Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 569
Message ID: 0
#0, นิยายที่ยังไม่มีชื่อเรื่อง(ตอนพิเศษจ้า^^)
Posted by someone on 11-Aug-13 at 08:43 PM
หวัดีคร้าบบบบบบ

ผมมาแล้วนะ มาตามนัดอย่างที่คุณ du sun บอกเอาไว้
ขอบคุณหลายๆคนที่คอยไปดันกระทูเก่าจนมันยังอยู่อันดับต้นๆ

สำหรับตอนพิเศษตอนนี้ ต้องบอก่อนนะครับว่าไม่มีอีโรติกจ้า.....อย่าว่าผมน้า
มันเป็นตอนที่เติมเต็มเรื่องให้สมบูรณ์ขึ้นอะครับ
ยังไงก็ลองอ่านกันดูนะครับผม

ขอบคุณทุกๆกำลังใจอีกครั้ง เสียงของพวกคุณทำให้ผมมีกลำงัใจขึ้นเยอะเลยครับ
ไม่ว่าจะมีเรื่องปวดหัวแค่ไหน พอนึกถึงสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นในนี้ ก็ทำให้ผมยิ้มได้จริงๆ

ขอบคุณจากใจ......แล้วเจอกันใหม่นะครับ

บ๊าย บายจ้าาาาาา

..........................


“ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ การบินไทยเที่ยวบินที่ TG100 พร้อมแล้วที่จะออกเดินทางไปยังจังหวัดเชียงใหม่......”

เสียงพนักงานภาคพื้นดินประกาศบอกเริ่มบอร์ดผู้โดยสาร ทำเอาผมอดตื่นเต้นไม่ได้ครับ ดีที่มีพี่กรคอยเดินนำผมไปรอเข้าคิวเพื่อให้พนักงานตรวจเช็คบัตรโดยสารก่อนขึ้นเครื่องบิน

“ตื่นเต้นจังคับพี่กร”

ผมบอกพี่กรตามความจริง เพราะนี่คือครั้งแรกที่ผมจะได้ขึ้นเครื่องบิน พี่กรเลยหันมายิ้มให้แล้วกอดคอผมกับไอ้โนพาเดินไปยังประตูทางออก

“โนก็ตื่นเต้นเหมือนกันว่ะพี่เอก”

ไอ้โนก็มากับเราด้วย…..ก็รู้ๆกันอยู่เนอะแฟนพี่กรนี่หว่า ไม่มาได้ไง

“อ้ายกำลังจะขึ้นเครื่องแล้วเน่อแจ็ค” พี่กรอู้กำเมืองผ่านทางโทรศัพท์กับญาติที่จะขับรถมารับพวกเรา

“อันก่อประม๋าณจั้วโมงนึ่ง ฮับกระเป๋าแล้วอ้ายจะโทรบอกแฮ๋มเตื้อ”

พี่กรพูดเป็นฉากๆ ผมก็พอจับใจความได้บ้าง….ภาษาเหนือนี่เพราะจังเลย ผมชักอยากพูดเหนือมั่งแล้วสิ คงต้องขอให้พี่กรสอนซะแล้ว ฮี่ๆ

ครับ…..พี่กรกำลังพาผมไปเยี่ยมบ้านที่เชียงใหม่ เพราะพ่อกับแม่ของพี่กรอยากเจอผมมาก พอปิดเทอมกลางผมก็เลยกลับไปบ้านผมที่ต่างจังหวัดก่อน แล้วถึงมาเชียงใหม่กับพี่กร โดยพี่กรเป็นสปอนเซอร์ออกค่าตั๋วเครื่องบินให้ผมกับไอ้โนมาด้วยกัน

……………………….

ผมตื่นเต้นไม่น้อยเลยครับเมื่อเครื่องลงจอดเรียบร้อยที่เชียงใหม่ พี่กรชี้ให้ดูพระธาตุดอยสุเทพที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงใกล้ๆ ผมมองเห็นพระธาตุสีทองอยู่ลิบๆ ทำให้ผมและไอ้โนต่างรีบยกมือไหว้เพื่อความเป็นศิริมงคลกับตัวเอง

“เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะพาขึ้นไปไหว้กันนะ” พี่กรบอกแล้วพาพวกผมเดินไปรับกระเป๋าที่สายพาน

“อ้ายกร….อ้ายกรคับ” เสียงเรียกพี่กรดังมาจากด้านหลังขณะที่เรากำลังยืนรอกระเป๋า พี่กรหันไปตามเสียงพวกผมเลยหันตามไปโดยอัตโนมัติ

“อ้าว น้องพีท” พี่กรร้องทัก ผมเห็นเด็กวัยรุ่นอวบอ้วนๆอายุประมาณผม หน้าตาตี๋ๆและผิวขาวแบบคนเหนือ เดินเข้ามาหาก่อนจะยกมือไหว้พี่กร

“ปิ๊กบ้านเหมือนกั๋นก๊ะอ้ายกร” เด็กคนนั้นถามพี่กร แล้วหันมายิ้มกับไอ้โนและผม…..ก่อนจะขมวดคิ้วมองหน้าผมแล้วอ้าปากค้าง

“ผะ…..ผะ…….ผี!!! ผีอ้ายกิจ!!!” ไอ้พีทชี้หน้าผมแล้วทำหน้าเสียขึ้นมาในบัดดล ก่อนมันจะวิ่งไปหลบอยู่หลังพี่กร ผมเลยแกล้งถลึงตาใส่มันมันก็ยิ่งกอดพี่กรจนแน่น

“ฮ่าๆ” พวกเราพากันหัวเราะใหญ่ที่เห็นไอ้พีทอยู่ในอาการกลัวขนาดนั้น

“พีท….ไม่ใช่ผีน้องกิจ แค่หน้าเหมือนกัน” พี่กรบอกพลางหัวเราะเลยทำให้ไอ้พีทสีหน้าดีขึ้นมาบ้าง

“แต๊ๆก๊ะอ้าย บ่ดีจุ๊เปิ้นนา” ไอ้พีทบอกพร้อมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“นี่น้องโนก๊ะน้องเอก อ้ายพามาแอ่วโตย” พี่กรแนะนำ “โน….เอก นี่พีทนะครับ อยู่บ้านติดกับพี่เลย ตอนนี้เรียน ม.5 อยู่ที่…… ”

พี่กรเอ่ยชื่อโรงเรียนดังในกรุงเทพ…..โห…..แม่งเก่งว่ะไอ้พีท สอบเข้าได้ด้วย

พวกเรายิ้มและพยักหน้าให้กัน แต่ไอ้พีทก็ยังขมวดคิ้วมองผมต่ออย่างกลัวๆ…..ผมเข้าใจดีครับว่ามันคงสงสัย ว่าทำไมผมถึงได้เหมือนน้องชายพี่กรที่เสียชีวิตไปแล้วขนาดนี้

“เหมือนอ้ายกิจขนาดเลยคับอ้ายกร” ไอ้พีทคงอดไม่ได้เลยพูดขึ้น “เหมือนอ้ายกิจจนขนคิงผมลุกโม๊ดละ”

ไอ้พีทยกแขนให้ดูขนที่ลุกตั้งทั้งแขน ผมนึกสนุกเลยแกล้งถลึงตาแลบลิ้นใส่แบบหนังผีอีกที ทำเอาไอ้พีทหน้าเสียรีบวิ่งไปหลบหลังพี่กรทันที

“โอ๋ย! อย่าเล่นแบบนี้สิ พีทยิ่งกลัวผีอยู่ด้วยอะ” ไอ้พีทร้องลั่นทำเอาพวกเราหัวเราะกันใหญ่

“เอ้อ….แล้วมีใค๋มาฮับน้องพีทก่อ” พี่กรถามไอ้พีทตอนนั้นเรารับกระเป๋ากันเรียบร้อยแล้ว

“บ่มี๋คับอ้ายกร พีทว่าจะไป๋ลิมูซีน” ไอ้พีทบอก ไม่วายมองผมด้วยหางตาแบบหวาดๆ

“งั้นพีทก่อตวยไป(ไปด้วยกัน)ก๊ะอ้ายเลยก้า น้องแจ็คเปิ้นขับรถมาฮับ บ่ต้องไปเช่าลิมูซีนหื้อเซี่ยง(เสีย)เงินเซี่ยงทอง” พี่กรบอกไอ้พีทแล้วพากันเข็นรถออกมาตรงประตูทางออก

พี่แจ็คโบกมือทักทายอยู่ด้านหน้า พี่กรเลยพาพวกเราเข้าไหว้พี่แจ็ค ก่อนจะแนะนำให้พวกเรารู้จัก

“โห…..นี่เหรอน้องเอก เหมือนเจ้ากิจมากๆเลยว่ะ” พี่แจ็คเข้ามากอดผมแน่น ทำให้ผมรู้สึกดีมากๆเลยครับ

พี่แจ็คขับพาพวกเรามุ่งสู่บ้านพี่กร ผ่านคูเมืองเก่าซึ่งยังคงมีกำแพงอิฐให้เห็นอยู่เป็นช่วงๆ

“กำแพงตรงหัวมุมคูเมืองแบบนี้เค้าจะเรียกว่า ‘แจ่ง’ นะ เป็นป้อมปราการสมัยอดีต” พี่กรอธิบายให้พวกเราฟัง

“ส่วนด้านขวานี่ก็ประตูสวนดอก ด้านในนั้นเค้าจะเรียกว่า ‘ในเวียง’ หรือเมืองเก่านั่นแหละ”

ไอ้พีทร้องบอกขณะรถผ่านทางเข้าเวียง ผมมองไปก็เห็นประตูทางเข้า สร้างด้วยอิฐแดงดูเก่าและสวยงามทรงคุณค่ามาก

พี่แจ็คขับรถพาเราลัดเลาะชมเมืองไปตามถนนเลียบคูเมืองด้านนอก พี่กรอธิบายให้ผมกับไอ้โนได้รู้ว่า เมืองเก่า หรือ ในเวียง มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสและมีคูเมืองล้อมรอบทุกด้าน มีแจ่ง(มุม)สี่แจ่ง ซึ่งมีชื่อเรียกต่างกันคือ แจ่งศรีภูมิ แจ่งหัวลิน แจ่งก๊ะต๊ำ และแจ่งกู่เฮือง ซึ่งยังคงมีกำแพงอิฐให้เห็นอยู่ทั้งสี่มุม

และก็มีประตูทางเข้าเวียงอีกห้าประตูที่ยังคงรักษาเอาไว้ได้อย่างดี คือประตูสวนดอก ประตูช้างเผือก ประตูเชียงใหม่ ประตูสวนปรุง และประตูท่าแพ

“ด้านในเวียงมีวัดสวยๆหลายวัดเลยนะ แล้วพี่จะพามาไหว้พระ”

พี่กรบอก ซึ่งผมก็มองเห็นหลายวัดตามทางที่ผ่านมา เป็นวัดสไตล์ล้านนาที่มีความสวยงามไปอีกแบบนึง……โห…..เชียงใหม่นี่เป็นเมืองที่สวยงามจริงๆ


“ใกล้ถึงบ้านแล้วนะ” พี่แจ็คร้องบอกทำเอาผมใจเต้นตูมตามด้วยความตื่นเต้นที่จะได้เจอพ่อกับแม่ของพี่กรในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้

……………………..

หลายวันก่อนหน้านี้ หลังจากผมสอบ Final เสร็จ ผมก็รีบกลับไปบ้านที่ต่างจังหวัดตามปรกติเหมือนทุกเทอมที่ผ่านมา หลังจากมื้อเย็นมื้อแรกที่แสนอร่อยด้วยกับข้าวฝีมือแม่ของผม ผมก็หอบอัลบั้มรูปพร้อมเดินเข้าไปหาแม่ซึ่งกำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่น

“แม่คับ ผมมีอะไรมาให้ดูด้วยแหละ” ผมนั่งลงข้างๆแม่ ก่อนจะส่งอัลบั้มรูปให้แม่

“ไปเที่ยวไหนมาจ๊ะ ถึงเอามาอวดแม่เนี่ย” แม่ยิ้มแล้วถามผม

“เปล่าหรอกคับแม่ แม่เปิดดูก่อนดีกว่าน่า…นะนะ” ผมเร่งเร้าให้แม่รีบเปิดดูอัลบั้มรูปนั้น

“หือ……เอกไปเป็นนักบอลตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นเคยบอกแม่เลย” แม่เปิดดูรูปไปก็พูดไป ผมได้แต่อมยิ้มโดยยังไม่ยอมพูดอะไร แม่ยิ่งดูก็ยิ่งขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยถามผมอีกครั้ง

“ทำไมใส่เสื้อของทีมโรงเรียนอื่นล่ะลูก เค้ายืมตัวเราไปเล่นเหรอ”

“นั่น….ไม่ใช่ตัวผมหรอกคับแม่” ผมบอกแม่ออกไป ทำเอาแม่ขมวดคิ้วหนักกว่าเก่าพร้อมมองหน้าผม

“หลอกแม่อีกแล้ว ก็นี่มันรูปเอกชัดๆ” แม่มองหน้าผมแล้วก้มมองดูรูปสลับกันไปมา

“จริงๆคับแม่ รูปในอัลบั้มนั่นไม่ใช่รูปของผมหรอก” ผมบอกแม่อีกครั้ง “แม่ลองดูรูปนี้สิคับ แม่ยังไม่เคยพาผมไปเชียงใหม่เลยนะ”

ผมเอื้อมมือไปเปิดรูปพี่กิจเมื่อตอนซักสิบขวบ กำลังยืนเต๊ะท่าถ่ายรูปอยู่หน้าพระธาตุดอยสุเทพ…….แม่เอียงคอมองไปมาก่อนจะพยักหน้าอย่างงงๆ

“จริงสิ แล้วใครกันละลูก ทำไมหน้าตาเหมือนเอกได้ขนาดนี้” แม่หันมามองผมอย่างสงสัย

“วันหลังพามาให้แม่รู้จักหน่อยนะ แม่ละอยากเห็นตัวจริงเหลือเกินว่าจะเหมือนลูกขนาดไหน”

“พี่เค้าเสียไปได้สามปีแล้วคับแม่” ผมเม้มปากแล้วบอกแม่ออกไป

“คุณพระ!!” แม่เอามือทาบอก สีหน้าแม่เศร้าลงทันทีก่อนจะดึงมือผมไปบีบไว้แน่น “ทำไมแม่ถึงใจหายขนาดนี้ก็ไม่รู้ สงสัยคงเพราะหน้าเค้าเหมือนเอกเหลือเกิน”

ผมบีบมือแม่กลับไป แม่เลยเอามือมาลูบหัวผมไปมาก่อนจะดึงเข้าไปกอดเอาไว้แน่นๆ

“สงสารพ่อกับแม่ของเค้าจังเลยนะลูก” แม่พูดพลางลูบหลังผมเบาๆ

“เพราะอย่างนี้แหละคับ ผมถึงอยากขออนุญาตแม่ไปหาพ่อกับแม่ของคนในรูปที่เชียงใหม่” ผมบอกแม่ขณะที่เรากำลังกอดกันอยู่อย่างนั้น

แม่ดันตัวกลับ พร้อมมองหน้าผมด้วยสายตาที่ยินดีปนเศร้าๆ ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาแล้วพยักหน้าให้ผม

ผมเลยเล่าเรื่องพี่กรกับพี่กิจให้แม่ฟังอย่างละเอียด ทำเอาแม่ผมถึงกับน้ำตาซึมออกมา เมื่อผมเล่าให้ฟังว่าพี่กิจเสียชีวิตเพราะอะไร

“ตายจริง! คุณพระคุณเจ้า” แม่เอามือทาบอกอีกครั้ง ก่อนจะยกปาดน้ำตาที่รื้นอยู่ที่ขอบตาออกไป

“แม่อดใจหายไม่ได้เลยลูก สงสารพ่อกับแม่เค้าจริงๆ”

“ผมคงช่วยให้พ่อกับแม่ของเค้ารู้สึกดีขึ้นมาบ้างนะคับแม่” ผมบอกแล้วกอดแม่อีกครั้ง

“จ้ะ…..ลูก” แม่ลูบหัวผมไปมาอย่างเอ็นดู “พ่อกับแม่น้องกิจคงดีใจเหมือนได้ลูกชายกลับมาอีกครั้ง”

เสียงฟืดฟาดเหมือนแม่กำลังร้องไห้ ทำให้ผมต้องดันตัวออก ก็เห็นน้ำตาของแม่ไหลออกมานองแก้ม

“แม่อดร้องไห้ไม่ได้น่ะ” แม่ยิ้มให้ผมทั้งน้ำตา “ถึงแม่จะไม่เคยเสียลูกไปเหมือนพวกเค้า แต่แม่ก็เข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อแม่ได้ดี”

“อีกไม่กี่วันพี่กรเค้าจะมากราบพ่อกับแม่ด้วยนะคับ” ผมบอกไปเพราะนัดพี่กรเอาไว้แล้ว แกจะมารับผมเพื่อเดินทางไปเชียงใหม่แล้วจะถือโอกาสมากราบพ่อกับแม่ผมด้วยเลย

“ดีเลยจ้ะ แม่ก็อยากขอบคุณพี่กรของลูกเหมือนกัน” แม่ยิ้มอย่างใจดี “ดูแลลูกเอกดีขนาดนี้ คงต้องรับเค้ามาเป็นลูกอีกคนแล้วละมั้งเนี่ย”

……………………………..


พี่แจ็คขับรถลัดเลาะเข้าซอย ไม่นานนักก็เลี้ยวเข้าบ้านหลังนึง ต้นไม้น้อยใหญ่ครึ้มเชียวครับ ผมหันมองหน้าพี่กรด้วยความตื่นเต้น….. แกก็พยักหน้าแล้วยิ้มให้ผม

“ถึงแล้ว…..บ้านเรา”

บ้านทรงไทยล้านนาประยุกต์ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าผม ผมเดาอายุของบ้านคงไม่น้อยแล้ว แต่มันยังดูสวยแบบเท่ๆมีสไตล์ในแบบที่ผมไม่เคยเห็นในกรุงเทพหรือที่ไหนๆ กาแลตรงมุมสูงของหน้าจั่ว บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของบ้านแบบล้านนาได้น่าประทับใจจริงๆ………ผมชักชอบที่นี่แล้วละสิ

ผมเห็นคนชะโงกออกมาดูจากทางประตู ชี้ไม้ชี้มือมาที่รถ เท่าที่ผมเห็นด้านในนั้นมีคนเยอะทีเดียว แต่ก็ไม่มีใครเดินออกมาหรอกนะครับ ได้แต่ยืนรอกันอยู่ตรงประตู

พอพวกเราลงรถกันหมด พี่กรก็พาผมเดินตามทางที่ปูด้วยอิฐแดงๆมีตะไคร่น้ำเกาะทุกก้อน มุ่งสู่ประตูบ้านหลังใหญ่

“ตื่นเต้นจังคับพี่กร”

ผมอดที่จะพูดออกไปไม่ได้ เพราะรู้ดีว่าทุกคนที่มารออยู่ที่บ้าน คงเพราะอยากเห็นผมที่หน้าตาเหมือนกับพี่กิจผู้ล่วงลับไปแล้วแน่นอน

“ยินดีต้อนฮับสู่เจียงใหม่นะเจ้า”

หญิงสาววัยทำงานหน้าตาสวยคนนึงเดินเข้ามาหาผมแล้วกล่าวต้อนรับก่อนจะเอาพวงมาลัยดอกมะลิที่ร้อยเป็นเส้นยาวๆคล้องคอผมเอาไว้…..กลิ่นของมันหอมเหลือเกิน…..ผมรีบยกมือไหว้เธอพร้อมๆกับที่เธอรับไหว้ผม

“เหมือนน้องกิจแต๊ๆเลยเจ้า” เธอมองผมด้วยสายตาที่เอ็นดู ก่อนจะเอามาลัยไปคล้องให้ไอ้โนต่อ

พี่กรพาผมเดินไปที่ประตูบ้าน ผมมองเห็นคนประมาณยี่สิบคนได้ ส่วนใหญ่จะนั่งอยู่กับพื้นที่ปูด้วยเสื่อ จะมีก็แค่ผู้ชายสูงวัยกับผู้หญิงวัยกลางคนนั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ติดผนังกับด้านใน……ท่านทั้งสองยิ้มกว้างให้ผม ท่าทางท่านใจดีมากๆ…..แน่นอนผมรู้โดยเซ้นส์ว่า นั่นคือพ่อและแม่ของพี่กร

ผมรีบยกมือไหว้พ่อและแม่พี่กรและทุกๆคนที่อยู่ในบ้าน ทุกคนรับไหว้ผมก่อนจะมีเสียงพูดระงมไปทั้งบ้านด้วยภาษาเหนือ

“เหมือนแต๊เหมือนว่า……อาหยังมาเหมือนกั๋นขนาดนี่……เหมือนน้องกิจยังก๊าฝาแฝด……”

ผมออกจะเขินอยู่ไม่น้อยเลยครับได้แต่ยิ้มเขินๆอย่างเดียว พี่กรพาผมเดินตรงไปหาพ่อกับแม่ที่นั่งจ้องหน้ายิ้มให้ผมอย่างไม่วางตา พอผมเดินไปถึงด้านหน้าท่าน พี่กรกับผมก็นั่งลงกับพื้นแล้วยกมือกราบลงที่ตักพ่อก่อน

“อายุมั่นขวัญยืนนะลูกนะ” พ่อพี่กรบอกผมพลางลูบหัวเบาๆ เสียงท่านดูมีอำนาจแต่ก็แฝงไว้ด้วยความเมตตา

ผมหันไปมองแม่พี่กร ตอนนั้นท่านเริ่มน้ำตาไหลแล้วครับ ท่านเอามือปาดน้ำตาออกทั้งๆที่ยังจ้องมองผมด้วยรอยยิ้ม ผมเลยกราบลงที่ตักท่าน

“ขอบใจนะลูก ขอบใจที่มาให้แม่ได้ชื่นใจ” แม่พี่กรบอกพลางร้องไห้เบาๆ แล้วดึงผมขึ้นไปกอดเอาไว้แน่น ผมรับรู้ได้ถึงความรักที่ท่านมีต่อพี่กิจ และท่านก็คงรักผมด้วยเช่นกัน

“มาเป็นลูกแม่อีกคนนะน้องลูกเอก….ฮือๆ แม่ได้ลูกคืนมาแล้วนะพ่อ….ลูกกลับมาแล้ว……ฮือๆ”

แม่พี่กรร้องไห้โฮออกมา ท่าทางท่านคงสุดกลั้นจริงๆ ทำเอาผมอดน้ำตาไหลตามท่านไปไม่ได้ครับ ผมรู้สึกดีเหลือเกินที่ได้ทำให้ท่านมีความสุขแบบนี้

“ผมสัญญาว่าจะเป็นลูกที่ดีของพ่อกับแม่นะคับ” ผมบอกออกไปด้วยความเต็มใจ เลยทำให้แม่ของพี่กรยิ้มออกมาทั้งน้ำตา

จากนั้นผมก็ไปกราบญาติผู้ใหญ่ทุกคนที่มา ก่อนที่พิธีบายศรีสู่ขวัญแบบล้านนาจะถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายในบ้านพี่กร โดยมีแม่อุ๊ยยายของไอ้พีทเป็นผู้ทำพิธี และสุดท้ายสายสิญจน์สีขาวก็ถูกผูกให้ผมจนเต็มข้อมือ

“บ่ดีเอาออกก่อนสามวันเน้อ” แม่อุ๊ยบอกผมเป็นคำเมือง “ถ้าจะหื้อดี ก่อผูกเอ่าไว้จ๋นมันปุ๊ดฮั่นลอ”

ไอ้ประโยคแรกผมพอเข้าใจได้ แต่ประโยคหลังทำเอาผมมึนไปเลย จนพี่กรมากระซิบบอกผม

“ใส่จนขาดไปเองน่ะ”

อ๋อ……แปลว่างี้เองเหรอเนี่ย สงสัยเราคงต้องเรียนพูดภาษาเหนือเอาไว้มั่งแล้วนะ อิอิ

ผมไปอยู่บ้านพี่กรหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ พี่กรพาผมไปเที่ยวสถานที่สำคัญๆทุกที่ ทั้งพระธาตุดอยสุเทพ พระตำหนักภูพิงค์ ดอยอินทนนท์ โครงการหลวง รีสอร์ทสวยๆแถวแม่ริม และอีกหลายต่อหลายที่ โดยมีไอ้พีทเป็นไกด์รับเชิญตลอดงาน เลยทำให้ผมกับไอ้โนสนิทกับไอ้พีทไปโดยปริยาย

เชียงใหม่นี่น่าอยู่จริงๆเลยนะครับ ผมชักหลงสเน่ห์เมืองเชียงใหม่เข้าแล้วละสิ…..เอ…..หรือว่า จบ ม.6 แล้วผมจะเอ็นเข้า มช. ดีมั้ยน้า……..

…………………………………………………


“เฮ้ย! เร็วๆไอ้เอก The Super Star มาแล้ว”

เสียงไอ้นัยตะโกนลั่นห้องน้ำรวมของหอ ทำเอาผมที่กำลังฟอกสบู่อยู่เต็มตัวต้องรีบล้างตัวออกมาโดยด่วน

“ไอ้เวร…..แม่งยังโฆษณาอยู่เลย” ผมตบกระโหลกไอ้นัยไปทีนึง โทษฐานที่ทำให้ผมรีบอาบน้ำอย่างรีบร้อน และยังต้องวิ่งกระหืดกระหอบจากห้องน้ำรวมมาถึงห้องอีก

“มึงแม่งโคตรตื่นตูมเลยไอ้นัย กลับจากห้องเชียร์มาเหนื่อยๆ ให้กูอาบน้ำสบายๆหน่อยก็ไม่ได้”

“ห้องเชียร์ Mass Com แม่งโหดกว่าคณะกูอีก” ไอ้นัยเบ้ปากใส่ผม “Entaneer ของกูว่าหนักแล้ว ยังปล่อยก่อนมึงตั้งนาน”

“แล้วทีวันที่มึงโดนให้วิ่งจนถึงเที่ยงคืนละวะ” ผมเถียงมันไปบ้าง เพราะบางวันรุ่นพี่วิดวะของมันก็ให้รุ่นน้องปีหนึ่งซ้อมวิ่งจนดึกจนดื่น เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนรับน้องขึ้นดอยที่กำลังจะมาถึง

“ก็พวกกูต้องวิ่งขึ้นดอยนี่หว่า ไม่ได้เดินขึ้นเหมือนคณะมึงนิ” ไอ้นัยยักไหล่

“อีกอย่างกูจะแพ้คณะเกษตรไม่ได้เฟ้ย วิดวะต้องที่หนึ่ง” ไอ้นัยทำเสียงเข้มพร้อมหน้าตาขึงขัง

“เอาเหอะพ่อ เดี๋ยวกูไปอาบน้ำต่อดีกว่า” ผมเบ้ปากใส่ไอ้นัยแล้วตบหัวมันไปอีกที

“เร็วๆนะเว้ย เดี๋ยวก็ไม่ทันเชียร์ไอ้เบสต์กันพอดีหรอกมึง” ไอ้นัยพูดพลางลูบหัวป้อยๆ

ตอนนั้นเสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นอีก ทำให้ผมรีบหันไปตามเสียง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย

“The Super Star จะมาแล้วนะโว้ย” เสียงไอ้ตาลตะโกนโหวกเหวก “อย่าลืมโหวตไอ้เบสต์นะมึง”

“เออๆ อาทิตย์ก่อนๆกูโหวตไปหลายร้อยแระ เบิกตังค์กับมึงได้ป่าววะ” ผมตะโกนกรอกลงไปในโทรศัพท์

“เชี่ย! ไอ้งก” ไอ้ตาลด่าผม “ถ้าไอ้เบสต์มันผ่านอาทิตย์นี้ไปได้ มันก็เข้าชิงแล้วนะมึง”

ใช่ครับ…..ไอ้เบสต์มันไปสมัครรายการ The Super Star จนเข้ารอบแปดคนสุดท้าย พวกเราดีใจกันยกใหญ่ พากันนั่งหน้าจอรอเชียร์มันทุกอาทิตย์ ผมกับไอ้นัยหมดเงินไปกับการโหวตให้ไอ้เบสต์ไปเยอะอยู่

แต่ก็ได้ผลครับ เพราะไอ้เบสต์ผ่านทะลุมาจนเหลือแค่สามคนสุดท้าย ซึ่งอาทิตย์นี้ จะคัดออกอีกหนึ่งคน แล้วสองคนที่เหลือจะไปชิงชนะเลิศกันอาทิตย์หน้า

แต่จะว่าไปก็น่าจะเป็นเพราะเสียงที่ไพเราะบวกความหล่อของไอ้เบสต์ด้วย ที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศโหวตให้มันเข้ารอบมาเรื่อยๆ แม้บางสัปดาห์ มันเกือบตกรอบไปเหมือนกัน เลยทำให้พวกผมต้องกระหน่ำโหวตให้ไอ้เบสต์กันอย่างบ้าคลั่ง

ผมเดินกลับเข้าไปอาบน้ำต่อ……..พลางนึกถึงตอนที่ผมกับไอ้นัยสอบเอ็นทรานซ์ติด มช. ทั้งคู่…..ตอนนั้นเราสองคนดีใจกันสุดๆ

ผมเลือกคณะการสื่อสารมวลชนครับ ส่วนไอ้นัยเลือกวิศวะไฟฟ้า

“มึงไปเรียนที่ไหน กูก็จะตามไปทุกที่”

ไอ้นัยประกาศกร้าวตอนผมตัดสินใจเลือกเอ็นทรานซ์ มช.ทุกอันดับ ทำเอาผมต้องยิ้มออกมาอย่างดีใจ เพราะทีแรกผมก็กลัวว่าเราสองคนจะต้องเรียนกันคนละที่ ผมคงคิดถึงมันแย่เลย

“ไกลแค่ไหนกูไม่กลัว……กูกลัวไม่ได้อยู่ใกล้มึงมากกว่าว่ะ”

ประโยคที่ไอ้นัยบอกผม ทำให้ผมจำจนขึ้นใจ…..ขอบใจนะนัย ที่มึงรักกูขนาดนี้ กูเองก็รักมึงไม่น้อยไปกว่ามึงรักกูหรอก

ตอนนั้นไอ้นัยมุมานะอ่านหนังสือหนัก เพราะมันเรียนสายอาชีพไม่ใช่สายสามัญ เลยทำให้มันอ่อนในบางวิชาที่ต้องใช้สอบ มันเลยขยันอ่านหนังสือมากกว่าคนอื่นเพราะกลัวสอบเข้าไม่ได้…..และสุดท้ายมันก็ทำสำเร็จ

ไอ้ตาลเรียนต่อ ปวส.ที่โรงเรียนเดิม ส่วนไอ้เบสต์ได้เข้าเรียนมหาลัยเอกชนชื่อดังแถวรังสิต

ผมกับไอ้นัยต้องอยู่หอในก่อนในปีแรก ทั้งๆที่พ่อกับแม่ของพี่กรจะให้ผมกับไอ้นัยไปอยู่ด้วยกันที่บ้าน แต่เพราะมีกิจกรรมสำหรับน้องใหม่มากมาย เลยทำให้ผมต้องอยู่หอในไปก่อน แต่ถ้ามีวันว่างก็จะไปเยี่ยมท่านที่บ้าน……โดยเฉพาะช่วงปลายเดือน อิอิ

จริงๆแล้วห้องพักในหอของผมต้องมีนักศึกษาพัก 3 คนต่อห้องครับ แต่ปรากฏว่า รูมเมทอีกคนของผม เสือกเป็นโรคคิดถึงบ้านและทนกับการว๊ากของรุ่นพี่ไม่ไหว รีบขนของกลับกรุงเทพไปตั้งแต่อาทิตย์ที่สอง เลยทำให้ผมอยู่กับไอ้นัยแค่สองคนในห้องนี้….……เทวดาคงเป็นใจน่ะครับ….ฮี่ๆ

“เฮ้ย! ไอ้เอก ออกมาเร็วๆ คราวนี้มาจริงๆแล้วนะโว้ย”

เสียงไอ้นัยตะโกนบอกผมครั้งที่สอง ทำให้ผมรีบเอาผ้าเช็ดตัวพันเอวแล้วรีบวิ่งไปที่ห้องด่วนจี๋

“และตอนนี้ ขอเชิญท่านพบกับ…..สามคนสุดท้ายจากเวที The Super Star ค้าฟ้าหาดาว”

เสียงพิธีกรประกาศเสียงดังลั่น แล้วผู้เข้าแข่งขันทั้งสามคนก็รีบวิ่งกันออกมายืนเรียงหน้ากระดานอยู่บนเวที

ไอ้เบสต์ในชุดเท่ๆ ยืนอยู่ริมซ้ายสุด…..มันดูหล่อเหลือเกินครับ เพราะทั้งชุด ทั้งหน้า ทั้งผม ที่ถูกทีมงานจัดให้ ช่วยส่งให้ความหล่อของมันดูเด่นขึ้นมาอีกมากมาย

“ไอ้เบสต์แม่งโคตรหล่อเลยว่ะ มึงว่ามั้ย” ผมอดพูดออกมาไม่ได้

“ใช่ แต่ท่าจะหล่อน้อยกว่ากูนิดนึง” ไอ้นัยพูดแล้วหันมายักคิ้วให้ผม ทำเอาผมต้องเบ้ปากใส่มันอย่างหมั่นไส้

“โห…..ดูทำเข้า” ไอ้นัยหน้ามุ่ย “คืนนี้อย่ามานอนกอดเค้าละกัน” ไอ้นัยบึนปากออกมาทำท่าน้อยใจ

“ดีเหมือนกันว่ะ คืนนี้กูขอนอนเตียงบนละกันนะ แยกกันนอนจะได้หลับสบายๆ” ผมแกล้งพูดยั่วไอ้นัยเล่น

“ได้ไงอะ เค้าพูดประชดนะ ยังไม่รู้อีก” ไอ้นัยหน้าง้ำลงกว่าเก่า ทำเอาผมอดหัวเราะออกมาไม่ได้

“ไอ้โรคขี้ใจน้อยของมึงแม่งรักษาไม่หายเลยว่ะไอ้นัย” ผมส่ายหัวแล้วเข้าไปกอดมันแน่น “ไม่ได้นอนกอดมึงแล้วกูจะหลับได้ไงละวะ นอนกอดเกือบทุกคืนมาตั้งสองปีแล้ว”

ไอ้นัยยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะ ก่อนจะหันมาจ้องตาผมแล้วจูบปากผมอย่างดูดดื่ม…..อา…..ทำไมยิ่งนานวันเข้า ผมถึงได้ยิ่งรักไอ้นัยจนถอนตัวไม่ขึ้นขนาดนี้…..กูรักมึงมากนะรู้มั้ย

เสียงโทรศัพท์ดังลั่นอีกครั้ง ทำเอาผมรีบผละออกจากไอ้นัยเพื่อคว้าโทรศัพท์มารับสาย

“มึงอย่าเพิ่งเอากันตอนนี้นะโว้ย” ไอ้ตาลตะโกนโหวกเหวก ทำเอาผมต้องรีบหันมองซ้ายขวา…..ไอ้เชี่ย…..มึงรู้ได้ไงวะ

“เอากันพ่อมึงสิไอ้ตาล กูกำลังจะรอกดโหวตไอ้เบสต์อยู่” ผมด่ามันแก้เก้อ “เดี๋ยวมันตกรอบขึ้นมา กูจะโทษมึงที่โทรมาขัดจังหวะการโหวตของกู”

“เหรอๆ งั้นมึงโหวตเยอะๆนะโว้ย กูไม่กวนแระ แค่อยากโทรมาบอกว่ากูตื่นเต้นชิบหายเลยว่ะ กลัวไอ้เบสต์จะตกรอบ กูอยากให้มันไปถึงตามที่มันฝันไว้”

ไอ้ตาลบอกความรู้สึกของมันให้ผมได้รู้ ทำเอาผมอดยิ้มออกมาไม่ได้……ไอ้สองตัวนี้มันก็รักกันดีนะ แม้จะต้องปรับตัวเข้าหากันขนานใหญ่ในช่วงแรกๆ เพราะเดี๋ยวก็ทะเลาะกัน…..เดี๋ยวก็ดีกัน แต่สุดท้ายทุกอย่างก็เข้าที่เข้าทาง เมื่อไอ้ตาลเลิกกับแฟนหญิงอย่างถาวร

“ขอเชิญทุกท่านพบกับมินิคอนเสิร์ทของหนุ่มหล่อมาดแบดบอยที่สาวๆทั้งประเทศกำลังหลงใหล ใช่แล้วครับ ผมกำลังพูดถึงผู้เข้าประกวด The Super Star หมายเลขหนึ่ง ขอเชิญพบกับ…น้องเบสต์…..พิทักษ์พล…..ได้เลยครับ”

เสียงพิธีกรประกาศทำเอาผมต้องรีบวางหูแล้วนั่งลงใกล้ๆไอ้นัย ไอ้เบสต์เดินออกมาอย่างมั่นใจท่ามกลางเสียงกรี๊ดของคนดูทั้งห้องส่ง ผมอดขนลุกไม่ได้เลยครับที่ได้เห็นเพื่อนประสบความสำเร็จขนาดนี้

ไอ้เบสต์ร้องทั้งเพลงช้าและเพลงเร็วได้อย่างเทพ ยิ่งมันได้ฝึกการร้องและเต้นจากอาจารย์มืออาชีพของรายการ ก็ยิ่งส่งให้มาตรฐานของมันสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ผมมั่นใจเหลือเกินว่าในอนาคตอันใกล้นี้ เมืองไทยของเราจะมีนักร้องคุณภาพที่ชื่อ เบสต์….พิทักษ์พล เพิ่มขึ้นอีกคนอย่างแน่นอน

บัตรเติมเงินถูกทิ้งจนเกลื่อนห้อง เพราะผมสองคนกับไอ้นัยตั้งหน้าตั้งตากดโทรศัพท์โหวตให้ไอ้เบสต์กันอย่างบ้าคลั่ง เพราะทางรายการกำหนดให้เริ่มโหวตเพียงครึ่งชั่วโมงหลังจากนักร้องทั้งสามคนร้องจบลง เพื่อไม่ให้มีคนได้เปรียบเสียเปรียบ

“เฮ้ย! โฆษณาตัวนี้จบก็ปิดโหวตแล้วนะโว้ยนัย เร็วๆเข้า” ผมส่งเสียงลั่นห้องบอกไอ้นัย

“กูก็กดจนมือจะเป็นตะคริวแล้วไอ้เอก มึงเห็นกูหยุดกดตอนไหนวะ” ไอ้นัยเถียงผมกลับโดยไม่มองหน้าผม เอาแต่ก้มกดลงบนแป้นพิมพ์โทรศัพท์อย่างเร่งรีบ

“โอ๋ยยยยย…….จะทันมั้ยวะเนี่ย” ผมเริ่มใจเสียทั้งๆที่ผมเองก็เชื่อว่า ทั้งไอ้ตาล พี่อิท พี่กร ไอ้โน ไอ้กัน ครอบครัวของไอ้เบสต์ และคนไทยอีกมากมายต่างก็ต้องรีบกดโหวตให้ไอ้เบสต์ไม่แพ้พวกผม

“เชี่ย…..จะหมดเวลาแล้วเร็วๆเข้า” ไอ้นัยร้องบอกผมเสียงสั่น ก่อนเราสองคนจะกดโหวตส่งไปเป็นครั้งสุดท้ายพร้อมโฆษณาที่จบลง

“การโหวตจบลงไปแล้วเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหน้านี้” เสียงพิธีกรพูดเสียงดังทำเอาผมกับไอ้นัยต้องจับมือกันแล้วบีบแน่น

“ช่วงที่เรารอการรวมผลคะแนน เราจะขอไปพูดคุยกับกำลังใจที่ดีที่สุดของผู้ร่วมแข่งขันทั้งสามคน…..นั่นคือ พ่อและแม่ของพวกเค้ากันก่อนครับ”

กล้องเริ่มแพนไปจับพ่อและแม่ของนักร้องทั้งสาม นักร้องอีกสองคนนั้นมีพ่อและแม่มากันครบ แต่ของไอ้เบสต์มีเพียงแม่และน้องชายเท่านั้น…….ใช่สินะ ก็พ่อแท้ๆของไอ้เบสต์เสียชีวิตไปแล้ว ส่วนพ่อเลี้ยงก็คงไม่ได้รักไอ้เบสต์เลยสักนิด……ผมนึกแล้วอดสงสารไอ้เบสต์ไม่ได้

พิธีกรบนแสตนเริ่มเดินไปที่แม่และพ่อของนักร้องอีกสองคนนั่นก่อน ซึ่งแต่ละท่านก็ต่างพูดถึงความภูมิใจในความสามารถของลูกแต่ละคนที่กำลังยืนฟังอยู่บนเวที ผมฟังแล้วก็อดปลื้มใจแทนไม่ได้ แม้ทั้งสองคนนั่นจะเป็นคู่แข่งเพื่อนรักของผมก็ตาม

“และคนสุดท้ายที่ผมจะพามาพบ ก็คือคุณแม่ของน้องเบสต์….หวัดดีครับคุณแม่” พีธีกรเดินเข้าไปไหว้คุณแม่ของไอ้เบสต์ที่นั่งยิ้มอย่างใจดี โดยมีป้ายไฟฝีมือไอ้ตาลวางอยู่ใกล้ๆตัว

“ทราบว่าคุณพ่อของน้องเบสต์เสียไปตั้งแต่เล็กๆ คุณแม่คงเหนื่อยไม่น้อยนะครับ” พีธีกรเริ่มพูดคุยกับแม่ไอ้เบสต์

“ค่ะ เหนื่อยมากแต่แม่ก็ไม่เคยท้อ” แม่ไอ้เบสต์พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม กล้องอีกตัวจับไปที่ใบหน้าไอ้เบสต์ มันยืนมองแม่แล้วอมยิ้มอย่างปลื้มใจ

“ก่อนหน้านี้น้องเบสต์ดื้อมาก แม่ก็พยายามอบรบเค้าให้ได้มากที่สุด แต่บางช่วงที่แม่ต้องทำงาน แม่ก็ฝากเพื่อนๆเค้าให้ช่วยดูแล” แม่ไอ้เบสต์หันมองมาทางกล้องแล้วยิ้มกว้าง

“แม่ต้องขอบคุณน้องอิท น้องเอก น้องตาล น้องนัย พี่กรและน้องโน และเพื่อนๆคนอื่นๆ ที่ช่วยดูแลน้องเบสต์แทนแม่ ในช่วงที่แม่ไม่ว่าง”

“เฮ้ย! แม่เอ่ยชื่อพวกเราด้วยว่ะ” ไอ้นัยบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ผมเองก็พลอยปลื้มไปด้วยเหมือนกัน นั่งยิ้มกับทีวีจนแก้มปริ

“การมีเพื่อนดีๆก็ช่วยน้องเบสต์ได้มาก จริงมั้ยครับคุณแม่” พิธีกรสรุปอีกครั้งทำเอาผมกับไอ้นัยบีบมือกันอย่างภูมิใจ

“ผมเชื่อว่าคุณพ่อน้องเบสต์ที่อยู่บนสวรรค์ คงภูมิใจในตัวลูกชายคนนี้ด้วยเหมือนกันนะครับ” พิธีกรบอกก่อนจะลุกขึ้น “ขอบคุณคุณแม่น้องเบสต์ด้วยนะครับ”

ตอนนั้นเองก็เกิดความวุ่นวายเล็กๆขึ้น เมื่อมีชายวัยกลางคนคนนึง วิ่งมายืนด้านหลังพิธีกร การ์ดพยายามดึงตัวเค้าเอาไว้ แต่เค้าตะโกนอะไรบางอย่างออกมา ทำให้พิธีกรที่กำลังตกใจเล็กๆ ยิ้มออกมาทันที แล้วทำท่าโอเคบอกการ์ดคนนั้น

“หวัดดีครับคุณพ่อ…ท่านผู้ชมครับ คุณพ่อเลี้ยงของน้องเบสต์ครับ ท่านติดธุระมาเกือบไม่ทัน ตอนนี้ท่านเดินมางมาถึงแล้วครับ”…..เฮ้ย! นี่คือพ่อเลี้ยงของไอ้เบสต์เหรอเนี่ย….ทำไมหน้าตาดุจัง

ผมอดนึกถึงเรื่องที่ผมได้รู้จากไอ้กันและไอ้เบสต์ไม่ได้ ว่าพ่อเลี้ยงของมันไม่ชอบดุด่ามันอยู่เสมอ และบางครั้งก็ถึงกับลงไม้ลงมือกับมัน จนมันกลายเป็นเด็กมีปัญหาก่อนจะมารู้จักกับพวกผม……….แล้วพ่อเค้าจะมาที่นี่ทำไมกันวะ

กล้องอีกตัวตัดภาพไปยังใบหน้าไอ้เบสต์ที่กำลังเบิกตาโตมองไปยังพ่อเลี้ยงของมัน……ก่อนที่มันจะยกมือไหว้พ่อเลี้ยงจากบนเวที

“พ่ออยากจะพูดอะไรบางอย่าง…..กับเบสต์ครับ” คุณพ่อยื่นหน้าไปที่ไมค์ พิธีกรเลยเอาไมค์ยื่นให้พ่อเลี้ยงไอ้เบสต์พูดต่อ

“ถึงแม้พ่อจะไม่ใช่พ่อแท้ๆของเบสต์” พ่อพูดแล้วหยุดตั้งสติจ้องมองไปบนเวที

“และพ่อ……ก็ไม่ใช่พ่อที่ดี…..ของเบสต์เลยสักนิด”

พ่อพูดประโยคนี้ทำเอาทุกคนเงียบกริบ ไอ้นัยบีบมือผมแน่น…..เฮ้ย…..พ่อมันกำลังจะพูดอะไรวะนี่

“ตอนนี้…..พ่อรู้แล้ว ว่าเบสต์ทำให้พ่อภูมิใจอย่างมากมาย เพื่อนๆทุกคนในที่ทำงานพ่อต่างชื่นชมลูกให้พ่อฟังตั้งแต่ลูกได้เข้ามาประกวดในเวทีนี้” ดวงตาคุณพ่อไอ้เบสต์เริ่มสั่นระริก

“พ่ออยู่บ้านเดียวกับลูกแท้ๆ กลับมองข้ามสิ่งดีๆที่ลูกมี จนต้องให้คนอื่นมาเตือนให้พ่อได้รู้”

กล้องตัดภาพไปที่คุณแม่ไอ้เบสต์ ตอนนี้ท่านกำลังนั่งมองพ่อด้วยตาที่แดงก่ำ มีน้ำตาไหลพรากอาบลงมาที่สองแก้ม

“พ่อยากบอกเบสต์ว่า…….ทุกวีคที่แม่กับน้องมาเชียร์ลูกที่นี่…..พ่อ….ก็แอบเชียร์ลูกอยู่เงียบๆหน้าจอทีวีเหมือนกัน…..ทั้งๆที่พ่อยากมาเชียร์ด้วยที่นี่…..ใจจะขาด”

ไอ้เบสต์ยืนเม้มปากน้ำตาเอ่อทั้งสองข้าง ก่อนที่มันจะหยดลงมาและไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง

“เบสต์…….หากพ่อเคยทำอะไรไม่ดีกับลูก พ่อก็อยากขอโทษนะลูก”

พ่อเลี้ยงไอ้เบสต์พูดจบก็หลับตาลง น้ำตาเริ่มไหลออกมาเป็นสาย ผมรีบหันมองหน้าไอ้นัยแล้วยิ้มออกมาด้วยตาเต็มไปด้วยน้ำตาทั้งคู่

ไอ้เบสต์ยืนร้องไห้จนตัวสั่น จนเพื่อนนักร้องอีกสองคนต้องเดินเข้ามากอดคอไอ้เบสต์เอาไว้ และตอนนั้นเอง….ไอ้เบสต์ก็ปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น ผมกับไอ้นัยกอดกันร้องไห้อย่างห้ามไม่อยู่

“ให้อภัยพ่อด้วยนะ……เบสต์”

พ่อไอ้เบสต์บอกพร้อมจ้องมองไอ้เบสต์ทั้งน้ำตา ไอ้เบสต์พยักหน้าแล้วนั่งลงกราบพ่อลงไปที่พื้น…..เหมือนจะบอกว่า มันยกโทษให้พ่อเลี้ยงมันแล้ว

กล้องแพนไปทั่วทั้งฮอลล์ เกือบทุกคนถึงกับน้ำตาไหลตามไปด้วย ไม่เว้นแม้แต่คอมเม้นเตเตอร์ทั้งสามคน ที่พากันเช็ดน้ำตาออกจากแก้มด้วยความตื้นตันใจ

ผมยิ้มทั้งน้ำตามองดูจอทีวีอย่างดีใจ……นี่คือสิ่งดีๆที่ผมได้เห็นด้วยตาตัวเองพร้อมคนไทยทั้งประเทศ…..มันเกิดขึ้นกับเพื่อนรักคนนึงของผม

ผลของการแข่งขันจะเป็นยังไงผมคงไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว ไอ้เบสต์คงได้มากกว่าการชนะในการแข่งขัน……สิ่งดีๆที่เกิดขึ้นในวันนี้มันช่วยเติมพลังให้ผมได้ต่อสู้กับโลกที่วุ่นวายใบนี้ต่อไปได้อีกนาน

คืนนั้นผมนอนกอดไอ้นัยอย่างมีความสุข เพราะมันก็เป็นอีกหนึ่งในกำลังใจดีๆของผม ไม่ว่าอุปสรรคข้างหน้าจะมากมายเพียงไหน ผมก็จะสู้อย่างไม่ท้อ เพราะผมมีคนดีๆที่คอยให้กำลังใจผมมากมาย…..

ขอบคุณทุกๆคนนะครับ…..ขอบคุณมากๆ ผมจะไม่มีวันลืมพวกคุณเลยหากผม…….ยังมีลมหายใจอยู่