอากับครูเดช

วันพุธ บิ๊กไปแอบได้ยินแผนชั่วของเชนกับครูเดช เลยถูกจับถ่ายคลิปไว้แบล็คเมล์ บิ๊กได้เจอกับก๊อต แล้วก็ถูกพาไปที่บ้านของโจ

เรื่องต่อจากนี้เป็นรื่องของวันอังคาร ทางฝั่งของเอ็กซ์นะครับ

(เอ็กซ์บรรยายนะครับ)

“อะไรนะ ถูกเรียกเข้าห้องปกครองอีกแล้ว” แม่ผมหวีดเสียงแหลมสูง เอามือทาบอกราวกับจะเป็นลม ในขณะที่ผมนั่งคอตก จ้องหน้าแม่กับพ่อที่มองทอดด้วยสายตาคมกริบสลับกัน

“ทำไมแกถึงชอบก่อเรื่องบ่อยนักฮะ เจ้าเอ็กซ์ แค่พ่อกับแม่ไม่อยู่บ้านแปปเดียว แกจะทำตัวสงบเสงี่ยมไม่มีปัญหาบ้างไม่ได้หรือไง”ผมเจอศึกหนักที่โรงเรียนยังไม่พอ กลับมาบ้านยังต้องเจอศึกหนักของพ่อกับแม่ที่เริ่มเปิดฉากอบรมผมทันทีหลังจากที่ทราบว่าถูกเชิญไปพบที่โรงเรียนในวันรุ่งขึ้นอีก

“ผมไม่ได้ทำตัวมีปัญหา พ่อไม่ถามผมหน่อยเหรอ ว่าทำไมผมต้องก่อเรื่อง ผมไม่อันธพาลขนาดอยู่ดีๆจะไปต่อยครูหรอกนะ”ผมอดน้อยใจไม่ได้ พ่อกับแม่ก็เป็นแบบนี้ทุกที ทำไมพวกผู้ใหญ่ถึงคิดว่าการมีเรื่องของเด็กๆเป็นเรื่องไร้สาระไปหมดนะ แม้ผมจะเคารพรักพ่อกับแม่ เราไม่ได้เป็นครอบครัวมีปัญหา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าเราเป็นพ่อแม่ลูกที่ขาดความเข้าใจกันอย่างสิ้นเชิง

เหตุผลคงเป็นเพราะพ่อกับแม่ใช้เวลาร่วมกับผมน้อยมาก ส่วนมากพ่อแม่ผมจะต้องไปดูงานต่างประเทศเกือบจะทุกเดือน และถึงแม้จะอยู่ที่บ้านท่านทั้งสองก็หมกตัวอยู่แต่กับเรื่องงาน บางครั้งผมก็อยากเล่าเรื่องที่โรงเรียนให้พ่อกับแม่ได้ฟังบ้าง อยากเล่าเรื่องเพื่อนของผม อยากเล่าเรื่องสนุกๆที่ผมได้ทำ แต่พ่อกับแม่จะรับฟังก็เฉพาะเรื่องผลการเรียนและการอ่านหนังสือของผมเท่านั้น

ตอนที่ผมเป็นเด็ก พ่อกับแม่ไม่ได้เข้มงวดกับผมแบบนี้ ตอนเด็กๆพ่อเป็นคนสอนผมเตะฟุตบอลด้วยซ้ำ แต่หลังจากที่ไอ้พี่ชายตัวดีของผมล้มเหลวในเรื่องเรียนจนต้องส่งไปเรียนเมืองนอก ท่านทั้งสองก็เคร่งครัดกับผมมากขึ้น ความหวังต่างๆนานามากมายที่พ่อแม่เคยหวังไว้กับพี่ชายถูกส่งต่อมาที่ผม และผมต้องทำโดยที่ไม่มีข้อแม้ เพราะพี่ผมทำให้พ่อแม่ต้องผิดหวังมาครั้งหนึ่งแล้ว ผมเป็นความหวังหนึ่งเดียวของพ่อแม่ที่ยังเหลืออยู่ ซึ่งที่จริงแล้ว ผมก็ยินดีและเต็มใจที่จะทำมัน ถึงได้พยายามตั้งใจทำผลการเรียนให้ดีที่สุด แต่ในยามที่ผมท้อแท้ ต้องการคนที่รับฟังและเข้าใจผม พ่อกับแม่ไม่เคยเป็นคนๆนั้นให้ผมได้เลย นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ผมติดเพื่อนค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเพื่อนที่เข้าใจความรู้สึกคนอื่นอย่างไอ้โจ ผมไม่นึกโทษพี่ชายผมหรอก แล้วก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไรพ่อกับแม่ด้วย แค่รู้สึกท้อมากในบางเวลาก็เท่านั้นเอง

“แกไม่ต้องมาเถียงฉันเลย จริงๆแกถูกไล่ออกจากชมรมฟุตบอลบ้าๆนั่นก็ดีเหมือนกัน แกจะได้หันมาสนใจเรื่องเรียนจริงๆจังๆ แล้วก็เลิกทำตัวเหลวไหลเหมือนพี่ชายแกแบบนี้ซะที”ผมเงยหน้ามองพ่อ จริงๆแล้วถึงพ่อจะพูดแบบนั้น แต่ผมก็รู้ดีกว่าพ่อรักพี่มากขนาดไหน คำพูดพวกนี้ไม่เคยหลุดออกมาต่อหน้าพี่หรอก ถึงจะเหลวไหลยังไงพี่ผมก็เป็นที่รักเสมอ แม้จะเกเรและเรียนแย่แต่ก็ถูกส่งไปเรียนเมืองนอกได้ทันที ผมที่เป็นตัวตายตัวแทนต่างหากล่ะ ที่ห้ามทำอะไรผิดพลาดแม้แต่เรื่องเดียว

“ฉันจะทำโทษแก เดือนนี้แกต้องถูกหักเงิน ต้องอ่านหนังสือมากกว่าเดิมเป็นสองเท่าทุกวันด้วย ไม่ต้องมามองพ่อแบบนั้น” พ่อผมพูดเสียงเข้ม ผมรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมเลย พ่อไม่คิดจะฟังผมเลยว่าทำไมผมถึงทำแบบนั้นลงไป และผมก็ถูกลงโทษในความผิดที่ตัวเองไม่ได้ก่อมากพอแล้ว ยังต้องมาถูกพ่อลงโทษอีกเหรอ

“แต่ผมถูกลงโทษมากแล้วนะพ่อ ทั้งที่ผมไม่ได้ทำอะไรผิดด้วยซ้ำ”ผมพยายามเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเอง แม้จะรู้ว่าไม่ได้ผลก็เถอะ

“ฉันไม่เคยสอนให้แกเป็นอันธพาล แกกล้าไปต่อยครูแบบนั้น ยังไงแกก็ผิด ฉันเลี้ยงแกไม่ดีตรงไหนฮะ แกอยากได้อะไรฉันก็ให้ ฉันส่งแกเข้าโรงเรียนดีๆให้ได้มีเพื่อนดีๆ ไม่ใช่ให้แกทำตัวเป็นกุ๊ยข้างถนนแบบนี้”ผมนิ่งอึ้ง แม่แตะไหล่พ่อเบาๆ คงรู้สึกว่าพ่อพูดแรงเกินไป

“ผมไม่ได้อยากได้อะไรเลยครับพ่อ ผมอยากได้แค่เวลา แค่นั้นเอง”ผมพูดแค่นั้นแล้วเดินขึ้นบันไดไปทันที รู้สึกผิดอยู่เหมือนกันที่เห็นพ่อหน้าเจื่อนลงไป แม่ผมร้องเรียกแต่ผมก็ไม่ได้หันกลับไป ผมเดินเข้าห้อง ล็อกประตู แค่ระยะจากประตูไปถึงเตียงก็ไกลเกินไปแล้วสำหรับผมในตอนนี้ ผมทรุดตัวลงบนเตียง เหนื่อยล้าเกินกว่าจะลุกขึ้นทำอะไรแล้ว อย่างน้อยผมก็เข้มแข็งพอที่จะไม่ลุกอาละวาดหรือร้องไห้ฟูมฟาย แต่ที่ร้องไห้ที่โรงเรียนนั่น เป็นเพราะไอ้โจมันเข้ามากอดต่างหากละ

ผมนึกถึงเรื่องเมื่อตอนเย็น จำไม่ได้แล้วว่าไอ้โจปลอบผมเป็นเวลานานแค่ไหน แต่มันก็ปลอบจนผมสงบลงนั่นแหละ นึกอายเหมือนกันที่ร้องไห้งอแงยังกะเด็ก ที่จริงผมไม่ชอบอ่อนแอให้ใครเห็น แล้วก็ไม่ได้ร้องไห้มานานมากแล้ว แต่จะว่าไป ผมก็เพิ่งร้องไห้ครั้งล่าสุดไปตอนที่ผมทำร้ายไอ้โจ แล้วมันกำลังจะไปจากผมนั่นแหละ พอมีไอ้โจอยู่ด้วย น้ำตามันก็ไหลง่ายเหลือเกิน

ผมเดินกลับบ้านกับไอ้โจ ส่วนไอ้นัทกับไอ้อาร์ตกลับไปก่อนแล้ว มันคงอยากให้เราได้คุยกันสองคน ซึ่งผมก็ขอบคุณในความรู้งานของพวกมัน

“แบบนี้ก็แปลว่า มึงหายโกรธกูแล้วใช่ปะ” ผมถามตรงๆ ไม่อยากให้โอกาสอันดีที่จะได้คืนดีกันนี้หลุดลอยไป ในเมื่อเกิดเรื่องแย่ๆขึ้นทั้งวันแล้ววันนี้ ก็ขอให้ผมได้มีความสุขบ้างเถอะ

“ยัง”ไอ้โจตอบเรียบๆไม่ได้ยิ้มหรือทำหน้าบึ้ง แต่ใจผมกระตุกวูบจนแทบเดินสะดุด

“อ้าว โธ่”ผมกลับไปทำหน้าหมาหงอยอีกครั้งอย่างผิดหวังสุดๆ แล้วที่มันปลอบผม ที่มันบอกผมว่ามันเตะบอลก็เพราะผมล่ะ

“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นเลย”มันพูด น้ำเสียงเหมือนจะขำออกมาเล็กน้อย
“ถ้ายังไม่หายโกรธ แล้วมึงมาปลอบกูทำไมล่ะ”ผมตัดพ้อ แบบนี้มันหลอกให้หลงดีใจชัดๆ

“ก็ที่มึงเดือดร้อน เพราะช่วยกูนี่นา ถ้ากูอยู่เฉยๆ มันก็เหี้ยไปหน่อยละ”

“เหมือนเป็นหน้าที่งั้นสิ ทีหลังถ้าไม่เต็มใจ ไม่ต้องก็ได้นะ”ผมอดประชดไม่ได้ แต่ไอ้โจก็ไม่ได้มีท่าทีโมโหอะไร

“ก็ถ้าไม่เต็มใจก็ไม่ทำหรอก”คำพูดนั้นไม่ได้ทำให้ผมยิ้มออก ใจความสำคัญก็คือมันยังไม่หายโกรธผมอยู่ดี

“งอนรึไง”มันพูด ผมทำเสียงหึ รู้สึกหงุดหงิดปนน้อยใจที่มันไม่พูดอะไรให้ชัดเจน ปากบอกว่าไม่หายโกรธแต่ทำเป็นคุยกับผมเหมือนปกติ