We have no responsibility for the contents in this web community!

ถ้าเข้ามาแล้วพบว่ากระทู้ไม่เรียงตามวัน/เวลา ให้คลิ๊กตรงคำว่า Date/Time ที่อยู่ตรงแถบสีม่วงๆ นะครับ


ห้ามลงประกาศโฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ยกเว้นสปอนเซ่อร์!!!!!

*** ห้ามใช้เนื้อที่บอร์ดเพื่อแอบแฝงขายบริการทางเพศ ***


เพิ่มเพื่อน

RBR Section


Register
สมัครสมาชิก


What's RBR?
ต่ออายุสมาชิก

**** ส่วนบริการเข้าบอร์ดเฉพาะสำหรับสมาชิก RBR บอร์ด Devil และ บอร์ด Zombie ต้องการติดต่อสอบถาม ส่งเมลล์ที่ ryubedroom@yahoo.com เท่านั้น ****

กรุณาคลิ๊กที่นี่และ Bookmark ไว้ด้วยครับ

Palm-Plaza.com

Complete the form below to post a message

Original Message
"RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
Posted by sarawatta on 14-Jun-11 at 10:30 PM

ตอนที่ 12: เพื่อนผู้เสียสละ (อีกแล้ว)

สนกินข้าวได้สองสามคำก็อิ่ม จริงๆ เขาไม่รู้สึกอยากกินด้วยซ้ำ พอเริ่มไม่ไหวจึงขอตัวขึ้นมาอาบน้ำ เขาไม่มีสมาธิที่จะทำงานหรืออ่านหนังสือเลยเพราะรู้สึกเป็นห่วงต้น สนจึงลงมานั่งดูทีวีข้างล่างกับนิกและปั้นจั่น แต่ก็ดูไม่รู้เรื่อง ได้แค่คิดในใจว่าป่านนี้ต้นจะได้กินข้าวหรือยัง ต้นคงเหนื่อยน่าดู ไหนจะเรียนแล้วยังต้องมาทำงานอีก มันไม่ใช่ความผิดของต้นเลย คนที่ควรจะรับผิดชอบคือเขาต่างหาก ต้นก็ห่วงความรู้สึกของเขามากจนเกินไป เขาพอจะรู้ว่าที่ต้นไม่บอกเขาเพราะไม่อยากให้เขาคิดมาก แต่ต้นจะมาเหนื่อยเพื่อเขาแบบนี้ไม่ได้

นิกกับปั้นจั่นขึ้นไปนอนแล้ว สนปิดทีวีแล้วก็เดินขึ้นมายืนรออยู่หน้าห้องของต้น เกือบๆ จะห้าทุ่มต้นก็ไขกุญแจเข้ามาในบ้าน ต้นไม่ได้เปิดไฟเพราะที่หน้าบ้านมีไฟเปิดอยู่จึงพอมีแสงสว่างบ้าง เขาเดินขึ้นบันไดมา พอเห็นสนรออยู่ ต้นก็หยุดเล็กน้อยแล้วเดินมาหาเพื่อน

“ไปไหนมาต้น” สนถามเสียงเบา เห็นหน้าเพื่อนที่ดูเหน็ดเหนื่อยแล้วก็แทบจะน้ำตาไหล ทำไมต้นจะต้องเหนื่อยเพื่อเขาขนาดนี้

“ไปทำงานบ้านเพื่อนมา นายยังไม่นอนอีกเหรอ” ต้นบอกแล้วถามกลับบ้าง เสียงเขาดูอิดโรยอย่างเห็นได้ชัดแต่ก็ยังมีกะจิตกะใจห่วงเพื่อน

“ทำงานอะไรเหรอต้น ทำไมมีกลิ่นควันกลิ่นอาหารติดมาด้วยล่ะ”

ต้นทำท่าทางอึกอัก ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง สนเดินมาจับไหล่เขาไว้ทั้งสองข้าง จ้องหน้าต้นแต่ต้นพยายามหลบสายตา

“ทำไมนายจะต้องเหนื่อยเพื่อเราขนาดนี้ล่ะต้น” สนหยุดเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “นายห่วงความรู้สึกเรามากเกินไปนะต้น ที่จริงนายควรจะบอกเราเรื่องนี้เพราะมันเป็นความรับผิดชอบของเรา”

ต้นได้แต่นิ่งเงียบ

“นายไม่ต้องไปทำงานที่ร้านนั้นแล้วนะต้น เราจะรับผิดชอบด้วยตัวของเราเอง ที่ผ่านมาเราไม่เคยขัดใจอะไรนาย แต่คราวนี้เราขอนะต้น ขอให้นายเลิกทำงานตอนกลางคืนเพื่อเรา นายเหนื่อยกับเรามามาก อย่าทำให้เรารู้สึกละอายใจไปมากกวานี้เลย ได้ไหมเพื่อน” สนบอกเพื่อนแล้วปล่อยมือลง

“เราคงทำอย่างที่นายขอไม่ได้ ถ้าจะเหนื่อยก็ต้องเหนื่อยด้วยกัน เราก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบเรื่องนี้” ต้นแย้ง

“นายอย่าดื้อสิต้น เราคือคนที่รับเงินของนายมา เพราะฉะนั้นมันก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะหาคืนให้นาย” สนเริ่มพูดเสียงดังขึ้น

“ถูก...แต่มันเป็นความสมัครใจของเรานี่สน นายอย่าห้ามเราเลย ถ้านายลำบากเราก็พร้อมที่จะลำบากกับนาย มันเป็นความสมัครใจของเรา เราทำของเราเอง” ต้นเถียง

“นายเหนื่อยเพื่อเราขนาดนี้ทำไมล่ะต้น”

ต้นถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินคำถามนี้ เขามองหน้าสนแล้วถามกลับว่า “นายถามแบบนี้ทำไมล่ะสน นายก็รู้อยู่แล้วว่าทำไม”

สนนิ่งอึ้ง ที่ผ่านมาเขาก็รู้ว่าต้นรักเขาแค่ไหน มันเป็นคำถามที่เขาไม่น่าจะถามเลยด้วยซ้ำ

“เราเป็นเพื่อนรักกันใช่ไหมสน วันนี้นายทนเห็นเราลำบากไม่ได้ วันต่อไปเราก็คงทนเห็นนายลำบากไม่ได้เหมือนกัน เราจะทนดูเพื่อนเหนื่อยและลำบากได้ยังไง ถ้าเราไม่ช่วยกันแล้วเราจะเป็นเพื่อนกันไปทำไม เหนื่อยแค่ไหนมันก็ต้องช่วยกันถ้ายังคิดจะเป็นเพื่อนกันอยู่ เกือบสิบปีที่ผ่านมามันก็เป็นอย่างนี้มาตลอดไม่ใช่หรือสน ทุกอย่างที่เราทำก็เพราะว่าเราอยากทำ มันไม่ใช่หน้าที่ มันไม่ใช่การถูกบังคับ แต่มันคือใจที่อยู่ข้างใน ถ้านายไม่ให้เราช่วยก็เท่ากับว่านายปฏิเสธที่จะให้เราเป็นเพื่อนนาย นายไม่อยากให้เราเป็นเพื่อนนายหรือสน”

พอต้นพูดจบเท่านั้นสนก็กอดเขาไว้แน่น สนต้องยอมแพ้อีกแล้ว ยอมแพ้กับความดีและความมีน้ำใจของเพื่อนคนนี้ น้ำตาแห่งความซาบซึ้งใจก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจจะหยุดได้เหมือนเช่นเคย นายดีกับเราเหลือเกิน เพื่อนเอ๋ย เราไม่รู้จะบอกนายอย่างไรว่าเราโชคดีเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นเพื่อนกับนาย สนปล่อยเพื่อนเหมือนนึกอะไรได้ เขาดึงแขนเสื้อของต้นข้างที่มีรอยแผลขึ้น เขามองไปที่รอยแผลนั้นแล้วพูดว่า

“รู้ไหมต้น ชีวิตของเราก็ให้นายได้” พูดจบสนก็กอดเพื่อนไว้อีกครั้ง เขารู้สึกดีทุกครั้งที่ได้กอดเพื่อนคนนี้ มันเหมือนกับการถ่ายทอดความรัก ความห่วงใยและความอบอุ่นให้กันและกันได้อย่างดีที่สุดโดยที่ไม่ต้องพูดอะไรมากมาย สักพักสนก็ปล่อยเพื่อน

“นายกินอะไรมาหรือยังล่ะต้น”

ต้นส่ายหน้า วันนี้คนเข้าร้านเยอะมาก เขาทำงานจนแทบไม่ได้หยุดเลย พอสามทุ่มครึ่งร้านก็เริ่มปิด แต่เขาก็ต้องอยู่เคลียร์โต๊ะและอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย ไม่มีเวลาแม้แต่จะกินข้าว พอเสร็จงานก็ดึกมาก หน้าปากซอยก็ไม่มีอะไรขายเพราะแม่ค้ากลับกันหมดแล้ว

“โธ่ต้น” สนอุทานด้วยความสงสารเพื่อนจับใจ “งั้นไปกินข้าวก่อน เราเหลือไว้ให้นายอยู่”

สนพาต้นมานั่งที่โต๊ะกินข้าว เขาเปิดไฟแล้วก็เดินไปยกข้าวและกับข้าวมาให้เพื่อน มีกับข้าวอยู่สองสามอย่างซึ่งเย็นหมดแล้ว แต่ก็ยังคงพอกินได้อยู่ สนนั่งมองเพื่อนกินข้าวด้วยความห่วงใย แม้ว่าเขาจะหิวอยู่บ้างเพราะกินข้าวไปนิดเดียวเมื่อตอนเย็น แต่ก็ไม่อยากไปแย่งเพื่อนกิน ต้นเหนื่อยแล้วต้นควรจะได้กินมากกว่าเขา

“ต้น นายรู้ไหม ตั้งแต่คบกันมา นายมีนิสัยไม่ดีอยู่อย่างหนึ่ง” สนถามเมื่อเห็นเพื่อนกินข้าวไปได้สักพัก

ต้นเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความสงสัย “อะไรเหรอ”

สนหัวเราะเบาๆ ก่อนตอบว่า “เราไม่ใช่คนใจเสาะหรือขี้แยนะต้น แต่นายกทำให้เราเสียน้ำตาหลายครั้งแล้ว”

ฟังจบแล้วต้นก็หัวเราะบ้าง

พอกินข้าวเสร็จแล้ว สนก็พาต้นมาส่งที่ห้อง เขาช่วยเปิดประตูให้ต้นเดินเข้าไปในแล้วบอกเพื่อนว่า “อาบน้ำแล้วก็รีบพักผ่อนนะต้น นายเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”

ต้นพยักหน้าพลางยิ้ม “นายก็เหมือนกัน นอนหลับฝันดีนะ”

สนพยักหน้าและยิ้มตอบเช่นกัน เขาปิดประตูให้เพื่อนแล้วก็กลับห้องของตัวเองไป
------------------------------------------------------------------------------------------------
วันต่อมา ต้นพาสนไปสมัครงานที่ร้านอาหารที่เขาทำอยู่ ทางร้านก็ยินดีเนื่องจากมีนโยบายที่จะช่วยนักศึกษาที่ต้องการหารายได้พิเศษอยู่แล้ว ประกอบกับเป็นช่วงที่ต้องการคนมาช่วยเสิร์ฟเพิ่มเติมพอดี สองหนุ่มต่างช่วยกันทำงานอย่างแข็งขัน พอมีคนมาช่วยทำแล้ว ดูเหมือนว่างานจะเหนื่อยน้อยลงและมีกำลังใจทำมากขึ้น ลูกค้าในตอนเย็นๆ นั้นเยอะมากเพราะเป็นเวลาที่คนเลิกงานและมักจะมาเที่ยวห้าง ทั้งมาซื้อของและมากิน ต้นกับสนรวมทั้งเจ้าหน้าที่หรือนักศึกษาที่มาหารายได้พิเศษต่างก็ต้องทำงานกันอย่างหนัก งานนี้ต้นกับสนจะได้เงินเดือนละประมาณห้าพันบาทเศษๆ เมื่อรวมสองคนแล้วก็จะได้หนึ่งหมื่นบาทหน่อยๆ ต่อเดือน ถ้าทำสองเดือนก็จะสามารถหาเงินไปให้พ่อของต้นได้พอดี

“เหงื่อเต็มหน้าเลยนะต้น” สนทักเมื่อต้นเดินเข้ามาบริเวณหลังร้าน ต้นยิ้มให้เพื่อน แต่ก่อนที่เขาจะไปทำอะไรต่อนั้น สนก็เดินมาหาต้น เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาด้วย

“อยู่เฉยๆ นะ” สนบอกแล้วก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับหน้าให้เพื่อน ต้นถึงกับทำตัวไม่ถูก พยายามเก็บอาการเขินไว้อย่างสุดความสามารถ แต่ก็หน้าแดงพอสมควร ดีนะที่ไม่มีใครมาสังเกตเห็น

“เดี๋ยวไม่หล่อ” สนบอกพลางหัวเราะเบาๆ นี่คือสิ่งที่เขาพอจะตอบแทนเพื่อนได้บ้าง แม้จะเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็มาจากใจและมีคุณค่าต่อจิตใจเช่นเดียวกัน

กว่าจะเลิกงานก็เลยสี่ทุ่มไปแล้ว บางวันที่นิกกับปั้นจั่นอยู่ดึกๆ ก็จะเห็นสองหนุ่มเดินกอดคอกันกลับเข้ามาในบ้านเสมอ แม้ว่าจะเหนื่อยแค่ไหนแต่ก็มีความสุข
------------------------------------------------------------------------------------------------
ผ่านไปสองเดือน ต้นกับสนก็ได้เงินมาสองหมื่นบาทนิดๆ วันหยุดวันหนึ่งทั้งสองคนก็กลับบ้านที่นครปฐมเพื่อนำเงินไปให้พ่อของต้น แต่พ่อกับแม่ของต้นไม่รับและยังบอกอีกว่า

“เก็บไว้ใช้เถอะลูก แม่เขาหาเงินได้แล้วล่ะ เอาไว้เรียนหนังสือเถอะลูก” พ่อของต้นบอก

ต้นกับสนมองหน้ากันอย่างงงๆ

“พ่อกับแม่ภูมิใจนะที่ต้นกับสนมีความรับผิดชอบและรักษาคำพูดซึ่งแสดงว่าเราเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว แค่นี้พ่อกับแม่ก็ดีใจแล้วล่ะ เก็บเงินก้อนนี้ไว้ใช้เรียนหนังสือเถอะลูก” แม่ต้นบอก

ต้นกับสนยกมือไหว้ขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ หลังจากนั้นสนก็พาต้นไปหาพ่อกับแม่เขาบ้าง ดูพ่อกับแม่ดีใจมากที่สนกลับมาเยี่ยมบ้าน สนเองก็คิดถึงพ่อกับแม่มากเพราะเป็นห่วงว่าท่านทั้งสองจะทำงานหนัก ปกติ ถ้าสนอยู่บ้านสนจะช่วยพ่อแม่ทำงานบ้านแทบทุกอย่าง ยกเว้นรีดเสื้อผ้าที่สนทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ตอนนี้พ่อกับแม่เขาต้องทำทั้งงานในบ้านและนอกบ้าน สนได้แต่บอกพ่อกับแม่ว่าให้อดทนอีกนิด พอเขาจบและมีงานทำแล้วพ่อกับแม่ก็จะได้ไม่ต้องเหนื่อย

พอตกเย็น ต้นกับสนก็เดินทางกลับมาที่บ้านพักในกรุงเทพ เขาทั้งสองแบ่งเงินกันคนละครึ่ง ต้นรีบพูดดักไว้ก่อนว่า
“นายยังไม่ต้องคืนเงินเราตอนนี้หรอกนะสน เรายังไม่เดือดร้อนอะไร นายเก็บไว้ใช้ดีกว่า นายจะได้ไม่ต้องรบกวนพ่อกับแม่นายด้วยไง”

สนนึกขำในใจ ต้นรู้จักเขาดีเสียจริงๆ เขายังไม่ได้พูดอะไรเลยแต่ต้นก็ดักไว้เสียก่อนเหมือนรู้ทัน และสนก็พอรู้ว่าเขาไม่ควรจะแย้งอะไรอีกเพราะต้นจะหาเหตุผลมาทำให้เขายอมจนได้ในที่สุด “ขอบใจมาก เพื่อนรัก”

และหลังจากนั้น สนก็ทำงานเสิร์ฟอาหารที่ร้านนั้นทุกเดือนเพื่อหารายได้พิเศษ จะได้ไม่ต้องรบกวนพ่อกับแม่มากจนเกินไป เพียงแต่สนไม่ได้ทำทุกวันเท่านั้นเพราะไม่อย่างนั้นแล้วเขาจะไม่มีเวลาเรียนและทำงานส่งอาจารย์เลย
------------------------------------------------------------------------------------------------
ในปีที่สองของการเรียนในมหาวิทยาลัย ต้นได้รับเลือกให้เป็นรองประธานชมรมจิตอาสาเพื่อสังคมเนื่องจากมีผลการทำงานที่ค่อนข้างโดดเด่น เจนี่ดูจะดีใจกับเขามากทีเดียว และก็ดูจะมีความเป็นไปได้สูงมากที่ต้นอาจจะได้เป็นประธานชมรมในปีหน้า ในปีนี้ ต้นพยายามชักชวนสนให้เขามาร่วมกิจกรรมในชมรมของเขาด้วย เพราะอยากให้สนใช้เวลาว่างทำประโยชน์เพื่อสังคม สนก็เข้ามาร่วมแต่โดยดี

ในช่วงต้นเทอมแรกของปีสอง ต้นได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบงานชิ้นหนึ่งซึ่งก็คือการพานักศึกษาในชมรมไปช่วยสร้างบ้านดินให้กับคนที่ยากไร้ที่ต่างจังหวัด ต้นต้องเขียนโครงการเพื่อของบประมาณจากมหาวิทยาลัย ติดต่อประสานงานกับนักศึกษา หาโรงแรมที่พัก แจ้งขอเช่ารถของมหาวิทยาลัยและต้องประสานงานกับคนในพื้นที่ด้วย ต้นสามารถทำได้เป็นอย่างดี ในที่สุดต้นก็ได้กำหนดวันที่จะไปทำกิจกรรมเป็นช่วงที่มีวันหยุดยาวติดกัน เดินทางเย็นวันพฤหัสบดีและกลับเย็นวันอาทิตย์ จังหวัดที่จะไปนั้นอยู่ห่างจากกรุงเทพประมาณสามร้อยกว่ากิโลเมตร จึงใช้เวลาเดินทางไม่มาก

ในวันเดินทาง มีรสบัสสองชั้นคันใหญ่ของมหาวิทยาลัย 1 คันเป็นพาหนะเดินทาง มีนักศึกษาและอาจารย์ที่จะไปรวมประมาณ 30 คน ต้นทำงานหนักทีเดียวเพราะต้องคอยตามนักศึกษาให้ขึ้นรถ บางคนก็มาสาย บางคนก็ยังติดต่อไม่ได้ วุ่นวายพอสมควร แต่สุดท้ายก็ผ่านไปด้วยดี สนเองก็ช่วยเพื่อนทำงานด้วยเพราะเห็นว่าเพื่อนเหนื่อย

พอทุกคนขึ้นรถกันหมดแล้ว ต้นกับสนก็เดินมาหาที่นั่ง แต่ไม่มีที่นั่งว่างสองตัวติดกันเลยจึงต้องแยกกันนั่ง ต้นได้นั่งกับเจนี่เพราะเจนี่จองที่ไว้ให้แล้ว ส่วนสนได้ที่นั่งแถวๆ ด้านหลัง มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงที่นั่งริมหน้าต่าง พอสนนั่งลงไป หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ถามเขาว่า

“พี่ชื่ออะไรคะ” หญิงสาวคนนั้นถามด้วยเสียงฉาดฉาน ดูท่าทางหล่อนอยากรู้จักสนมากทีเดียว

“อ๋อ ชื่อสนครับ เป็นนักศึกษาใหม่หรือครับ” สนตอบแล้วถามกลับบ้าง

“ค่ะ ชื่อก้อยนะคะ เรียนคณะนิเทศศาสตร์ค่ะ พี่สนเรียนคณะไหนล่ะ”

“คณะเทคโนโลยีสารสนเทศครับ” สนบอกชื่อเต็มของคณะที่เขาเรียน ก้อยทำตาโตด้วยความสนใจ

“จริงเหรอคะ งั้นพี่ก็ต้องเก่งคอมสิ สอนก้อยหน่อยได้ไหมคะ ก้อยใช้คอมไม่ค่อยเป็นเลย”

“อ๋อ...ก็พอประมาณครับ ไม่ถึงกับเก่งมาก ถ้าอยากเรียน ไว้ว่างๆ พี่สอนให้ได้ครับ” สนรับปากไปตามมารยาท จริงๆ เขาก็ไม่ได้คิดว่าก้อยอยากจะมาเรียนจริงๆ หรอก แต่อาจจะถามไปอย่างนั้นเอง

ก้อยชวนสนคุยไปตลอดทางเลยทีเดียว เธอแสดงอาการสนใจสนอย่างเห็นได้ชัด แต่สนไม่รู้เลยว่าผู้หญิงคนนี้นี่เองที่จะทำให้เขากับต้นต้องบาดหมางใจกันในอีกไม่นานนี้

Click here to go back to the previous page Go back   Click here to see help FAQ     
Conferences Post form
Your Message
Name*:
Subject*: Upload Pics อัพโหลดรูปภาพ
Message*:
 
HTML Ok
Use [] in place of <>

HTML Reference
 
Images Ok
 
Click on a smilie to add it to your message.
 
Check if you DO NOT wish to use emotion icons in your message
RBR User*: ใส่ Username และ Pass RBR ในกรณีที่โพสแล้วติดแอดมิน
RBR Pass*: ***ผู้ที่ใช้พาส RBR ป่วนหรือโพสผิดกฎบอร์ดจะถูกยึดพาส***
 

 

Palm-Plaza.com All rights reserved.

*** ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บเพจนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และ ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง
ห้ามโพสข้อความ รูปภาพ ไฟล์ที่มีลิขสิทธิ์ ที่สร้างความเสียหายให้แก่บุคคลอื่น
ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link "แจ้งลบข้อความ" ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือแจ้งมาได้ที่ ryubedroom@yahoo.com



Copyright Palm-Plaza,Inc. All Rights Reserved.