We have no responsibility for the contents in this web community!

ถ้าเข้ามาแล้วพบว่ากระทู้ไม่เรียงตามวัน/เวลา ให้คลิ๊กตรงคำว่า Date/Time ที่อยู่ตรงแถบสีม่วงๆ นะครับ


ห้ามลงประกาศโฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ยกเว้นสปอนเซ่อร์!!!!!

*** ห้ามใช้เนื้อที่บอร์ดเพื่อแอบแฝงขายบริการทางเพศ ***

RBR Section


Register
สมัครสมาชิก


What's RBR?
ต่ออายุสมาชิก

**** ส่วนบริการเข้าบอร์ดลับเฉพาะสำหรับสมาชิก RBR (บอร์ดรูป Devil), (บอร์ดวีดีโอ Zombie) ต้องการติดต่อสอบถาม ส่งเมลล์ที่ ryubedroom@yahoo.com เท่านั้น ****

กรุณาคลิ๊กที่นี่และ Bookmark ไว้ด้วยครับ

PalmPlaza.us

Subject: "นวนิยายจีนกำลังภายในอิโรติค จอมกระบี่เหินบุรุษ ตอน จักจั่นบนหอน้อย"     Previous Topic | Next Topic
Printer-friendly copy     Email this topic to a friend    
Conferences Story Club Topic #712
Reading Topic #712
ปิงหวิน
Guest

"นวนิยายจีนกำลังภายในอิโรติค จอมกระบี่เหินบุรุษ ตอน จักจั่นบนหอน้อย"
 
13-Feb-16, 03:15 PM (SE Asia Standard Time)
 
   สวัสดีครับผมเคยโพสนวนิยายเรื่องนี้ครั้งหนึ่งแล้วในปาร์มเมื่อหลายปีก่อน แต่มีเหตุอันทำให้ไม่ได้โพสต่อเนื่องวันนี้ว่างเลยลองนำมารีไรต์และนำมารีโพสอีกครั้งเนื่องจากของเก่าหายไปหมดแล้ว โดยนวนิยายเรื่องนี้เป็นแนวจีนกำลังภายในผสมกับอีโรติค โดยผมจะโพสตั้งแต่ตอนแรกและจะเริ่มรีไรต์ตั้งแต่ตอนที่สองไปเพราะว่าไฟล์เก่าหายไป หวังว่าจะได้รับการติดตามและวิจารณ์จากทุกท่านครับ คารวะหนึ่งจอก
-----------------------------------------------------------------
จอมกระบี่เหินบุรุษ ตอน จักจั่นบนหอน้อย

สายตาคู่หนึ่งจับจ้องมองออกไปไกล มองผ่านกำแพงของอาคารผ่านสายลมเบื้องหน้า จับจ้องไปยังระเบียงบนตึกสีแดงอันโอ่อ่าหลังหนึ่ง และเป้าของสายตาคู่นี้ก็คือ เด็กหนุ่มคนหนึ่งเด็กหนุ่มบนระเบียงตึกหลังนั้น

ระยะห่างระหว่างสายตาผู้จับจ้องกับเด็กหนุ่มผู้เป็นเป้าสายตาค่อยๆร่นระยะ ทางกระชั้นขึ้นจนเจ้าของสายตาคู่นั้นสามารถเพ่งพินิจเค้าใบหน้าของเด็กหนุ่มได้อย่างชัดเจน แต่แล้วสายตาคู่นั้นพลันเปลี่ยนเป้าหมายการมองจากเด็กหนุ่มมายังป้ายยี่ห้อของตึกสีแดงอันโอ่อ่านั้น ป้ายยี่ห้อสีดำตัดกับตัวอักษรสีทองเป็น ประกายว่า "หอหมื่นอาชาพันลี้" รอยยิ้มอันลี้ลับรอยหนึ่งปั้นปรากฏอยู่บนหน้าของผู้จับจ้อง

"รอยยิ้มอันงามสง่ายิ่ง หอหมื่นอาชาพันลี้น้อมต้อนรับนายท่านฮ่ะ" เสียงอันห้าวใหญ่ที่พยายามบีบให้แหลมเล็กลงฟังดูขัดหูยิ่งแม้นจะพูดออกด้วย คำไพเราะประจบประแจงก็ตาม
ผู้จับจ้องใช้ตาของมันคู่นั้นมองไปที่เจ้าของเสียงนางดูไปคลับคล้ายหญิงมีอายุ คนหนึ่ง มันมองดูโหนกแก้มอันนูนสูงที่เต็มไปด้วยแป้งประทินโฉม ริมฝีปากอันหยาบหนาของนางก็แต่งแต้มด้วยสีแดงสดดูไปคล้ายตัวตลกในงิ้วโรงหนึ่ง ทว่าตัวของนางนั้นใหญ่โตบึกบึนยิ่ง ดูไปขัดกับชุดแต่งกายสีแดงอันรุ่ยร่ายของนางยิ่งนัก นางกลับไม่ใช่ผู้หญิงแต่กลับเป็นชายที่แต่งตัวเป็นหญิงคนหนึ่ง

"แม่เล้า...หอหมื่นอาชาพันลี้มีชื่อเสียงโด่งดังยิ่ง เราคิดใคร่ชมดูว่าที่นี่มีดีอันใด" ผู้จับจ้องกล่าวออกเป็นประโยคแรก มันเป็นชายหนุ่มในชุดมือปราบสีขาวละเอียดราวหยกขาว กอปรด้วยใบหน้าอันคมคาย คิ้วดกหนาเข้มดวงตาเป็นประกายดูไปกรุ้งกริ่งกรุยกราย ผิวสีแทนตัดกับชุดสีขาวที่มันสวมใส่อยู่ทำให้ยิ่งขับเน้นความหนุ่มแน่นและแม้ว่าบนใบหน้านั้นจะมีแผลเป็นรอยหนึ่งที่คิ้วด้านขวาก็ไม่ได้ทำให้ความสง่างามของมันดูลดลงไปได้เลย

มันเป็นผู้ใด? ในเมื่อมันอยู่ในชุดมือปราบ ย่อมเป็นมือปราบ มันมีฉายาว่า กระบี่เหินบุรุษ หนานเฟยสิง เป็นมือปราบประจำกรมเมืองของลั่วหยาง ที่มันได้ฉายาว่า กระบี่เหินบุรุษ เป็นเพราะเพลงกระบี่ของมัน รวดเร็วยิ่ง รุนแรงยิ่ง พร้อมทั้งแม่นยำยิ่ง เปรียบเปรยไปคล้ายอยู่เหนือบุรุษทั้งปวง แต่นี่เป็นเพียงเหตุผลที่ผู้คนอื่นบอกกล่าวยามพูดถึงมัน แต่มีเพียง ตัวมันเองเท่านั้นที่รู้เหตุผลอีกประการของฉายานี้ เหตุผลนั้นก็คือ "มันชมชอบบุรุษด้วยกัน" นั่นเอง

"เรียกข้าว่า หนิงเหมิง(มะนาว)ก็ได้นายท่าน" แม่เล้ายิ้มอย่างปลาบปลื้มในคำชมก่อนกล่าวแนะนำตัวมันเองด้วยท่าทีนอบน้อม

"ได้แม่นางหนิงเหมิง ข้าเชื่อว่าผู้ใดได้ลิ้มลองเจ้าจะต้องเข็ดฟันไปสามวันสามคืนแน่ๆ" หนานเฟยสิงฝืนยิ้มพลางกล่าวหยอกเอินแม่เล้าร่างใหญ่ตรงหน้า
หนิงเหมิงหาโกรธไม่กลับยิ้มให้มันอย่างอ่อนหวานคราหนึ่งก่อนเดินนำมันไปยัง ห้องโถงด้านใน ห้องโถงภายในของที่นี่โอ่อ่ายิ่งนัก มีโต๊ะรับแขกบ้างกลมใหญ่ บ้างห้าเหลี่ยม บ้างสี่เหลี่ยมเรียงสลับกันราวสี่สิบโต๊ะ แขกเหรื่อนั่งดื่มกินกันอย่างอิ่มหนำ การตกแต่งภายในดูแปลกตายิ่งเพราะผนังทุกด้านล้วนเป็นสีแดง ขับเน้นผ้าม่านสีชมพูที่ห้องระย้าลงประดับตามกำแพงทั้งสี่ด้านของห้องโถงนี้ ซึ่งเมื่อเทียบกับชื่อ "หอหมื่นอาชาพันลี้" ของที่แห่งนี้ยิ่งทำให้ดูแปลกตาแปลกใจมากขึ้น

ที่นี่จะเรียกได้ว่าเป็นหอนางโลมก็หาได้ไม่ จะเรียกว่าเป็นซ่องคณิกาก็หาได้ไม่ เพราะล้วนแล้วแต่เป็นกึ่งหนึ่งที่แตกต่างคือ ที่นี่ไม่มีผู้หญิง มีเพียงชายหนุ่มรูปร่างบ้างสันทัดบ้างล่ำสำ บ้างขาวบ้างดำบ้างผิวสองสีอยู่มากมาย แขกเหรื่อที่มาที่นี่มีทั้ง แม่ม่าย หญิงสาวผู้ชาญโลก หรือแม้แต่ผู้ชายที่มีความนิยมในพวกเดียวกัน หนานเฟยสิง เป็นหนึ่งในนั้นแต่วันนี้เขาไม่ได้มาหาความสุข แต่มาสืบเรื่องๆหนึ่ง

คดีฆ่าล้างบ้านสกุลหม่า เรื่องเกิดขึ้นเมื่อราวสองเดือนที่แล้วในคืนวันเพ็ญ มีผู้คนรอบๆบ้านสกุลหม่าซึ่งเป็นสกุลซึ่งมีอิทธิพลประจำท้องถิ่นได้ยิน เสียงกรีดร้องโหยหวนดังออกมาจากบ้านพร้อมๆกัน จึงพากันแจ้งเจ้าหน้าที่เกรงว่าบ้านสกุลหม่าจะเกิดเรื่อง แต่ก็สายไปก้าวหนึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่รุดมาถึงทุกคนในบ้านก็กลายเป็นศพไปแล้ว แต่บนทุกศพล้วนมีผ้าแพรสีแดงผืนหนึ่งเหน็บอยู่ที่ซอกคอและตัวอักษรเลือดบน ผนังในบ้านแทบทุกห้องเขียนว่า "แด่เสียงเพลงของจักจั่นแดง"

แล้วใยมันต้องรุดมาที่นี่?

เหตุผลง่ายมากเพราะที่นี่มี จักจั่นแดงมันจึงต้องรุดมา

หนานเฟยสิงมองกวาดสายตาไปตามโต๊ะต่างๆที่มีแขกเหรื่อและเด็กหนุ่มซึ่งนั่งดื่มกินกันอยู่อย่างสนุกสนานพลอยละลานตากับภาพที่เห็นไปด้วยในใจมันยังนึก หากไม่ได้มาสืบคดีในวันนี้ต้องหาทางควบขี่อาชาของหออาชาพันลี้สักรอบหนึ่ง ก่อนให้จงได้แต่แล้วมันกล่าว

"ยอดเยี่ยมยิ่ง ยอดเยี่ยมยิ่ง สมแล้วที่มียี่ห้อเป็นหอหมื่นอาชาพันลี้อาชาทุกตัวล้วนน่าควบขับ"
หนิงเหมิงยิ้มอย่างปลาบปลื้มพลางกล่าวตอบ

"ขอบ คุณนายท่าน ดูท่านายท่านคงชมชอบเหล่าอาชาของข้าไม่น้อย หากท่านคิดลองขับควบชมดูสักคราขอท่านจงบอกแก่หนิงเหมิงแล้วว่าอาชาตัวใดที่ ท่านชมชอบ"


"ข้าขอชมดูอาชาที่หนึ่ง ของที่นี่ได้หรือไม่" หนานเฟยสิงหัวร่อก่อนมันจะกล่าวเสียงสดใส


หนิงเหมิงยิ้มอย่างลี้ลับวูบหนึ่งเหมือนล่วงรู้ล่วงหน้าถึงความใคร่ของมัน "หากท่านคิดชมดูอาชาที่หนึ่งของที่นี่ข้าน้อยคิดว่านายท่านคงต้องผิดหวังแล้ว"

"ทำไมข้าจึงต้องผิดหวังเล่าแม่เล้า"

หนิงเหมิงหัวร่อพลันกล่าวว่า

"เพราะแม้แต่ข้ายังไม่รู้ว่าอาชาตัวใดเป็นที่หนึ่ง ทุกตัวล้วนเป็นที่หนึ่งท่านคงต้องชมดูเองจึงหาที่หนึ่งของท่านได้"

หนานเฟยสิงปั้นยิ้มบนใบหน้ารอยหนึ่งจึงกล่าว "ตอนที่ข้ากำลังจะเข้ามาในที่นี้ เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่บนระเบียง ข้าชมดูถูกใจข้ายิ่งไม่รู้ว่าเจ้าจะ..."

"ย่อมได้ๆสำหรับนายท่านย่อมได้ หากแต่นายท่านเข้าใจผิด นั่นมิใช่อาชา แต่เป็นจักจั่นแดง เด็กหนุ่มนั่นมันมีชื่อว่า หงฉาน เป็นยอดจักจั่นแดง ในทำเนียบจักจั่นสิบสองสีของหอเราแต่หนิงเหมิงเกรงว่า หงฉานคงไม่ถูกใจท่านแล้ว คิกคิก"

หนานเฟยสิงพอรับฟังส่งเสียง อ้อ คำหนึ่งจึงกล่าวต่อว่า "เหตุใดจะไม่ถูกใจข้า มีอันใดรีบบอกมาอย่าให้ข้าต้องรั้งรอนานแล้ว"

"หงฉานเป็น จักจั่นที่หนึ่ง ในจักจั่นสิบสองสีของหอเรา ขายเพียงเสียงเพลงศิลปะไม่ขายตัว ข้าคิดว่าท่านคงเลือกคนอื่นแล้ว ยังมีจักจั่นน้ำเงิน คราม ม่วง อีกสามสียังว่างอยู่ในวันนี้ ทั้งหมดล้วนเอาใจเก่งยิ่ง ขับดนตรีไพเราะยิ่ง และ เหินบินได้ยอดเยี่ยมยิ่งอีกด้วย ข้าจะพาท่านขึ้นไปชมดูของดีของหอเราสักครา" หนิงเหมิงปั้นยิ้มเกลื่อนใบหน้าก่อนกล่าวกฏยืดยาวต่างๆให้กับผู้มาเยือนรับฟัง


"ไม่ ข้าต้องการพบจักจั่นแดง ในเมื่อมันเป็นที่หนึ่งของเด็กหนุ่มจักจั่นสิบสองสีของหอท่าน ข้าใคร่คิดชมดูว่าดนตรีของมันจะขับกล่อมให้ข้าลืมเลือนเรื่องควบขับได้สัก คราหรือไม่" หนานเฟยสิงแสร้งทำหน้าเคร่งเครียดลงก่อนจะกล่าวย้ำถึงความต้องการของมัน

หนิงเหมิงกวักมือเรียกเด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดกับมันสองสามคำแล้วเด็กหนุ่มนั่นจึงรีบขึ้นบันไดไปชั้นสอง

"ข้าบอกให้คนไปแจ้งแก่ หงฉานแล้วขอนายท่านโปรดรอสักครู่หนึ่ง"

เพียงไม่นานเด็กหนุ่มผู้นั้นกลับมาพร้อมกับยกมือคารวะแก่หนิงเหมิง หนิงเหมิงพยักหน้ารับทีหนึ่งแล้วจึงโบกมือให้มันไปทำงานต่อ

"เรียบร้อยแล้วนายท่าน แต่ทว่า.."

หนานเฟยสิงชิงยกมือห้ามปรามไว้ แล้วจึงล้วงเงินจากในถุงข้างสายรัดเอวออกมาสามก้อน มันจัดแจงเดินไปตรงหน้าของหนิงเหมิงดึงเสื้อตรงหน้าอกของมันกว้างขึ้นแล้ว ยัดเงินทั้งสามก้อนลงไปในหน้าอกของนางแล้วจึงกล่าว

"เพียงพอหรือไม่"

"ขอบคุณนายท่านๆ เกินจะพอนายท่าน แต่นี่เป็นเพียงค่าทำเนียมเท่านั้น นายท่านอย่าหาว่าข้าสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำถ้าหงฉานทำให้ท่านพอใจท่านยังต้อง กำนันมันอีกสักเล็กน้อย"

หนานเฟยสิงกรอกตาทีหนึ่งก่อนกล่าวว่า "เห็นทีเจ้าคงสอนจรเข้ให้ว่ายน้ำแน่แล้ว"

หนิงเหมิงหัวร่อคิกแล้วจึงกล่าวคำ "เชิญ" จากนั้นจึงเดินนำมันขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของหอหมื่นอาชาพันลี้จนหยุดยืน อยู่หน้าประตูบานหนึ่ง ตกแต่งด้วยกระดาษสาสีชมพูบางเบาเพ่งมองไปยังสามารถเห็นเงาของผู้คนและสิ่ง ของภายในห้องได้ ดูไปเป็นแรงดึงดูดให้มันรู้สึกวาบหวามอย่างหนึ่ง


"นายท่านโปรดอย่าได้ลืม หงฉานเพียงขายดนตรีศิลปะไม่ขายตัว ขอนายท่านปล่อยประละเว้นแล้ว คิกคิก" หนิงเหมิงหันมายิ้มให้มันอย่างอ่อนหวานทีหนึ่งก่อนจะกล่าวย้ำกฏให้แก่มันอีกครา


"ข้ารู้แล้วใยต้องเตือนให้มากความข้าคิดชมดูจักจั่นแดงของข้าแล้ว"

"มิได้ๆ ข้าน้อยเพียงกลัวว่าเมื่อท่านเห็นบั้นท้ายของมันจะอดคิดว่าปีกจักจั่นกลายเป็นอานอาชามิได้ คิกคิก"

หนานเฟยสิงหัวร่อคราหนึ่งก่อนผลักประตูบุกระดาษชมพูเข้าไป...

--------------------------------------------------------------
ตอนต่อๆไปผมจะโพสผ่านทาง Reply นะครับพอดีไม่ได้เล่นปาร์มนานมากทำให้ลืมๆระบบโพสนู่นนี่ยังไงฝากติดตามติชมด้วยขอรับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP |
|
| 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน
Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top

 

Conferences | Topics | Previous Topic | Next Topic
ปิงหวิน
Guest

1. "RE: นวนิยายจีนกำลังภายในอิโรติค จอมกระบี่เหินบุรุษ ตอน จักจั่นบนหอน้อย"
In response to message #0
 
13-Feb-16, 05:16 PM (SE Asia Standard Time)
 
   จอมกระบี่เหินบุรุษ ตอน จักจั่นบนหอน้อย 2
หนานเฟยสิงผลักประตูบางเบาที่บุด้วยกระดาษสาสีชมพูเข้าไปสู่ด้านใน ห้องภายในดูเรียบง่ายกว่าที่คิดมากนักใจกลางห้องยังไว้ด้วยโต๊ะกลมขนาดใหญ่ทำด้วยหินอ่อนสีขาวละเอียด พร้อมด้วยเก้าอี้กลมทำด้วยหินอย่างเดียวกันอีกสองตัว นอกจากนั้นยังมีเตียงนอนอยู่ติดผนังข้างหนึ่งซึ่งมีม่านเป็นแพรโปร่งบางสีขาวห้อยระย้าอยู่สองข้างของเตียง


สายตาของมันกวาดมองไปทั่วห้องต้องร้องว่าห้องนี้ถูกจัดแต่งไว้ได้อย่างลงตัวเรียบง่ายอย่างยิ่ง สายตาของมันเมื่อกวาดผ่านโดยรอบต้องสะดุดลงที่แผ่นหลังแผ่นหนึ่งที่นอกระเบียงของห้อง

ชายรูปร่างสูงโปร่งผู้หนึ่งใส่ไว้ด้วยกางเกงแพรสีแดงสดพร้อมกับเหน็บขลุ่ยหยกสีขาวเลาเชื่องเลาหนึ่งไว้ที่เอว แต่เปลือยกายท่อนบนให้เห็นแผ่นหลังขาวเนียนละเอียดกว่าหินอ่อนที่ใช้สลักเสลาเป็นโต๊ะตัวที่วางอยู่กลางห้องเสียอีก

“แผ่นหลังอันงามยิ่ง” มันคิดในใจ ก่อนจะกระแอมเบาๆขึ้นคราหนึ่งจากนั้นใช้สายตาอันกรุ้มกริ่มของมัมเพ่งพิศไปยังช่วงคอที่ยาวระหงทว่าดูแข็งแกร่ง มันค่อยไล่สายตาจากสูงลงต่ำมายังช่วงเอวที่ขาวเนียนคอดรับกับช่วงไหล่จนดูรูปร่างเป็นสามเหลี่ยม ยังทำให้มันรู้สึกวาบหวามขึ้นอย่างไม่อาจยับยั้ง

“จักจั่นแดงอันลือเลื่อง เพียงมองแผ่นหลังของเจ้าก็นับว่าคุ้มแล้วกับการมาถึงสถานที่แห่งนี้”

“ท่านมักน้อยยิ่งนัก ผู้คนล้วนชมชอบข้ามากกว่านั้น” เสียงนุ่มนวลทุ้มกังวานของชายหนุ่มผู้หันหลังยืนอยู่ตรงระเบียงของห้องตอบกลับมันอย่างยอกย้อนโดยมิได้หันหน้ากลับมามองแม้แต่น้อย

“หากเจ้ารู้จักข้าหนานเฟยสิงดีกว่านี้ เจ้าย่อมรู้ว่าข้าไม่ใช่คนมักน้อยดั่งเจ้าว่า” หนานเฟยสิงยิ้มลี้ลับวูบหนึ่งก่อนกล่าวออกไปด้วยท่าทียอกย้อนดุจเดียวกัน

เจ้าของแผ่นหลังงามแกร่งยิ้มเล็กน้อย ค่อยๆเบือนหน้ามายังผู้มาเยือน ใบหน้าที่ค่อยๆหันมานั้นกลมรีได้รูป ผมเผ้าของมันสีดำขลับไม่ได้ยาวมากนักดวงตาคมคายของมันลับกับคิ้วที่เข้มเชิดขึ้นจมูกสวยได้รูปโด่งเป็นสัน ริมฝีปากของมันหนาหยักเป็นสีชมพูสดใส ดูไปคล้ายปาติมากรรมหินอ่อนทิ่จิตกรมือหนึ่งปั้นแต่งขึ้นมากกว่าจะเป็นผู้คนมีชีวิต

“หล่อเหลายิ่ง...สมแล้วที่ผู้คนต้องการเจ้ามากกว่าเห็นแผ่นหลัง” หนานเฟยสิงต้องตะลึงกับภาพเด็กหนุ่มที่เห็นตรงหน้า ร่างกายของมันร้อนผะผ่าวขึ้นด้วยอารมณ์กำหนัดจนต้องสะกดข่มไว้

“ข้าน้อย หงฉาน คารวะท่านหนานเฟยสิง มือปราบจากกรมเมืองผู้โด่งดัง เชิญท่านนั่งลงก่อนหงฉานจะรินสุราขับกล่อมดนตรีให้ท่านได้ฟัง” หงฉานยิ้มน้อยๆที่มุมปากคราหนึ่งก่อนจะเคลื่อนตัวของมันผ่านประตูระเบียงของห้องเข้ามาสู่โต๊ะหินอ่อนกลมภายใน

หนานเฟยสิงนั่งลงตามคำร้องเชิญของหงฉานแต่สายตายังไม่อาจจะละจากใบหน้าหล่อเหลาได้รูปนั้นได้จนเกือบลืมจุดประสงค์ในการมาสืบคดีในครั้งนี้

“ใบหน้าท่านแดงยิ่งหนานเฮีย เป็นท่านเมาสุราที่หนิงเหมิงรินมาให้แต่ข้างล่างกระนั้นหรือ” หงฉานสังเกตเห็นสายตาเจ้าชู้มากรักของหนานเฟยสิงยังแอบร้องคำ บุรุษอันร้ายกาจในใจคราหนึ่งก่อนกล่าวเป็นเชิงเรียกสติกลับมาให้แก่หนานเฟยสิง

“หาได้ไม่ๆ ข้ามิได้เมามายสุรามากขนาดนั้น หากแต่เมามายรูปโฉมของเจ้าตรงหน้ามากกว่าแล้ว” หนานเฟยสิงไม่เพียงไม่รู้สึกขวยเขินหลบตายังซ้ำจ้องสายตาอันเจ้าชู้มากรักนั้นกลับไปหาหงฉานเพื่อเป็นการไม่ให้เสียเชิง

“ถ้าเช่นนั้นท่านควรเมาสุรามากกว่า ให้ข้ารินสุราในกานี้ให้ท่านเป็นการคารวะก่อนสักจอกหนึ่งในการที่เราได้พบกันในครั้งนี้”

หงฉานกล่าวพลางหยิบจอกสุราหยกขาวล้ำค่าสองใบที่คว่ำอยู่กลางโต๊ะขยับตัวเข้าใกล้มันมากขึ้นกว่าเก่าจากนั้นจึงใช้มือขาวเนียนทว่าแข็งแกร่งหยิบกาสุราขึ้นเพื่อรินเหล้าให้แก่แขกผู้มาเยือน หงฉานขยับเบียดกายเข้าใกล้หนานเฟยสิงอย่างตั้งใจจนมันได้กลิ่นกายหอมฟุ้งของหงฉานแตะจมูกจนรู้สึกยากทานทน

หนานเฟยสิงครู่หนึ่งเหมือนมันไม่สามารถควบคุมตัวเองอยู่ได้ใช้แขนอันแข็งแกร่งของมันโอบรอบเอวของหงฉานในขณะที่อีกฝ่ายรินสุราลงในจอกทั้งสอง มันพยายามขยับใบหน้าผะผ่าวเหมือนอยากให้แนบชิดแผ่นอกแข็งแกร่งตรงหน้ามากขึ้น

หงฉานยิ้มเจื่อนคราหนึ่งสัมผัสได้ถึงความคุกคามจากบุรุษหนุ่มหล่อคมตรงหน้าค่อยกล่าวเตือนสติมันอีกครา “หนิงเหมิงคงแจ้งกฎให้ท่านทราบอย่างปรุโปร่งแล้ว ขอหนานเฮียละเว้นหงฉานด้วย”

หนานเฟยสิงสะดุ้งคราหนึ่งร่ำร้องในใจ กฎอันร้ายกาจก่อนจะดึงสติของตนกลับมาจากความเมามายได้ มันดึงมือที่กำลังโอบเอวหงฉานกลับอย่างเสียดาย ในระหว่างนั้นเองมือของมันอีกข้างก็ปัดจอกสุราของมันที่อยู่บนโต๊ะตกลงสู่เบื้องล่าง แต่ชั่วพริบตาเดียวเหมือนหงฉานจะใช้ปลายเท้าของตนช้อนรับจอกสุรานั้นไว้ได้อย่างไม่ตั้งใจ

ความบังเอิญที่เกิดขึ้นล้วนอยู่ในสายตาอันเฉียบคมของหนานเฟยสิง หงฉานเหมือนรู้ตัวดึงกำลังกลับจากปลายเท้าปล่อยให้จอกสุราตกลงสู่พื้นดุจที่ควรจะเป็น

“เป็นหงฉานไม่ดีทำหนานเฮียตกใจ เดี๋ยวข้าน้อยจะเปลี่ยนจอกสุราให้ท่านใหม่” หงฉานร่วมรวมสติกลับสู่สภาวะปรกติก่อนจะก้มลงเก็บจอกสุราที่ใต้โต๊ะจากนั้นจึงประคองตัวนั่งลงข้างหนานเฟยสิง

หนานเฟยสิงยิ้มให้แก่หงฉานคราหนึ่งเหมือนไม่ใส่ใจสิ่งที่เกิดขึ้นค่อยกล่าว “นี่เป็นเรื่องเล็กน้อยเจ้าไม่ต้องใส่ใจนักหงตี่ตี๋ ได้ยินว่าเจ้าผิวขลุ่ยได้ไพเราะยิ่งนัก ข้าอยากจะได้ยินดูสักครา”

หงฉานยิ้มพร้อมพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงตอบรับให้แก่มันจากนั้นจึงค่อยหยิบขลุ่ยหยกสีขาวที่เหน็บอยู่ข้างเอวของตนขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ

“หนานเฮียอยากฟังเพลงใดเป็นพิเศษหรือไม่ ดนตรีเก่าใหม่หงฉานล้วนบรรเลงได้”

“ข้าอยากฟังเพลงที่เจ้าถนัดที่สุด จริงๆแล้วด้วยอาชีพของข้าไม่ค่อยมีหูฟังดนตรีมากนักหากแนะนำเจ้าคงเหมือนดูถูกฝีมือเจ้าแล้ว” หนานเฟยสิงพูดพลางจ้องมองดวงตาสุกใสเป็นประกายของหงฉานไม่วางตาก่อนจะยกสุราขึ้นดื่มจนหมดจอก

“ถ้าเช่นนั้นยังคงเป็นเพลง “จักจั่นคืนจันทร์” ที่หงฉานถนัดเป็นที่สุด” หงฉานยิ้มพลางจ้องตาหนานเฟยสิงไม่วางกัน มันก็คงต้องยอมรับว่าก็รู้สึกถูกใจชายหนุ่มรูปงามผิวสีแทนผู้มาเยือนผู้นี้เป็นพิเศษมากกว่าผู้อื่นที่ผ่านมาในรอบหลายเดือนที่หอหมื่นอาชาพันลี้แห่งนี้ถูกเปิดขึ้นใจกลางตลาดแห่งเมืองลั่วหยาง

หงฉานนำขลุ่ยขึ้นแตะริมฝีปากอวบอิ่มก่อนจะบรรเลงเพลงที่ตนถนัดขับกล่อมให้แก่หนานเฟยสิงได้ฟัง เสียงดนตรีนั้นออกจะเศร้าสร้อยไปสักหน่อย บทเพลงกล่าวถึงจักจั่นตัวน้อยตัวหนึ่งที่เฝ้าฝันมองปองดวงจันทราบนฟากฟ้าแต่พยายามจะบินไปให้สูงเพียงไรก็มิอาจบินไปได้ถึง บทเพลงที่บรรเลงนั้นเคลิบเคลิ้มเมามายผสมกับฤทธิ์สุราชั้นดียิ่งทำให้หนานเฟยสิงรู้สึกวาบหวามขึ้นอย่างไม่อาจสะกดข่มได้อีกต่อไป

เพลงจากขลุ่ยบรรเลงไปได้สักพัก หงฉานค่อยหมุนตัวหันแผ่นหลังแข็งแกร่งให้แก่มันจากนั้นเหม่อมองออกไปนอกระเบียง หนานเฟยสิงไม่อาจสะกดข่มความใคร่ของมันได้อีกต่อไป มันรู้สึกจ่อมจมอยู่ในห้วงกำหนัดลึกล้ำ

“ขอให้ข้าได้กอดเจ้าสักคราเถิด หงตี่ตี๋รับรองว่านี่ไม่ผิดกฎแต่อย่างใด” หนานเฟยสิงพูดเสียงเบาบางก่อนใช้แขนทั้งสองข้างโอบรัดรอบแผ่นหลังขาวเนียนนั้นในขณะที่หงฉานกำลังบรรเลงเพลง

หงฉานหลับตาพริ้มต้องร่ำร้องในใจว่าบุรุษผู้นี้พิเศษยิ่ง รุ่มร้อน และเร่งเร้ายิ่งตัวมันเองก็เกือบจะตกอยู่ในห้วงกำหนัดลึกล้ำเช่นเดียวกันกับมัน

หนานเฟยสิงกอดหงฉานพร้อมกันกับใช้ใบหน้าแนบชิดกับแผ่นหลังนั้นหลับตาลงหายใจรดแผ่นหลังนั้นหลายคราก่อนจะจุมพิตแผ่นหลังนวลเนียนนั้นด้วยริมฝีปาก ดื่มด่ำทั้งรสจากสุรา เสียงดนตรี และความอบอุ่นจากกายเด็กหนุ่มตรงหน้า

“นี่จึงเป็นสวรรค์สำหรับหนานเฮียแล้ว” หนานเฟยสิงเห็นหงฉานไม่ปฏิเสธการกระทำรุกล้ำของมันกลับยิ่งย่ามใจมันลุกไล่ริมฝีปากจากแผ่นหลังของหงฉานขึ้นไปยังลำคอขาวละเอียดก่อนจุมพิตที่ซอกคอมันคราหนึ่งจากนั้นลืมตาขึ้น...

ทันใดนั้นเองภาพที่มันเห็นกลับทำให้มันเรียกสติกลับคืนมาได้อย่างจังเมื่อสายตาของมันบังเอิญพอดีกับที่หันไปนอกระเบียงและเห็นหลังคาบ้านที่ดูคุ้นตายิ่งหลังหนึ่ง หลังคาบ้านของสกุลหม่าที่ถูกฆาตกรรมยกครัวไปเมื่อสองเดือนก่อน สาเหตุที่มันต้องมาที่นี่เพื่อสืบหาข้อมูลนั่นเอง

“หนานเฮียควรละเว้นหงฉานแล้ว” คราวเดียวกันหงฉานก็ดึงสติกลับมา มันต้องโอดครวญในใจถึงเสน่ห์อันยั่วยวนอย่างยิ่งของหนานเฟยสิงที่ทำให้มันเกือบจะต้องผิดกฏที่ถูกตั้งขึ้นเช่นกัน

“นี่เย็นมากแล้วข้าเกือบจะลืมเวลา ข้ามีงานจักต้องทำที่กลมเมืองเล็กน้อยขอหงตี่ตี๋โปรดอภัยที่ข้าได้กร้ำกรายเจ้าในวันนี้”

หงฉานยิ้มอย่างเอียงอายคราหนึ่งก่อนทำทีรินสุราอีกจอกให้แก่หนานเฟยสิง

“หาได้ไม่ หนานเฮียท่านมิได้ทำผิดกฎอันใดหงฉานมิอาจตำหนิท่านได้”

หนานเฟยสิงล้วงเงินสามก้อนในผ้าคาดเอวก่อนจะวางมันไว้บนโต๊ะ จ้องสบตาสอดประสานกับหงฉานคราหนึ่งอย่างอาลัยที่จะต้องจากไปรวดเร็วเช่นนี้ จากนั้นจึงดื่มสุราบนโต๊ะคราหนึ่งสะกดข่มอารมณ์แล้วหันหลังเปิดประตูจากไป...


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
อึ้งเอ็ง
Guest

2. "RE: นวนิยายจีนกำลังภายในอิโรติค จอมกระบี่เหินบุรุษ ตอน จักจั่นบนหอน้อย"
In response to message #1
 
14-Feb-16, 11:22 AM (SE Asia Standard Time)
 
   สำนวนกำลังภายใน ดียิ่งนัก รออ่านบทพิศวาสสุดรัญจวน
หวังว่าท่านคงจะกลับมาร่ายเรื่องต่อ
ไม่ลี้กายหายไปเช่นดังท่านอื่น


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
ปิงหวิน
Guest

3. "RE: นวนิยายจีนกำลังภายในอิโรติค จอมกระบี่เหินบุรุษ ตอน จักจั่นบนหอน้อย"
In response to message #2
 
14-Feb-16, 11:28 AM (SE Asia Standard Time)
 
   >สำนวนกำลังภายใน ดียิ่งนัก รออ่านบทพิศวาสสุดรัญจวน
>หวังว่าท่านคงจะกลับมาร่ายเรื่องต่อ
>ไม่ลี้กายหายไปเช่นดังท่านอื่น

ยินดีอย่างยิ่งขอรับนายท่าน มีกำลังใจเช่นนี้ข้าน้อยไม่หนีไปไหนแน่นอน


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
ปิงหวิน
Guest

4. "RE: นวนิยายจีนกำลังภายในอิโรติค จอมกระบี่เหินบุรุษ ตอน จักจั่นบนหอน้อย"
In response to message #3
 
14-Feb-16, 02:18 PM (SE Asia Standard Time)
 
   จอมกระบี่เหินบุรุษ ตอน จักจั่นบนหอน้อย 3
ช่วงหัวค่ำในที่ว่าการกรมเมืองแห่งเมืองลั่วหยาง หนานเฟยสิงเดินวกไปวนมาอยู่ภายในห้องทำงานอย่างครุ่นคิดท่ามกลางบรรยากาศขมุกขมัวของสถานที่ๆน้อยคนนักจะอยากเข้ามาเยือน

“ผลชันสูตรบอกว่า หม่าต้าหู่เจ้าบ้านสกุลหม่าตายก่อนหน้าคนอื่นๆในที่เกิดเหตุใช่หรือไม่ แล้วก่อนหน้าเท่าไหร่หรือท่าน?” หนานเฟยสิงกล่าวถามบุรุษอีกผู้หนึ่งซึ่งยืนกอดอกครุ่นคิดอยู่ตรงหน้ามัน

“6-7 ชั่วยามทีเดียวจากผลชันสูตร และการตายก็ไม่เหมือนศพอื่นๆด้วย” ชายอีกผู้หนึ่งซึ่งอยู่ในชุดมือปราบเช่นเดียวกันกับหนานเฟยสิงตอบกล่าว มันคือองเฮ้ยโส่วผู้ช่วยมือสำคัญของหนานเฟยสิงมันมีฉายาว่า “หมัดดำ” นั่นเป็นเพราะอาวุธสำคัญของมันคือหมัดที่แข็งแกร่งดุจเหล็กกล้า องค์เฮ้ยโส่วเลิกคิ้วหนาหยาบที่กั้นไว้ด้วยจมูกใหญ่โตขึ้นเหมือนครุ่นคิดหาหลักฐานชิ้นสำคัญจากบทสนทนา

หนานเฟยสิงร้อง อ้อ คำหนึ่งก่อนจะทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ของโต๊ะทำงานพร้อมกับกล่าว “จากตอนที่ข้าเห็นศพของเขาข้าก็เหมือนจะสังเกตว่าเขาตายเพราะขาดอากาศหายใจ ไม่ได้ตายจากคมอาวุธเหมือนศพอื่นๆในคืนนั้น”

“นั่นจึงถูกต้องแล้ว จากที่ข้าตรวจสอบดูเขาขาดอากาศหายใจตายตั้งแต่ก่อนหน้าเกิดการฆาตกรรมล้างบ้านสกุลหม่าอยู่ถึง 6-7 ชั่วยามนี่ไม่ทราบเป็นเพราะสาเหตุใด แต่บนร่างมันพบจุดจ้ำๆเหมือนโดนของแข็งจี้สกัดแต่ในที่เกิดเหตุก็ไม่พบอาวุธอันใดเลย” องค์เฮ้ยโส่วกล่าวย้ำสาเหตุการเสียชีวิตของหม่าต้าหู่เจ้าบ้านสกุลหม่าผู้ลือชื่อ

บ้านสกุลหม่าประกอบกิจการคุ้มภัยแม้ไม่ได้เป็นอันดับหนึ่งในลั่วหยางแต่ก็นับได้ว่ามีหน้ามีตาอยู่ในอันดับต้นๆ เทียบเคียงกันกับบ้านสกุลจี้ที่นับได้ว่าเป็นคู่แข่งคนสำคัญและเป็นที่จับตาว่าบ้านสกุลจี้ได้ประโยชน์อย่างมากในการตายยกครัวของหม่าต้าหู่และการสูญสลายไปของกิจการของมัน ตอนที่พบศพของหม่าต้าหู่ศพของมันอยู่ในห้องเพียงแค่ศพเดียว สภาพล้มลงตรงหน้าต่างระเบียงของห้องที่เปิดอ้าออกภายในห้องไม่พบอาวุธหรือการต่อสู้อันใด หากมองผิวเผินผู้คนยังคงคิดว่ามันเป็นโรคลมปัจจุบันเสียชีวิต

องค์เฮ้ยโส่วเงยหน้าขึ้นเดินตรงมายังโต๊ะที่หนานเฟยสิงนั่งอยู่แล้วกล่าว “อาจเป็นเพราะว่าคนร้ายทราบว่าหม่าต้าหู่มีวิชาฝีมือสูง จึงลงมือสังหารมันก่อนที่จะทำการฆ่าล้างบ้านสกุลหม่า”

“นั่นก็อาจเป็นได้แต่หม่าต้าหู่ตายก่อนที่จะเกิดการฆ่าล้างสกุลหม่าถึง 6-7 ชั่วยาม ถ้าหากคนในบ้านมาพบศพก่อนจะไม่ทำให้ผู้คนในบ้านระวังตัวมากขึ้นหรือ นี่ย่อมเป็นการปิดโอกาสตัวเองของฆาตกรข้ายังไม่อาจแน่ใจในประเด็นนี้ อีกทั้งมีเพียงศพของมันที่ไม่มีผ้าแพรแดงเหน็บที่คอหากฆาตกรลงมือและจงใจจัดฉากเหตุใดเว้นไว้เพียงศพของมันเล่า”

องเฮ้ยโส่วคิดตามต้องร่ำร้องชื่นชมในความละเอียดลออของหนานเฟยสิง เพราะถ้าหากว่าหม่าต้าหู่เสียชีวิตก่อนผู้คนในบ้านของมันจะต้องระวังป้องกันอย่างดี อีกทั้งยังอาจจะแจ้งความแก่กรมเมืองทำให้ฆาตกรไม่มีโอกาสลงมือได้ ฆาตกรจะกระทำการซับซ้อนดั่งนั้นเพื่ออะไร
“นี่อาจเป็นฆาตกรคนละพวกกัน ฆาตกรพวกแรกจงใจฆ่าเพียงหม่าต้าหู่แต่อีกพวกจงใจล้างบ้านสกุลหม่าโดยอาจทราบหรือไม่ทราบมาก่อนก็ได้ว่าหม่าต้าหู่ตายไปก่อนหน้าแล้ว ในสองเดือนมานี้เราเฝ้าคิดแต่ว่าฆาตกรเป็นพวกเดียวกันอีกทั้งรอผลชันสูตรศพของหม่าต้าหู่จึงไม่มีอะไรคืบหน้าเช่นนี้” หนานเฟยสิงสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นพร้อมกล่าวคำสันนิษฐานอันผิดแปลกไปจากเดิม

องเฮ้ยโส่วรับฟังยังไม่ได้กล่าวต่ออันใด หนานเฟยสิงก็เหมือนดวงตาแจ่มใสขึ้นดั่งนึกอะไรออกจากสาเหตุการตายของเจ้าบ้านสกุลหม่า มันตบโต๊ะร้องคำอ้อคำหนึ่งจากนั้นหยิบกระบี่ที่วางบนโต๊ะเหน็บเข้าข้างเอว

“องค์ตี่ตี๋ นี่เป็นคดีไม่ธรรมดาหากข้อสันนิษฐานของข้าเป็นจริงนี่นับว่ามีฆาตกรอยู่เกลื่อนลั่วหยางแล้ว คนของหน่วยเราตอนนี้มีใครพอจะใช้งานได้บ้าง”

องเฮ้ยโส่วสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นพร้อมกับกล่าว “ช่วงนี้คนของกรมเมืองแทบทั้งหมดถูกส่งไปจัดแจงดูความสงบเรียบร้อยระหว่างทางไปเขาไท่ซ่านเพื่อเตรียมพิธีบูชาสรวงสวรรค์ของฮองเฮา (บูเช๊กเทียน)ที่จะจัดขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้านับว่าตอนนี้เราขาดคน”

“นี่นับว่าแย่ที่สุด หากเราเอาพวกทหารเลวเข้าปะทะกับเหล่ามือสังหารพวกนี้นับว่าเอาไข่กระทบหิน” หนานเฟยสิงตบโต๊ะปังระบายความไม่พอใจจากนั้นทำสีหน้าสลดลงพร้อมกับล้วงของสิ่งหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ

ของสิ่งนั้นเป็นถุงแพรสีน้ำเงินเข้มสลักลวดลายวิจิตใบหนึ่งมันเปิดถุงผ้าแพรออกเผยให้เห็นแถบผ้าไหมสีม่วงเข้มแถบหนึ่งซึ่งเมื่อคลี่แถบผ้าออกปรากฏเป็นสายรัดเอวของสตรีเส้นหนึ่งแต่ดูเหมือนมันจะถูกตัดให้สั้นลงด้วยของมีคมจนเหลือความยาวประมาณเพียงแค่ศอกเดียวเท่านั้น

“นี่คือสิ่งของอันใดหรือ หนานเฮีย” องเฮ้ยโส่วเพ่งมองแถบผ้าไหมสีม่วงเข้มแถบนั้นพร้อมเอ่ยปากถาม

หนานเฟยสิงดวงตาทอแววทดท้อเหมือนไม่อยากคิดถึงอดีตอันขมขื่นมันใช้นิ้วม้วนแถบผ้าไหมนั้นเก็บกลับเข้าไปในถุงแพรจากนั้นยื่นให้แก่องเฮ้ยโส่วพร้อมทอดถอนใจก่อนจะกล่าวขึ้น
“เจ้าจงนำนี่ไปให้เจ้าวังหนี่ บอกนางว่าข้าต้องการความช่วยเหลือให้เร่งรุดมาโดยเร็ว”

องเฮ้ยโส่วร้องเพ้ยคำหนึ่งจึงกล่าว “เจ้าวังหนี่...หรือว่าจะเป็นหนี่อ้ายเหรินชู้รักเก่าของท่านหนานเฮีย”

หนานเฟยสิงหันขวับมามองหน้ามัน องค์เฮ้ยโส่วรู้สึกผิดที่กล่าวจี้ใจดำของพี่น้องคนสนิทของตนไปอย่างไม่ตั้งใจ

“ใช่..หนี่อ้ายเหรินเจ้าวังดรุณสวรรค์คนนั้นล่ะ งานนี้สำคัญอย่างยิ่งและอันตรายยิ่งข้าต้องการส่งเจ้าไปให้นางเข่นฆ่าจะได้หายปากพร่อยสักครา” หนานเฟยสิงถอนหายใจฟืดออกทางจมูกเหมือนไม่สบอารมณ์พลางทอดความคิดไปถึงวันวานครั้งก่อนกับสตรีผู้เป็นคนรักเก่า

“ข้าน้อยขออภัย แต่เรื่องที่ท่านว่าจักส่งข้าพี่น้องท่านไปตายเห็นว่าจะจริงแล้ว ข้าได้ยินมาว่านางวรยุทธ์สูงส่งยิ่งทั้งยังชมชอบเข่นฆ่าผู้ชาย นางเกลียดผู้ชายนี่เป็นความจริงหรือไม่” องเฮ้ยโส่วทำหน้าแหยๆพร้อมกับกล่าวถามหนานเฟยสิงที่ดูสีหน้าดีขึ้นหลังจากด่าว่ามัน

“ล้วนเป็นความจริง แต่เพียงเจ้าแสดงแถบผ้าไหมนี้ให้เจ้าวังหนี่เห็นนางจะไม่ทำร้ายเจ้า บอกนางให้เร่งรุดมาพบข้าเราจะต้องใช้ยอดฝีมือ ใช้คนน้อยสยบคนมาก มีเจ้าข้าและนางสามคนผีสางอันใดล้วนไม่ต้องกลัว”

“ส่วนข้ามีข้อสงสัยบางอย่างจะต้องไปเห็นด้วยตาให้หายสงสัยให้ได้ในตอนนี้ ข้าจะรุดไปที่เกิดเหตุบ้านสกุลหม่าสักหน่อย เมื่อเช้าข้าเห็นบางอย่างที่หอหมื่นอาชาพันลี้” หนานเฟยสิงสลัดความคิดคำนึงถึงหนี่อ้ายเหรินออกไปจากหัวจากนั้นเขาใช้มือจับกระบี่คู่ใจแล้วจึงเดินออกจากห้องไป

องเฮ้ยโส่วกรอกตาขึ้นทำหน้าทะเล้นพร้อมกับอมยิ้มแล้วจึงกล่าว “ใช่เห็นเด็กหนุ่มๆในหอหมื่นอาชาพันลี้จนละลานตาใช่หรือไม่หนานเฮีย เป็นท่านหนีไปเสพสุขปล่อยข้าจมปรักอยู่แต่กับทหารน่าเบื่อพวกนี้คนเดียว”

“หรือเจ้าอยากเสพสุขกับเด็กหนุ่มๆเหมือนข้าบ้างไหมล่ะองตี่ตี๋ ข้ารับรองว่าดีกว่าสตรีที่เจ้าเคยลิ้มลองหลายเท่านัก” หนานเฟยสิงยิ้มที่มุมปากพลันตอบกลับองเฮ้ยโส่ว

องเฮ้ยโส่วทำหน้าแหยทีหนึ่งเบ้ปากแล้วพลันกล่าว “ข้าคิดว่ายังคงไม่ลิ้มลองเป็นดีกว่าเพราะกลัวว่าจะมีเรื่องผิดใจกับพี่น้องเช่นท่านแล้วคงไม่ใช่การดีหากแย่งคนรักคนเดียวกัน อีกทั้งข้ายังชมชอบความอ้อนแอ้อนของสตรีมากกว่าตัวหนาๆของบุรุษ”

หนานเฟยสิงร้องเพ้ยคำหนึ่งกำหมัดต่อยหน้าอกองเฮ้ยโส่วเบาๆทีหนึ่งพลันกล่าว “เจ้านี่นอกจากหมัดหนักแล้วปากยังกัดได้หนักหน่วงอีกด้วย เอาเป็นว่าเจ้าก็ไปหาทางเสพสุขกับสาวๆที่วังดรุณสวรรค์ของเจ้าวังหนี่แล้วกัน”

“ท่านคงอยากให้ข้าตายจะได้ครองสถานที่นี้แค่คนเดียวแล้วหนานเฮีย”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่ใช่การตายในอ้อมอกที่เจ้าต้องการดอกหรือพี่น้องข้า”

หนานเฟยสิงกล่าวจบก็เดินตัวปลิวออกจากที่ว่าการกรมเมืองออกไป เขามุ่งหน้าไปสู่สถานที่เกิดเหตุซึ่งก็คือบ้านสกุลหม่าที่อยู่ห่างออกไปหลายช่วงตึกพลางครุ่นคิดถึงหงฉานและหน้าต่างที่ระเบียงที่เขาเห็นเมื่อตอนกลางวัน....


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
ปิงหวิน
Guest

5. "RE: นวนิยายจีนกำลังภายในอิโรติค จอมกระบี่เหินบุรุษ ตอน จักจั่นบนหอน้อย"
In response to message #4
 
14-Feb-16, 06:55 PM (SE Asia Standard Time)
 
   จอมกระบี่เหินบุรุษ ตอน จักจั่นบนหอน้อย 4

วันเพ็ญกลับมาเยือนอีกครั้งพร้อมจันทราทรงกลดกระจ่างกลางฟ้าใสของลั่วหยาง คืนนี้ดวงดาวดูจะหรี่แสงหลีกทางให้กับแสงจันทร์โดยสิ้นเชิง หนานเฟยสิงในชุดมือปราบสีขาวสะอาดประจำตำแหน่งของเขาย่ำเท้าหนักๆเหมือนแบกเรื่องหนักอึ้งอยู่บนบ่าเข้าสู่เขตของบ้านสกุลหม่า

ประตูหน้าของบ้านล๊อคปิดตายและถูกปิดด้วยกระดาษของกรมเมืองเพื่อกันคนนอกให้ถอยห่างจากจุดเกิดเหตุที่เกิดเรื่องขึ้นตั้งแต่สองเดือนก่อน หยากไย่และเศษใบไม้แห้งปะทะลมหวีดหวิวให้เป็นความรู้สึกเย็นเยียบอย่างหนึ่งจับขั้วหัวใจ

หนานเฟยสิงสะกิดเท้าเล็กน้อยกระโจนตัวผ่านกำแพงรั้วของบ้านไปได้ไม่ยากเย็น บ้านสกุลหม่านั้นกว้างขวางมากเรียกได้ว่าเป็นหมู่ของตึกประมาณ สามสี่หลังที่กระจายกันออกไปนับได้ว่าเป็นหนึ่งในสกุลใหญ่แห่งลั่วหยางแห่งนี้ ตั้งแต่เรือนรับรองใหญ่ไล่ไปจนถึงเรือนคนใช้บัดนี้ล้วนเงียบสงัดไร้เสียงผู้คนเหมือนเคยมี

“แด่เสียงเพลงของจักจั่นแดง”

หนานเฟยสิงอ่านคำบนกำแพงที่เขียนด้วยเลือดด้านในของของเขตบ้าน มันเพ่งดูรอยเลือดที่แห่งกรังไปจนแทบจะอ่านไม่รู้เรื่องแล้วในตอนนี้แต่มันยังคำจำได้ดีในวันที่มาถึงที่นี่เป็นครั้งแรก ในบ้านล้วนคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวของเลือด จนถึงบัดนี่ที่พื้นของที่เกิดเหตุก็ยังปรากฏรอยตะเกียกตะกายหนีตายของคนในบ้านเป็นทางยาวของเลือดกระจัดกระจายไปทั่วสร้างให้เกิดเป็นภาพที่น่าสยดสยองอย่างหนึ่ง

“นี่เกี่ยวอันใดกับหงฉาน หรือว่านี่เป็นเพียงเรื่องบังเอิญ” มันคิดพลางหวนนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาของเด็กชายผู้ที่ทำให้มันลุ่มหลงจนเกิดกำหนัดล้ำลึกในตอนเช้า ที่ขณะนี้แม้ว่ามันอยู่ในการปฏิบัติหน้าที่ยังไม่อาจสลัดหลุดจากความรู้สึกลุ่มร้อนผะผ่าวของเหตุการณ์เมื่อกลางวัน

มันเงยหน้ามองสูงขึ้นไปทางด้านหลังของหมู่ตึกแสงจันทร์กระจ่างของวันเพ็ญทำให้มันมองเห็นสิ่งหนึ่งที่เป็นจุดสังเกตอันที่มันไม่เคยนึกถึงมาก่อน

“นี่เป็นภูตผีหลอกหลอนแล้ว ทำไมข้าไม่เคยคิดถึงมันนะ” หนายเฟยสิงร่ำร้องด้วยความประหลาดใจเมื่อมันมองสูงขึ้นไปแล้วมองเห็นยอดของตึกหลังสีแดงโอ่อ่าหลังหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปจากด้านหลังของบ้านสกุลหม่า “หอหมื่นอาชาพันลี้”

หนานเฟยสิงสะกิดเท้าพุ่งตรงไปยังด้านหลังของหมู่ตึกอย่างเร่งรีบประหนึ่งว่าข้อสันนิษฐานในใจของมันกำลังจะได้รับความกระจ่างเยี่ยงนั้น

ด้านหลังเป็นบ้านพักและห้องหนังสือของเจ้าบ้าน หม่าต้าหู่พร้อมทั้งเป็นที่ๆพบศพของมันนอนขาดใจตายอยู่บนชั้นสองของตึกหลังนั้นด้วย หนานเฟยสิงเดินถอยหลังออกห่างสี่ห้าก้าวจากตัวตึกหลังนั้น มันเพ่งตามองผ่านแสงจันทร์ทำให้ยิ่งแน่ใจว่าที่เห็นห่างออกไปไม่ไกลนั่นเป็นหอหมื่นอาชาพันลี้นี่เอง มันรีบถลันตัวผ่านทางประตูตึกหลังนั้นเข้าไปด้านใน สภาพด้านในของตึกหลังนี้ดูดีกว่าของที่อื่นๆในบ้านเพราะว่าสถานที่แห่งนี้แทบจะไม่ถูกแตะต้องเลย ไม่มีการต่อสู้ฆ่าฟัน หรือขัดขืนเหมือนที่อื่น ประหนึ่งว่าศพของหม่าต้าหู่อยู่ๆก็ปรากฏขึ้นที่ชั้นสองของตึกก็ไม่ปาน

มันสำรวจด้านล่างชั่วพักหนึ่ง จากนั้นค่อยพลิ้วกายผ่านบันไดของตึกขึ้นสู่ชั้นสองซึ่งเป็นที่ๆพบศพของหม่าต้าหู่อยู่ในห้องหนังสือของมันนั่นเอง หนานเฟยสิงใช้มือที่ถือกระบี่ด้านหนึ่งกวาดผ่านหยากไย่ที่เริ่มขึ้นอยู่ทั่วจากการไร้ความดูแล และปัดฝุ่นผงที่สะท้อนแสงจันจนเห็นเป็นละอองลอยล่องได้อย่างถนัดตาเข้าสู่ห้องที่เกิดเหตุ

เมื่อเข้าสู่ด้านในของห้องเกิดเหตุซึ่งเป็นห้องหนังสือของเจ้าบ้านสิ่งแรกที่ทำให้มันสะดุดหยุดลงคือแสงจันทร์ที่ทอดผ่านหน้าต่างด้านหลังของห้องหนังสือซึ่งตรงกับด้านหลังของหมู่ตึกพอดี มันย่ำเดินตรงไปยังหน้าต่างที่อยู่เหนือโต๊ะเขียนหนังสือของผู้ตาย

ลมหอบหนึ่งผ่านเข้ามาทางหน้าต่างเหมือนผีสางแสร้งให้เกิดมันพัดเอาฝุ่นและกระดาษหลายชิ้นปลิวว่อนไป สายตาอันแหลมคมของมันสังเกตกระดาษแผ่นหนึ่งที่มีอักษรสองตัวปลิวลอยขึ้นต้องกับแสงจันทร์ที่สาดผ่านหน้าต่างเข้ามา มันคว้าหมับเข้ากับกระดาษใบนั้นอย่างแม่นยำแล้วจึงเดินตรงไปสู่หน้าต่างของห้องจากนั้นส่องมันกับแสงจันทร์ดูอักษรบนนั้น

“กวงหง กวงหง..นี่หมายถึงสิ่งใดท่านหม่า ท่านต้องการบอกอะไรข้าหรือเปล่า”

หนานเฟยสิงถอนใจเฮือกใหญ่อย่างทดท้อ เลื่อนกระดาษจากระดับใบหน้าลงและแล้วสิ่งที่มันสังเกตเห็นต้องทำให้มันร่ำร้อง โอ ออกมาคำใหญ่

“นี่เป็นเรื่องราวผีสางแล้ว ใยใกล้กันถึงเพียงนี้”

สิ่งที่มันเห็นคือระเบียงของห้องๆหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลจากหน้าต่างของตึกแห่งนี้เท่าใดนัก ระเบียงของห้องหงฉานนั่นเอง มันเพ่งสายตามองออกไปคำนวณระยะห่างระหว่างหน้าต่างของตึกที่มันยืนอยู่ กับระเบียงที่ดูสูงขึ้นไปจากระดับสายตาเล็กน้อยของหอหมื่นอาชาพันลี้ที่มันเพิ่งไปเยือนมาเมื่อกลางวัน

“ควับ....!!!” เสียงของวัตถุบางอย่างลอยผ่าอากาศมาทางด้านหลังของมัน หนานเฟยสิงใช้ประกับของกระบี่ในมือต้านรับสิ่งนั้นด้วยความว่องไวพลันหมุนตัวหันกลับมาอย่างรวดเร็วยิ่ง

เงาดำสูงโปร่งสายหนึ่งวิ่งถลันสวนเข้าใส่หนานเฟยสิงก่อนที่จะถลาตัวลงจากหน้าต่างของห้องลงไป เงาดำสายนั้นต้องกระทบแสงจันทร์ มันรีบถลาตัวพุ่งออกจากหน้าต่างร่อนลงสู่พื้นด้านล่างตามเงาดำนั้นและออกวิ่งติดตามไปทันที

“วิชาตัวเบาอันร้ายกาจ” หนานเฟยสิงร่ำร้องกล่าวชมวิชาตัวเบาของคนชุดดำซึ่งปิดหน้าตาวิ่งอยู่ด้านหน้าของตน พวกมันวิ่งไล่กันไปได้สักพักจนหนานเฟยสิงเริ่มเห็นกำแพงสูงของเรือนคนใช้ที่ขวางหน้าทางวิ่งของชายชุดดำอยู่ มันยิ้มอย่างลี้ลับวูบหนึ่งพลางกล่าว

“ไม่มีที่ให้ขาบัดซบของเจ้าวิ่งหนีแล้ว”!!!

เงาดำสายนั้นแทนที่จะหยุดยั้งลงตรงกำแพงของตึกตรงหน้ามันกลับร้องดัง เฮ้ยคำหนึ่งแล้วใช้ขาอันยาวเก้งก้างของมันไต่ขึ้นสู่กำแพงตีลังกากลับมารัวเพลงเท้าที่ถี่ยิบดั่งตาข่ายใส่หนานเฟยสิงอย่างไม่ทันตั้งตัว

หนานเฟยสิงแม้แตกตื่นแต่ไม่ลนลาน มันใช้ออกด้วยวิชาตัวเบาประจำตัว “บุรุษเหินคว้าเมฆา” สะกิดตัวลอยขึ้นจากพื้นสูงเหนือเพลงเท้าที่กำลังรัวถี่ยิบมาหามันพลางกล่าว “เพลงเท้าที่ดี”

“ล้วนเสมอกัน” ชายชุดดำตกใจกับวิชาตัวเบาอันยอดเยี่ยมของมันจนต้องร่ำร้องชื่นชมคำหนึ่ง

หนานเฟยสิงใช้เท้ายันกำแพงของตึกเรือนคนใช้พลางตีลังการอบหนึ่งลงมาเหยียบยืนบนพื้นด้านหน้าของกำแพงตึกอย่างสง่างาม ทั้งสองสลับที่กันมายืนประจันหน้าท่ามกลางแสงจันทร์ทรงกลดภายใต้บรรยากาศเย็นเยียบ

ถึงตอนนี้หนานเฟยสิงค่อยเห็นรูปร่างของคนชุดดำชัดเจน มันเป็นชายจากเสียงกล่าวที่หนานเฟยสิงได้ยินและมีรูปร่างสูงโปร่งประหลาดกว่าคนทั่วไป น่าจะสูงถึง 6 เซียะ จากการคาดคะเน ช่วงเอวของมันพลิ้วไหวคล้ายไม่มีกระดูกและมีช่วงขาที่ยาวกว่าลำตัวประกอบขึ้นเป็นสิ่งหายากและเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะฝึกเพลงเท้าอันยอดเยี่ยม

ชายชุดดำร้องเพ้ยคำหนึ่งพยายามจะวิ่งหนีออกทางกำแพงด้านหลังของตึกบ้านสกุลหม่า แต่หนานเฟยสิงพลิ้วกายดักไว้ไม่ยอมให้มันหลุดรอดออกไป

“ตามเป็นเงาผีสาง สมแล้วที่เป็นมือปราบอันดับหนึ่งแห่งลั่วหยาง แต่ยังไม่ใช่วันนี้” ชายชุดดำกล่าวพร้อมกับทะยานตัวออกไปทางกำแพงด้านหลังของบ้านสกุลหม่าอย่างไม่กลัวการปะทะกับหนานเฟยสิง มันวิ่งอย่างรวดเร็วจนหลบกายเข้าสู่เงาดำของต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่อยู่มุมตึก จากนั้นควักบางอย่างที่ผ้าคาดเอวและปาออกไปใส่หนานเฟยสิง

“บัดซบ” หนานเฟยสิงร่ำร้องพร้อมพลิ้วกายหลบสิ่งที่ชายชุดดำปาเข้าหา สิ่งนั้นปะทะเข้ากับต้นไม้กลายเป็นหมอกควันคละคลุ้งไปทั่วหนานเฟยสิงใช้ใช้แขนเสื้อป้องจมูกเอาไว้แล้วพลิ้วกายถอยออกมาอยู่กลางแสงสว่างปล่อยให้ชายชุดดำถลันตัวลอยขึ้นสูงผ่านกำแพงของบ้านสกุลหม่าหนีออกไปไกลภายในเวลาชั่วพริบตา

หนานเฟยสิงใช้กำปั้นทุบกระบี่เบาๆอย่างเจ็บใจ แต่แล้วก็ค่อยสงบสติอารมณ์ลงพร้อมแหงนหน้ามองผ่านแสงจันทร์ออกไปไกลสู่หอหมื่นอาชาพันลี้ ถึงตอนนี้มันไม่คิดตามชายชุดดำที่หนีไปไกลอีกแล้ว มันพักหอบหายใจครู่หนึ่งมั่นใจว่าระเบิดควันนั้นไม่มีพิษแล้วจึงค่อยเดินหลุดพ้นจากบ้านสกุลหม่ากลับสู่ที่ทำงานของมันในกรมเมืองในทันที

----------------------------------------------------
โพสเรื่อยๆนะครับ น้อมรับทุกคำติชมถือเป็นกำลังใจครับ ขอบพระคุณมากครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
ปิงหวิน
Guest

6. "RE: นวนิยายจีนกำลังภายในอิโรติค จอมกระบี่เหินบุรุษ ตอน จักจั่นบนหอน้อย"
In response to message #5
 
14-Feb-16, 10:13 PM (SE Asia Standard Time)
 
   จอมกระบี่เหินบุรุษ ตอน จักจั่นบนหอน้อย 5

เวลาผ่านไปได้สองสามวันหลังจากการไปเยือนบ้านสกุลหม่าของหนานเฟยสิง หลังจากกลับไปหนานเฟยสิงได้แต่ครุ่นคิดถึงคำสองคำบนกระดาษที่ได้จากที่เกิดเหตุ “กวงหง” แต่คิดอย่างไรมันก็คิดไม่ออกจนกระทั่งสองวันก่อน ในขณะที่องเฮ้ยโส่วกำลังจะเดินทางเพื่อไปติดต่อขอความช่วยเหลือจากหนี่อ้ายเหรินคนรักเก่าของมัน มันจึงได้เล่าเรื่องนี้ให้องเฮ้ยโส่วที่เปรียบเสมือนพี่น้องคู่ใจทราบ

หนานเฟยสิงคิดทบทวนคำพูดของมันกับองเฮ้ยโส่วเมื่อสองวันก่อน…

“เจ้าคุ้นๆชื่อ กวงหง บ้างไหมองตี่ตี๋ มีใครในละแวกนี้มีชื่อนี้หรือไม่”

“กวงหง กวงหง เท่าที่ข้ารู้ไม่มีใครในบ้านสกุลหม่ามีชื่อนี้” องเฮ้ยโส่วกล่าวตอบกลับพร้อมกับจัดแจงม้าคู่ใจที่ชื่อ “เจ้าอืด” เพื่อเตรียมเดินทางไปทำภารกิจที่ได้รับมอบหมาย

“ข้าเจอกระดาษใบหนึ่งในห้องของหม่าต้าหู่ วันเดียวกันกับที่ชายชุดดำโจมตีข้าจากด้านหลังที่ข้าเล่าให้เจ้าฟัง มันเขียนเป็นอักษรสองคำว่า กวงหง นี่ข้าคิดหัวแทบแตกแล้วยังไม่ทราบหมายความว่าอย่างไร แต่ดูคลับคล้ายเป็นชื่อของคน” หนานเฟยสิงทอดถอนใจเฮือกใหญ่เหมือนต้องการลดอาการหงุดหงิดจากการคิดไม่ออกนั้น

“อ้อ ข้านึกได้เรื่องหนึ่ง ชาวบ้านรอบๆกล่าวว่าหม่าต้าหู่เคยมีลูกชายคนหนึ่ง แต่มันหายออกจากบ้านไปสี่ห้าปีแล้ว แล้วก็ไม่เคยเห็นกลับมาหรือมาเกี่ยวข้องอันใดกับสกุลหม่าอีกเลย” องเฮ้ยโส่วทำสีหน้าเรียบเฉยขณะพูดเหมือนว่านี่ไม่ได้เกี่ยวข้องสลักสำคัญอะไรกับคดี

หนานเฟยสิงรับฟังรู้สึกได้ความรีบถามองเฮ้ยโส่วต่อ

“หม่ากวงหงหรือ? ชื่อนี้หรือเปล่า? นี่อาจจะเป็นเบาะแสก็ได้ เจ้ารู้ไหมว่ามันหายไปไหน และมันอายุเท่าไหร่ตอนจากบ้านไป”

“ข้าก็ไม่รู้ชื่อของมัน ข้ารู้เท่าที่สอบได้จากชาวบ้าน พวกนั้นเพียงแค่พูดตัดพ้อถึงลูกที่จากไปของผู้ตาย แล้วไม่ได้กลับมาดูศพพ่อของตนก็เท่านั้น เห็นว่าทะเลาะอะไรกันสักอย่าง ตอนมันออกจากบ้านไปน่าจะสักสิบสี่สิบห้าปีกระมัง”

“ถ้านับถึงตอนนี้มันก็คงจะเป็นหนุ่มอายุราวสิบแปด สิบเก้าได้แล้วกระมัง” หนานเฟยสิงใช้มือลูบคางอย่างครุ่นคิด

คำพูดและความคิดของมันเลื่อนลอยอ้อยอิ่งจนกระทั่งมันเดินทอดน่องผ่านความชุลมุนของตลาดกลางเมืองลั่วหยางมาสู่สถานที่ๆเคยมาเมื่อคราวก่อน หอหมื่นอาชาพันลี้ มันพลันสลัดความคิดคำนึงถึงบทสนทนาระหว่างมันกับองเฮ้ยโส่วออกจากหัวไป เดินย่ำๆเข้าไปสู่สถานที่ๆมันเหมือนอยากมาเพราะมีคนที่มันคิดถึงอยู่ และเหมือนไม่อยากมาเพราะกลัวบางสิ่งบางอย่างจะเป็นไปตามข้อสันนิษฐาน

“สวัสดีหนานเฮีย เป็นท่านกลับมาเพราะติดใจเสียงดนตรีของหงฉานแล้วกระมัง ไม่ทราบว่าคราวก่อนมันขับกล่อมท่านจนลืมเรื่องควบขับไปได้ดั่งท่านหวังหรือไม่” เสียงหยาบใหญ่ที่พยายามบีบให้เล็กลงฟังดูคุ้นหูหนานเฟยสิงดังขึ้นพร้อมกับการเคลื่อนตัวมาของบุคคลผู้หนึ่งที่อยู่ในชุดสีแดงรุ่ยร่ายพร้อมใบหน้าหนาเตอะด้วยเครื่องประทินโฉมอย่างเคย

“ฮา ฮา เป็นหนิงเหมิงล้อข้าเล่นแล้ว จระเข้ไฉนเลยมีหูฟังดนตรีจะมีก็เพียงดวงตาที่มองเหยื่อ กับลิ้นหยาบๆที่ใช้ลิ้มรสเพียงเท่านั้น” หนานเฟยสิงฟังคำหนิงเหมิงพูดจาเสียดสีหยอกล้อตน ค่อยแสร้งเป็นหัวเราะตอบกลับอย่างยอกย้อนไม่แพ้กัน

หนิงเหมิงรับฟังใบหน้ายิ้มสดใสยังทำสีหน้าเอียงอายให้มันครั้งหนึ่งจึงกล่าวอย่างหยอกๆ “หากท่านชมชอบข้าๆยินดีเป็นเหยื่อให้ท่านลิ้มลองแล้ว เชิญนายท่านด้านในก่อนข้าจะให้เด็กๆยกสุรามาให้”

หนานเฟยสิงพยักหน้าพลางเดินตามหนิงเหมิงเข้าสู่ด้านในของหอหมื่นอาชาพันลี้ วันนี้บรรยากาศในร้านดูคึกคักมากเป็นพิเศษหนานเฟยสิงกวาดตามองไปยังอดละลานตาไม่ได้ แถมยังสังเกตเห็นเถ้าแก่ร้านค้าหลายร้านที่ตนเคยได้ยินชื่อเสียงนั่งร่ำสุราโอบกอดเด็กหนุ่มในร้านอย่างเปิดเผยจนทำให้มันต้องร้องอ้อขึ้นเนื่องจากหายสงสัยถึงรสนิยมของเถ้าแก่คนนั้นๆ

หนานเฟยสิงทรุดตัวนั่งลงบนเก้าหลังโต๊ะกลมตัวใหญ่ที่มีฉากกั้นอย่างดี นับได้ว่าหนิงเหมิงทราบสถานะของผู้มาเยือนว่าเงินถึงพร้อมจ่ายให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด มันจัดแจงให้หนานเฟยสิงนั่งในสถานที่ๆดีที่สุดแม้นไม่ใช่ห้องส่วนตัวเสียทีเดียวแต่ก็มีฉากกั้นมิดชิดแบ่งเป็นสัดส่วนจากภายนอกอย่างเห็นได้ชัด

เด็กหนุ่มคนหนึ่งยกสุราเข้ามาตั้งไว้บนโต๊ะให้มันพร้อมจอกอีกจำนวนหนึ่ง “ท่านจะสั่งอาหารอันใดหรือไม่นายท่าน” หนิงเหมิงใช้มือลูบปัดผมให้ดูเข้าที่เข้าทางจัดแจงบีบเสียงแหลมเล็กก้มถามความต้องการของลูกค้าชั้นดีผู้นี้

“ไม่… ข้าต้องการพบหงฉาน” หนานเฟยสิงรินสุราที่เพิ่งยกมาใส่จอกจากนั้นซดครั้งเดียวจนหมดพร้อมกล่าวบอกความต้องการอย่างตรงไปตรงมา

หนิงเหมิงสีหน้าซีดเผือดลงรอยยิ้มหายวับไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่นางจะปั้นหน้ายิ้มแหยๆใหม่อีกครั้งพร้อมกล่าวว่า “เห็นทีวันนี้จะเป็นการยากเสียแล้วนายท่าน หงฉานติดแขกผู้อื่นอยู่ยังคงไม่อาจให้บริการท่านได้”

หนานเฟยสิงทำหน้าเรียบเฉยไม่กล่าวอันใดมันวางจอกเหล้าลงแล้วใช้มือล้วงลงไปที่ผ้าคาดเอวจากนั้นหยิบเงินขึ้นมาสามสี่ก้อนแล้ววางไว้บนโต๊ะ

หนิงเหมิงเห็นเงินบนโต๊ะก็ตาลุกวาวเป็นประกายเข้าใจความหมายและความต้องการของหนานเฟยสิงเป็นอย่างดี มันรีบเก็บเงินบนโต๊ะกวาดเข้าอกเสื้ออย่างไม่รีรอพร้อมกับกล่าวขึ้นว่า “แหม แหม แหม เป็นหนานเฮียมีน้ำใจข้าน้อยจะให้เด็กๆขึ้นไปชมดูที่ด้านบนว่าหงฉานใกล้จะรับแขกเสร็จสิ้นแล้วหรือยังเพราะนี่ก็ผ่านมาเกือบจะสองชั่วยามแล้วคาดว่าน่าจะใกล้ได้เวลา”

หนิงเหมิงกวักมือไวๆเรียกเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่กำลังยกสุราจะขึ้นไปที่ชั้นสองกระซิบกระซาบข้างหูมัน มันพยักหน้าตอบรับสองสามครั้งแล้วจึงเดินขึ้นชั้นสองไป เพียงไม่นานหลังจากนั้นเด็กคนนั้นก็เดินกลับลงมาพร้อมกับกล่าวกับหนิงเหมิงว่า “ท่านจี้ยังคงฟังดนตรีของหงฉานอยู่ คาดว่าน่าจะอีกนานแล้วหนิงเจ่เจ้”

หนิงเหมิงรับฟังทำหน้าบูดบึ้งรีบไล่เด็กยกสุราผู้นั้นไปให้พ้นตาพร้อมกับปั้นยิ้มกล่าวกับหนานเฟยสิงซึ่งกำลังยกจอกสุราดื่มเอาๆเหมือนกำลังย้อมตนเองให้เมามาย

“เอ่อ หนานเฮีย…”

“ข้าได้ยินแล้ว เงินนั่นเจ้าเก็บไว้เถิดไม่ต้องคืนถือว่าเป็นค่าความพยายามของเจ้า ข้าเป็นแขกไม่ควรทำให้เจ้าของสถานที่อึดอัดใจ การค้าก็คือการค้า” หนานเฟยสิงยกมือทำท่าปัดๆเหมือนไม่อยากใส่ใจสิ่งที่เกิดขึ้น

หนิมเหมิงยิ้มอย่างลี้ลับวูบหนึ่งค่อยกล่าว

“หามิได้ๆ การค้าก็คือการแลกเปลี่ยนไหนเลยหนิงเหมิงจะรับเงินท่านได้ฟรีๆโดยมิมีใดตอบแทน เอาเป็นว่าที่หนึ่งไม่ว่างก็ยังมีที่สอง สาม สี่ แม้ว่าหงฉานเป็นหนึ่งในจักจั่นสิบสองสี แต่ว่าจักจั่นน้อยของหนิงเหมิงที่เหลือก็หาได้ยิ่งหย่อนกว่ากันเท่าไหร่ไม่ แถมยังไม่เล่นตัวเหมือนอย่างหงฉานอีกด้วย ข้าใคร่คิดให้หนานเฮียช่วยลดตาลงชมสักคราแล้ว”

หนิงเหมิงกล่าวจบพลางกวักมือเรียกเด็กหนุ่มคนเดิมจากนั้นกระซิบกระซาบให้มันฟังสองสามคำมันก็พยักหน้ารับอีกจากนั้นจึงเดินออกไป

ไม่นานนักมีเด็กหนุ่มหน้าตาสะอาดสะอ้านอีกสามคนเดินตามมันกลับบมาหาหนิงเหมิงที่โต๊ะที่หนานเฟยสิงนั่งอยู่ เด็กหนุ่มทั้งสามคนนี้อายุอานามล้วนไม่น่าเกินสิบแปด บุคลิกท่าทางของแต่ละคนล้วนมีความเป็นเอกลักษณ์ของตนเองทั้งสิ้น มันทั้งสามยืนเรียงหน้ากระดานเอามือไพร่หลังอยู่ต่อหน้าหนานเฟยสิง

หนิงเหมิงเห็นหนานเฟยสิงละลานตากับเด็กหนุ่มตรงหน้าก็พลอยโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอกรีบตรงรี่เข้าไปแนะนำเด็กหนุ่มแต่ละคนให้แก่หนานเฟยสิงได้รู้จัก

“เป็นอย่างไรหนานเฮีย ที่สอง ลงไปไม่ใช่ว่าจะร้ายกว่าที่หนึ่งสักกี่มากน้อย”

หนานเฟยสิงลอบร้องคำแม่เล้าอันร้ายกาจรู้จักหาทางประจบสอพลอเอาตัวรอดจากสถานการณ์ยากลำบาก มันชมเด็กหนุ่มหน้าตาสะอาดสะอ้านทั้งสามปนกับฤทธิ์สุราทำให้รู้สึกร้อนลุ่มขึ้นเป็นกำลัง

เด็กหนุ่มทั้งสามคือ ลวี่ฉาน (จักจั่นเขียว) ป่ายฉาย (จักจั่นขาว) และ จินฉาน (จักจั่นทอง) ยืนถอดเสื้อเปลือยช่วงบนสวมกางเกงเรียงตามสีฉายาของตน ยืนเรียงหน้ากระดานอยู่ไล่ลำดับจากสูงไปต่ำ ลวี่ฉาน มีบุคลิกประเปรียวด้วยร่างกายสูงผอมเกร็งแต่สมส่วน มันดูคล้ายขายาวกว่าคนทั่วไป มันจึงใส่กางเกงเอวสูงขึ้นมากกว่าคนปรกติเพื่อให้ดูว่าตนเองมีขาที่สั้นลงเล็กน้อย ป่ายฉานหน้าตาสะอาดสะอ้านจิ้มลิ้มรูปร่างไม่ใหญ่ไม่เล็กสันทัดดวงตากลมโตผมเผ้าถูกมัดไว้อย่างเรียบร้อย ส่วนจินฉานมีผิวสีเหลืองคิ้วเข้มหนาริมฝีปากหนาดวงตาคมลับกับสันคิ้วและจมูกที่ได้รูป นับได้ว่าเด็กหนุ่มทั้งสามมีจุดเด่นแตกต่างกันแม้ความหล่อเหล่าจะน้อยกว่าหงฉานมาก แต่ถ้านับในเรื่องจุดเด่นบุรุษทั้งสามนี้ก็นับได้ว่าหล่อเหลาควรเมืองแล้ว

หนานเฟยสิงรับชมพร้อมดวงตาเป็นกระกายสดใส “นับว่าสรรพคุณไม่เกินเลยคำพูดท่านเลย หนิงเจ่เจ้”

หนิงเหมิงรับฟังก็หัวเราะเบาๆพร้อมกับจับแขนของหนานเฟยสิงให้ลุกขึ้นชมเด็กหนุ่มทั้งสามใกล้ๆ หนานเฟยสิงลุกขึ้นตามคำเชิญชวนของแม่เล้าจากนั้นจึงเดินวงรอบๆเด็กหนุ่มทั้งสามที่เอามือไพร่หลังอยู่

“หันหลังให้ข้าชมหน่อย…จักจั่นน้อย” หนานเฟยสิงกล่าวพลางรินสุราลงในจอกของมันจากนั้นถือเดินตรงไปที่เด็กหนุ่มทั้งสามซึ่งหันหลังโชว์บั้นท้ายงอนงามให้แก่มัน มันมุ่งตรงไปที่ลวี่ฉานที่ยืนทำสีหน้าเรียบเฉยอยู่เหมือนไม่ได้ใส่ใจหรือต้องใจหนานเฟยสิงแต่อย่างใด แต่มันก็หาใส่ใจไม่เพราะเด็กคนนี้แม้ว่าจะดูประเปรียวชาญสนามรักแต่ว่าส่วนสูงออกจะมากเกินรสนิยมของมันไปสักหน่อยมันจึงผ่านเลยไป

“จักจั่นขาวคนนี้ดูน่ารักดี…” มันเดินไปที่ด้านหลังของป่ายฉานที่มีส่วนสูงน้อยกว่ามันนิดหน่อย จากนั้นค่อยก้มหน้าลงใช้ปลายจมูกไล่ที่ซอกคอของเด็กหนุ่มผิวขาวเนียนจนทำให้เด็กหนุ่มผู้นั้นขนลุกขึ้นอย่างไม่อาจยับยั้ง

ในขณะที่หนานเฟยสิงกำลังเหมือนเชยชมป่ายฉานเบาๆเป็นเชิงหยอกเอินนั้น ลวี่ฉานเบือนหน้าหนีไปด้านข้างอีกทางเหมือนไม่อยากพบเห็นภาพหนานเฟยสิงเชยชมเพื่อนร่วมงานของมัน มันกำมือที่ไพร่หลังอยู่แนบแน่นเหมือนพยายามอดทนต่อแรงหึงหวงของภาพตรงหน้า…

หนิงเหมิงสังเกตเห็นอาการนั้นของลวี่ฉานอย่างชัดเจน นางส่ายหัวแล้วเดินมาด้านข้างของหนานเฟยสิงเหมือนใช้ร่างกายใหญ่โตของตนปิดบังหมัดที่กำแน่นของลวี่ฉานจากนั้นพลางกล่าว

“ท่านคงถูกใจจักจั่นขาวน้อยตัวนี้ของข้าแน่แท้แล้ว ถ้าเช่นนั้นข้าให้เด็กๆไปเตรียมห้องให้แก่ท่าน”
หนานเฟยสิงโอบกอดป่ายฉานจากทางด้านหลัง เหล่ตามองหนิงเหมิงเล็กน้อยแล้วพยักหน้าให้แก่นาง

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าสองคนที่เหลือก็แยกย้ายไปรับแขกเถิด แล้วอย่าให้เสียลูกค้าเป็นอันขาด จินฉานเจ้าไปช่วยลวี่ฉานดูแลแขกด้วย” หนิงเหมิงจ้องหน้าลวี่ฉานที่กัดฟันกรอดจากนั้นกล่าวด้วยเสียงหนักแน่นเหมือนออกคำสั่ง ก่อนจะไล่มันออกไปจากตรงนั้นเพราะรู้นิสัยหึงหวงจนเสียงานของมันดีก่อนไปจึงยังฝากจินฉานให้ดูแลไม่ให้มันกระทำการอันเป็นผลเสียต่อการค้า

โครม…โครม….

“ท่านจี้โปรดปล่อยประละเว้นหงฉานด้วย…. ท่านจี้ข้าน้อยขอร้องท่านโปรดละเว้นข้าน้อยด้วย” เสียงตะโกนร้องขอความเห็นใจดังลั่นลงมาจากชั้นสองของหอหมื่นอาชาพันลี้ ตามมาด้วยเสียงอึกทักคึกโครมเหมือนคนกำลังต่อสู้กัน

หนิงเหมิงตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นทำหน้าทำตาลนลานถกกระโปรงผ้าแพรรุ่ยร่ายของตนก่อนจะหันมากล่าวกับแขกคนอื่นๆ “ไม่มีอะไรนายท่าน เชิญตามสบายไม่มีอันใดน่าเป็นห่วง เป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน” จากนั้นมันจึงวิ่งตรงยังบันไดทางขึ้นชั้นสอง

หนานเฟยสิงได้ยินเสียงของหงฉาน คล้ายคืนสติจากความเมามายและกำหนัดรีบปล่อยตัวป่ายฉานจากอ้อมกอดคว้ากระบี่บนโต๊ะจากนั้นไล่ตามหนิงเหมิงไปติดๆ

ลวี่ฉานยังไม่ได้เดินจากไป มันมองหนิงเหมิงกับหนานเฟยสิงหันหลังผ่านไปแล้วกระชากตัวป่ายฉานที่ยืนข้างๆเข้ามาหาตนเองอย่างไร้สติแล้วจึงพูดด้วยความโมโห “วันนี้เจ้าคงคิดว่าพลาดโชคดีไปกระมัง”

ป่ายฉานทำสีหน้าละอาจากนั้นพูดตอบกลับลวี่ฉานไปอย่างหน่ายๆ “มันคืองานเจ้าก็รู้ เจ้าเกือบทำพวกเราเสียการใหญ่”

ลวี่ฉานสะบัดหน้าเล็กน้อยเหมือนไม่ยอมรับคำครหาจากนั้นกล่าว “วันหนึ่งข้าจะฆ่ามันด้วยมือข้าเองข้ารับรอง เจ้าจะระริกระรี้ไปนอนกับมันก็รีบทำเถอะ”

ป่ายฉานผลักหน้าอกเปลือยเปล่าของลวี่ฉานออกด้วยความโมโหในคำพูดของมัน…


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
ปิงหวิน
Guest

7. "RE: นวนิยายจีนกำลังภายในอิโรติค จอมกระบี่เหินบุรุษ ตอน จักจั่นบนหอน้อย"
In response to message #6
 
15-Feb-16, 04:12 PM (SE Asia Standard Time)
 
   จอมกระบี่เหินบุรุษ ตอน จักจั่นบนหอน้อย 6

หนิงเหมิงและหนานเฟยสิงเร่งรุดขึ้นไปบนชั้นสองของหอหมื่นอาชาพันลี้ที่ตอนนี้ดูชุลมุนวุ่นวายไปด้วยเสียงอึกทึกคล้ายคนต่อสู้กันดังก้องมาจากห้องของหงฉานอย่างไม่หยุดหย่อน

เสียงของหงฉานดังเคล้าเสียงร้องไห้ดังก้องผ่านประตูที่บุกระดาษสาสีชมพูหน้าห้องมัน “ท่านจี้หงฉานมิอาจทำผิดกฎ นี่ย่อมไม่ใช่เรื่องราวที่หงฉานรับผิดชอบได้ โปรดท่านจี้ละเว้นด้วย อภัยด้วย อภัยด้วย...”

“กฎบ้าบออันใดตอนนี้ข้าล้วนไม่สนใจ วันนี้เจ้าต้องเป็นของข้า นี่ข้าเสียเงินมาฟังดนตรีบ้าบอของเจ้ามาหลายคราแล้ว วันนี้ข้าต้องได้ตัวเจ้าเด็กร้ายกาจ”

เสียงห้าวหยาบของชายอีกคนในห้องตะโกนดังก้องออกมา มันคือจี้ปู้ต่งเจ้าของสำนักคุ้มภัยที่เป็นคู่แข่งกันกับบ้านสกุลหม่าที่เพิ่งเกิดเหตุฆาตกรรมไป คนทั่วไปรู้จักมันดีในนิสัยหยาบคายของมันแต่ก็ไม่กล้าทำอะไรด้วยวิชาฝีมือของมันอยู่ในขั้นไม่ธรรมดา แถมด้วยอิทธิพลที่มีจากการเปิดสำนักคุ้มภัยมานานปี

หนานเฟยสิงสะกิดเท้าเหินลอยข้ามหัวของหนิงเหมิงที่ตัวใหญ่เทอะทะขึ้นสู่ทางเดินชั้นสอง มันต้องยอมรับว่าร้อนใจมากเมื่อได้ยินเสียงของหงฉานตะโกนร้องขอความช่วยเหลือมาจากชั้นบน มันเร่งผลักประตูที่บุกระดาษสาสีชมพูของห้องต้นเสียงเข้าไปภาพที่เห็นเป็นภาพสุดทานทนภาพหนึ่ง

“หยุดเดี๋ยวนี้ จี้ปู้ต่ง ท่านเป็นชนชั้นใดจึงลดตัวกระทำหยาบช้าเยี่ยงนี้!!!”

หนานเฟยสิงตวาดเสียงดังเมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาและเห็นภาพของจี้ปู้ต่งอยู่ในสภาพเกือบเปลือยสวมใส่เพียงผ้าเตี่ยวชิ้นเดียวห่อหุ้มองคาพยพอันตั้งชันของมัน มันใช้ร่างอันใหญ่โตของมันทาบทับอยู่กับหลังขาวเนียนของหงฉานที่เหลือเพียงเศษกางเกงแพรสีแดงที่หลุดลุ่ยจากแรงฉีกทึ้ง มือหยาบหนาของมันทั้งคู่จับแขนของเด็กน้อยจักจั่นแดงขึงขึ้นกับเตียงไว้
หงฉานหน้าตาเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาพยายามดิ้นอย่างสุดแรงเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการ แต่จี้ปู้ต่งกลับจับมันถ่างขาคุกเข่าคุดคู้ โดยใช้ร่างของมันกดทับให้ลำตัวช่วงบนของเด็กหนุ่มแนบอยู่กับขอบของเตียงนอน

หงฉานเมื่อเห็นผู้เปิดประตูเข้ามาเป็นหนานเฟยสิงรีบร่ำร้องขอความช่วยเหลือ “ช่วยข้าน้อยด้วยไต้เท้า ข้าน้อยจะขัดขืนมันไม่ไหวแล้ว”

หนานเฟยสิงเห็นดังนั้นบันดาลให้โทสะพวยพุ่งมันกู้ร้องดังยาวนานพร้อมใช้ฝักกระบี่พุ่งตรงหมายกระทุ้งเข้าที่ชายโครงของจี้ปู้ต่งเพื่อเป็นการสั่งสอน

จี้ปู้ต่งเมื่อสังเกตเห็นหนานเฟยสิงเข้ามาในห้อง มันหามีท่าทีเกรงกลัวไม่ ยิ่งมันเห็นหนานเฟยสิงบันดาลโทสะยิ่งทำให้มันรู้สึกสะใจเหมือนได้ครอบครองของรักของศัตรู

“หมูจะหามดันเอาคานเข้ามาสอด” จี้ปู้ต่งกล่าวพร้อมกับพลิ้วกายกลิ้งหลบออกทางด้านข้าง มันใช้ขาอันแข็งแกร่งของมันดีดร่างขึ้นยืนพร้อมกับใช้แขนล่ำหนาทั้งคู่กอดรัดหงฉานไว้ หงฉานบิดตัวงองุ้มร้องไห้ไม่หยุดหย่อนปากร่ำร้องเพียงคำช่วยด้วยเหมือนแทบจะสิ้นสติไป

เมื่อมันยืนมั่นอยู่ตรงหน้าระเบียงห้องของเด็กหนุ่มผู้ตกเป็นเหยื่อสวาทของมันแล้ว มันจึงตัวของหงฉานมาแนบชิดไว้กับแผงอกที่หนาไปด้วยขนของมันจากนั้นแสยะยิ้มอย่างร้ายกาจผ่านทางซอกคอของหงฉาน

“เป็นท่านชมชอบเด็กนี่ด้วยใช่หรือไม่ หนานไต้เฮียบ” จี้ปู้ต่งกล่าวพร้อมแลบลิ้นเลียที่ซอกคอของหงฉานคราหนึ่ง ดวงตาของมันเต็มไปด้วยแววเยาะเย้ยเหมือนผู้มีชัย

“ร่องตรงบั้นท้ายของเด็กนี่อุ่นนัก นี่ขนาดยังไม่ได้ล่วงล้ำเข้าไปข้างใน” มันกล่าวพลางใช้องคาพยพอันชูชันของมันถูไถบั้นท้ายของหงฉานต่อหน้าหนานเฟยสิง

หนานเฟยสิงร้องเพ้ยคำหนึ่งในมือกำกระบี่แน่นหนา เหงื่อเม็ดโป้งผุดพรายบนใบหน้า “บ้านมีกฎบ้านเมืองมีกฎเมือง ท่านจงรีบปล่อยตัวเด็กหนุ่มนั่นไม่เช่นนั้นข้าจักเอาเรื่องท่านให้ถึงที่สุด”

จี้ปู้ต่งรับฟังหัวร่อยาวนาน “ข้าก็มีกฎของข้า ท่านจะเอาผิดข้าในเรื่องอันใดท่านมือปราบใหญ่ ข้อหาขืนใจเด็กหนุ่มที่ขายตัวให้ข้าในหอคณิกาแห่งนี้น่ะหรือ นี่นับเป็นเรื่องตลกขับขันของผู้คนแล้ว”

หนานเฟยสิงรับฟังกลับกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี่นับว่าเป็นจริงดั่งคำจี้ปู้ต่ง หากหนานเฟยสิงเร่งรัดเอาความมันด้วยกฎบ้านเมืองชาวบ้านรับฟังคงต้องหัวร่อตัวมันเองเป็นการใหญ่ นี่นับว่าเจ้าบ้านจี้ผู้มีร่างใหญ่โตดุจหมีใหญ่คนนี้สติปัญญาไม่ได้ด้อยกว่าวรยุทธ์ที่ล่ำลือเลย

จี้ปู้ต่งเมื่อเห็นหนานเฟยสิงนิ่งอึ้งไปจากคำกล่าวยอกย้อนของตนมันถอนในหายฟอดใหญ่พลางกล่าว “นี่นับว่าเสียเวลาความสุขของข้ากับเด็กน้อยนี่แล้ว แม่เล้าเงินทั้งหมดบนโต๊ะนี่ล้วนให้ท่าน”

จี้ปู้ต่งพยักเพยิดพูดกับหนิงเหมิงที่เพิ่งตามขึ้นมาถึงและทำทีตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า พูดจบมันใช้มือข้างหนึ่งชักผ้าม่านแพรสีชมพูตรงระเบียงของห้องพันห่อช่วงล่างของตนกับหงฉานที่ตอนนี้สลบไปด้วยความเหนื่อยอ่อน จากนั้นค่อยพุ่งตัวออกจากระเบียงชั้นสองของหอหมื่นอาชาพันลี้ มันสะกิดเท้ากับระเบียงคาหนึ่งพาให้ร่างของมันกับเด็กหนุ่มลอยคว้างกลางอากาศ ก่อนจะตกลงบนหลังคาของอาคารหลังหนึ่งที่อยู่ติดกัน

ด้วยวิชาตัวเบาอันสูงส่งของจี้ปู้ต่งทำให้มันลงมาหยุดยืนบนหลังคาของโรงเตี๊ยมอีกแห่งที่อยู่ติดกัน มันพลิกร่างที่สลบไสลของหงฉานมาเป็นพาดไว้บนบ่าอันแข็งแกร่งของตนเองจากนั้นออกวิ่งพลางกระโดดพลางกลับสู่สำนักคุ้มภัยจี้ซึ่งเป็นรังของตนทันที

“ช่วยหงฉานด้วยเถิดไต้เท้า สงสารเด็กหนุ่มนั่นไม่รู้จะโดนปู้ยี่ปู้ยำอันใดบ้างจากเจ้าหมีใหญ่กักขฬะนั่น” หนิงเหมิงปั้นหน้าร้อนรนขึ้นทันทีที่จี้ปู้ต่งหลุดพ้นลับสายตาไปได้สักพัก

“ล้วนเป็นหน้าที่ข้า หนิงเหมิงไม่ต้องเป็นห่วงหากกฎบ้านเมืองใช้ไม่ได้ ข้าก็จะใช้กฎของยุทธภพเฉกเช่นเดียวกับมัน ตาต่อตาฟันต่อฟัน!!!” หนานเฟยสิงกล่าวพลางกัดฟันกรอดกำกระบี่ในมือแน่นกระชับจากนั้นมันพลิ้วกายทีหนึ่งสะกิดขากับระเบียงของห้องแล้วพุ่งตัวลงติดตามจี้ปู้ต่งและหงฉานไป

หนิงเหมิงทำยืดคอดูร่างของหนานเฟยสิงลอยห่างออกไปยิ้มลี้ลับวูบหนึ่งที่มุมปาก ก่อนจะเดินชดช้อยด้วยท่าทีไม่ร้อนรนกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับรื้อถุงเงินจากเสื้อผ้าของจี้ปู้ต่งที่วางอยู่บนโต๊ะ

“น้ำใจจากแขก ไม่รับก็หาได้ไม่” กล่าวจบนางกวาดตามองพวกที่มามุงดูซึ่งส่วนใหญ่เป็นพนักงานของร้านและแขกบางส่วน

“ไม่มีอะไรแล้วค่ะนายท่านทั้งหลาย เชิญกลับไปหาความสุขได้ตามสบาย ส่วนพวกเจ้ามามัวมุงดูอันใดกัน นี่หาได้มีเรื่องราวอันใดไม่เพียงแค่ชายหนุ่มหยอกล้อเล่นกัน ไปๆ รีบกลับไปทำงานกัน” นางกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มที่เต็มไปด้วยเครื่องประทินโฉมเหมือนเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่ได้เคยเกิดขึ้น

ป่ายฉานและลวี่ฉานเดินติดตามขึ้นมาอยู่นานแล้วพบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ลวี่ฉานยิ้มอย่างสะใจที่มุมปากพลางหันไปมองหน้าของป่ายฉาน

“ผู้ที่ไม่คิดอยากได้กลับได้ถึงสอง ผู้ที่คิดอยากได้กลับไม่ได้สักแม้หนึ่ง เฮอะ นี่นับว่าสวรรค์มีตาแล้ว”

ป่ายฉานรับฟังปั้นหน้าบึ้งตึงใส่ลวี่ฉานเหมือนไม่พอใจอย่างมาก “หากข้าอยากได้จริงเพียงปรายตามอง แม้แต่องค์ชายหรือฮ่องเต้ก็ล้วนได้” กล่าวเสร็จป่ายฉานค่อยถอนตัวออกจะเดินหนีไปให้ไกล

ลวี่ฉานเบ้ปากจ้องตาป่ายฉานเขม็งพลันใช้แขนอันยาวของตนเองกักป่ายฉานไว้ตรงกำแพงด้านหนึ่งของชั้นสองนั่น พร้อมกับก้มหน้าลงจนใกล้ใบหูของป่ายฉานจากนั้นกระซิบกล่าว “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้เรื่องราวอันใด จบภารกิจของเจ้าสำนักเมื่อใดข้าจะไล่คิดบัญชีจากผู้ที่เสพสุขกับเจ้าทีละคนๆ จำไว้ผู้ใดเสพสุขจากกายเจ้า ข้าจะเสพสุขจากกายมัน แถมด้วยฆ่ามันทิ้งให้ตกตายไปด้วย ทางที่ดีเจ้าอย่าทำตนเป็นพวกไม่รู้จักพอไม่อย่างนั้นบาปเจ้าคงเพิ่มพูน”

ป่ายฉานวูบหนึ่งเหมือนรู้สึกกลัวอารมณ์อันร้ายกาจของลวี่ฉาน มันได้แต่พยักหน้าตอบโต้อย่างเหนื่อยหน่ายค่อยสะบัดกายลอดจากวงแขนที่กักร่างของมันหลุดออกไป....

---------------------------------------
ฝากอ่านและช่วยวิจารณ์ติชม เป็นกำลังใจด้วยขอรับนายท่าน ขอบพระคุณมากครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
มังกรเดียวดาย
Guest

8. "RE: นวนิยายจีนกำลังภายในอิโรติค จอมกระบี่เหินบุรุษ ตอน จักจั่นบนหอน้อย"
In response to message #7
 
16-Feb-16, 10:18 AM (SE Asia Standard Time)
 
   สนุกดีครับ สำหรับคนชอบสำนวนกำลังภายใน
แต่ด้วยนิสัยคนปัจจุบันที่ยาวไปไม่อ่าน
และด้วยสำนวนกำลังภายใน ซึ่งผมคิดว่าคนอ่านในปาล์มส่วนใหญ่ไม่คุ้น
เมื่อไม่คุ้นก็จะรู้สึกว่าอ่านยาก ทั้งสำนวน และชื่อตัวละคร ก็เลยอาจไม่อ่าน

ชาวปาล์ม (รวมถึงชาวอื่น ๆ ) คงชอบอ่านนิยาย หรือเรื่องเล่าที่เดินเรื่องเร็ว
ถ้าเป็นแนวอีโรติก ก็เข้าฉากเซ็กซ์เร็ว ๆ และบ่อย ๆ
บรรยายฉากเซ็กซ์ได้ตื่นเต้น บรรยายตัวละครได้เซ็กซ์ซี่

อันนี้เป็นความเข้าใจโดยส่วนตัวนะครับ
ฮิฮิ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
ปิงหวิน
Guest

9. "RE: นวนิยายจีนกำลังภายในอิโรติค จอมกระบี่เหินบุรุษ ตอน จักจั่นบนหอน้อย"
In response to message #8
 
16-Feb-16, 12:59 PM (SE Asia Standard Time)
 
   ผมเข้าใจครับในประเด็นนั้น หะหะ แต่ก็ขอให้มีคนอ่านคนติดตามอยู่บ้างผมก็พร้อมที่จะเขียนเรื่อยๆล่ะครับ เพราะว่าเหมือนซ่อมที่เคยหายไปสมัย ict ปิดเว็บรัวๆเมื่อหลายปีก่อนมีแฟนๆตามอยู่พอสมควร ของผมเน้นเป็นแนวกำลังภายในมากกว่า ฉากเอากันมีบ้างหยอดๆเป็นน้ำจิ้ม อิอิ ยังไงขอบคุณมากๆนะครับที่ติดตามอ่าน ถือเป็นอีกหนึ่งกำลังใจครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
ty
Guest

10. "RE: นวนิยายจีนกำลังภายในอิโรติค จอมกระบี่เหินบุรุษ ตอน จักจั่นบนหอน้อย"
In response to message #9
 
21-Mar-16, 08:58 PM (SE Asia Standard Time)
 
   ชอบๆๆๆ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
ชังอิ๋ง
Guest

11. "RE: นวนิยายจีนกำลังภายในอิโรติค จอมกระบี่เหินบุรุษ ตอน จักจั่นบนหอน้อย"
In response to message #10
 
22-Apr-16, 12:40 PM (SE Asia Standard Time)
 
  
ชอบครับ เรื่องผูกปมไดน่าสนใจครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
ปิงหวิน
Guest

12. "RE: นวนิยายจีนกำลังภายในอิโรติค จอมกระบี่เหินบุรุษ ตอน จักจั่นบนหอน้อย"
In response to message #11
 
01-May-16, 00:07 AM (SE Asia Standard Time)
 
   อะผมไม่ได้เข้ามาเชคซะนาน ขอบคุณมากๆเลยครับสำหรับกำลังใจ ยังไงเดี๋ยวจะมาลงให้อีกนะครับพอดีช่วงนี้ยุ่งๆ เรื่องของผมอาจจะไม่ได้ NC จ๋า เน้นที่เนื้อเรื่องมากกว่า ขอบคุณที่ติดตามครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top

Conferences | Topics | Previous Topic | Next Topic

*** ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บเพจนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และ ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง
ห้ามโพสข้อความ รูปภาพ ไฟล์ที่มีลิขสิทธิ์ ที่สร้างความเสียหายให้แก่บุคคลอื่น
ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link "แจ้งลบข้อความ" ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือแจ้งมาได้ที่ ryubedroom@yahoo.com

Our Sponsor


Copyright Palm-Plaza,Inc. All Rights Reserved.


 free counters