จอมกระบี่เหินบุรุษ ตอน จักจั่นบนหอน้อย 4 วันเพ็ญกลับมาเยือนอีกครั้งพร้อมจันทราทรงกลดกระจ่างกลางฟ้าใสของลั่วหยาง คืนนี้ดวงดาวดูจะหรี่แสงหลีกทางให้กับแสงจันทร์โดยสิ้นเชิง หนานเฟยสิงในชุดมือปราบสีขาวสะอาดประจำตำแหน่งของเขาย่ำเท้าหนักๆเหมือนแบกเรื่องหนักอึ้งอยู่บนบ่าเข้าสู่เขตของบ้านสกุลหม่า
ประตูหน้าของบ้านล๊อคปิดตายและถูกปิดด้วยกระดาษของกรมเมืองเพื่อกันคนนอกให้ถอยห่างจากจุดเกิดเหตุที่เกิดเรื่องขึ้นตั้งแต่สองเดือนก่อน หยากไย่และเศษใบไม้แห้งปะทะลมหวีดหวิวให้เป็นความรู้สึกเย็นเยียบอย่างหนึ่งจับขั้วหัวใจ
หนานเฟยสิงสะกิดเท้าเล็กน้อยกระโจนตัวผ่านกำแพงรั้วของบ้านไปได้ไม่ยากเย็น บ้านสกุลหม่านั้นกว้างขวางมากเรียกได้ว่าเป็นหมู่ของตึกประมาณ สามสี่หลังที่กระจายกันออกไปนับได้ว่าเป็นหนึ่งในสกุลใหญ่แห่งลั่วหยางแห่งนี้ ตั้งแต่เรือนรับรองใหญ่ไล่ไปจนถึงเรือนคนใช้บัดนี้ล้วนเงียบสงัดไร้เสียงผู้คนเหมือนเคยมี
แด่เสียงเพลงของจักจั่นแดง
หนานเฟยสิงอ่านคำบนกำแพงที่เขียนด้วยเลือดด้านในของของเขตบ้าน มันเพ่งดูรอยเลือดที่แห่งกรังไปจนแทบจะอ่านไม่รู้เรื่องแล้วในตอนนี้แต่มันยังคำจำได้ดีในวันที่มาถึงที่นี่เป็นครั้งแรก ในบ้านล้วนคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวของเลือด จนถึงบัดนี่ที่พื้นของที่เกิดเหตุก็ยังปรากฏรอยตะเกียกตะกายหนีตายของคนในบ้านเป็นทางยาวของเลือดกระจัดกระจายไปทั่วสร้างให้เกิดเป็นภาพที่น่าสยดสยองอย่างหนึ่ง
นี่เกี่ยวอันใดกับหงฉาน หรือว่านี่เป็นเพียงเรื่องบังเอิญ มันคิดพลางหวนนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาของเด็กชายผู้ที่ทำให้มันลุ่มหลงจนเกิดกำหนัดล้ำลึกในตอนเช้า ที่ขณะนี้แม้ว่ามันอยู่ในการปฏิบัติหน้าที่ยังไม่อาจสลัดหลุดจากความรู้สึกลุ่มร้อนผะผ่าวของเหตุการณ์เมื่อกลางวัน
มันเงยหน้ามองสูงขึ้นไปทางด้านหลังของหมู่ตึกแสงจันทร์กระจ่างของวันเพ็ญทำให้มันมองเห็นสิ่งหนึ่งที่เป็นจุดสังเกตอันที่มันไม่เคยนึกถึงมาก่อน
นี่เป็นภูตผีหลอกหลอนแล้ว ทำไมข้าไม่เคยคิดถึงมันนะ หนายเฟยสิงร่ำร้องด้วยความประหลาดใจเมื่อมันมองสูงขึ้นไปแล้วมองเห็นยอดของตึกหลังสีแดงโอ่อ่าหลังหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปจากด้านหลังของบ้านสกุลหม่า หอหมื่นอาชาพันลี้
หนานเฟยสิงสะกิดเท้าพุ่งตรงไปยังด้านหลังของหมู่ตึกอย่างเร่งรีบประหนึ่งว่าข้อสันนิษฐานในใจของมันกำลังจะได้รับความกระจ่างเยี่ยงนั้น
ด้านหลังเป็นบ้านพักและห้องหนังสือของเจ้าบ้าน หม่าต้าหู่พร้อมทั้งเป็นที่ๆพบศพของมันนอนขาดใจตายอยู่บนชั้นสองของตึกหลังนั้นด้วย หนานเฟยสิงเดินถอยหลังออกห่างสี่ห้าก้าวจากตัวตึกหลังนั้น มันเพ่งตามองผ่านแสงจันทร์ทำให้ยิ่งแน่ใจว่าที่เห็นห่างออกไปไม่ไกลนั่นเป็นหอหมื่นอาชาพันลี้นี่เอง มันรีบถลันตัวผ่านทางประตูตึกหลังนั้นเข้าไปด้านใน สภาพด้านในของตึกหลังนี้ดูดีกว่าของที่อื่นๆในบ้านเพราะว่าสถานที่แห่งนี้แทบจะไม่ถูกแตะต้องเลย ไม่มีการต่อสู้ฆ่าฟัน หรือขัดขืนเหมือนที่อื่น ประหนึ่งว่าศพของหม่าต้าหู่อยู่ๆก็ปรากฏขึ้นที่ชั้นสองของตึกก็ไม่ปาน
มันสำรวจด้านล่างชั่วพักหนึ่ง จากนั้นค่อยพลิ้วกายผ่านบันไดของตึกขึ้นสู่ชั้นสองซึ่งเป็นที่ๆพบศพของหม่าต้าหู่อยู่ในห้องหนังสือของมันนั่นเอง หนานเฟยสิงใช้มือที่ถือกระบี่ด้านหนึ่งกวาดผ่านหยากไย่ที่เริ่มขึ้นอยู่ทั่วจากการไร้ความดูแล และปัดฝุ่นผงที่สะท้อนแสงจันจนเห็นเป็นละอองลอยล่องได้อย่างถนัดตาเข้าสู่ห้องที่เกิดเหตุ
เมื่อเข้าสู่ด้านในของห้องเกิดเหตุซึ่งเป็นห้องหนังสือของเจ้าบ้านสิ่งแรกที่ทำให้มันสะดุดหยุดลงคือแสงจันทร์ที่ทอดผ่านหน้าต่างด้านหลังของห้องหนังสือซึ่งตรงกับด้านหลังของหมู่ตึกพอดี มันย่ำเดินตรงไปยังหน้าต่างที่อยู่เหนือโต๊ะเขียนหนังสือของผู้ตาย
ลมหอบหนึ่งผ่านเข้ามาทางหน้าต่างเหมือนผีสางแสร้งให้เกิดมันพัดเอาฝุ่นและกระดาษหลายชิ้นปลิวว่อนไป สายตาอันแหลมคมของมันสังเกตกระดาษแผ่นหนึ่งที่มีอักษรสองตัวปลิวลอยขึ้นต้องกับแสงจันทร์ที่สาดผ่านหน้าต่างเข้ามา มันคว้าหมับเข้ากับกระดาษใบนั้นอย่างแม่นยำแล้วจึงเดินตรงไปสู่หน้าต่างของห้องจากนั้นส่องมันกับแสงจันทร์ดูอักษรบนนั้น
กวงหง กวงหง..นี่หมายถึงสิ่งใดท่านหม่า ท่านต้องการบอกอะไรข้าหรือเปล่า
หนานเฟยสิงถอนใจเฮือกใหญ่อย่างทดท้อ เลื่อนกระดาษจากระดับใบหน้าลงและแล้วสิ่งที่มันสังเกตเห็นต้องทำให้มันร่ำร้อง โอ ออกมาคำใหญ่
นี่เป็นเรื่องราวผีสางแล้ว ใยใกล้กันถึงเพียงนี้
สิ่งที่มันเห็นคือระเบียงของห้องๆหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลจากหน้าต่างของตึกแห่งนี้เท่าใดนัก ระเบียงของห้องหงฉานนั่นเอง มันเพ่งสายตามองออกไปคำนวณระยะห่างระหว่างหน้าต่างของตึกที่มันยืนอยู่ กับระเบียงที่ดูสูงขึ้นไปจากระดับสายตาเล็กน้อยของหอหมื่นอาชาพันลี้ที่มันเพิ่งไปเยือนมาเมื่อกลางวัน
ควับ....!!! เสียงของวัตถุบางอย่างลอยผ่าอากาศมาทางด้านหลังของมัน หนานเฟยสิงใช้ประกับของกระบี่ในมือต้านรับสิ่งนั้นด้วยความว่องไวพลันหมุนตัวหันกลับมาอย่างรวดเร็วยิ่ง
เงาดำสูงโปร่งสายหนึ่งวิ่งถลันสวนเข้าใส่หนานเฟยสิงก่อนที่จะถลาตัวลงจากหน้าต่างของห้องลงไป เงาดำสายนั้นต้องกระทบแสงจันทร์ มันรีบถลาตัวพุ่งออกจากหน้าต่างร่อนลงสู่พื้นด้านล่างตามเงาดำนั้นและออกวิ่งติดตามไปทันที
วิชาตัวเบาอันร้ายกาจ หนานเฟยสิงร่ำร้องกล่าวชมวิชาตัวเบาของคนชุดดำซึ่งปิดหน้าตาวิ่งอยู่ด้านหน้าของตน พวกมันวิ่งไล่กันไปได้สักพักจนหนานเฟยสิงเริ่มเห็นกำแพงสูงของเรือนคนใช้ที่ขวางหน้าทางวิ่งของชายชุดดำอยู่ มันยิ้มอย่างลี้ลับวูบหนึ่งพลางกล่าว
ไม่มีที่ให้ขาบัดซบของเจ้าวิ่งหนีแล้ว!!!
เงาดำสายนั้นแทนที่จะหยุดยั้งลงตรงกำแพงของตึกตรงหน้ามันกลับร้องดัง เฮ้ยคำหนึ่งแล้วใช้ขาอันยาวเก้งก้างของมันไต่ขึ้นสู่กำแพงตีลังกากลับมารัวเพลงเท้าที่ถี่ยิบดั่งตาข่ายใส่หนานเฟยสิงอย่างไม่ทันตั้งตัว
หนานเฟยสิงแม้แตกตื่นแต่ไม่ลนลาน มันใช้ออกด้วยวิชาตัวเบาประจำตัว บุรุษเหินคว้าเมฆา สะกิดตัวลอยขึ้นจากพื้นสูงเหนือเพลงเท้าที่กำลังรัวถี่ยิบมาหามันพลางกล่าว เพลงเท้าที่ดี
ล้วนเสมอกัน ชายชุดดำตกใจกับวิชาตัวเบาอันยอดเยี่ยมของมันจนต้องร่ำร้องชื่นชมคำหนึ่ง
หนานเฟยสิงใช้เท้ายันกำแพงของตึกเรือนคนใช้พลางตีลังการอบหนึ่งลงมาเหยียบยืนบนพื้นด้านหน้าของกำแพงตึกอย่างสง่างาม ทั้งสองสลับที่กันมายืนประจันหน้าท่ามกลางแสงจันทร์ทรงกลดภายใต้บรรยากาศเย็นเยียบ
ถึงตอนนี้หนานเฟยสิงค่อยเห็นรูปร่างของคนชุดดำชัดเจน มันเป็นชายจากเสียงกล่าวที่หนานเฟยสิงได้ยินและมีรูปร่างสูงโปร่งประหลาดกว่าคนทั่วไป น่าจะสูงถึง 6 เซียะ จากการคาดคะเน ช่วงเอวของมันพลิ้วไหวคล้ายไม่มีกระดูกและมีช่วงขาที่ยาวกว่าลำตัวประกอบขึ้นเป็นสิ่งหายากและเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะฝึกเพลงเท้าอันยอดเยี่ยม
ชายชุดดำร้องเพ้ยคำหนึ่งพยายามจะวิ่งหนีออกทางกำแพงด้านหลังของตึกบ้านสกุลหม่า แต่หนานเฟยสิงพลิ้วกายดักไว้ไม่ยอมให้มันหลุดรอดออกไป
ตามเป็นเงาผีสาง สมแล้วที่เป็นมือปราบอันดับหนึ่งแห่งลั่วหยาง แต่ยังไม่ใช่วันนี้ ชายชุดดำกล่าวพร้อมกับทะยานตัวออกไปทางกำแพงด้านหลังของบ้านสกุลหม่าอย่างไม่กลัวการปะทะกับหนานเฟยสิง มันวิ่งอย่างรวดเร็วจนหลบกายเข้าสู่เงาดำของต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่อยู่มุมตึก จากนั้นควักบางอย่างที่ผ้าคาดเอวและปาออกไปใส่หนานเฟยสิง
บัดซบ หนานเฟยสิงร่ำร้องพร้อมพลิ้วกายหลบสิ่งที่ชายชุดดำปาเข้าหา สิ่งนั้นปะทะเข้ากับต้นไม้กลายเป็นหมอกควันคละคลุ้งไปทั่วหนานเฟยสิงใช้ใช้แขนเสื้อป้องจมูกเอาไว้แล้วพลิ้วกายถอยออกมาอยู่กลางแสงสว่างปล่อยให้ชายชุดดำถลันตัวลอยขึ้นสูงผ่านกำแพงของบ้านสกุลหม่าหนีออกไปไกลภายในเวลาชั่วพริบตา
หนานเฟยสิงใช้กำปั้นทุบกระบี่เบาๆอย่างเจ็บใจ แต่แล้วก็ค่อยสงบสติอารมณ์ลงพร้อมแหงนหน้ามองผ่านแสงจันทร์ออกไปไกลสู่หอหมื่นอาชาพันลี้ ถึงตอนนี้มันไม่คิดตามชายชุดดำที่หนีไปไกลอีกแล้ว มันพักหอบหายใจครู่หนึ่งมั่นใจว่าระเบิดควันนั้นไม่มีพิษแล้วจึงค่อยเดินหลุดพ้นจากบ้านสกุลหม่ากลับสู่ที่ทำงานของมันในกรมเมืองในทันที
----------------------------------------------------
โพสเรื่อยๆนะครับ น้อมรับทุกคำติชมถือเป็นกำลังใจครับ ขอบพระคุณมากครับ