Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 548
Message ID: 1
#1, RE: เรื่องเงี่ยนๆของไอ้เอ็กซ์เด็กม.ปลาย กระทู้2
Posted by palm on 25-May-13 at 01:33 AM
In response to message #0
“แล้วมึงจะเอายังไงกับกูล่ะ กูก็นึกว่าหายโกรธแล้ว ตอนนี้กูไม่ได้ต้องการอะไรเลยนะ จะโดนลงโทษยังไงก็ช่าง ขอแค่มึงหายโกรธกูก็พอ ไม่หายโกรธยังพอว่า แต่มาทำแบบนี้ มันก็เหมือนให้ความหวังนั่นแหละ”ผมหยุดเดินแล้วพรั่งพรูความรู้สึกออกมา ไอ้โจเงียบไป คงตกใจที่จู่ๆผมก็ระเบิดออกมาเหมือนกัน

“ใช่ดิ กูเป็นคนผิดนี่ ไม่มีสิทธิเรียกร้องอะไรหรอก จะลงโทษกูยังไงก็เชิญตามสบายเถอะ”ใช่ว่าผมจะหมดความอดทน แต่ผมก็ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ไปแล้ว จะเห็นใจกันบ้างสักนิด ไม่ได้เหรอ..

ผมกำลังจะเดินต่อโดยไม่รอมันแต่มันจับข้อมือผมเอาไว้

“ก็ให้เวลากูหน่อยสิ”มันพูดเสียงเรียบ จ้องหน้าผมโดยไม่หลบตา

“กูขอบใจมึงจริงๆที่ช่วยกู แล้วก็ต้องขอโทดด้วยที่ทำให้มึงต้องโดนลงโทษ กูไม่ได้อยากตั้งแง่โกรธอะไรมึงหรอก แต่กูลืม เรื่องนั้น.. ไม่ได้จริงๆ”มันพูดตรงๆ ผมฟังแล้วก็อึ้งไป นี่ผมกดดันมันมากเกินไปหรือเปล่านะ เอาแต่ทำอะไรมากมายให้มันหายโกรธ สนใจแต่จะได้รับการยกโทษจากมัน โดยไม่ได้คิดเลยว่ามันก็อาจต้องการเวลาบ้างเหมือนกัน เรื่องที่ผมทำมันร้ายแรงเกินกว่าจะลืมกันได้ง่ายๆ

“ไม่เป็นไรหรอก กูผิดเองล่ะที่กดดันมึง กูเคยพูดไว้นี่นะว่ายอมทำทุกอย่างให้มึงยกโทษให้ แต่แค่นี้กูก็ทนไม่ได้แล้ว ใช้ไม่ได้เลยว่ะ”

“แต่อย่างน้อยมึงก็ยอมคุยกับกูได้แล้ว ใช่มั้ย”ผมถามมัน

“อืม”มันพยักหน้ายิ้มๆ คงเห็นว่าข้อเสนอนี้ไม่เหลือบ่ากว่าแรง ถึงเราจะยังไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ผมก็ดีใจที่ทำให้มันหายโกรธได้บ้าง แค่นิดเดียวก็ยังดี

“งั้นพรุ่งนี้กลับมานั่งข้างกูนะ กูเหงาอะ”ผมรุก

“ไอ้บอลมานั่งด้วยทั้งวันไม่ใช่เหรอ แล้วจะเหงาได้ไง”ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่า แต่รู้สึกว่าโทนเสียงของมันแข็งกระด้างขึ้นเล็กน้อย

“นั่งกับใครก็ไม่เหมือนมึงทั้งนั้นแหละ”ผมพูด และในใจก็คิดอย่างงั้นจริงๆ

“ก็ได้” มันตอบเสียงเบา ผมยิ้มออกมา อยากหอมแก้มมันสักฟอด แต่ถ้าทำอย่างงั้นมีหวังได้เริ่มตั้งต้นง้อกันใหม่แน่ๆ แค่นี้ก็เหนื่อยสายตัวแทบขาดแล้ว

ผมกับไอ้โจแยกกันที่หน้าโรงเรียน ผมอยากไปส่งมันที่บ้านก็จริง แต่วุ่นวายกับมันมากเกินไปก็ไม่ดี ให้มันได้อยู่คนเดียว คิดทบทวนอะไรด้วยตัวเองดีกว่า ผมจึงได้แต่มองมันขึ้นรถกลับบ้านจนลับสายตาไป

.............

วันต่อมา

ผมต้องพาพ่อกับแม่ไปที่ห้องปกครองในตอนเช้า น่าแปลกที่พ่อผมไม่ได้ตำหนิอะไรเพิ่มเติมจากเมื่อวานอีก เพียงแต่รับฟังอาจารย์เงียบๆโดยไม่ตั้งคำถาม และรับปากว่าจะอบรมผมไม่ให้ก่อเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก

“ไว้กลับบ้านไป เล่าให้พ่อฟังด้วยล่ะว่าทำไมถึงต้องไปต่อยครูเค้า”พ่อพูด ทำเอาผมยิ้มออกเลยทีเดียว

ไอ้โจทำอย่างที่ผมขอ คือกลับมานั่งข้างๆผมเหมือนเดิม แต่เราก็ไม่ได้พูดอะไรกันมากนัก เรื่องที่มันจะชวนคุยก่อนนี่เลิกคิดได้ แต่ถ้าผมชวนคุยมันก็จะตอบพอเป็นพิธีเท่านั้น ซึ่งผมไม่บ่นหรอก มีความสุขซะมากกว่า รู้สึกสนุกเวลาที่แหย่และยั่วให้มันโมโหหรือหลุดเก๊กขรึมได้ ไม่ได้เป็นเฉพาะตอนที่เราทะเลาะกันเท่านั้นหรอก ตอนเวลาปกติผมกับมันก็มักจะเป็นแบบนี้เสมออยู่แล้ว

ตอนพักเที่ยงไอ้โจก็ไปกินข้าวพร้อมผม ทำให้บรรยากาศอึมครึมสองวันที่ผ่านมาคลายลงไปมาก ตอนนี้พวกเรามีผู้มาใหม่ที่แวะเวียนมาร่วมโต๊ะกินข้าวบ่อยขึ้น นั่นก็คือไอ้อาร์ตนั่นเอง

“มึงนี่ไม่มีเพื่อนห้องเดียวกันให้ไปนั่งกินด้วยเลยหรือไงวะ”ไอ้นัทถามซะขวานผ่าซาก มันไม่ได้เกลียดอะไรไอ้อาร์ตหรอก แต่คงหมั่นไส้ไอ้อาร์ตหลายๆเรื่อง ว่ากันตามจริง ถ้ามันไม่พยายามช่วยผมตอนอยู่ในห้องปกครองล่ะก็ ผมเองก็คงหมั่นไส้และเกลียดขี้หน้ามันไม่น้อยเหมือนกัน เพราะถ้ารู้จักเพียงเผินๆแล้ว ไอ้อาร์ตมันเป็นคนกวนประสาทแถมหน้าด้านไม่น้อยเลยทีเดียว

“มี แต่อยู่กับพวกมึงมันมีเรื่องหนุกๆเยอะนี่หว่า”มันยิ้มมุมปาก ไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด ที่มันมานั่งกินข้าวกับพวกเรานี่ก็ไม่ได้มีใครเป็นคนชวน อาศัยแค่ว่าอยู่ชมรมฟุตบอลเหมือนผมกับไอ้โจเท่านั้น

“ไม่เป็นไรหรอกน่า กูเป็นคนชวนมันมาเองแหละ”ผมพูดขัดขึ้น ก่อนที่บรรยากาศจะมาคุ ไอ้อาร์ตมองมาอย่างแปลกใจที่ผมโกหกเพื่อมัน ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมก็คงอยากตะเพิดมันไปไกลๆเหมือนกันแหละ แต่ผมได้เห็นด้านดีของมันหลายๆอย่างแล้ว และผมรู้สึกว่าอยากได้มันมาเป็นเพื่อน

“แปลกนะไอ้เหี้ย เมื่อวันก่อนมึงยังต่อยกันอยู่เลย”ไอ้กันพูดขึ้น คนอื่นๆหันมามองหน้าผม มันก็แปลกจริงๆแหละที่ผมจะชวนไอ้อาร์ตมานั่งกินข้าว ทั้งๆที่ตอนแรกผมตั้งท่าเกลียดมันขนาดนั้น

“เอาน่า เรื่องมันผ่านไปแล้ว ที่สำคัญกูได้ไอ้เหี้ยนี่ช่วยไว้เยอะน่ะ”ผมกอดคอไอ้อาร์ตที่นั่งอยู่ข้างๆ หลังจากนั้นทุกคนก็ดูยอมรับและพุดคุยกับไอ้อาร์ตอย่างสนิทใจมากขึ้น

เมื่อผมกินข้าวเสร็จ ไอ้ก๊อตชวนพวกเราไปเล่นบาส จริงๆพวกเราจะเตะบอลกันทุกพักเที่ยง แต่มันรู้แล้วว่าผมโดนลงโทษห้ามเล่นฟุตบอลในโรงเรียน จึงชวนไปทำอย่างอื่นให้ผมสบายใจขึ้น

“กูไปไม่ได้ว่ะ”ผมบอกมัน

“อ้าวทำไมวะ”

“กูถูกลงโทษให้ทำความสะอาดโรงยิมน่ะสิ ตั้งสองอาทิตย์ ไอ้สัส”เนื่องจากคนอื่นๆทำหน้าตาสงสาร ผมจึงพยายามยิ้มและทำน้ำเสียงไม่ซีเรียส แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเท่าไหร่นัก แล้วผมก็เดินจากมาโดยไม่พูดอะไรอีก

ผมเดินถือถังน้ำกับไม้ถูพื้นมาที่โรงยิมด้วยอารมณ์เซ็งชีวิต ยืนมองโรงยิมกว้างๆอย่างหดหู่พลางฟังอาจารย์วิชิตชี้แจงว่าผมต้องทำความสะอาดทั้งหมดนี้ด้วยตัวคนเดียว ผมเริ่มลงมือทันที ไม่อยากจะบ่นหรือทำท่าเหนื่อยหน่ายเพราะนั่นหมายถึงว่าผมจะต้องพ่ายแพ้ให้กับไอ้เชน นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างผมกับมัน ผมจะไม่ยอมอ่อนแอให้มันได้สะใจเด็ดขาด

“เห้ยๆพวกเรา ดูนักบอลโรงเรียนมาเป็นภารโรงดิวะ ฮ่าฮ่า”เสียงหัวเราะที่ฟังแล้วกระตุ้นต่อมโมโหดังขึ้น ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าเป็นเสียงใคร ไอ้เชนยืนอยู่ที่ประตูโรงยิม พร้อมกับเพื่อนๆของมันครบทีม ไอ้แม็ค ไอ้พี ไอ้ต้น และคนอื่นๆอีกสองสามคน พวกมันกอดอกหัวเราะมองมาที่ผมอย่างสะใจ

ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ ก้มหน้าถูพื้นอย่างไม่สนใจพวกมัน นับ1ถึงร้อยในใจซึ่งก็ถือเป็นเรื่องยากทีเดียวสำหรับผมในตอนนี้

“ไหนๆ ก็ถูสะอาดดีนี่หว่า แต่ถ้า...”มันก้าวเข้ามาใกล้ผมและพูดค้างไว้ ผมหันไปมอง ไอ้เชนกำลังย่ำพื้นที่ผมถูเสร็จเรียบร้อยแล้วพลางถูเท้าละเลงไปมา

“เห้ย ทำอะไรวะ!”ผมของขึ้นทันที ศักดิ์ศรีของผมทนไม่ได้ที่จะยอมให้ไอ้พวกนี้มาเหยียบย่ำฟรีๆ ผมสาวเท้าเข้าหาไอ้เชน สิ่งที่คิดตอนนี้คืออยากซัดมันไปกองกับพื้น ผมไม่กลัวแม้พวกมันจะมีคนมากกว่า