Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 618
Message ID: 12
#12, RE: +.+.+. ทุ่งกาม (กระทู้ 2) .+,+.+
Posted by Andrew on 12-May-14 at 10:21 PM
In response to message #11
นับถอยหลังตอนที่ 6

แต้วนั่งอยู่คนเดียวในครัว ข้างหน้าหล่อนมีกระบุงใส่สมุนไพรต่างๆที่แม่หล่อนซื้อหามาเตรียมไว้แต่ยังไม่ได้จัดแยกให้เป็นหมวดหมู่ หล่อนคุ้ยหาหัวไพลในกระบุงอย่างนึกหงุดหงิดใจ พืชสมุนไพรบางอย่างหน้าตาดูคล้ายกันไปหมดจนบางทีหล่อนก็สับสน โดยเฉพาะหัวไพลทีหน้าตาคล้ายขมิ้นจนหล่อนหยิบผิดหยิบถูก แต้วเลือกส่งๆมาได้หนึ่งอันก็เอามีดฝานแง่งไพลจนเห็นเนื้อในสีเหลืองกลิ่นหอมเย็น หล่อนดมๆดูคลับคล้ายคลับคลาว่าใช่ก็ฉวยติดมือเดินเข้าไปในห้องนอน



ทวนกำลังนอนซมอยู่บนฟูก.. ผมบนหัวกะรุ่งกะริ่งจนแต้วคิดว่าต้องโกนทิ้งให้เกลี้ยงจึงจะพอดูได้ ซ้ำยังคางโย้ไปข้างหนึ่ง ดูท่าคงจะเคี้ยวอะไรแข็งๆไม่ได้ไปอีกนาน แต้วทรุดตัวลงนั่งข้างผัว เอาหัวไพลที่หล่อนปอกฝานฝนที่คางทวนจนเหลืองอ๋อย ปากก็บ่นกระปอดกระแปด

“พี่ทวนไปทำอีท่าไหนถึงได้โดนพวกเด็กดมกาวมันรุมตีเอาได้เนี่ย ตัวโตซะเปล่า ไปแพ้ไอ้พวกขี้ยาได้ไง..”


“ก็มันมาตอนพี่เผลอนี่หว่า....อุ๊ย โอ๊ย!! เบาๆหน่อยสิแต้ว” ทวนทำเสียงออด เขาสะดุ้งโหยงเมื่อแต้วทิ่มหัวไพลไปที่รอยฟกช้ำบนใบหน้าเขาเต็มแรงจน เขาต้องเบือนหน้าหนี คิดแล้วยังเจ็บใจไม่หายที่มาพลาดท่าให้เด็กเมื่อวานซืนอย่างก้านกระทืบเอาแทบปางตาย แถมมันยังกล้อนผมเขาอีกด้วย

“ดีนะเนี่ยที่ไม่ได้เอาเงินเอาทองติดตัวไปมาก ไม่งั้นต้องมานั่งเจ็บใจเสียดายเงินอีก..”


ทวนถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขานอนเจ็บขนาดนี้แต้วยังอุตส่าห์มีแก่ใจห่วงเงินอีก หล่อนเอาไพลแต้มคางเขาจนเหลืองอ๋อย ปากก็บ่นพึมพำไปเรื่อย

“นี่ถ้าพี่ทวนนอนเจ็บหลายวันก็ต้องเสียเงินไปจ้างคนงานมาลงนาแทนอีก แล้วคนสมัยนี้ไว้ใจได้ที่ไหน จ้างแล้วก็ต้องมานั่งคอยคุมอีก”


ทวนได้แต่นอนละเหี่ยใจ.. เขาเจ็บขนาดนี้กลับต้องมานอนฟังเมียรักพร่ำบ่นถึงแต่ตัวเอง ส่วนไอ้ต๋องก็ได้แต่หนาวๆร้อนๆเก็บตัวอยู่ในห้อง เพราะกลัวก้านจะตามมาเอาเรื่อง ไม่โผล่มาดูแลเขาเลยแม้แต่น้อย

ตาเหงี่ยมโผล่หน้าเข้ามาในห้อง แกยืนคาอยู่ตรงประตู ตามองแต้วทายาให้ทวนแล้วก็ได้แต่นึกเวทนา หล่อนเอาหัวไพลทิ่มพรวดๆไปที่แผลดูแล้วน่าจะยิ่งทำให้ระบมมากกว่าเดิม ชายชราถอนใจยาว พูดเสียงเนิบๆ


“เบาๆหน่อยสิวะอีแต้ว ทิ่มแรงยังกะตำน้ำพริกแบบนั้นไอ้ทวนก็คางเบี้ยวกันพอดี แล้วเรื่องปากเรื่องคอน่ะเพลาๆลงบ้าง เอ็งนี่มันเหลือเกินจริงๆอีแต้ว ผัวนอนเจ็บอยู่ทั้งคนแทนที่จะเป็นห่วง เอาแต่บ่นเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่ได้..”


“เอ๊า! พ่อนี่! ฉันห่วงไร่ห่วงนาไม่ดีหรือยังไง”


“ถ้าห่วงเอ็งก็ลงไปช่วยไอ้ทวนมันดูแลบ้าง วันๆไม่เคยอยู่ติดบ้าน ไร่นาก็ไม่ลงไปทำ เช้ามาแต่งตัวเสร็จก็หายหัวไปไหนไม่รู้ กลับมาอีกก็มืดค่ำ แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าห่วงไร่ห่วงนา”


“วุ้ย! พ่อนี่ เอะอะๆอะไรก็มาลงที่ชั้น ทีไอ้สองตัวนั่นขี้เกียจจะตายไม่เห็นพ่อจะไปอะไรกะมันเลย เอาแต่เคี่ยวเข็ญให้ชั้นทำงานทำการอยู่ได้..” แต้วโบ้ยไปหาน้องชายฝาแฝด ทำหน้ากระฟัดกระเฟียด


ตาเหงี่ยมส่ายหัวอย่างเอือมระอา เวรกรรมอะไรของแกก็ไม่รู้ มีลูกกี่คนๆไม่เคยได้ดั่งใจ ลูกสาวคนโตก็เกียจคร้านสันหลังยาวไม่มีความเป็นแม่บ้านแม่เรือน ส่วนลูกชายฝาแฝดสองคนก็ไม่เป็นโล้เป็นพายวันๆดีแต่เที่ยวเล่น

ตาเหงี่ยมมองลูกเขยที่นอนแบ่บอยู่บนฟูก ยอมรับว่าทีแรกไม่ค่อยชอบใจนักที่แต้วเลือกทวนมาเป็นผัว คิดแต่ว่าลูกสาวตัวเองควรจะได้กับคนที่มีฐานะ มีหน้ามีตา ไม่ใช่เอาพร้าขัดหลังมาด้ามเดียวแบบทวน แต่พอนานไปตาเหงี่ยมก็ปลงตกและคิดได้ว่าอย่างแต้วหาผัวได้แบบทวนก็บุญโขแล้ว ค่าที่หล่อนเกียจคร้านเหลือกำลัง ไหนจะชอบฟุ้งเฟ้อแต่งตัวไม่ยอมทำงานทำการ หากได้ผัวดีแต้วคงถูกทิ้งให้เป็นแม่ร้างตั้งแต่หม้อข้าวยังไม่ทันดำ จะมีอย่างเดียวที่เฒ่าเหงี่ยมรู้สึกตะขิดตะขวงใจก็คือ พักหลังๆมานี้แต้วกับทวนดูจะห่างเหินเย็นชาต่อกัน ผิดกับต๋องและทวนที่ดูจะสนิทสนมกลมเกลียวกันเป็นพิเศษ บางคืนต๋องกับทวนหายออกไปด้วยกันดึกๆดื่นๆกว่าจะกลับก็ฟ้าสาง แกจะทักท้วงอะไรก็พูดไม่ได้เต็มปากเพราะไม่รู้ว่าทั้งคู่พากันไปทำอะไรมา ได้แต่เฝ้ามองอย่างกลัดกลุ้มใจ

ชายชรายืนดูลูกสาวประคบแผลให้ผัวอยู่ครู่ใหญ่ ก็พูดเสียงเนิบเนือย

“เออ อีแต้ว บ่ายนี้พ่อจะเข้าไปอำเภอไปซื้อผ้าให้แม่เอ็งเย็บปลอกหมอนถวายวัด เดี๋ยวเอ็งไปเป็นเพื่อนหน่อย พ่อเลือกผ้าไม่เป็น แล้วขากลับจะได้แวะซื้อยาให้ไอ้ทวนมันด้วย”


แต้วทำหน้ามุ่ย “ชั้นไปไม่ได้หรอก ตอนบ่ายชั้นมีธุระ! ทำไมพ่อไม่ไปกับแม่ล่ะ จะได้เลือกกันเอง ชั้นไม่ได้เป็นคนเย็บจะไปตรัสรู้ได้ไงว่าแม่จะเอาแบบไหน”

ได้ฟังลูกสาวพูดอย่างนั้นตาเหงียมก็นึกฉุน เอ็ดตะโรเสียงดัง

“แล้วมึงมีธุระปะปังอะไรนักหนาหืออีแต้ว? วันๆออกไปตะลอนๆนอกบ้านกว่าจะกลับก็มืดค่ำ อย่าให้รู้นะว่ามึงไปทำงามหน้าที่ไหน ไม่งั้นกูเอาเลือดหัวมึงออกแน่!”


“อ้าวพ่อ! มาพูดอย่างนี้กะชั้นต่อหน้าผัวได้ไง เกิดพี่ทวนเข้าใจชั้นผิดใครจะรับผิดชอบ พ่อนี่ก็พิลึกคน อยู่ๆมายุให้ผัวเมียทะเลาะกันซะได้”


แต้วเถียงฉอดๆ หน้าแดงก่ำอย่างคนกำลังโมโห ทวนนอนฟังเมียกับพ่อตาเถียงกันตาปริบๆ


“กูไม่ได้มายุแยง กูมาพูดให้พวกมึงสองคนคิด ถ้าพวกมึงสองคนยังตัวเปล่าเล่าเปลือยจะไปหัวหกก้นขวิดที่ไหนกูจะไม่ว่าสักคำ นี่ผัวไปทางเมียไปทางแบบนี้มันไม่งาม โดยเฉพาะมึงอีแต้ว! เกิดเบ่งลูกออกมาแล้วหน้าไม่เหมือนผัวตัวเองมึงจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน หือ..”

แต้วลุกพรวดเหมือนถูกจี้ใจดำ หล่อนยืนเท้าสะเอวต่อหน้าผู้เป็นพ่อ โกรธจนปากคอสั่นน้ำตาคลอ ตั้งแต่เล็กจนโตพ่อหล่อนก็ตามใจมาตลอด คำน้อยก็ไม่เคยว่าให้ช้ำใจ การที่หล่อนถูกด่าต่อหน้าผัวอย่างนี้ไม่ต่างอะไรกับถูกตบหน้าฉาดใหญ่ พอแต้วอ้าปากจะเถียงก็พอดีใครคนหนึ่งเดินโครมๆขึ้นเรือนมา


ตาเหงี่ยมถอยออกมาจากห้อง ไว้หน้าลูกสาวด้วยการเลิกตำหนิหล่อนต่อหน้าคนอื่น แกมองชายหนุ่มที่พึ่งเดินเข้ามาในบ้าน พอเดชเห็นเข้าก็รีบยกมือไหว้อย่างนอบน้อม


“มาเยี่ยมไอ้ทวนหรือ โน่น..นอนซมอยู่โน่นแน่ะ ท่าจะกินน้ำพริกไม่ได้หลายวัน”
แกออกปากทักเสียงแหบเครือตามประสาคนแก่ เดชค้อมหัวลงตอนเดินผ่านเฒ่าเหงี่ยมเข้าไปในห้อง แต่ร่างสูงใหญ่ของเขายังสูงท่วมหัวแกอยู่ดี ตาเหงี่ยมปลีกตัวออกไปเงียบๆให้เดชใช้เวลาเยี่ยมเยียนเพื่อนรักตามสบาย

เดชทรุดตัวลงนั่งข้างทวน ตามองสภาพเพื่อนรักอย่างนึกเวทนา ใครที่เล่นงานทวนจนเยินได้ขนาดนี้ต้องนับว่ามีฝีมือพอตัว เพราะทวนผ่านชีวิตวัยรุ่นมาอย่างโชกโชน มีเรื่องต่อยตีมานับครั้งไม่ถ้วนแต่ไม่เคยเจ็บหนักจนต้องนอนหยอดน้ำข้าวแบบนี้ ซ้ำทวนยังถูกกล้อนหัวประจาน เดชไม่คิดว่าจะเป็นฝีมือเด็กดมกาวตามที่ได้ยินมา เพราะถ้าจงใจหยามศักดิ์ศรีขนาดนี้เท่ากับประกาศตัวเป็นศัตรูอย่างจงใจ

แต้วมองหน้าเดช ยกมือไหว้อย่างเสียไม่ได้เพราะยังโกรธตาเหงี่ยมไม่หาย หล่อนพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้น
“พี่เดชมาก็ดีแล้ว ชั้นฝากดูพี่ทวนหน่อย พอดีชั้นมีธุระ เดี๋ยวมา..”


หล่อนพูดจบแล้วเดินโครมๆออกไปไม่รอคำตอบจากเดชให้เสียเวลา ทวนมองตามเมียรักตาปริบๆ ปรกติถ้าเดชมาหล่อนจะระริกระรี้ต้อนรับขับสู้เดชอย่างออกหน้าออกตา แต่ตอนนี้หล่อนกลับใช้ให้เฝ้าผัวที่นอนเจ็บให้เสียอย่างนั้น

เดชรอจนคล้อยหลังแต้ว ก่อนจะออกปากถามทวนในสิ่งที่เขาแคลงใจ

“ใครเป็นคนทำมึงวะ แล้วทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย มึงไปทำอะไรให้มัน..”


ทวนหลบตา ไม่แน่ใจว่าถ้าเขาตอบเดชไปตามตรง เดชจะเห็นใจหรือสมน้ำหน้า

“สองสามวันก่อนกูไปเอากับเด็กคนนึง แล้วผัวมันก็ตามมากระทืบกูที่เถียงนา บอกถ้ากูยังขืนไปยุ่งกับเมียมันอีกคราวนี้จะเอากูให้ถึงตาย..”


เดชหรี่ตา “แล้วเด็กที่มึงไปเย็ดมานี่ผู้หญิงผู้ชายวะ? อายุเท่าไหร่”


“ผู้ชายว่ะ อายุรุ่นราวคราวเดียวกับไอ้ต๋องนี่แหละ ผัวมันก็อายุพอๆกัน”


เดชขมวดคิ้วเข้ม เด็กอายุสิบหกซัดทวนเสียหมอบขนาดนี้แสดงว่าฝีมือไม่ใช่เล่นๆ เขาจ้องหน้าทวน ถามเสียงขรึมๆ


“แล้วมึงไปยุ่งกับของๆคนอื่นทำไมวะ? ไม่มีใครให้มึงเอาหรือไง?”


ทวนชะงัก รู้สึกตัวว่าพลั้งปากพูดอะไรไม่เข้าท่าออกไปเต็มๆ ถึงเดชจะเป็นหนุ่มนักรักจอมเสเพลแต่เขาไม่เคยยุ่งกับเมียคนอื่น ขนาดแต้วกับเดชเคยเอากันไม่รู้กี่รอบ แต่พอแต้วแต่งงานกับเขา เดชก็เลิกยุ่งเกี่ยวกับแต้วโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าหล่อนจะให้ท่าเขาขนาดไหนเดชก็ไม่ชายตาแล ทวนไม่คิดเดือดร้อนใจแม้แต่น้อยหากเดชกับแต้วจะเอากัน ดีไม่ดีเขาอยากจะเข้าไปร่วมวงด้วยซ้ำไป


“ก็กูไม่รู้นี่หว่า.. ไอ้เด็กนั่นมันตามไอ้ต๋องมากินเหล้ากะกูที่เถียงนา พอรู้ว่ากูกะไอ้ต๋องเคยเย็ดกันเท่านั้นแหละมันก็บอกว่าอยากลองบ้าง กูเลยเย็ดมันไปหนึ่งยก สงสัยผัวมันจับได้เลยตอแหลใส่ผัวว่าถูกกูหลอกพามามอมเหล้าที่เถียงนา ผัวมันเลยตามมาเอาเรื่องกับกู เหี้ยจริงๆ เมียตัวเองดอกทองมาให้กูเย็ดเสือกมากระทืบกู”


เดชเอามือจับคางด้วยสีหน้าครุ่นคิด “แล้วเด็กที่มากระทืบมึงชื่ออะไรวะ?”


“มันชื่อก้าน บ้านอยู่แถวท้ายวัด ถามไอ้ต๋องดูก็ได้” ทวนสบตากับเดชเพื่อขอความเห็นใจ เขาแค้นใจจนแทบกระอัก แต่ยังคิดหาวิธีอื่นมาจัดการกับก้านไม่ได้นอกจากยืมมือเดช

เดชมองหน้าทวนอย่างครุ่นคิด เป็นเมื่อก่อนเขาคงตามไปสั่งสอนไอ้เด็กนั่นถึงบ้านแล้วโทษฐานที่บังอาจมาทำร้ายเพื่อนรัก แต่ตอนนี้ใจเดชยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งในเรื่องที่ทวนเล่าให้ฟัง


ทวนมองหน้าเดช...เห็นอีกฝ่ายยังลังเลใจก็รีบยื่นข้อเสนอ


“ถ้ามึงช่วยล้างแคนให้กู กูจะช่วยมึงเรื่องไอ้โต้งแน่นอน..”


เดชเลียริมปากอย่างชั่งใจ เขาไม่ต้องการความช่วยเหลือจากทวนเรื่องโต้ง ครั้งนั้นครั้งเดียวก็เกินพอ เขาอยากให้โต้งยินยอมพร้อมใจด้วยตัวเองมากกว่า..


“กูขอคิดดูก่อน แล้วนี่งานบวชไอ้ด้วงมึงจะไปไหวหรือวะ..”


ทวนตาพราวเป็นประกาย ดูไม่เหมือนคนเจ็บแม้แต่น้อย “ไปสิวะ ยังไงกูก็จะพาไอ้โต้งไอ้ต๋องไปให้ได้ มึงเตรียมอะไรเด็ดๆไว้คอยแล้วกัน”

เดชเลิกคิ้วเข้ม ไม่แน่ใจว่าทวนหมายถึงอะไร แต่ถ้าทวนตั้งใจจะหาเรื่องเปลี่ยนที่เย็ดมากกว่าไปร่วมงานบวช เขาก็ไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่


“แล้วไอ้ด้วงมันเป็นไงบ้างวะ” ทวนถาม


“ก็ดี” เดชตอบเนือยๆ “มันเตรียมท่องคำขอบวช วัตรเช้าวัตรเย็นได้หมดแล้ว” เดชถอนใจยาวอย่างหนักใจ ตั้งแต่เขาอุตริพาด้วงไปขึ้นครูกับวรรณี ด้วงก็ดูจะหมกมุ่นกับเรื่องใต้สะดือขึ้นทุกวัน ภายนอกเขายังดูเป็นคนธรรมะธัมโมเหมือนเดิม ชอบไปทำบุญที่วัด หิ้วปิ่นโตไปถวายเพล แต่เผลอเป็นต้องแอบไปเย่อกับวรรณีแทบทุกบ่าย ซ้ำร้ายไปกว่านั้น บางคืนเดชนอนๆอยู่ก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะด้วงมานอนข้างๆแล้วเอามือลูบไล้ควยเขาเล่น โชคดีที่ไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่านั้น เดชคิดว่าน้องชายแค่หลงไหลได้ปลื้มดุ้นยักษ์ของเขามากกว่าจะคิดเป็นอื่น เลยหาโอกาสมานอนจับควยเล่นเพลินๆเท่านั้นเอง


เห็นเดชเงียบไปทวนก็โพล่งขึ้นมา “ถ้ากูหายดีแล้วกูว่าจะหาโอกาสไปบ้านมึงก่อนไอ้ด้วงจะบวชว่ะ ดูดควยสั่งลาให้มันสักหน่อย บวชเป็นพรรษาแบบนี้มันคงอดอยากเรื่องอย่างว่าไปนาน”


เดชมองทวนอย่างรังเกียจ เขาส่ายหัวน้อยๆอย่างเอือมระอา นอนเจ็บอยู่แท้ๆแต่ทวนยังไม่วายคิดเรื่องใต้สะดือ บางทีอย่างทวนอาจสมควรจะถูกกระทืบจริงๆ ชายหนุ่มขยับตัวลุก พูดสั้นๆ

“กูไปเยี่ยวก่อนนะ เดี๋ยวมา” เขาลุกเดินออกจากห้องเพราะคร้านจะคุยกับทวน พอพ้นจากประตู ชายหนุ่มก็ต้องเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อเห็นโต้งยืนกอดอกขวางอยู่กลางบ้านเหมือนกำลังคอยเขาอยู่นานแล้ว


เดชจำแววตาคู่นั้นได้ดี.... แม้ใครจะบอกว่าโต้งกับต๋องเหมือนกันอย่างกับแกะ
แต่สำหรับเขา..กลับแยกสองคนนี้ออกจากกันอย่างง่ายดาย..
โต้งมีแววตาบางอย่างที่ต๋องไม่อาจมีได้ มันเป็นแววตาของคนหัวรั้นเจ้าทิฐิ ไม่ยอมคน เหมือนม้าพยศที่เขาอยากจะปราบมันให้เชื่อง เดชอ้าปากจะทักแต่โต้งเอานิ้วชี้มาจุปากตัวเองเป็นสัญญาณให้เขาเงียบไว้ ก่อนจะเดินนำเขาไป


..ชายหนุ่มเดินตาม... เข้าใจว่าโต้งอยากไปให้พ้นบริเวณนั้นเพราะไม่อยากให้ทวนได้ยิน โต้งเดินนำเขาไปจนถึงชานหลังบ้าน เหลียวซ้ายแลขวาดูว่าปลอดคนจึงเริ่มบทสนทนา

“ผมได้ยินที่พี่กับพี่ทวนคุยกันหมดแล้ว..พี่เชื่อที่พี่ทวนพูดหรือ?”


เดชยักไหล่ “ก็ไม่เชิง”


“แล้วพี่จะไปล้างแค้นให้พี่ทวนหรือเปล่า”


เดชกรอกตา บางทีเรื่องนี้อาจมีอะไรซับซ้อนมากกว่าที่เขาคิด


“ทำไม เอ็งมีอะไรหรือเปล่า..”


“พี่จะคิดยังไงก็ช่าง แต่พี่ทวนสมควรถูกกระทืบแล้ว พี่ทวนกับไอ้ต๋องเป็นคนก่อเรื่องทั้งหมด หลอกเพื่อนผมไปมอมเหล้า เพื่อนผมไม่เล่นด้วยมันก็ใช้กำลัง แถมยังมัดเพื่อนผมไว้กลางเถียงนาเกือบข้ามคืน ตอนนี้เพื่อนผมยังนอนป่วยลุกไม่ขึ้นเลย”

โต้งพูดอย่างเหลืออด จากที่เคยชอบทวน ไม่นึกเลยว่าจะเปลี่ยนมาเป็นชิงชังได้ขนาดนี้ เขาสบตากับเดชเหมือนกำลังวัดใจ

..หากเดชเลือกจะเชื่อทวนซึ่งเป็นเพื่อนรักกันมานาน ก็เท่ากับว่าเดชและเขาอยู่คนละข้างกัน

เดชทำสีหน้ายุ่งยากใจ คิ้วเข้มขมวดหากันจนเป็นร่องลึก อันที่จริงปัญหาของทวนไม่ใช่ปัญหาของเขา ที่เขามาครั้งนี้ใจจริงอยากมาคุยกับไอ้โต้งมากกว่ามาเยี่ยมทวนด้วยซ้ำไป แต่เดชกังวลใจว่าถ้าเขาไม่ทำตามที่ทวนขอร้อง ทวนอาจจะยิ่งแค้นใจจนคิดบ้าบิ่นลุกขึ้นมาทำอะไรที่ใครคาดไม่ถึงก็ได้


เดชหรี่ตา..ชั่งใจอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะพูดกับโต้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง


“ตกลง พี่จะไม่ไปล้างแค้นให้ไอ้ทวนตามที่เอ็งขอร้อง..ส่วนเรื่องไอ้ทวนสบายใจได้ พี่จะไม่ให้มันไปวอแวกับเพื่อนเอ็งอีก”


โต้งถอนหายใจอย่างโล่งอก หมดธุระแล้วเขาก็จะเดินเข้าบ้านทว่าเดชรั้งข้อศอกเขาไว้ก่อน..


“เดี๋ยว เอ็งจะคุยกับพี่แค่นี้หรือไง?”


“แล้วพี่มีอะไรอีกหรือเปล่าล่ะ..”


“ก็..ไม่เจอกันตั้งนาน เอ็งสบายดีหรือ?”


“ก็ดี” โต้งตอบเพียงสั้นๆ


“แล้ว..จะไปงานบวชน้องชายพี่ไหม?”


“ยังไม่รู้เหมือนกัน”


เดชเลิกคิ้ว หลังจากได้พูดในสิ่งที่ต้องการแล้วโต้งก็ดูจะถามคำตอบคำ

“ไม่อยากเจอหน้าพี่เหรอ?”

โต้งหน้าแดง เขาแสร้งมองออกไปนอกชาน อยู่ๆ..ก็ใจเต้นตึกตักขึ้นมาเฉยๆ..เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอยากเจอหน้าเดชหรือเปล่า รู้เพียงแค่ได้ยินข่าวว่าเดชจะมา เขาก็ใจเต้นแรง..

เดชเคลื่อนตัวเข้าหาเขาอย่างนุ่มนวล ...จู่โจม..แต่ไม่คุกคาม..


“นับจากคืนนั้น...เอ็งไม่คิดถึงพี่บ้างหรือไง..”

โต้งก้มหน้างุด ร้อนผ่าวไปถึงหู นึกไม่ออกว่าควรจะตอบเดชอย่างไรดี ใช่ว่าเขาจะลืมประสบการณ์กับเดชที่เถียงนา เดชเปลี่ยนความโกรธแค้นหวาดกลัวในตอนแรกให้กลายเป็นความสุขเสียวตื่นเต้นอย่างง่ายดายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ หากแต่เขาไม่ไว้ใจในตัวเดช.. เขาไม่อยากไปรักไปชอบคนสำส่อนเอากับใครไม่เลือกหน้าอีกแล้ว ครั้งเดียวกับทวนก็เกินพอ..

โต้งกัดริมฝีปาก พยายามข่มใจทีกำลังเต้นไม่เป็นส่ำ เขาก้มหน้ามองพื้น รู้สึกได้ว่าร่างสูงใหญ่กำลังยืนค้ำหัวเขาอยู่ เขาจำได้ดีว่าเดชแข็งแรงขนาดไหน จำได้ว่าเดชอุ้มเขาจนตัวลอยอย่างง่ายดายไม่ต่างอะไรกับอุ้มลูกแมว โต้งตัวสั่นงันงกเมื่อเดชวางอุ้งมือหนาหนักลงบนไหล่ อุ้งมือนั้นทั้งแข็งแรงทั้งอบอุ่น เดชเลื่อนไล้ฝ่ามือจากหัวไหล่มาวางที่ต้นคอเนียนๆ เขาเอาหัวแม่มือหมุนคลึงปลายคางโต้งเล่น เหมือนกำลังยั่วเย้าลูกแมวตัวน้อย โต้งรู้สึกตัวร้อนผ่าว อุ้งมือหยาบใหญ่นั้นแข็งแรงพอจะหักคอเขาได้ง่ายๆ แต่เมื่อเดชสัมผัสเขาอย่างนุ่มนวลมันกลับสะกดให้เขาเคลิบเคลิ้มอย่างง่ายดาย..

เด็กหนุ่มตัวสั่นเทา..ใช่ว่าเขาจะไม่เคลิ้มกับสัมผัสนุ่มนวล แต่เขาไม่อยากเจ็บอีกซ้ำสอง โต้งเบี่ยงตัวออกห่างเดช เขาเงยหน้าขึ้นสู้สายตากับเดช ไม่ยอมหลบตาเหมือนที่ผ่านมา


“พี่ทำแบบนี้กับผมทำไม..”


เดชเลิกคิ้ว จ้องลึกเข้าไปในดวงตาดำขลับอย่างค้นหา “พี่ชอบเอ็งไง ไม่เข้าใจหรือ..”

“แล้วพี่ต่างจากพี่ทวนตรงไหน? เอากับใครก็ได้ไม่เลือกหน้า พี่จะเสียเวลามาถึงนี่ทำไม อยู่ที่หมู่บ้านพี่ก็มีใครให้เอาเยอะแยะ”


“มันไม่เหมือนกัน..” เดชแย้งเสียงนุ่ม อารมณ์เงี่ยนหดหายเหลือแต่ความสับสนงุนงง ทำไมโต้งถึงได้ใจแข็งอย่างนี้นะ

“ไม่เหมือนตรงไหน ไอ้ต๋องไง หน้าเหมือนผม ไปเอากะมันสิ มันอยากเอากะพี่จะแย่อยู่แล้ว..”


“ถ้าเอ็งยังโกรธพี่อยู่ พี่ขอโทษ..” เดชทำเสียงงอนง้อ เขาไม่เคยทำแบบนี้กับใครมาก่อน คนอื่นๆเป็นฝ่ายต้องยอมอ่อนข้อให้เขาด้วยซ้ำไป


“ขอโทษทำไม... พี่ไม่ได้ทำอะไรผิด เราไม่ได้เกี่ยวกันอยู่แล้ว...พี่อยากเอากับใครก็เอาไปสิ..อย่างพี่ก็เอาใครไม่เลือกอยู่แล้วนี่”


โต้งประชดแล้วเดินตึงๆเข้าบ้านไป ทิ้งให้เดชมองตามหลังด้วยความรู้สึกหลายอย่างระคนกัน ที่ผ่านๆมา เขารู้ดีว่าคนที่เขาคบหาต่างไม่พอใจที่เขาทำตัวเสเพลเอากับใครไม่เลือกหน้า แต่ไม่มีใครออกปากเพราะกลัวเขาจะรำคาญใจจนถูกเขี่ยทิ้ง นี่เป็นครั้งแรกทีเขาเป็นฝ่ายตามงอนง้อแล้วถูกด่าตอกหน้ากลับมา

โต้งกลับเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง ขมวดคิ้วเมื่อเห็นน้องชายฝาแฝดนอนเขลงอ่านการ์ตูนเล่นอยู่บนฟูกไม่ยอมทำอะไร เขา ถามห้วนๆอย่างนึกรำคาญใจ

“วันนี้ใจคอมึงจะไม่ออกจากห้องไปไหนหรือไง พ่อใช้ไปตลาดก็ไม่ไป ให้กูเดินอยู่คนเดียวทั้งวัน”

“ไม่เอาหรอก กูไม่อยากเสี่ยงเจอตีนไอ้ก้าน ขนาดพี่ทวนมันยังล่อซะน่วมเลย..”


โต้งถอนใจ แม้เขาจะรังเกียจสิ่งที่ต๋องและทวนทำ แต่ยังไงต๋องก็เป็นน้องชายฝาแฝดของเขา เขาไม่อยากเห็นต๋องถูกกระทืบเหมือนกัน


“งั้นมึงก็ไปขอโทษไอ้ชัยกับไอ้ยอดสิวะ กูจะไปพูดกับไอ้ก้านให้ มันไม่ทำมึงหรอก แต่ถ้ามึงไม่ไปขอโทษ ถึงกูพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะไอ้ก้านมันคงคิดว่ามึงไม่สำนึกผิดอยู่ดี..”


“ทำไมต้องขอโทษ กูไม่ได้ทำอะไรผิด..” ต๋องเถียงอย่างดื้อดึง..


“ไม่ผิดยังไงวะ มึงหลอกไอ้ยอดให้พาไอ้ชัยไปที่เถียงนา ถ้าไม่เพราะมึง ไอ้ชัยก็ไม่โดนพี่ทวนข่มขืนหรอก..”


“มึงเลิกเทศนากูได้แล้ว กะอีแค่โดนเย็ดไอ้ชัยมันไม่ตายหรอก ทีมันยังแกล้งคนอื่นแรงๆกว่านี้เลย”


ต๋องเถียงคอเป็นเอ็น เขาเองก็เคยโดนชัยแกล้งพิเรนท์ๆมาไม่น้อยเหมือนกัน


“มันไม่เหมือนกันเว้ย ไอ้ชัยมันไม่ได้ชอบผู้ชายเหมือนเรา มึงเข้าใจไหม มึงทำแบบนั้นเท่ากับช่วยให้พี่ทวนข่มขืนไอ้ชัย มึงลองไปคิดดูเอาเองแล้วกัน..”


ต๋องสะบัดหน้าหนี ใช่ว่าเขาจะไม่รู้สึกผิด ทว่าทิฐิในใจมันมากกว่า
โต้งเห็นท่าทีของต๋องแล้วก็อ่อนใจ ป่วยการจะพูด ต๋องเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ต่อให้ทำผิดก็หาข้อมาแก้ตัวให้ตัวเองได้เสมอ แม้จะเป็นเหตุผลข้างๆคูๆก็ตาม แต่บทจะคิดได้ต๋องก็เกิดสำนึกผิดขึ้นมาเอง


โต้งถอนใจยาว ตั้งใจจะทิ้งต๋องให้อยู่คนเดียวสักพัก แต่พอเขาจะเดินออกจากห้อต๋องก็เรียกไว้เสียก่อน


“เดี๋ยว..วันนี้พี่เดชจะค้างบ้านเราไหม?”


“ค้างทำไม?” โต้งย้อนถาม มองไม่เห็นเหตุผลอะไรที่เดชจะนอนค้างที่นี่..

“มึงแกล้งโง่หรือเปล่าเนี่ย ถ้าพี่เดชค้างที่นี่จะได้ทำอะไรสนุกๆกันไง พี่เดชเขาชอบมึงนะ กูดูออก ถ้ามึงชวนเขาต้องนอนค้างคืนที่นี่แน่ๆ ให้มานอนห้องเราก็ได้”


โต้งจ้องหน้าน้องชายฝาแฝดอย่างเอือมระอา “เรื่องเก่ายังไม่จบเลยนี่มึงยังจะหาเรื่องใหม่อีกเหรอ?”


“หาเรื่องอะไร? พี่เดชเขาเต็มใจจะเอากับเรา ไม่เหมือนไอ้ชัย มึงอย่ามาทำมากเรื่องหน่อยเลย..”

“ถ้างั้นมึงก็ชวนเองแล้วกัน กูไม่ยุ่งกับมึงด้วยแล้ว กูเบื่อ!” โต้งโพล่งออกมาอย่างเหลืออด เขาเหวี่ยงประตูปิดใส่หน้าต๋องดังโครมก่อนจะเดินไปจากห้องอย่างเดือดดาล..