Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 661
Message ID: 151
#151, RE: เรื่องแต่ง กลกามรักfuck พี่น้องสุด hot
Posted by มดตะนอย on 21-Jul-15 at 07:32 PM
In response to message #150
ชายชราที่นั่งห้อยขาอยู่บนเรือประมงกลางทะเลมองด้วยความทึ่งไปยังเรือลำมหึมาหรูระยิบที่ขับเคลื่อนตัวแทรกผ่านผิวน้ำอย่างสง่างามจนเรือลำเล็กของแกถึงกับโคลงเคลงตามแรงกระแทกของม้วนเกลียวคลื่นจากเรือใหญ่ที่เข้ามาปะทะเป็นระลอก ๆ

ณ ห้องเล็กๆ ห้องหนึ่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายในพโยมยานนาวา นักเรียนหนุ่มผู้เคราะร้ายกำลังฟื้นคืนสติและเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริงอันโหดร้าย

“ เฮ้ย ! แม่งตื่นแล้วว่ะ ดูดิ “

“ เอ่อ จริงด้วย ตาแม่งสวยชิบหาย จมูกก็โด่ง ผิวก็ขาวเนียน สมคำร่ำลือจริงๆ ว่าเป็นของที่ดีที่สุดเท่าที่มีการประมูลกันมา ”

“ จุ๊จุ๊ เงียบๆ กันหน่อยสิ พวกมึง ดูท่ามันยังเพลียอยู่มาก ให้เวลามันตั้งตัวหน่อย ” เสียงปรามๆ พวกพ้องที่รายล้อมอยู่.....ส่อแววเจือด้วยความสงสารเห็นอกเห็นใจคนที่เพิ่งฟื้นตัว

“ แหม ใจดีกับเด็กใหม่จังเลยนะครับ พี่ฮัท ทีกับพวกผมไม่เห็นจะใจดีแบบนี้บ้างเลย ”

“ เฮ้ย ก้อมันไม่เหมือนกันนี่หว่า มึงอย่าลืมว่า เด็กคนนี้เค้าไม่ได้เต็มใจมาเหมือนพวกมึง ก็รู้ๆ กันอยู่ แล้วท่าทางก็บอบช้ำมาพอสมควร ” สายตาที่อ่อนโยนของเจ้าของเสียงมองไปตามเนื้อตัวของเด็กหนุ่มที่ยังมีร่องรอยความบอบช้ำจากการทุบตีจนเป็นผื่นแดงจ้ำๆ

เสียงเอะอะหนวกหูรอบตัวเงียบลงเมื่อคนที่ทุกคนพูดถึงได้ยันตัวขึ้นนั่ง สายตาที่เต็มไปด้วยคำถามกราดมองไปรอบๆ ตัว นี่มันที่ไหน แล้วไอ้พวกเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่ยืนล้อมรอบอยู่พวกนี้เป็นใคร แล้ว......... โอ๊ย นี่มันอะไรกันนักกันหนาว่ะ

ไอ้พีร์ลุกขึ้นนั่งบนขอบเตียงพลางเอามือกุมหัวที่รู้สึกปวดมึนตึบจนแทบระเบิดออกมาเป็นเสี่ยง ๆ

“ ไหวมั้ยเรา เอานี่ ดื่มน้ำก่อนจะได้สดชื่น หายงัวเงีย ”

ไอ้พีร์เหลือบมองแก้วน้ำใสที่ถูกหยิบยื่นมาตรงหน้าด้วยความลังเลใจชั่วครู่

“ ดื่มเถอะ ไม่ได้ผสมอะไรลงไปหรอก วางใจเถอะ เราเป็นพวกเดียวกันนะ ”

อาจเป็นเพราะเหนื่อยเกินกว่าที่จะคิดอะไรอีกผสมกับความกระหายจนลำคอแห้งผาก มันจึงเอื้อมมือไปรับแก้วน้ำแล้วยกขึ้นดื่มอั๊กๆ พรวดเดียวจนหมดแก้ว

“ หึหึ ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็จุกหรอก เอาอีกแก้วไหมแต่ค่อยๆ ดื่มนะ “

ไอ้พีร์ส่ายหน้าปฏิเสธความหวังดีแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาหนุ่มวัยรุ่นหน้าใสที่ยืนค้ำหัวอยู่ แม้จะยังอยู่ในวัยเยาว์....แต่มีอะไรบางอย่างในตัวเด็กหนุ่มคนนี้ที่บ่งบอกถึงความเป็นผู้นำและความพึ่งพาได้

อารมณ์ทั้งรำคาญทั้งฉุนเริ่งพุ่งขึ้นมาเป็นริ้วๆ จากสายตาอยากรู้อยากเห็นของกลุ่มเด็กหนุ่มที่น่าจะมีประมาณอย่างต่ำร่วมสิบคนที่ห้อมล้อมมันอยู่

“ นี่มันที่ไหน แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับผม.......”

แล้วคำตอบก็หลั่งไหลออกมาจากปากของเด็กหนุ่มหน้าใสที่ดูเหมือนจะเป็นหัวโจกของกลุ่มเด้กหนุ่มแปลกหน้าพวกนี้

“ พีร์ ฟังให้ดีๆ นะ ตอนนี้ พีร์กำลังอยู่บนเรือสำราญชื่อ แกนนีมีด มันเป็น....”

“ หา ว่าอะไรนะ ตอนนี้ผมอยู่บนเรือ.... ชิบหายแล้ว ”

ไอ้พีร์ใจหายวาบและความง่วงงุนหายเป็นปลิดทิ้งหลังจากได้ยินประโยคที่เหมือนกับหลุดมาอีกโลกหนึ่ง ทุกคนที่ล้อมอยู่ต่างหลีกให้เด็กหนุ่มที่ ผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและตรงดิ่งไปที่หน้าต่างทรงกลม

ดวงตาของไอ้พีร์เบิ่งกว้างเมื่อมองลอดออกไปภายนอกหน้าต่างและเห็นแต่ผืนน้ำทะเลสีฟ้าครามกว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุดตัดกับขอบฟ้าสีขาวนวล

เรือนร่างของมันสั่นสะท้านราวกับถูกฆ้อนขนาดยักษ์ทุบเข้าที่หัวก่อนที่จะทรุดตัวลงกองอยู่ที่พื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง

“ อืมม์ อาการหนักแหะ จะรับไหวมั้ยเนี่ย ”

ไอ้พีร์หันขวับกลับไปมองต้นเสียงด้วยดวงตาแดงกล่ำก็พบสายตายียวนของหนุ่มหน้าคมมองสวนกลับมา

และอีกครั้งที่ผู้นำกลุ่มเข้าช่วยกอบกู้สถานการณ์ตึงเครียด

“ เฮ้ย ไม่เอาน่า ไอ้ปั่นจั่น อย่าไปพูดแบบนั้นดิ น้องเค้ายิ่งใจเสียอยู่ ไอ้เหี้ยนี่ ”

“ อ๊ะโอ๋ เอาโอ๋กันเข้าไป ท้ายสุดก็....... ”

“ พอเถอะวะ ไอ้ปั่นจั่น เท่านี้ มึงก็ทำให้บรรยากาศมาคุพอแล้ว ชีวิตพวกเรายังไม่บัดซบพออีกเหรอวะ ”

เจ้าฮัทมองเจ้าแทคหนุ่มน้อยหน้าตากรุ่มกริ่มที่เรือนร่างกำยำเต็มไปด้วยรอยสักอย่างขอบคุณ นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่รู้จักกันมาที่รู้สึกว่า คำพูดดีๆ ก็หลุดออกมาจากปากของเพื่อนสนิทได้เหมือนกัน

เมื่อเห็นว่าตัวเองหัวเดียวกระเทียมลีบ หนุ่มซ่าอย่างปั่นจั่นจึงจำเป็นต้องเงียบแต่ไม่วายส่งสายตาหมั่นไส้กึ่งริษยาไปหาเด็กหนุ่มหน้าใหม่

หึ เพิ่งจะมาได้ไม่ทันไร ก็เนื้อหอมเชียว แล้วทำไมทุกคนต้องปกป้องมันนักหนาว่ะ โธ่เอ๋ย เดี๋ยวก็รู้ว่าใครหมู่ใครจ่า ที่นี่คนที่เข็มแข็งที่สุดเท่านั้นที่จะเป็นผู้อยู่รอดโว๊ย นั่นก็คือกูเท่านั้น !

มันทำเสียงจี๊จ๊ะขัดใจอยู่ในลำคอ มองร่างที่คุกเข่าอยู่ที่พื้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไป

พอตัวป่วนลับตาไป บรรยากาศของห้องก็ดูผ่อนคลายลงขึ้นมาทันที และเจ้าฮัท หนุมอัธยาศัยดีก็ทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน

“ อย่าไปสนอะไรกับเจ้าปั่นจั่นนี่เลย พีร์ มันก็เป็นแบบนี้แหละ จริงๆ มันก็เป็นคนดีคนหนึ่งแหละนะ ไม่มีอะไรหรอก เชื่อสิ ”

เสียงอื้ออึงจากทุกคนในห้องดังขึ้นประสานกันทันทีที่ประโยคนั้นจบลง ไม่เชื่อออออออออออออออ

เจ้าฮัทมองไปรอบๆ ก่อนจะค้อนให้วงใหญ่

“ เอ่อ จริงสิ พีร์ ทานอะไรมายัง หิวไหม เดี๋ยวจะพาไปห้องครัว อาหารที่นี่อร่อยมากนะ ไม่แพ้ภัตตาคารดังๆ เลยทีเดียว ”

ไอ้พีร์มองเจ้าฮัทด้วยสายตาขอบคุณก่อนเอ่ยปฏิเสธเสียงเบาๆ “ ขอบคุณมากครับ แต่ผมยังไม่หิว มันตื้อไปหมด ”

“ งั้นก็ไม่เป็นไร ถ้าต้องการอะไรก็บอกแล้วกัน จะช่วยเท่าที่ช่วยได้ อ้อ นี่ ยังไม่รู้จักพวกฉันเลยใช่ไหม งั้นจะแนะนำรายตัวนะ เริ่มจาก...... ”

หนุ่มน้อยผิวคล้ำหน้าตาคมเข้มจมูกโด่งเป็นสันยกมือขึ้นตะเบ๊ะพร้อมกับยิ้มแย้มโชว์ฟันขาวสวยเป็นระเบียบบ่งบอกถึงความเป็นหนุ่มอารมณ์ดี

“ สวัสดีคร๊าบบบบ ผม..... น.ล.ท.ส. อาโปยินดีที่ได้รู้จักคร๊าบบบบ ”

“ ตัวย่ออะไรของมึงว่ะ น.ล.ท.ส. เนี่ย ” เสียงเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มถามออกมาอย่างอดไม่ได้

“ อ๋อ ย่อมาจากหนุ่มหล่อที่สุดไงคับ ”

ทุกคนประสานเสียงพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ถุยยยยยยยยยย

เจ้าฮัทผายมือไปที่สามหนุ่มที่ยืนรวมกลุ่มที่มุมหนึ่งของห้อง ความหล่อเหลา หุ่นบึ๊กแน่น และส่วนสูงของทั้งสามหนุ่มข่มกันไม่ลงทีเดียว

“ นั่น เจ้าต๋อง เจ้าก๊อต และเจ้าธัน สามหนุ่มสามมุมแห่งเรือแกนนีมีด ”

“ ไอ้ฮัท มึงอย่าพูดถึงชื่อเรือได้ไหมวะ ได้ยินทุกครั้ง กูอยากจะอ๊วก
แม่ง เรือตุ๊ด ส่วนพวกเราแม่งก็แค่........... ” เสียงเจ้าธันดังแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงประชดประชันในชะตาชีวิต

“ เอ่อ พอเถอะน่า แค่นี้ ชีวิตก็เครียดมากพอแล้ว อย่าไปคิดมากเลยว่ะ อย่างน้อยพวกมึงก็เต็มใจขึ้นมาเรือลำนี้เองไม่ใช่เรอะว่ะ ไม่มีใครบังคับสักหน่อยนี่ ”

“ ไอ้ฮัท มึงคิดจริงๆ เหรอว่า พวกกูเต็มใจขึ้นมา นี่เพราะไม่ใช่รายได้งามๆ ที่พวกเทพเจ้าชราบนเรือระยำนี่ประเคนให้ละก้อ อย่าว่าแต่ขึ้นมาบนเรือเลย แค่เฉียดใกล้ กูก็ขนลุกแล้ว ”

“ หึหึ ไอ้ธัน ทำเป็นบ่น แต่พอเห็นถึงเวลาเข้าได้เข้าเข็มจริงๆ กูเห็นของมึงทั้ง “ลุก” ทั้ง “รุก” เลยนี่หว่า ” ไอ้ก๊อตแซวเพื่อนสนิทด้วยน้ำเสียงหยอกเย้าพร้อมหัวเราะร่าเมื่อเห็นเจ้าตัวแอบเหล่ตามองอย่างเคืองๆ

ถึงตอนนี้ ไอ้พีร์ก็เพิ่งสังเกตว่า บรรดาหนุ่มๆ ที่ทั้งนั่งทั้งยืนอยู่รอบตัวมันแต่ละคนนั้นหน้าตาหล่อเหลาขั้นเทพ หุ่นกำยำล่ำสัน และสูงเพรียวทั้งสิ้น บางคนก็ดูคุ้นหน้า...เหมือนว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน เผอิญมันก็ไม่ใช่คนติดตามวงการบันเทิงซะด้วย

พอเห็นแววตาสงสัยระคนอยากรู้อยากเห็นของหนุ่มคนใหม่ เจ้าต๋องที่ยืนเงียบอยู่ก็เอ่ยขึ้น

“ พอจะคุ้นหน้าพวกพี่ๆ ไหม เนี่ย พี่ ไอ้ก็อต ไอ้ฮัท และไอ้ปั่นจั่น เพิ่งถ่ายแบบขึ้นนิตยสาร “ ภาพพจน์ ” มา ปรากฏว่า ขายดิบขายดีเชียวเล่มนั้นน่ะ ”

ว่าไรนะ นิตยสารไหนว่ะ จะว่าไปก็คุ้นๆ นะ ถ้าจำไม่ผิด เห็นนักเรียนหญิงร่วมห้องก็ซื้อมาดูเหมือนกัน ยังแซวอยู่เลยว่า ถ้าพีร์ถ่ายแนวเซ็กซี่แบบนี้ จะกวาดให้หมดแผงเลย

เอ๋ หรือว่า..........

“ อ้อ ! พวกพี่ๆ นี่เอง แล้วทำไมถึงได้............................. ”

เสียงเหลือเชื่อทำให้หลายคนในที่นั่นขยับตัวด้วยความอึดอัดใจ แต่คงไม่รวมเจ้าต๋องที่ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ

“ ก็ไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อนหรอก ไอ้น้อง บางคนขึ้นเรือนี่มาก็เพื่อเงินที่มากระดับตั้งตัวได้ บางคนก็เป็นเด็กของเหล่าเทพเจ้าอยู่ก่อนแล้ว บางคนก็ทำเพื่อครอบครัว และบางคนก็หาแบ็กอัพดีๆ สำหรับที่ยืนในวงการบันเทิงที่แข่งขันกันสูงจะตาย.....แล้วเศรษฐกิจกับค่าครองชีพสมัยนี้ก็นะ เงินเป็นหมื่นยังหมดในพริบตา ”

“ โทษทีที่ขัดจังหวะ แต่คงไม่จำเป็นต้องแนะนำให้เจ้าเด็กใหม่นี่รู้จักหมดทุกคนล่ะมั้ง เวลาเป็นของมีค่านะโดยเฉพาะในเรือลำนี้ ”

ทุกคนในห้องหันมองตามเสียงยียวนกวนประสาทจากคนที่กอดอกยืนพิงขอบประตูอยู่

“ พวกมึงจำไม่ได้เหรอว่า สิ่งที่เทพเจ้าพุงพลุ้ยพวกนี้เกลียดมากที่สุดคือ...การรอ.......... ”

แม้จะเคยพบหน้าและเขม่นกันมาแล้วเมื่อสักครู่ แต่การแต่งตัวของหนุ่มรุ่นพี่ทำให้ไอ้พีร์ถึงกับตาค้างด้วยความตกตะลึง

ในขณะที่ไอ้ปั่นจั่นพูดกับกลุ่มเพื่อนๆ แบบสบายๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ประเด็นอยู่ที่.....มันไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าใดๆ เลยนอกจากกางเกงในจีสตริงสีเงินแวววามที่ปกปิดความอวบอูมข้างในแทบไม่มิด

เพียงเท่านี้......ไอ้พีร์ก็พอจะรู้แล้วว่า ตนอยู่ในฐานะอะไรและต้องเผชิญกับชะตากรรมแบบไหนในเรือแห่งเทพเจ้าลำนี้