Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 676
Message ID: 15
#15, RE: เรื่องเล่าจากเรื่องจริงตลอดหนึ่งเดือนของผม
Posted by สับสน on 14-Feb-15 at 02:18 AM
In response to message #14

ความพยายามครั้งที่ 2 - ให้ตายสิพับผ่า

สุดสัปดาห์นั้น คือสองอาทิตย์หลังจากเจอเอินครั้งล่าสุด อาจารย์ของเอินงดสอนอีกผมจึงไปรับเอิร์นมาอีกเหมือนเดิม และขากลับก็ชวนบุ๊กไปส่งด้วยเหมือนเดิม บุ๊กเอาแอร์แมสไปด้วยเพราะไม่มีคนอยู่บ้าน เอินเริ่มออกอาการงอนเล็กน้อยจนเห็นได้ชัด ทั้งนี้เวลาอยู่ต่อหน้าบุ๊ก ผมกับเอินจะไม่จู๋จี๋กันเพราะเกรงใจน้อง ถึงแม้น้องจะรู้อยู่ว่าเราเป็นแฟนกันก็ตาม

วันถัดมา บุ๊กขอมานอนดูหนังที่บ้านผม ผมนอนกอดแขนน้อง จับมือน้อง แต่ไม่คิดจะทำอะไรมากกว่านั้น

ลึกๆ แล้วบางทีบางจังหวะ น้องก็เปิดโอกาสให้ผมมากกว่านั้นนะครับ เช่น “มีหนังโป๊อะไรบ้าง” แต่ผมกลับไม่รู้สึกอยากทำอย่างนั้นเลย ใจหนึ่งผมอยากให้น้องบอกว่า “บุ๊กชอบพี่” แต่อีกใจผมก็ภาวนาอย่าให้น้องพูดมันออกมาจะดีกว่า

หลังจากนั้นเราออกไปหาอะไรกินกันแถวบ้านบุ๊กโดยบุ๊กเป็นคนขับและผมนั่งข้างๆ ตอนนั้นเพลงของแสตมป์ “ให้ตายสิพับผ่า” ซึ่งบุ๊กขอให้ผมโหลดให้เองวันก่อนก็ดังขึ้นในรถ ผมกำลังคุยอะไรอยู่สักเรื่องแต่บุ๊กก็รีบตัดบท พูดแทรกขึ้นมาว่า

“พี่ฟังสิ มันจริงเลยนะเนี่ย”

สำหรับเพื่อนที่ไม่เคยฟัง เนื้อมันเป็นยังงี้ครับ

เอาอีกแล้วสินะ เราอีกแล้วสินะ
ไปรักตัวเขา ชอบตัวเขา
แต่เขามองเราเป็นแค่ขยะ
แล้วมันตลกมะ พอใครสักคนเข้ามา
มารักแต่เรา ชอบแต่เรา
เราก็ดันไม่ชอบเขาว่ะ

คือผมแม่ง ก็คิดมากนะ เวลาเราชอบใครอะ ทุกเรื่องเล็กน้อยเราก็เก็บมาคิดหมด ผมไม่รู้ว่าน้องต้องการจะบอกอะไรกับผมทางอ้อมไหม หรือแค่ให้ฟังเฉยๆ แต่ที่รู้ๆ ผมมันคิดลบไปไกลชิบหายถึงใต้บาดาลแล้ว และใจผมก็เลยโดนดินกลบฝังขุ่นมัวอยู่ตรงนั้น

ระหว่างที่เรากินร้านตามสั่งร้านเดิม บุ๊กก็พูดถึงโป้ง เพื่อนรุ่นพี่ที่แอดไลน์น้องมา ซึ่งน้องเคยโชว์ให้ผมดูแล้วตั้งแต่ที่เราเพิ่งรู้จักกัน น้องบอกผมตั้งแต่ตอนนั้นว่าโป้งน่ารักดี น้องบอกว่าไม่รู้ว่าโป้งรู้จักไลน์น้องได้ยังไง แต่ผมไม่ได้แปลกใจอะไรมาก เพราะโป้งเป็นทหารเหล่าเดียวกับพ่อของบุ๊ก และอันที่จริงบุ๊กเองก็เรียนในสายที่ใกล้เคียงกันนี้อยู่แล้วด้วย มันก็คงเป็นธรรมดาที่คนในแวดวงเดียวกันจะมาเจอกัน แต่คืนนี้ บุ๊กพูดถึงโป้งบ่อยเป็นพิเศษ ผมเองพอข้าใจได้ทันทีว่า บุ๊กคงจะชอบโป้งเข้าแล้ว แต่บุ๊กบอกผมว่า

“บุ๊กชอบเขาไม่ได้หรอก พี่เขามีแฟนแล้วอยู่เชียงใหม่”

แต่สิ่งที่มันไม่ลงตัวก็คือ บุ๊กบอกผมว่า ที่จริงแล้ว โป้งคือลูกน้องของพ่อนั่นเอง ถึงได้มีเบอร์ของบุ๊ก แล้วชื่อก็มาขึ้นในไลน์ และเขาก็มาขับรถรับบุ๊กไปหาพ่อที่ทำงานด้วย

ตัวผมเอง คุณอาผมก็เป็นทหารเหล่าเดียวกับพ่อของบุ๊กและโป้งครับ ผมเลยรู้ดีว่าการให้ลูกน้องขับรถมารับลูกหลานมันเป็นเรื่องที่ไม่แปลกอะไร

ตอนที่ผมได้ยินเรื่องของโป้ง ผมเงียบไปเพราะพูดอะไรไม่ออก เสียใจ แต่พูดไม่ได้ บุ๊กสังเกตเห็นและถามว่า

“ทำไมเงียบไปเลย” ซึ่งผมก็ยังเงียบอยู่ บุ๊กเลยถามอีก

“เคยมีแฟนเป็นทหารหรอ” ผมแค่นหัวเราะ แต่ไม่ตอบ สุดท้ายบุ๊กถามแบบขำๆ ว่า

“พี่หึงบุ๊กหรอ” ผมก็ได้แต่ฝืนยิ้ม มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะบอกไป ถ้าน้องไม่รู้สึกอะไร ผมพูดไปก็เท่านั้น กลายเป็นคนไร้ค่า เป็นหมามองเครื่องบิน แต่ถ้าคำตอบของผมมันจะทำให้น้องเห็นใจหรือมีความหวัง แล้วปลายทางคืออะไรล่ะ

ผมอยากให้น้องรับรู้ความคิดเหล่านี้ของผม แต่ผมก็พูดอะไรไม่ออก...

พอกลับถึงบ้าน ผมก็นึกถึงศัพท์ภาษาอังกฤษคำว่า jealousy

ผมสงสัยมานานแล้ว ว่าทำไมเวลาหึง ฝรั่งก็ใช้ว่า jealous และเวลาอิจฉา ฝรั่งก็ใช้ว่า jealous เหมือนกัน ผมก็เพิ่งกระจ่างเอากับตัวตอนนี้นี่เอง

เพราะกับบุ๊กแล้ว ผมไม่มีสิทธิ์อะไรจะหึงน้องเลย แต่ผมรู้สึกอิจฉามากๆ ผมอิจฉาโป้ง อยากให้บุ๊กคิดกับผม รู้สึกกับผมแบบที่เขารู้สึกกับโป้งบ้าง มันเป็นความต้องการเดียวเสมอนับจากผมเจอบุ๊กครั้งแรกเมื่อเกือบหนึ่งเดือนที่แล้ว แต่ผมไม่เคยที่จะพูดมันออกไป ไม่เคยที่จะบอกน้อง เพราะอย่างไรซะ ผมก็จะไม่ยอมทำให้เอินเสียใจ และถ้าผมจะขอให้บุ๊กชอบผมโดยไม่มีอนาคต ผมก็คงเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมาก

แต่แล้วสมองของผมมันก็ประมวลเรื่องราวต่างๆ ที่บุ๊กเล่าให้ฟังตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาจนถึงคืนนี้ ไม่ต่างกับเวลาดูหนังของ M.Night Shyamalan ที่พอถึงตอนเฉลยภาพต่างๆ ตั้งแต่ต้นเรื่องมันวิ่งประดังประเดเข้ามาแล้วก็เกิดเป็นความสมเหตุสมผลเป็นครั้งแรก...

ก่อนหน้านี้เมื่อเจอกันแรกๆ บุ๊กเคยเล่าให้ฟังว่า โป้งชวนบุ๊กไปออกกำลังกายแถวๆ ที่ทำงาน

ซึ่งแถวๆ ที่ทำงานของโป้ง ก็คือที่ที่บุ๊กบอกผมว่าไปวิ่งกับเพื่อนมาเมื่อวันก่อน (ผมรู้เพราะโป้งก็คงจะทำงานละแวกเดียวกับคุณอาผม)

ซึ่งก็เป็นวันเดียวกับที่ญาติเอาหมามาฝากไว้เพราะต้องไปต่างจังหวัด

บางอย่างมันเริ่มจะลงตัวแล้วสำหรับผม แต่ขาดหลักฐานเท่านั้นเอง

หลังจากที่นอนกระสับกระส่ายอยู่หลายชั่วโมง ผมก็ตัดสินใจหาไอจีของโป้งและเจอในที่สุด แต่มันเป็นบัญชีส่วนตัวผมจึงดูรูปอะไรไมได้เลย ได้แต่ต้องขอแอดเพื่อนไป
แต่ผมคิดว่าผมเดาไม่ผิด และผมก็ไลน์หาบุ๊กทันทีว่า วันรุ่งขึ้นผมจะไปเอาของผมที่ให้น้องยืมไว้คืน (ลำโพงพกพาและกล้องถ่ายรูป) เพราะผมต้องใช้ แต่อันที่จริงผมเตรียมตัวไว้ว่า คงจะต้องห่างกับน้องสักพัก

วันรุ่งขึ้นผมไปเอาของ และเราไปกินข้าวตามสั่งกันร้านเดิม ผมตัดสินใจแล้วว่าจะต้องห่างกับน้อง เพราะถ้าเรื่องที่ผมคิดเป็นเรื่องจริง ผมก็จะเจ็บมาก แต่ถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริง ก็แปลว่าผมคิดมากเกินไปแล้ว ซึ่งนั่นก็หมายถึงผมชอบน้องมากจนไม่เป็นตัวของตัวเองแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ว่าอย่างไร ผมก็ควรจะห่างกับน้องสักพัก และผมก็บอกกับน้องไปอย่างนั้น

“พี่จะงดคุยกับบุ๊กสักพักนะ”

แต่น้องขำและไม่เชื่อว่าผมพูดจริง เพราะครั้งที่แล้วเราก็ทนกันได้ไม่ถึงวัน ผมสำทับไปอีกว่า

“พี่พูดจริงนะ” น้องได้แต่ยิ้มขำ และยังทำท่าหวานๆ ใส่ผมอีก แต่ใจขุ่นมัวของผมค่อนข้างจะมุ่งมั่นกับการตัดสินใจครั้งนี้