Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 554
Message ID: 8
#8, RE: นิยายที่ยังไม่มีชื่อเรื่อง(กระทู้ 3 ครับ)
Posted by someone on 20-Jun-13 at 12:03 PM
In response to message #7
มาต่อให้ก่อนออกไปทำงานครับ

นส.มีระตา.......หน้าแดงเพราะเขินอีกแล้วใช่มั้ย อิอิ

KingHyedrian 1st.......อิอิ

Beside + GypZy.......โดนรุมแล้ว เสร็จแน่ เอ้า! จิ๊ปซี่ ล็อคแขนเอาไว้ด้วยจ้า

ย้ง......สงสัยว่าจะเดาถูกนะครับ อิอิ


....................................

พวกเราตื่นนอนกันแต่เช้าก็รีบออกเดินทางกันทันที โดยพี่กรเป็นผู้อนุเคราะห์เสื้อผ้าสำหรับใส่ไปเที่ยวกันในทริปนี้ อาการเหงาหงอยในใจผมเมื่อตอนตื่นนอนใหม่ๆหายไปอย่างปลิดทิ้ง เมื่อไอ้ตาลเปิดฉากร้องเพลงลูกทุ่งมันส์ๆ ขึ้นมา พวกเราเลยช่วยกันร้องและตบมือตามจังหวะอย่างสนุก

พี่กรขับรถออกไปทางมอเตอร์เวย์ด้านตะวันออก……สงสัยจะพาเราไปทะเลแน่เลยว่ะ ก็ออกมาทางนี้จะไปไหนได้ละ ผมยิ้มออกมาอย่างดีใจ เพราะผมเองก็ไม่ได้ไปทะเลนานแล้ว…..ดีละ กูจะเล่นน้ำทะเลให้หายเศร้าเลย

“เดี๋ยวแวะกินข้าวเช้ากันก่อนนะพวกเรา” พี่กรบอกแล้วเลี้ยวรถออกจากทางด่วนเข้าสู่จังหวัดฉะเชิงเทรา…..เออ…….ดีเหมือนกันว่ะ กำลังเริ่มหิวพอดี

พี่กรเลือกที่จะจอดรถในปั๊มแห่งหนึ่ง เพราะมีอาหารให้เลือกหลากหลาย ทั้งข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่ง เราเลยเลือกซื้ออาหารมากินอย่างเอร็ดอร่อย ผมอดไม่ได้ครับ เลยเอ่ยถามพี่กรขณะกินข้าว

“ตกลงว่า เราจะไหนกันคับพี่กร”

พี่กรไม่ตอบแต่เหลือบไปมองไอ้ตาล ซึ่งไอ้ตาลเองก็อมยิ้มอย่างมีเลศนัย

“เอาน่า อยู่เฉยๆ เดี๋ยวดีเอง” มันพูดแล้วตบไหล่ผมเบาๆ ทั้งไอ้โนและไอ้เบสต์ก็ต่างอมยิ้มกันใหญ่…….อะไรกันวะไพวกนี้

พี่กรขับรถออกจากตัวเมือง แต่ไม่ได้ย้อนกลับเข้ามอเตอร์เวย์ ผมรู้สึกตะหงิดๆขึ้นมาแล้วครับ เพราะทางที่พี่กรพาไปนั้น มันเป็นทางที่สามารถไประยอง และไปบ้านไอ้ตาล ซึ่งแน่นอน……..บ้านไอ้นัยก็อยู่ที่นั่น

ผมหันไปจ้องหน้าไอ้ตาลเพราะผมคิดว่า ผมเริ่มเดาอะไรได้แล้วครับ……นี่มึงจะพากูไปบ้านไอ้นัย ไปหาไอ้นัยใช่มั้ยวะตาล……..ผมยิ้มออกมาอย่างดีใจ และไอ้ตาลก็ยิ้มกว้างทำตาเจ้าเล่ห์ให้ผมโดยที่ไม่ได้พูดกันสักคำเดียว

ผมยิ่งแน่ใจขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพี่กรขับรถผ่านทางที่จะเลี้ยวไประยอง แต่แกกลับขับตรงไปข้างหน้า ซึ่งป้ายบอกทางเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนว่า เป็นทางไปสู่จังหวัดอะไร

ผมตื่นเต้นมากครับ หัวใจเต้นแรงเมื่อรู้ว่าผมจะได้ไปเจอไอ้นัย……ผมน้ำตารื้นขึ้นมาอีกครั้ง เพราะมันหลากหลายอารมณ์เหลือเกินครับ ทั้งปลื้มใจที่เพื่อนๆและพี่กรกำลังจะช่วยผม ทั้งดีใจที่กำลังจะได้เจอหน้าไอ้นัย……และทั้งหวั่นใจว่าไอ้นัยมันจะยอมฟังผมมั้ย

ผมเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง เมื่อป้ายบอกทางเขียนว่าอีก 20 กม. จะเข้าสู่ อ.เมือง ไอ้ตาลเอื้อมมือมากอดเอวผมเอาไว้ ไอ้เบสต์ก็เอามือบีบต้นขาผมแล้วมองหน้า ไอ้โนกับพี่กรก็หันกลับมามอง ส่งสายตาให้กำลังใจผม

ไม่มีเสียงพูดใดๆ เล็ดลอดออกจากปากของทุกคน ผมได้ยินแม้กระทั่งเสียงหายใจแรงๆของตัวเอง และของคนอื่นๆ……ไม่ว่าการมาเจอไอ้นัยครั้งนี้ผลจะออกมาว่ายังไง แต่ที่แน่ๆ ผมรู้ว่ายังมีคนที่รักผมอีกสี่คนอยู่ตรงนี้ ผมอดที่จะยิ้มออกมาทั้งน้ำตาที่กำลังรื้นเต็มสองตาไม่ได้

ผมเริ่มจำเส้นทางที่เคยเห็นเมื่อตอนเด็กได้บ้างแล้วครับ……เสียงไอ้ตาลบอกทางพี่กรให้เลี้ยวไปตรงนั้นตรงนี้ ยิ่งทำให้ใจผมสั่นจนต้องเม้มปากแล้วกำมือแน่น……ใช่ครับ……มันใกล้บ้านไอ้นัยเข้าไปทุกทีๆ

ใจผมเต้นแรงจนแทบทะลุออกมาจากหน้าอก เมื่อรถพี่กรจอดลงสนิทตรงหน้าบ้านหลังหนึ่ง…….บ้านหลังที่ผมเคยมีความทรงจำในวัยเด็กกับลูกชายคนเล็กของเจ้าของบ้าน ครั้งนั้นเราจากกันไปด้วยความไม่เข้าใจกัน…….เพราะผมเป็นคนทำให้มันเสียใจ

จนผมได้มาเจอมันอีกครั้ง…….ครั้งนี้มันได้ฝากความทรงจำดีๆที่ผมไม่อาจลืมลงได้ ผมคิดเอาไว้ว่า ผมจะไม่ทำให้มันเสียใจอีก แต่สุดท้ายก็เป็นผม…….ที่ทำให้มันเสียใจอีกครั้ง จนมันต้องหนีกลับมาที่บ้านหลังนี้

“มึงรออยู่ในรถก่อนนะเอก” ไอ้ตาลบอกผมแล้วเปิดประตู ก่อนจะดึงไอ้เบสต์ลงไปจากรถพร้อมกัน

ไอ้ตาลเดินไปกดกริ่งก่อนประตูรั้วจะถูกเปิดออกโดยพ่อไอ้นัย ซึ่งพอไอ้สองนั้นไหว้แก แกก็พาพวกมันเดินเข้าไปด้านใน

ไอ้สองคนนั่นหายไปพักใหญ่ ผมรู้สึกปั่นป่วนอยู่ข้างใน ใจผมเต้นแรงจนต้องถอนหายใจออกมาอยู่ตลอด……พี่กรกับไอ้โนก็คอยบีบมือผมเอาไว้ ช่วยส่งกำลังใจมาให้ผม

ผมรออย่างกระวนกระวายใจ……มันจะคุยกันว่ายังไง……ไอ้นัยมันจะยอมฟังมั้ย…….โอ๊ย!.....ผมทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วครับ เพราะถ้าจะให้ผมนั่งรออยู่แบบนี้ ผมคงอกแตกตายไปซะก่อน ผมรีบเปิดประตูรถแล้ววิ่งไปที่ประตูรั้ว ก็พอดีกับที่ไอ้ตาลกับไอ้เบสต์เดินออกมา

“มันบอกให้มึงไปรอที่ศาลาท่าน้ำบ้านเก่ามึงว่ะ เดี๋ยวมันจะตามไปคุยด้วย” ไอ้ตาลบอกด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ทำเอาใจผมห่อเหี่ยวลงทันที

“กูพูดความจริงให้แม่งฟังหมดทุกอย่างแระ ไม่รู้ว่ามันจะเชื่อกูมั้ย” เบสต์บอกต่อแล้วบีบไหล่ผมเบาๆ ก่อนที่มันสองคนจะลากผมขึ้นรถ

ผมเบลอไปหมดแล้วครับ รู้ว่าตาตัวเองเริ่มมองอะไรไม่ชัดเพราะน้ำตามันรื้นขึ้นมาเต็มตา จนเมื่อรถพี่กรขับมาจอดลงตรงบ้านเก่าผมซึ่งอยู่ติดคลอง ผมจึงรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง เพราะได้กลับมาบ้านหลังที่ผมเคยอยู่ตั้งแต่เกิด…

อา…..ทุกอย่างดูเก่าและโทรมไปเยอะเลย เพราะดูแล้วคงไม่มีคนคอยดูแล ต้นหญ้ารกๆขึ้นเต็มไปหมด แต่ผมก็ยังจำทุกอย่างเกี่ยวกับบ้านหลังนี้ได้ดี เพราะผมอยู่กับมันมาถึง 12 ปี

“คนที่ซื้อต่อจากพ่อมึง อยู่ได้ไม่นานก็ย้ายไปกรุงเทพ บ้านเลยโทรมแบบเนี้ยะ” ไอ้ตาลบอกขณะพาผมเดินไปที่ศาลาท่าน้ำซึ่งก็ดูโทรมไม่แพ้กัน

เราพากันไปนั่งอยู่ในศาลา น้ำในคลองขึ้นมาจนเกือบถึงบันไดขึ้นบนสุด ผมอดนึกถึงวีรกรรมที่ผมและเพื่อนๆ ซึ่งรวมถึงไอ้ตาล ไอ้นัยได้เคยทำกันไว้ที่ศาลาท่าน้ำแห่งนี้ ไม่ว่าจะว่ายน้ำเล่นไล่จับ ตกปลา พายเรือ สารพัดที่พวกเราจะซนกันได้…….ช่างเป็นความทรงจำที่ดีเหลือเกิน

“พี่นัยมาแระ” เสียงไอ้โนร้องบอกทำให้ผมรีบหันไปมองด้วยใจเต้นแรง

ไอ้นัยขี่จักรยานโกโรโกโสคันเก่ามาจอดด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม ก่อนมันจะยกมือไหว้พี่กร และทักทายทุกๆคน…..ยกเว้นผม ซึ่งมันมองตาแล้วพยักหน้าให้

“เดี๋ยวกูพาพี่กรกับไอ้โนไอ้เบสต์ไปบ้านกูก่อนละกัน จะพาไปไหว้พ่อกับแม่กูด้วย” ไอ้ตาลร้องบอกก่อนจะพาทั้งหมดเดินออกไปจากศาลา โดยปล่อยให้ผมยืนใจสั่นอยู่กับไอ้นัยเพียงสองคน