ตอนที่ 4 จุดเริ่มต้นแสงตะวันยามเช้าสาดส่องเข้ามาภายในห้องบรรทมกระทบกับผิวชายหนุ่มรูปร่างดี ที่บัดนี้ไร้ซึ่งขนปกคลุมร่างกาย ผมบนหัวก็ถูกตัดออกจนสั้นและถูกแทนที่ด้วยขนหมอยของตนเอง สภาพทั้งหมดนี้ดูปกติไปทันที เมื่อเทียบกับฆวยของชายหนุ่มที่ตอนนี้ยาวกว่าเดิมจนสองมือต่อกันยังจับไม่หมด ลำฆวยขยายออกทุกทิศทาง ทำให้ลำฆวยอวบใหญ่กว่าข้อมือของผู้เป็นเจ้าของจนน่าตกใจ เส้นเลือดเต่งตึงมองเห็นการไหลเวียนได้อย่างชัดเจน พร้อมด้วยสีสันลำฆวยที่แลดูม่วงคลำจนน่าเกลียดน่ากลัว แต่ก็มิอาจปิดบังความงดงามของคุณชายซู่เหวินได้เลย นับตั้งแต่เกิดคุณชายซู่ได้รับฉายาว่า โอรสสวรรค์ ด้วยรูปร่างหน้าตาที่งามเกินมนุษย์ด้วยกัน จนผู้พบเห็นทุกคนล้วนยอมรับว่าฉายานี้ไม่ได้กล่าวเกินจริงเลยแม้แต่น้อย
เช้านี้แม่ทัพซู่รู้ดีว่าตนมีตารางฝึกซ้อมรบกับเหล่าทหารล่างชั้นเลว ซึ่งตามปกติแล้วไม่ได้สร้างความหนักใจให้แก่เขาได้เลย เว้นเสียแต่ว่าวันนี้ช่วงเวลาฝึกซ้อมนั้นคาบเกี่ยวกับยามวอก ยามที่เขาต้องระบายพิษแมงมุมออกจากฆวยของเขา แต่คนอย่างซู่เหวินรบมาทั่วหล้าล้วนได้รับชัยชนะ เขาไม่มีทางยอมแพ้คนชั้นต่ำอย่างหลี่เฉินเป็นแน่
ทหาร ไปตามหมอหลวงมาพบข้าที่ห้องบรรทมเดี๋ยวนี้ ทหารนอกจวนที่พึ่งผลัดเปลี่ยนเวรยามมายืนเผ้าห้องบรรทมตั้งแต่ไก่โห่ เมื่อได้ยินเจ้านายสั่งก็เร่งสาวเท้าไปตามหมอหลวงมาทันที
เมื่อหมอหลวงมาถึงห้องบรรทม ก็พบกับแม่ทัพซู่เหลิงที่ดูแปลกตาไปมากเหลือเกิน ทรงผมดู...ดูประหลาดอย่างอธิบายไม่ถูก ร่างกายดูกำย่ำ กล้ามเนื้อแข็งนูนไปทั่วร่าง หมอหลวงคาดว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแล้วแน่ๆ
เมื่อคืนข้าถูกหลี่เฉิ... ยังไม่ทันกล่าวจบประโยค แม่ทัพซู่ก็หยุดพูดไปดื้อๆ
พรางคิดว่าหากหมอหลวงไม่สามารถช่วยรักษาอาการติดพิษของเขาได้ หลี่เฉินจะเป็นตัวเลือกสุดท้ายที่เขาจะไปขอยาแก้พิษ หากประกาศแก่ธารกำนันและทหารน้อยใหญ่ว่าหลี่เฉินเป็นกบฏตอนนี้ หลี่เฉินคงไม่พอใจรั้งแต่จะทำให้ความหวังของเขาริบหรี่ สู้หาทางรักษาพิษอย่างเงียบๆ แล้วจัดการหลี่เฉินภายหลังก็ไม่เสียหาย คนอย่างเขาวางแผนการรบมานับร้อยครั้งไม่เคยพลาด ครั้งนี้เขาก็หวังเช่นนั้น
ข้าบังเอิญถูกแมงมุมแม่หม่ายดำกัดเข้าเมื่อคืน พอจะมีทางรักษาได้หรือไม่ ท่านผู้เฒ่า ซู่เหวินเอ่ยถามหมอหลวงต่อทันที
เรียนฝ่าบาท แมงมุมแม่หม่ายดำเป็นสัตว์มีพิษร้ายจากแคว้นเหอเป่ย ไม่ปรากฏในแคว้นต้าเหลียนของเรามาหลายทศวรรษแล้วขอรับ เดิมทีมีการสกัดเอาพิษของแมงมุมชนิดนี้ปริมาณเท่าเม็ดถั่วเขียวผสมกับน้ำสามสิบถัง ปรุงเป็นยาเพิ่มกำหนัดแก่ทั้งชายและหญิง หากพระองค์ถูกกัดจริงแล้วเล่า พิษจะมากเหลือนับคณา คงมิอาจอยู่พูดกับหม่อมฉันได้ถึงตอนนี้หรอกพะยะค่ะ หมอหลวงพยายามอธิบายถึงความเป็นไปไม่ได้ที่องค์เหนือหัวของเขาจะถูกสัตว์ร้ายชนิดนี้กัดเข้าเมื่อคืน
ซู่เหวินจนปัญญาที่จะอธิบาย พลั้นก็ปลดเสื้อคลุมร่างออก เผยให้เห็นทุกสัดส่วนของตนปรากฏแก่ท่านผู้เฒ่า แม้ท่านผู้เฒ่าจะเคยเห็นแม่ทัพซู่เปลือยกายมาตั้งแต่เด็กแรกเกิดจวบจนเป็นชายหนุ่มวัยฉกรรจ์เช่นนี้ ก็มิอาจสร้างความตะลึงงันได้มากเท่าครั้งนี้ เพราะเครื่องเพศของฝ่าบาทนั้นช่างดู...ดูองค์อาจน่ากลัวยิ่ง ท่อนลำลึงค์ฝ่าบาทผงกขึ้นลงพร้อมสายน้ำเมือกใสไหลยืดย้อยตั้งแต่ส่วนปลายจรดลงบนพื้นแท่นบรรทม คิ้วหมอหลวงขมวดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ลักษณะเช่นนี้เขารู้ดีว่าเกิดจากพิษของแมงมุมแม่หม้ายดำแห่งเหอเป่ยไม่ผิดแน่
ฝะ...ฝ่าบาท ท่านถูกพิษของแมงมุมแม่หม้ายดำ ขะ...ข้าจนด้วยปัญญาจะรักษาได้พะยะค่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่หมอหลวงปฏิเสธการรักษาให้ฝ่าบาทอย่างรนราน
เหตุใดจึงกล่าวเช่นนั้นเล่า ท่านเป็นหมอ ท่านย่อมรู้จักสมุนไพร รู้จักวิธีการรักษาพิษ โปรดบอกข้ามาเถิด แม่ทัพเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อยที่ความหวังของเขาเริ่มเลือนหายไป
เรียนฝ่าบาท พิษนี้ร้ายกาจยิ่งนัก หากแม้รักษาผิดวิธีจะกลายเป็นดูดซึมพิษกลับเข้าเจ้าของร่างทันที เอ่อออ...ในเบื้องต้นข้าทำได้เพียงแนะนำท่านว่า... หมอหลวงเงียบไป
ว่าอย่างไรท่านผู้เฒ่า เร่งชี้แจ้งมาเถิด จะได้หาทางแก้ไขได้ทันท่วงที่ ซู่เหวินคะยั้นคะยอ
ฝ่าบาทต้องระบายพิษออกมาให้เหลือน้อยที่สุดเสียก่อนจะเป็นการดี วิธีการขับพิษนั้นทำได้โดย...เอ่ออ ข้าลำบากใจที่จะพูดเหลือเกิน หมอหลวงถอนหายใจ
พูดมาเถอะ อย่าได้เกรงใจข้าเลย บัดนี้ชีวิตข้าสำคัญกว่าสิ่งใด ซู่เหวินกล่าวเตือนสติหมอหลวง
เรียนฝ่าบาท ท่านต้อง...ทำการรูดเครื่องเพศขึ้นลงจนเกิดการเคลื่อนของกระแสน้ำภายใน ช่องทางที่พิษจะขับออกมาคือช่องเดียวกันกับช่องน้ำรักพะยะค่ะ อีกทั้งการเคลื่อนของพิษต้องกระทำยามวอกเท่านั้น เนื่องจากเป็นเพลาที่อุณหภูมิของพระอาทิตย์กำลันระอุ พิษที่หลั่งออกมาจะสลายไปอย่างสมบูรณ์พะยะค่ะ กระทำเช่นนี้ 7 วัน ก่อนแล้วจึง...ดื่มสารคัดหลั่งของคนจากเหอเป่ย หมอหลวงกล่าวจบพร้อมกับปาดเหงื่อที่หน้าผาก
สรุปความได้ว่าขุนศึกอย่างเขาต้องช่วยตัวเองในยามวอกจริงๆ เป็นเวลา 7 วันดังที่หลี่เฉินกล่าวไว้ไม่ผิด หลังจากนั้นหลี่เฉินบอกว่าได้เตรียมกระสินธุบุษราคัมไว้แก้พิษ คงเป็นสารคัดหลั่งบางอย่างตามที่หมอหลวงชี้แจ้ง อย่างไรเสียวันนี้เขา-ในฐานะแม่ทัพใหญ่-ยังพอมีโอกาสที่จะไม่ต้องพ่นน้ำรักออกมาในช่วงฝึกทหารชั้นเลวในยามวอก นั้นคือเขาต้องยกเลิกการฝึกในวันนี้ไปเสีย
อ้าว ทูลกระหม่อมของข้าอยู่นี่เอง ข้าตามหาเสียให้นาน บัดนี้เหล่าทหารกล้าพร้อมเพียงเข้าแถวเรียงรายรอรับการฝึกจากท่านแล้วขอรับ หลี่เฉินเดินเข้ามาอย่างกะทันหัน พร้อมแจ้งข่าวที่ทำให้แม่ทัพซู่ถึงกับควันออกหู คนอย่างเขาไม่เคยมีใครตามความคิดได้ทัน หลี่เฉินนี้ช่างร้ายกาจราวกับรู้ว่าเขากำลังคิดการอันใดอยู่
ฝ่าบาทจะเลื่อนการฝึกออกไปก่อนก็ได้พะยะค่ะ แต่กระแสสินธุบุษราคัมนั้นคงจะ... หลี่เฉินกล่าวท้าทาย
เมื่อสถานการณ์บีบบังคับ ทางหนึ่งก็ทหารในจวนที่รอแม่ทัพใหญ่อยู่ ทางหนึ่งก็ยาแก้พิษ ซู่เหวินจึงจำใจต้องสวมอาภรณ์แม่ทัพใหญ่ออกฝึกพวกทหารที่ยืนเข้าแถวตากแดดรอเขาอยู่นาน
ณ ลานฝึกทหาร แม่ทัพใหญ่ซู่เหวินปรากฏกายแก่เหล่าทหารนับหมื่นคนที่เข้าแถวอย่างเป็นระเบีบบ การมาของท่านแม่ทัพทำให้ทหารน้อยใหญ่ยืดตัวขึ้นตรงอย่างไม่ต้องคิด เบื้องหน้าของเหล่าทหารคือยอดขุนพลตระกูลซู่ที่ยืนตระหง่านอยู่บนแท่นสั่งการ ใบหน้าแม้นมองจากระยะไกลก็รู้ได้ว่านี่คือโอรสสวรรค์ที่งามเหนือบุรุษทั่วแคว้น หมวกและอาภรณ์สีทองระยับงดงามยามต้องแสงตะวัน ขับให้ชายผู้นี้ดูหล่อเหลาเสียจนทหารต้องเก็บอาการอิจฉาไว้ภายใต้ใบหน้าที่ราบเรียบรอรับคำสั่ง
วันนี้ข้าจะสอนการใช้ดาบแก่พวกเจ้า จงฟังให้ดี หยิบดาบข้างกายพวกเจ้าขึ้นมา แล้วจับคู่หันหน้าเข้าหากัน แม้แม่ทัพซู่เหลิงจะไม่ได้ตะโกนแต่เสียงกลับดังก้องกังวานสมเป็นนักรับผู้กล้า สร้างความเลื่อมใสแก่เหล่าทหารได้มากโข
แม่ทัพซู่เดินลงจากแท่นเพื่อสอนทหารใช้ดาบอย่างใกล้ชิด บัดนี้เสียงดาบกระทบกันดังโฉงเฉงทั่วสนามฝึก ซู่เหวินให้ความทุ่มเทมากกับการฝึกทหารเหล่านี้เพื่อหวังสร้างกองทัพที่เกรียงไกร จนลืมไปว่าใกล้ยามวอกเข้าทุกที จู่ๆ แม่ทัพซู่ก็รู้สึกร้อนผ่าวๆ ไล่ตั้งแต่หัวลงไป-เท้าขึ้นมาบรรจบตรงฆวยของเขา ซู่เหวินรู้สึกได้ทันทีว่าความกำหนัดนั้นเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ ลำฆวยยกดันชุดเกราะแข็งสร้างความอึดอัดให้เขาอยู่ไม่น้อย
เกิดอะไรขึ้นกับข้ากันแน่? แย่แล้ว บัดนี้เป็นยามวอกแล้ว ซู่เหลิงพึมพำกับตัวเองอย่างรนรานเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าถึงเวลาต้องระบายพิษออกแล้ว
บัดนี้เขายืนอยู่กลางสนามรบ ท่ามกลางเหล่าทหารที่ตั้งใจฝึกฟันดาบอย่างมุ่งมั่น กลับเป็นตัวเขาเองที่เกิดความกำหนัดขึ้นมาในเพลาเช่นนี้ น่าอายยิ่งหนัก แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นคือเขาต้องระบายพิษให้ทันก่อนจะล่วงเลยยามวอกไป ซึ่งก็เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว สมองของซู่เหวินคิดทบทวนหาทางออกที่ดีที่สุดซ้ำไปซ้ำมา
หยุดซ้อม!!! ซู่เหวินกัดฟันโพลงออกไปจนเหล่าทหารได้ยินกันถ้วนหน้า
วันนี้พวกเจ้าใช้ดาบได้ดีอย่างนักรบมาก อย่างไรก็ตามพวกเจ้าสมควรต้องฝึกการใช้ดาบอย่างนักรักด้วยเช่นกัน กองทัพของข้าต้องสมบูรณ์ในทุกรูปแบบ ซู่เหวินตะโกนอย่างผู้มีอำนาจ ทหารทั้งหลายน้อมรับฟังอย่างเจียมตัว
ยามศึกสงครามพวกเจ้ามีเพียงดาบในมือ อีกทั้งต้องทนรับกับสภาวะกดดันทุกทิศทาง ยามศึกสงบพวกเจ้าก็ควรใช้ดาบประจำกายหาความสุขสำราญให้เป็นด้วยเช่นกัน เข้าใจหรือไม่? ซู่เหวินตะโกนถาม
เข้าใจขอรับ เหล่าทหารตอบพร้อมเพียงกัน ในใจนึกสงสัยในการสอนครั้งนี้ แต่ประสบการณ์สอนให้พวกเขารู้ว่าควรทำตามที่ท่านแม่ทัพสั่งมิให้บกพร่องหากไม่อยากเดือดร้อน
ในที่แห่งนี้มีเพียงพวกเรา ชายชาติทหารเหมือนกัน ยามรบร่วมรบ ยามพักร่วมพัก ไม่มีความลับใดๆ ต่อกัน
เมื่อเห็นว่าจะใกล้สิ้นสุดยามวอกเต็มที่แล้ว ซู่เหวินไม่รอช้า เร่งปลดเครื่องราชย์อาภรณ์สีทองอร่ามออก เผยให้เห็นทรงผมที่ดูแปลกประหลาด ดูคล้ายขนในที่ลับ สร้างความสงสัยให้ทหารชั้นเลวแต่ก็ไม่มีใครกล้าออกปากถามท่านแม่ทัพ เลื่อนจากผมลงมาเจอมัดกล้ามที่สวยงามอย่างทึ่สุด กล้ามอกที่นูนเด่น ไหล่กว้าง สอดรับกับกล้ามแขนที่สมส่วน ถัดมาเป็นกล้ามท้องขึ้นเป็นลอนชัดเจน แต่สิ่งที่เห็นหลังจากนี้กลับสร้างความมึนงงระคนตะลึงแก่เหล่าทหารทั่วลานยุทธ์