Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 712
Message ID: 0
#0, นวนิยายจีนกำลังภายในอิโรติค จอมกระบี่เหินบุรุษ ตอน จักจั่นบนหอน้อย
Posted by ปิงหวิน on 13-Feb-16 at 03:15 PM
สวัสดีครับผมเคยโพสนวนิยายเรื่องนี้ครั้งหนึ่งแล้วในปาร์มเมื่อหลายปีก่อน แต่มีเหตุอันทำให้ไม่ได้โพสต่อเนื่องวันนี้ว่างเลยลองนำมารีไรต์และนำมารีโพสอีกครั้งเนื่องจากของเก่าหายไปหมดแล้ว โดยนวนิยายเรื่องนี้เป็นแนวจีนกำลังภายในผสมกับอีโรติค โดยผมจะโพสตั้งแต่ตอนแรกและจะเริ่มรีไรต์ตั้งแต่ตอนที่สองไปเพราะว่าไฟล์เก่าหายไป หวังว่าจะได้รับการติดตามและวิจารณ์จากทุกท่านครับ คารวะหนึ่งจอก
-----------------------------------------------------------------
จอมกระบี่เหินบุรุษ ตอน จักจั่นบนหอน้อย

สายตาคู่หนึ่งจับจ้องมองออกไปไกล มองผ่านกำแพงของอาคารผ่านสายลมเบื้องหน้า จับจ้องไปยังระเบียงบนตึกสีแดงอันโอ่อ่าหลังหนึ่ง และเป้าของสายตาคู่นี้ก็คือ เด็กหนุ่มคนหนึ่งเด็กหนุ่มบนระเบียงตึกหลังนั้น

ระยะห่างระหว่างสายตาผู้จับจ้องกับเด็กหนุ่มผู้เป็นเป้าสายตาค่อยๆร่นระยะ ทางกระชั้นขึ้นจนเจ้าของสายตาคู่นั้นสามารถเพ่งพินิจเค้าใบหน้าของเด็กหนุ่มได้อย่างชัดเจน แต่แล้วสายตาคู่นั้นพลันเปลี่ยนเป้าหมายการมองจากเด็กหนุ่มมายังป้ายยี่ห้อของตึกสีแดงอันโอ่อ่านั้น ป้ายยี่ห้อสีดำตัดกับตัวอักษรสีทองเป็น ประกายว่า "หอหมื่นอาชาพันลี้" รอยยิ้มอันลี้ลับรอยหนึ่งปั้นปรากฏอยู่บนหน้าของผู้จับจ้อง

"รอยยิ้มอันงามสง่ายิ่ง หอหมื่นอาชาพันลี้น้อมต้อนรับนายท่านฮ่ะ" เสียงอันห้าวใหญ่ที่พยายามบีบให้แหลมเล็กลงฟังดูขัดหูยิ่งแม้นจะพูดออกด้วย คำไพเราะประจบประแจงก็ตาม
ผู้จับจ้องใช้ตาของมันคู่นั้นมองไปที่เจ้าของเสียงนางดูไปคลับคล้ายหญิงมีอายุ คนหนึ่ง มันมองดูโหนกแก้มอันนูนสูงที่เต็มไปด้วยแป้งประทินโฉม ริมฝีปากอันหยาบหนาของนางก็แต่งแต้มด้วยสีแดงสดดูไปคล้ายตัวตลกในงิ้วโรงหนึ่ง ทว่าตัวของนางนั้นใหญ่โตบึกบึนยิ่ง ดูไปขัดกับชุดแต่งกายสีแดงอันรุ่ยร่ายของนางยิ่งนัก นางกลับไม่ใช่ผู้หญิงแต่กลับเป็นชายที่แต่งตัวเป็นหญิงคนหนึ่ง

"แม่เล้า...หอหมื่นอาชาพันลี้มีชื่อเสียงโด่งดังยิ่ง เราคิดใคร่ชมดูว่าที่นี่มีดีอันใด" ผู้จับจ้องกล่าวออกเป็นประโยคแรก มันเป็นชายหนุ่มในชุดมือปราบสีขาวละเอียดราวหยกขาว กอปรด้วยใบหน้าอันคมคาย คิ้วดกหนาเข้มดวงตาเป็นประกายดูไปกรุ้งกริ่งกรุยกราย ผิวสีแทนตัดกับชุดสีขาวที่มันสวมใส่อยู่ทำให้ยิ่งขับเน้นความหนุ่มแน่นและแม้ว่าบนใบหน้านั้นจะมีแผลเป็นรอยหนึ่งที่คิ้วด้านขวาก็ไม่ได้ทำให้ความสง่างามของมันดูลดลงไปได้เลย

มันเป็นผู้ใด? ในเมื่อมันอยู่ในชุดมือปราบ ย่อมเป็นมือปราบ มันมีฉายาว่า กระบี่เหินบุรุษ หนานเฟยสิง เป็นมือปราบประจำกรมเมืองของลั่วหยาง ที่มันได้ฉายาว่า กระบี่เหินบุรุษ เป็นเพราะเพลงกระบี่ของมัน รวดเร็วยิ่ง รุนแรงยิ่ง พร้อมทั้งแม่นยำยิ่ง เปรียบเปรยไปคล้ายอยู่เหนือบุรุษทั้งปวง แต่นี่เป็นเพียงเหตุผลที่ผู้คนอื่นบอกกล่าวยามพูดถึงมัน แต่มีเพียง ตัวมันเองเท่านั้นที่รู้เหตุผลอีกประการของฉายานี้ เหตุผลนั้นก็คือ "มันชมชอบบุรุษด้วยกัน" นั่นเอง

"เรียกข้าว่า หนิงเหมิง(มะนาว)ก็ได้นายท่าน" แม่เล้ายิ้มอย่างปลาบปลื้มในคำชมก่อนกล่าวแนะนำตัวมันเองด้วยท่าทีนอบน้อม

"ได้แม่นางหนิงเหมิง ข้าเชื่อว่าผู้ใดได้ลิ้มลองเจ้าจะต้องเข็ดฟันไปสามวันสามคืนแน่ๆ" หนานเฟยสิงฝืนยิ้มพลางกล่าวหยอกเอินแม่เล้าร่างใหญ่ตรงหน้า
หนิงเหมิงหาโกรธไม่กลับยิ้มให้มันอย่างอ่อนหวานคราหนึ่งก่อนเดินนำมันไปยัง ห้องโถงด้านใน ห้องโถงภายในของที่นี่โอ่อ่ายิ่งนัก มีโต๊ะรับแขกบ้างกลมใหญ่ บ้างห้าเหลี่ยม บ้างสี่เหลี่ยมเรียงสลับกันราวสี่สิบโต๊ะ แขกเหรื่อนั่งดื่มกินกันอย่างอิ่มหนำ การตกแต่งภายในดูแปลกตายิ่งเพราะผนังทุกด้านล้วนเป็นสีแดง ขับเน้นผ้าม่านสีชมพูที่ห้องระย้าลงประดับตามกำแพงทั้งสี่ด้านของห้องโถงนี้ ซึ่งเมื่อเทียบกับชื่อ "หอหมื่นอาชาพันลี้" ของที่แห่งนี้ยิ่งทำให้ดูแปลกตาแปลกใจมากขึ้น

ที่นี่จะเรียกได้ว่าเป็นหอนางโลมก็หาได้ไม่ จะเรียกว่าเป็นซ่องคณิกาก็หาได้ไม่ เพราะล้วนแล้วแต่เป็นกึ่งหนึ่งที่แตกต่างคือ ที่นี่ไม่มีผู้หญิง มีเพียงชายหนุ่มรูปร่างบ้างสันทัดบ้างล่ำสำ บ้างขาวบ้างดำบ้างผิวสองสีอยู่มากมาย แขกเหรื่อที่มาที่นี่มีทั้ง แม่ม่าย หญิงสาวผู้ชาญโลก หรือแม้แต่ผู้ชายที่มีความนิยมในพวกเดียวกัน หนานเฟยสิง เป็นหนึ่งในนั้นแต่วันนี้เขาไม่ได้มาหาความสุข แต่มาสืบเรื่องๆหนึ่ง

คดีฆ่าล้างบ้านสกุลหม่า เรื่องเกิดขึ้นเมื่อราวสองเดือนที่แล้วในคืนวันเพ็ญ มีผู้คนรอบๆบ้านสกุลหม่าซึ่งเป็นสกุลซึ่งมีอิทธิพลประจำท้องถิ่นได้ยิน เสียงกรีดร้องโหยหวนดังออกมาจากบ้านพร้อมๆกัน จึงพากันแจ้งเจ้าหน้าที่เกรงว่าบ้านสกุลหม่าจะเกิดเรื่อง แต่ก็สายไปก้าวหนึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่รุดมาถึงทุกคนในบ้านก็กลายเป็นศพไปแล้ว แต่บนทุกศพล้วนมีผ้าแพรสีแดงผืนหนึ่งเหน็บอยู่ที่ซอกคอและตัวอักษรเลือดบน ผนังในบ้านแทบทุกห้องเขียนว่า "แด่เสียงเพลงของจักจั่นแดง"

แล้วใยมันต้องรุดมาที่นี่?

เหตุผลง่ายมากเพราะที่นี่มี จักจั่นแดงมันจึงต้องรุดมา

หนานเฟยสิงมองกวาดสายตาไปตามโต๊ะต่างๆที่มีแขกเหรื่อและเด็กหนุ่มซึ่งนั่งดื่มกินกันอยู่อย่างสนุกสนานพลอยละลานตากับภาพที่เห็นไปด้วยในใจมันยังนึก หากไม่ได้มาสืบคดีในวันนี้ต้องหาทางควบขี่อาชาของหออาชาพันลี้สักรอบหนึ่ง ก่อนให้จงได้แต่แล้วมันกล่าว

"ยอดเยี่ยมยิ่ง ยอดเยี่ยมยิ่ง สมแล้วที่มียี่ห้อเป็นหอหมื่นอาชาพันลี้อาชาทุกตัวล้วนน่าควบขับ"
หนิงเหมิงยิ้มอย่างปลาบปลื้มพลางกล่าวตอบ

"ขอบ คุณนายท่าน ดูท่านายท่านคงชมชอบเหล่าอาชาของข้าไม่น้อย หากท่านคิดลองขับควบชมดูสักคราขอท่านจงบอกแก่หนิงเหมิงแล้วว่าอาชาตัวใดที่ ท่านชมชอบ"


"ข้าขอชมดูอาชาที่หนึ่ง ของที่นี่ได้หรือไม่" หนานเฟยสิงหัวร่อก่อนมันจะกล่าวเสียงสดใส


หนิงเหมิงยิ้มอย่างลี้ลับวูบหนึ่งเหมือนล่วงรู้ล่วงหน้าถึงความใคร่ของมัน "หากท่านคิดชมดูอาชาที่หนึ่งของที่นี่ข้าน้อยคิดว่านายท่านคงต้องผิดหวังแล้ว"

"ทำไมข้าจึงต้องผิดหวังเล่าแม่เล้า"

หนิงเหมิงหัวร่อพลันกล่าวว่า

"เพราะแม้แต่ข้ายังไม่รู้ว่าอาชาตัวใดเป็นที่หนึ่ง ทุกตัวล้วนเป็นที่หนึ่งท่านคงต้องชมดูเองจึงหาที่หนึ่งของท่านได้"

หนานเฟยสิงปั้นยิ้มบนใบหน้ารอยหนึ่งจึงกล่าว "ตอนที่ข้ากำลังจะเข้ามาในที่นี้ เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่บนระเบียง ข้าชมดูถูกใจข้ายิ่งไม่รู้ว่าเจ้าจะ..."

"ย่อมได้ๆสำหรับนายท่านย่อมได้ หากแต่นายท่านเข้าใจผิด นั่นมิใช่อาชา แต่เป็นจักจั่นแดง เด็กหนุ่มนั่นมันมีชื่อว่า หงฉาน เป็นยอดจักจั่นแดง ในทำเนียบจักจั่นสิบสองสีของหอเราแต่หนิงเหมิงเกรงว่า หงฉานคงไม่ถูกใจท่านแล้ว คิกคิก"

หนานเฟยสิงพอรับฟังส่งเสียง อ้อ คำหนึ่งจึงกล่าวต่อว่า "เหตุใดจะไม่ถูกใจข้า มีอันใดรีบบอกมาอย่าให้ข้าต้องรั้งรอนานแล้ว"

"หงฉานเป็น จักจั่นที่หนึ่ง ในจักจั่นสิบสองสีของหอเรา ขายเพียงเสียงเพลงศิลปะไม่ขายตัว ข้าคิดว่าท่านคงเลือกคนอื่นแล้ว ยังมีจักจั่นน้ำเงิน คราม ม่วง อีกสามสียังว่างอยู่ในวันนี้ ทั้งหมดล้วนเอาใจเก่งยิ่ง ขับดนตรีไพเราะยิ่ง และ เหินบินได้ยอดเยี่ยมยิ่งอีกด้วย ข้าจะพาท่านขึ้นไปชมดูของดีของหอเราสักครา" หนิงเหมิงปั้นยิ้มเกลื่อนใบหน้าก่อนกล่าวกฏยืดยาวต่างๆให้กับผู้มาเยือนรับฟัง


"ไม่ ข้าต้องการพบจักจั่นแดง ในเมื่อมันเป็นที่หนึ่งของเด็กหนุ่มจักจั่นสิบสองสีของหอท่าน ข้าใคร่คิดชมดูว่าดนตรีของมันจะขับกล่อมให้ข้าลืมเลือนเรื่องควบขับได้สัก คราหรือไม่" หนานเฟยสิงแสร้งทำหน้าเคร่งเครียดลงก่อนจะกล่าวย้ำถึงความต้องการของมัน

หนิงเหมิงกวักมือเรียกเด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดกับมันสองสามคำแล้วเด็กหนุ่มนั่นจึงรีบขึ้นบันไดไปชั้นสอง

"ข้าบอกให้คนไปแจ้งแก่ หงฉานแล้วขอนายท่านโปรดรอสักครู่หนึ่ง"

เพียงไม่นานเด็กหนุ่มผู้นั้นกลับมาพร้อมกับยกมือคารวะแก่หนิงเหมิง หนิงเหมิงพยักหน้ารับทีหนึ่งแล้วจึงโบกมือให้มันไปทำงานต่อ

"เรียบร้อยแล้วนายท่าน แต่ทว่า.."

หนานเฟยสิงชิงยกมือห้ามปรามไว้ แล้วจึงล้วงเงินจากในถุงข้างสายรัดเอวออกมาสามก้อน มันจัดแจงเดินไปตรงหน้าของหนิงเหมิงดึงเสื้อตรงหน้าอกของมันกว้างขึ้นแล้ว ยัดเงินทั้งสามก้อนลงไปในหน้าอกของนางแล้วจึงกล่าว

"เพียงพอหรือไม่"

"ขอบคุณนายท่านๆ เกินจะพอนายท่าน แต่นี่เป็นเพียงค่าทำเนียมเท่านั้น นายท่านอย่าหาว่าข้าสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำถ้าหงฉานทำให้ท่านพอใจท่านยังต้อง กำนันมันอีกสักเล็กน้อย"

หนานเฟยสิงกรอกตาทีหนึ่งก่อนกล่าวว่า "เห็นทีเจ้าคงสอนจรเข้ให้ว่ายน้ำแน่แล้ว"

หนิงเหมิงหัวร่อคิกแล้วจึงกล่าวคำ "เชิญ" จากนั้นจึงเดินนำมันขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของหอหมื่นอาชาพันลี้จนหยุดยืน อยู่หน้าประตูบานหนึ่ง ตกแต่งด้วยกระดาษสาสีชมพูบางเบาเพ่งมองไปยังสามารถเห็นเงาของผู้คนและสิ่ง ของภายในห้องได้ ดูไปเป็นแรงดึงดูดให้มันรู้สึกวาบหวามอย่างหนึ่ง


"นายท่านโปรดอย่าได้ลืม หงฉานเพียงขายดนตรีศิลปะไม่ขายตัว ขอนายท่านปล่อยประละเว้นแล้ว คิกคิก" หนิงเหมิงหันมายิ้มให้มันอย่างอ่อนหวานทีหนึ่งก่อนจะกล่าวย้ำกฏให้แก่มันอีกครา


"ข้ารู้แล้วใยต้องเตือนให้มากความข้าคิดชมดูจักจั่นแดงของข้าแล้ว"

"มิได้ๆ ข้าน้อยเพียงกลัวว่าเมื่อท่านเห็นบั้นท้ายของมันจะอดคิดว่าปีกจักจั่นกลายเป็นอานอาชามิได้ คิกคิก"

หนานเฟยสิงหัวร่อคราหนึ่งก่อนผลักประตูบุกระดาษชมพูเข้าไป...

--------------------------------------------------------------
ตอนต่อๆไปผมจะโพสผ่านทาง Reply นะครับพอดีไม่ได้เล่นปาร์มนานมากทำให้ลืมๆระบบโพสนู่นนี่ยังไงฝากติดตามติชมด้วยขอรับ