Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 656
Message ID: 25
#25, RE: เธอทำให้ฉันรู้และเข้าใจคำว่าสองเรา ไม่ว่าจะร้อนจะหนาวก็ไม่กลัว
Posted by x on 17-Nov-14 at 11:00 AM
In response to message #24
โลกของผมกลับมาเป็นสีชมพูอีกครั้ง นึกว่าโลกจะแตกซะละ กะอีแค่แหวนวงเดียว ทำยังกับLord Of The Ring. โอ๋ก็เดินจูงมือผมตลอด(ให้มันน้อยๆหน่อยได้ป่ะ)แต่ผมถือว่าผมมีความผิดอยู่ เลยไม่กล้าไรมาก แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกผมก็เดินจูงมือเพื่อนๆคนอื่นประจำอยู่ละ คนที่ใต้ตึกคงชินกับภาพนั้นไปละ ชีวิตวัยรุ่นนักศึกษาใน กทม.มันก็ดีอย่างนี้นี่เอง อยากเที่ยว อยากกิน อยากทำไรก็ได้ทำ ถ้าเรียนที่ ตจว ผมก็คงไม่พ้นที่แม่ต้องมารับส่ง เช้าเย็น แล้วก็ไม่รู้ว่าความรักแบบแฟนเป็นไง ซึ่งผมเอาไปอวดเพื่อนเก่าในMSNก็มีแต่คนฮือฮา 555 แต่ส่วนใหญ่ก็จะถามว่าเป็นเห้ย!เกย์จริงหรอ แฟนมึงหล่อดีว่ะ เสียดายของว่ะ อะไรทำนองนี้ ซึ่งตอนนั้นผมรู้สึกว่าผมเท่ห์สุดๆ ภูมิใจตัวเองสุดๆ เพราะหลังจากนั้นเพื่อนผมบางคนก็เริ่มออกมายอมรับว่าตัวเองก็เป็นมั่ง เหมือนผมเป็นคนนำเทรนใหม่ๆมาให้เพื่อน ถ้าคุณคิดไม่ออกว่ามันจะฮือฮาแค่ไหน ก็คงจะเหมือนเอาเรื่องแบบนี้ไปคุยกับพระ เพราะเพื่อนผมบางคนยังชักว่าวไม่เป็นด้วยซ้ำ ยิ่งการมีแฟนผู้ชายด้วยละ(แม้ผมจะคิดไว้อยู่แล้วว่าในรุ่นมันคงไม่ได้มีผมเป็นเกย์แค่คนเดียวหรอก แต่ในสังคมเด็กเรียนมันก็เป็นแบบนี้จริงๆ พ่อแม่มารับมาส่ง เสาร์อาทิตย์ก็ไปกวดวิชา จะดูหนังซักเรื่องพ่อแม่ต้องโทรคุยปรึกษากันก่อน ปิดเทอมก็ส่งตัวเข้ามาติวเข้มใน กทม เพราะกลัวจะสู้เด็ก กทม รึ ตจว อื่นๆไม่ได้ การได้เดินสยามของผมและเพื่อนจึงเป็นเรื่องที่ตื่นเต้นสุดๆของผมกับเพื่อนมัธยมตจว)

ผมก็เอนท์ติดนะ ติดหมอ มหาลัยใกล้บ้าน แต่ผมก็สละสิทธิ์ไป ซึ่งแค่นั้นก็ทำให้ที่บ้านผมพอใจแล้วหละอย่างน้อยที่บ้านก็สามารถอวดลูกชายตัวเองได้ แต่ผมก็มีข้ออ้างว่าผมคงทำงานประเภทนั้นไม่ได้หรอกเพราะดูจากญาติคนอื่นๆที่เป็นหมอ ทำงานหนักกว่ากรรมกรอีก ส่วนผมเองแค่เรียนให้จบๆ สุดท้ายก็ต้องมาสานต่อกิจการของที่บ้านอยู่ดี ก็เลยเลือกมหาลัยที่มันไกลบ้านหน่อย ดูดีมีระดับหน่อย ที่สำคัญคือไกลหูไกลตาพ่อแม่หน่อย แต่จะให้ไปเรียน ตปท จริงๆผมก็ไม่เอาเพราะเข็ดแล้ว เคยไปเรียนที่เมกา โอไฮโออยู่ได้เทอมนึง ร้องไห้ทุกวัน อยู่กะโฮสต์ที่โหดร้ายกว่าอยู่ที่บ้านอีก ต้องไปรับไปส่ง อาหารเช้าที่น่าเบื่อ อาหารเที่ยงที่มีแต่เบอเกอร์ พิซซ่า ที่ต้องซื้อซอสมะเขือเทศเพิ่ม หรูขึ้นมาหน่อยก็เป็นซูชิ ดินเนอร์ที่กินแบบต้องมีลิมิต ออกไปเดินเล่นนอกบ้านก็ไม่ได้ เพราะแต่ละซอยก็มีแต่พวกผิวดำติดยาคุมซอย ชีวิตที่นั่นเลยเหมือนกับการส่งผมไปติดคุกดีๆนี่เอง และที่ทรมานสุดคือการใช้น้ำแบบที่ต้องประหยัดมากๆ ถ้าแค่ฉี่นี่ห้ามกดชักโคก ผมเลยมองว่า ทำไมหลายๆคนถึงอยากมาใช้ชีวิตที่เมืองนอกกันจัง อยู่เมืองไทยมีของอร่อยๆ อยากใช้น้ำแค่ไหนก็ได้ ซึ่งผมก็ทนอยู่ได้เทอมเดียว เพราะถ้าอยู่ต่อไปผมต้องเด็กทีมีปัญหาทางจิต กลายเป็นเด็กเก็บกด เป็นโรคเครียด ซึมเศร้า กล้ามเนื้ออ่อนแรง แล้วก็ตายก่อนอายุ 18 แน่ๆ

ผมบ่นไรไปเยอะแยะเลย 555 พอดีเพิ่งด่าลูกน้องมาเมื่อตะกี้ มาเข้าเรื่องเราต่อละกัน
พวกผมก็ไปโยนโบล์ คาราโอเกะกัน ซึงถ้าผมเผลอทีไรโอ๋ก็จะแอบหอมแก้มผมบ่อยๆ ถ้ามีนุษย์ป้าอยู่แถวนั้นคงโดนด่ากระเจิงอัดคลิปประจานไปละ555 ซึ่งผมก็บอกโอ๋นะว่าอย่าทำบ่อยๆ แรกๆมันก็ดีอยู่หรอก แต่บ่อยๆไป มันเริ่มเอียน รึผมหงุดหงิดเพราะโยนล้างท่อตลอดก็ไม่รู้ สู้ใครไม่ได้เลย แต่ร้องคาราโอเกะนี่ผมสู้ตาย แล้วก็เป็นความรู้ใหม่ว่าถ้าไม่อยากเมาง่ายๆ เราต้องกินให้เมาก่อนให้อ๊วกไปเลยยิ่งดี พอสร่างเมาแล้วมากินอีกที กินไงก็ไม่เมา(อันนี้ผมคิดเอาเองนะ แต่มันได้ผลจริงๆ)

ชีวิตของผมทุกวันก็เลยมีแต่ความสุข มีเพื่อน มีแฟน puppy love ถึงเล้งจะโทรมาหาบ่อยๆ ผมก็รับบ้างไม่รับบ้าง(ซึ่งมันจะมีผลกระทบตามมาอย่างใหญ่ อีกล่ะ) ถึงจะเจอหน้ากันทีไรโอ๋ก็จะจูงมือ รึทำตัวให้รู้ว่าเป็นเจ้าของ ให้อีกฝ่ายเห็นอย่างชัดเจน แต่อีกฝ่ายก็ดูจะไม่ลดความพยายามลงแม้แต่น้อย ผมก็ได้แต่หวังว่าอีกฝ่ายคงจะเบื่อ เหนื่อย ท้อแล้วเลิกไปเองในซักวัน