We have no responsibility for the contents in this web community!

ถ้าเข้ามาแล้วพบว่ากระทู้ไม่เรียงตามวัน/เวลา ให้คลิ๊กตรงคำว่า Date/Time ที่อยู่ตรงแถบสีม่วงๆ นะครับ


ห้ามลงประกาศโฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ยกเว้นสปอนเซ่อร์!!!!!

*** ห้ามใช้เนื้อที่บอร์ดเพื่อแอบแฝงขายบริการทางเพศ ***


เพิ่มเพื่อน

RBR Section


Register
สมัครสมาชิก


What's RBR?
ต่ออายุสมาชิก

**** ส่วนบริการเข้าบอร์ดเฉพาะสำหรับสมาชิก RBR บอร์ด Devil และ บอร์ด Zombie ต้องการติดต่อสอบถาม ส่งเมลล์ที่ ryubedroom@yahoo.com เท่านั้น ****

กรุณาคลิ๊กที่นี่และ Bookmark ไว้ด้วยครับ

Palm-Plaza.com

Complete the form below to post a message

Original Message
"RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
Posted by sarawatta on 14-Jun-11 at 10:56 PM
ขอหยุดไว้ที่ตอนนี้นะครับ แล้วมาลุ้นกันต่อครับ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------

ตอนที่ 20: ชีวิตใหม่ของต้นและสน

หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นแล้ว ต้นพยายามระมัดระวังมากขึ้นกับพี่ปิ๊ก เพราะต้นไม่ได้ชอบเขาและไม่อยากให้เขาเข้าใจผิด จนกระทั่งพี่ปิ๊กเรียนจบไปจึงหลุดจากวงโคจรของชีวิตต้นไปโดยปริยาย ส่วนนิกกับปั้นจั่นก็ไม่ได้พยายามที่จะพิสูจน์อะไรอีก แต่ก็ยังมีความเชื่ออยู่ลึกๆ ว่าทั้งต้นและสนมีความรู้สึกที่พิเศษต่อกันบางอย่าง

ในช่วงปีสุดท้ายของการเรียน ต้นกับสนต้องทุ่มเทให้กับการเรียนมากเป็นพิเศษ เพราะต่างก็มุ่งหวังที่จะเรียบให้จบภายในสี่ปี สำหรับต้นอาจจะไม่ค่อยมีปัญหาเท่าใดนักเพราะเป็นคนที่เรียนดีอยู่แล้ว แต่สนต้องพยายามมากพอสมควร อย่างไรก็ตาม ต้นก็เป็นคนที่คอยช่วยเท่าที่ทำได้และเป็นกำลังใจที่สำคัญให้เขามาโดยตลอด ในด้านความรัก สนไม่ได้ชอบพอใครเป็นพิเศษเลยในช่วงนี้ อาจจะมีแซวหรือเล่นกันบ้างตามประสาหนุ่มๆ สาวๆ สาเหตุที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือฐานะของเขาเอง จึงทำให้สนคิดอยู่เสมอว่าเขายังต้องเจียมตัวเจียมใจ เพราะผู้หญิงเท่าที่เขารู้จักก็มักให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นหลัก ถ้าเขามีรถขับ ใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนมก็อาจจะมีคนชอบเขามากกว่านี้ หน้าตาดีอย่างเดียวดูเหมือนจะยังไม่พอ ทุกวันนี้ที่เรียนมาจนได้ถึงปีสี่ สนก็อาศัยเงินทั้งจากพ่อแม่ จากทุนกู้ยืมเรียน ส่วนที่สนหามาเองจากการทำงานนอกเวลาเรียนและงานพิเศษ เช่น ออกแบบเว็บไซต์ ทำระบบฐานข้อมูล ฯลฯ และอีกส่วนที่สำคัญคือจากครอบครัวของต้น

ช่วงก่อนเรียนจบ ต้นได้ฝึกงานที่บริษัทใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งรับงานใหญ่ๆ เช่น การก่อสร้างระบบขนส่งหรือสถานที่ที่สำคัญๆ ของประเทศ ส่วนสนได้ฝึกงานกับบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการพัฒนาซอฟต์แวร์ชื่อดังแห่งหนึ่ง

จนกระทั่งวันที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง ในวันรับปริญญา พ่อแม่ของต้นและสน รวมทั้งญาติๆ บางส่วนของต้นก็มาร่วมงานด้วย หลังจากเสร็จพิธี ตอนเย็นๆ ครอบครัวของต้นก็พาทุกคนไปเลี้ยงฉลองความสำเร็จ ทุกคนดูมีความสุขกันมาก โดยเฉพาะพ่อกับแม่ของสนที่เอ่ยคำขอบคุณต้นและครอบครัวไม่ขาดปาก แม้ว่าจะเหนื่อยยากเพียงใด แต่เมื่อถึงวันนี้ความเหนื่อยยากทั้งหลายก็หายไปจนหมดสิ้น และที่ทำให้หายเหนื่อยมากขึ้นก็คือทั้งต้นและสนได้งานทำแล้ว และจะเริ่มทำในเดือนหน้าซึ่งก็เหลืออีกไม่กี่วันเท่านั้น ต้นได้งานทำให้บริษัทที่เคยไปฝึกงาน ส่วนสนหลังจากที่ตระเวนสมัครอยู่หลายที่ก็ได้งานทำในบริษัทพัฒนาซอฟแวร์ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งเช่นกัน
------------------------------------------------------------------------------------------------
หลังจากกลับจากเลี้ยงฉลอง ต้นกับสนก็กลับมาพักที่บ้านพักเช่นเดิม ส่วนพ่อแม่และญาติๆ เดินทางกลับกันเลยเนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมาก ทั้งสองคนรู้สึกใจหายเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ใกล้ๆ กันอีกต่อไป ที่ทำงานของต้นกับสนแม้จะอยู่ในกรุงเทพเหมือนกัน แต่ก็อยู่ไกลกันพอสมควรและคงต้องแยกกันอยู่

หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว แม้ว่าจะดึกไปสักหน่อย สนก็มาคุยกับต้นที่ห้องเพราะเขามีอะไรหลายอย่างที่อยากจะบอกเพื่อนแต่ยังไม่มีโอกาสที่จะได้บอก สิ่งแรกที่สนทำเมื่อไปถึงห้องของต้นก็คือกอดเพื่อนและขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างตลอดระยะเวลาการเป็นเพื่อนกันที่ผ่านมา

“ขอบใจมากนะต้นสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีๆ ที่นายและครอบครัวของนายให้เรากับครอบครัวมาเสมอ เราจะไม่มีวันลืมเลย ที่เรามีวันนี้ได้ก็เพราะนายจริงๆ” สนบอกด้วยความรู้สึกจากใจจริง

“ด้วยความยินดีเพื่อน เราเองก็ดีใจที่นายตั้งใจและทำอย่างดีที่สุดจนมีวันนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะตัวนายเองนะสน ถ้านายไม่มุ่งมั่น ไม่ตั้งใจ เราก็อาจจะช่วยอะไรนายไม่ได้เลย” ต้นบอกและชี้ให้เห็นอีกด้านหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้สนมีวันนี้ได้

“ที่เราตั้งใจเพราะเราอยากให้พ่อกับแม่ของเราสบายมากขึ้น ที่สำคัญ เราก็ได้กำลังใจที่ดีๆ จากนายนี่แหละ ไม่อย่างนั้นเราก็คงไม่มีวันนี้หรอก จริงๆ นะต้น เราอยากบอกนายว่า...เราและครอบครัวของเรา...ขอบคุณนายและครอบครัวของนายมากที่ช่วยพวกเรา” สนพูดพลางมองดูเพื่อนที่แสนรักปานแก้วตาดวงใจอย่างชื่นชม

“สน...นายรู้ไหมว่าสิ่งที่เราดีใจมากก็คือเราได้พานายมาถึงฝั่งอย่างที่เราตั้งใจแล้ว นี่คือความสุขที่สุดในชีวิตของเราในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง สิ่งที่เราได้ขอร้องนายไว้เมื่อ 5 ปีก่อนก็สิ้นสุดลงแล้ว เราไม่ห่วงนายในเรื่องรากฐานสำคัญของชีวิตที่จะช่วยให้นายอยู่ต่อไปด้วยตัวเองได้ เพราะวันนี้นายมีความรู้และกำลังจะมีงานทำในไม่ช้า จากวันนี้เป็นต้นไป ชีวิตเป็นของนายอย่างเต็มที่นะสน ส่วนเราก็ยังคงห่วงใยนายในฐานะเพื่อนคนหนึ่งอยู่เสมอ มีอะไรก็กลับมาหาเราได้เสมอนะสน จะให้เราช่วยอะไรก็บอก โทรมาหาเราได้ จะให้เราไปหาก็ได้” ต้นบอกพลางยิ้มแสดงความจริงใจซึ่งสนสามารถรับรู้และสัมผัสได้เป็นอย่างดี
------------------------------------------------------------------------------------------------
วันที่ต้องย้ายออกจากบ้านเล่นเอาทั้งสี่หนุ่มน้ำตาคลอกันเลยทีเดียว แม้จะทำใจไว้ล่วงหน้าแล้วแต่ก็ไม่อาจจะห้ามความรู้สึกใจหายได้ สี่ปีที่ได้อยู่ร่วมกันมาจะเป็นสี่ปีแห่งความทรงจำตลอดไป ความเปลี่ยนแปลงคือสิ่งที่แน่นอนที่สุด ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ สักวันหนึ่งมันก็ต้องมาถึง

ชีวิตการทำงานของต้นและสนผ่านไปได้ด้วยดี สนผ่อนคอนโดอยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานมากนัก ด้วยนิสัยที่เป็นคนขยันทำงานทำให้สนค่อนข้างก้าวหน้าได้เร็ว ได้เลื่อนตำแหน่งและมีเงินเดือนมากขึ้น สามารถเลี้ยงดูพ่อแม่ได้อย่างไม่ลำบาก และสามารถคืนเงินที่ต้นให้ยืมได้จนหมด แต่พ่อกับแม่ของสนก็ไม่ยอมย้ายมาอยู่กับเขาในเมืองเพราะชอบชีวิตแบบบ้านนอกมากกว่า ด้วยความที่ทำงานมาตลอดชีวิต พ่อกับแม่ของสนแม้ว่าจะไม่ได้ออกไปทำงานรับจ้างข้างนอกอีกแล้ว แต่ก็ปลูกผักทำสวนไปตามประสา สนก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะรู้ว่าพ่อกับแม่ไม่อยากอยู่เฉยๆ ว่างๆ สนก็จะมาเยี่ยมพ่อกับแม่เสมอ บางทีก็มากับต้น บางทีก็มาคนเดียว ส่วนต้นก็อยู่คอนโดเช่นเดียวกัน แต่งานของต้นจะต้องออกนอกพื้นที่บ่อยๆ บางทีก็ไปต่างจังหวัด บางทีก็ไปต่างประเทศ พ่อกับแม่ของต้นก็ยังคนสอนหนังสือเช่นเดิม แต่อีกไม่นานก็จะเกษียณแล้ว

ความสัมพันธ์ระหว่างต้นกับสนก็ยังคงเส้นคงวาเช่นเดิม พอว่างก็จะโทรคุยกัน ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันเสมอ บางทีว่างๆ สนก็จะมาที่คอนโดของต้น ไปกินข้าว ซื้อของหรือเที่ยวด้วยกันบ้าง บางทีสนก็มาค้างด้วย แต่ต้นไม่ค่อยได้ไปหาสนเท่าไรนักเพราะสนบอกว่าเขาจะมาหาเอง จึงนับได้ว่าทั้งสองคนนี้ไม่เคยขาดการติดต่อกันเลยแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ใกล้ๆ กันเหมือนเดิมแล้ว

ไม่นานนักสนก็มีแฟน แฟนของสนเป็นคนต่างจังหวัดเช่นกัน อายุน้อยกว่าสนเพียงสองปี ทำงานธนาคารแห่งหนึ่ง ต้นรับรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีเพราะสนไม่ได้ปิดบังและพาแฟนของเขามาแนะนำให้ต้นรู้จัก แฟนของสนชื่อปวีณา แต่สนมักจะเรียกชื่อเล่นว่า “นา” หน้าตาและผิวพรรณดีพอสมควร ถึงจะมีแฟนแล้วสนก็ไม่ให้ความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นในอดีตเกิดขึ้นซ้ำอีก ความสนิทสนมกับเพื่อนก็ยังคงดำเนินต่อไป และสนก็สามารถแบ่งเวลามาให้เพื่อนได้เสมอ สนมักจะบอกแฟนเขาเสมอว่าต้นคือเพื่อนรักที่เขาสามารถตายแทนได้ ต้นคือเพื่อนที่ทำให้เขามาถึงวันนี้ได้ แฟนของสนจึงดูจะให้ความเคารพต่อต้นมากทีเดียว ส่วนต้นนั้น ไม่เคยคิดถึงเรื่องแฟนเลย เวลาใครถาม ต้นก็จะบอกว่ายังไม่คิดและยังสนุกกับการทำงานและชีวิตโสดอยู่ แต่จะมีสักกี่คนที่จะรู้ว่าที่ต้นไม่เคยรักใครหรือคิดจะจริงจังกับใครเลยนั้นเพราะเหตุใด
------------------------------------------------------------------------------------------------
ห้าปีผ่านไป...วันหนึ่งสนมาค้างที่ห้องของต้นช่วงเย็นวันศุกร์ หลังจากกินข้าวแล้ว สนก็ชวนเพื่อนออกมานั่งตรงระเบียง มองออกไปก็จะเห็นวิวเป็นแสงสีละลานตาของกรุงเทพ ต้นกับสนลากเก้าอี้มานั่งคู่กัน คุยกันไปพร้อมกับดูวิวไป

“เราจะแต่งงานแล้วนะต้น” สนหันไปบอกเพื่อนพลางยิ้มน้อยๆ น้ำเสียงของเขาบ่งบอกว่าเขามีความสุขมากเพียงใด แต่สำหรับต้น มันเหมือนมีสายฟ้าฟาดลงมาที่หัวใจของเขาเลยทีเดียว แม้ว่าต้นจะทำใจไว้แล้วว่าสักวันก็ต้องมีวันนี้ก็ตาม

“ยินดีด้วยนะเพื่อน ต่อไปนี้ ชีวิตของนายคงจะสมบูรณ์มากขึ้นแล้วนะ” ต้นพยายามพูดให้เสียงดูปกติที่สุด แต่จะมีสักกี่คนที่จะรู้ว่าในใจของต้นตอนนี้เจ็บปวดแค่ไหน

“ขอบใจมากเพื่อน เราไม่เคยลืมหรอกนะต้นว่าเรามีวันนี้ได้เพราะนาย แต่เราก็มีสิ่งหนึ่ง ที่เราอยากจะพูดกับนาย อยากถามนาย และเป็นสิ่งที่ค้างคาใจเรามาตลอดหลายปีที่ผ่านมา”

“อะไรเหรอ”

“ทำไมนายยังไม่มีแฟนล่ะต้น”

ต้นมีอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อถูกถามเช่นนั้น สนกำลังจะถามอะไรเขาหรือ หรือสนจะรื้อฟื้นเรื่องนั้นขึ้นมาอีก

“ก็...สงสัยเนื้อคู่เรายังไม่เกิดมั้ง” ต้นตอบพลางขำเพื่อกลบเกลื่อน แต่สีหน้าสนดูไม่ขำด้วย ต้นกล่าวสืบไปว่า “อีกอย่าง ตอนนี้เราก็สนุกกับงาน เรายังสนุกกับชีวิตโสดน่ะสน เรายังไม่คิดเรื่องมีครอบครัวหรอก” ต้นพยายามกลบเกลื่อน แต่สนรู้ว่ายังมีบางสิ่งที่ทำให้ต้นยังเป็นโสดจนถึงทุกวันนี้

“ต้น...เราถามนายตรงๆ นะ ที่นายยังไม่มีแฟน เพราะเราใช่ไหม”

ต้นหยุดชะงัก สีหน้าของเขาดูตกใจขึ้นมากกว่าเดิมเมื่อจู่ๆ สนก็รื้อฟื้นเรื่องนี้ขึ้นมาอีก ทั้งๆ ที่ต้นเคยบอกไว้แล้วว่าจะขอพูดครั้งนั้นเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย

“จริงๆ ไม่ต้องถามเราก็รู้” สนกล่าวสืบไป “เราไม่เคยรู้สึกดีเลยนะต้น ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้” สนหันมามองเพื่อน น้ำตาเริ่มคลอ เขารู้สึกสะเทือนใจและเสียใจที่ต้นต้องมาทนทุกข์ทรมานกับความรักที่เขาไม่สามารถจะตอบสนองให้ได้ เขาจะยิ้มได้อย่างไรถ้าเพื่อนยังต้องเจ็บปวดเพราะเขาเป็นสาเหตุ

“เราเห็นใจนายมากนะต้น แต่เราก็ไม่รู้จะทำยังไง ไม่รู้จะช่วยนายยังไงดี อีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้เราก็จะแต่งงาน มีความสุขกับคนที่เรารัก แต่เรารู้ว่านาย...เจ็บแค่ไหน ต้น...มีวิธีไหนบ้างที่เราจะช่วยนายได้ เราไม่อยากเห็นนายมีชีวิตแบบนี้ต่อไปเลยต้น เรารู้สึกผิดที่ทำให้เพื่อนที่เรารักเป็นแบบนี้” สนบอกสิ่งที่เขาค้างคาใจ เขามองหน้าเพื่อนด้วยความรู้สึกสงสารจับจิตจับใจ

“เราเคยบอกนายแล้วไม่ใช่เหรอสนว่าเราจะไม่พูดเรื่องนี้อีก เราบอกนายแล้วไงว่าไม่ต้องห่วงอะไรเราทั้งนั้น เราไม่อยากพูดถึงมันอีก เราไม่อยากให้นายรู้สึกผิด นายไม่ผิดนะสน นายไม่คิดอย่างนั้นกับเรา เป็นสิ่งที่บังคับไม่ได้ เราเข้าใจ เราบอกแล้วไงว่านายไม่ต้องเปลี่ยนอะไร นายก็เป็นเหมือนเดิม นายให้เราได้แค่ไหนก็แค่นั้น ที่สำคัญ นายไม่ต้องสงสารเรา” ต้นอธิบายเรื่องนี้อีกครั้ง เขาต้องอดทนอย่างยิ่งที่จะไม่ร้องไห้ให้เพื่อนเห็น

“ต้น...เราก็เข้าใจสิ่งที่นายบอกนะ แต่นายก็เป็นเพื่อนที่เรารัก...รักเหมือนแก้วตาดวงใจของเรา เราจะทนเห็นนายมีชีวิตแบบนี้ได้ยังไงต้น เราจะมีความสุขได้ยังไงถ้าเราเป็นสาเหตุให้นายต้องเป็นแบบนี้” สนพูดพร้อมกับหลับตาลงแล้วถอนหายใจ

“สน...เราบอกว่าไม่ต้องห่วงเราไง เราขอยืนยันว่าชีวิตของเรายังดำเนินต่อไปได้ แค่ได้เป็นเพื่อนกับนาย แค่นายไม่รังเกียจเรา เราก็พอใจแล้ว เราขอแค่นี้จากนายนะสน นายก็ให้เราแล้ว นายสบายใจเถอะ นายไม่ผิดที่จะไม่คิดอย่างนั้นกับเรา ไม่มีใครบังคับใจใครได้หรอก” ต้นอธิบาย เขารู้ว่าถ้ายังคุยกันเรื่องนี้อยู่ เขาคงไม่พ้นเสียน้ำตาเป็นแน่

“เราบอกตรงๆ นะต้น เราทำใจไม่ได้ นายดีกับเรามากขนาดไหน แต่เรากลับไม่สามารถที่จะรักนายอย่างนั้นได้ แถมยังทำให้นายต้องเจ็บปวดมาตลอด” สนเว้นจังหวะไปสักพักแล้วก็เสนอสิ่งที่เขาคิดว่า “นายลองเปิดใจดูไหมต้น ให้โอกาสคนอื่นที่ไม่ใช่เราได้ไหม” สนพูดได้แค่นั้นเพราะต้นรีบสวนมาทันทีว่า

“สน...นายคงเข้าใจนะว่าคนเราไม่สามารถบังคับหัวใจได้ ถ้าเราทำได้ เราก็ทำไปแล้ว เราก็ไม่อยากให้นายลำบากใจเพราะเราหรอก มันกี่ปีแล้วล่ะสน มันไม่ได้ง่ายอย่างที่นายคิดหรอก”

สนอึ้งไปเช่นกัน “ขอโทษต้น” สนบอกเสียงแผ่วด้วยความรู้สึกผิด เขานึกถึงแต่ตัวเองหรือเปล่า ที่เขาอยากให้ต้นรักคนอื่นบ้างก็เพื่อประโยชน์ของตัวเขาเองที่จะไม่ได้ต้องรู้สึกผิดอีกต่อไป แต่เขาไม่ได้คิดเลยว่ามันเป็นสิ่งที่ต้นทำได้และอยากทำหรือเปล่า

สนรู้ว่าตอนนี้ต้นพยายามที่จะเข้มแข็งเพื่อให้เขาสบายใจ แต่สนอยากให้ต้นได้พูดอะไรบ้าง ต้นเก็บกดมากเกินไป บางอย่างต้นก็ควรจะบอกเขา ไม่ควรเก็บไว้คนเดียวให้เป็นทุกข์ “นายเจ็บมากใช่ไหมต้น บอกเรามาเถอะ ระบายให้เราฟังบ้าง อย่าเก็บไว้คนเดียว เราเป็นเพื่อนนาย นายพูดกับเราได้ทุกเรื่องนะ”

ในที่สุดต้นก็ไม่อาจจะกลั้นน้ำตาไว้ได้ เขาพยักหน้าเหมือนคนที่ยอมแพ้กับความรู้สึกข้างในใจของตัวเอง หัวใจก็เป็นเลือดเนื้อธรรมดาก้อนหนึ่ง มันทนได้แค่ระดับหนึ่งเท่านั้น เมื่อถึงขีดสุด ต้นก็ไม่อาจที่จะฝืนทำเป็นเข้มแข็งต่อไปได้ แม้ว่าต้นจะไม่อยากอ่อนแอให้เพื่อนเห็นเลยก็ตาม แต่เขาก็ทนเจ็บปวดโดยไม่พูดอะไรมาหลายปี เมื่อเจอคำถามแทงใจเข้าไปมากๆ เขาก็ไม่อาจจะทานทนอะไรได้อีกต่อไป ต้นเอามือปิดหน้าแล้วปล่อยโฮอย่างสุดกลั้น สนดึงเพื่อนมากอดไว้ คอยลูบผมและหลังเพื่อนเพื่อปลอบใจ เขารู้ว่าที่ผ่านมาต้นพยายามอย่างมากที่จะเข้มแข็งและไม่แสดงอาการใดๆ ให้เขารู้ว่าต้นรู้สึกอะไรบ้าง แต่เขาก็พอดูออก พอสนมีแฟน ต้นก็พยายามหลบหน้าและคุยกับเขาน้อยลงเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เขาเคยชวนต้นไปกินข้าวที่คอนโดเพราะแฟนเขาจะทำอาหารให้กิน ต้นก็ไม่ยอมไปและอ้างว่ามีธุระ จนเขาต้องมาหาต้นเอง เพราะไม่อย่างนั้นแล้วต้นก็จะบอกว่าไม่ว่างตลอด เขาไม่คิดจะว่าอะไรต้นหรอก เขารู้ว่าต้นเจ็บและต้นคงไม่อยากซ้ำเติมตัวเองให้เจ็บมากขึ้น แต่วันนี้เขาอยากให้เพื่อนได้ระบายสิ่งที่อัดอั้นตันใจออกมาบ้าง เผื่อจะช่วยทำให้ต้นสบายใจขึ้นได้

“ถ้านายทนไม่ไหว นายก็อย่าทนเลยนะต้น อ่อนแอเสียบ้างคงไม่เป็นไรหรอก เผื่อนายจะหายอัดอั้นตันใจและสบายใจขึ้น พูดสิ่งที่นายเก็บไว้บ้างเถอะนะต้น บอกให้เราฟัง เราเป็นเพื่อนนาย เรารับได้ทุกอย่าง เราจะรับฟังทุกเรื่อง ให้เราช่วยทำอะไรบ้างให้นายรู้สึกดีขึ้น” สนบอกเพื่อน ต้นกอดเขาแน่นขึ้น ปล่อยให้หัวใจอ่อนแออย่างเต็มที่ แต่สักพักต้นก็หยุดร้องให้แล้วรีบผละออกจนสนตั้งตัวแทบไม่ทัน ต้นคิดว่าเขาจะต้องไม่พูดไม่ระบายอะไรมากไปกว่านี้แล้ว เพราะไม่เป็นผลดีทั้งกับตัวเขาเองและเพื่อนเลย

“สน... นายแต่งงานไปเถอะนะ นายจะสงสารเราหรือเห็นใจเราแค่ไหน นายก็ต้องแต่งงานอยู่ดี เราจัดการกับชีวิตของเราได้ ถึงเราจะเป็นอย่างนี้ไปจนตายเราก็จัดการได้ นายอย่าห่วงเลย แล้วเราไม่ต้องพูดเรื่องนี้อีก” ต้นพยายามข่มน้ำเสียงให้ดูเข้มแข็งและเด็ดขาด “นะสน นายแต่งงานไปเถอะ ไม่ต้องห่วงเรา” ต้นพยายามยิ้มให้เพื่อน

“โธ่ต้น” สนอุทานด้วยความสงสารเพื่อนอย่างจับใจ เขามองหน้าเพื่อนเหมือนจะคอยจับดูว่ามีความรู้สึกอะไรเกิดขึ้นบนใบหน้าของต้นจริงๆ บ้าง สนเห็นแล้วว่าไม่ว่าต้นจะกลบเกลื่อนอย่างไรต้นก็ไม่อาจปิดบังร่องรอยความเสียใจและเจ็บปวดบนใบหน้าของตัวเองได้ สนรู้สึกว่าเขาควรจะต้องทำอะไรบางอย่างเสียแล้ว

“ต้น...เรารู้ว่านายรักเรามากนะ เราไม่รู้ว่ามันจะช่วยให้นายรู้สึกดีขึ้นได้ไหม แต่เราอยากบอกว่า เรารับรู้เสมอถึงความรักของนายที่มีให้เรา เราเห็นจากทุกสิ่งทุกอย่างที่นายทำตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เรารู้นะต้น ไม่ใช่ว่าเราไม่รู้ ถึงเราจะไม่พูดอะไรก็เถอะ แต่เรารู้ และเราก็ซาบซึ้ง เรารู้สึกขอบคุณและเห็นใจในความรักของนาย” ในขณะที่พูด สนเริ่มเขยิบตัวเข้าไปใกล้ๆ ต้นอีกครั้ง ใบหน้าของเขาอยู่ห่างจากต้นไม่กี่นิ้ว

“เราไม่รู้ว่าจะตอบแทนนายอย่างไร บางที...”

พอพูดจบ สนก็ทำในสิ่งที่ต้นคาดไม่ถึง เขาดึงต้นเข้ามาจูบ ต้นตกใจและขัดขืนในตอนแรก แต่พอผ่านไประยะหนึ่งเขาก็เริ่มสนองตอบด้วยดีมากขึ้น ต้นกอดเพื่อนไว้แน่นเพราะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกจากที่สูง สักพักสนก็หยุด พอถอนปากออก ทั้งต้นและสนมองหน้ากันด้วยสีหน้าที่ไม่สามารถอธิบายอะไรได้เลย ทั้งคู่ดูสับสนกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น ณ ขณะนี้เป็นอย่างมาก ต้นไม่รู้เลยว่าสนจูบเขาทำไม เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมากจนตั้งตัวไม่ทัน ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรและเพราะเหตุใด ส่วนสน เขาเพิ่งตระหนักว่ารสจูบของเขากับต้นเป็นสิ่งที่หอมหวานอ่อนละมุนอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลย เขาแค่คิดว่าสิ่งนี้น่าจะพอช่วยตอบแทนความดีต่างๆ ที่ต้นทำให้เขาได้บ้าง แต่สิ่งที่เขาทำกลับผลักเขาเข้าไปสู่ห้วงของอะไรบางอย่างที่เขาอาจจะหนีออกไปไม่ได้เลย นี่มันอะไรกัน เขาคิดอะไรกับต้นกันแน่???
------------------------------------------------------------------------------------------------
แล้วงานแต่งงานของสนก็เกิดขึ้นโดยที่มีต้นเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว แต่ต้นก็เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวที่หน้าชื่นอกตรมอย่างที่สุด แต่ถึงกระนั้นเขาก็ดีใจที่เพื่อนเป็นฝั่งเป็นฝา ต่อไปสนก็จะต้องมีหน้าที่เป็นสามี เป็นผู้นำครอบครัวและเป็นพ่อของลูก สนคงจะต้องใช้เวลาสร้างครอบครัวของเขามากขึ้น ส่วนต้น ชีวิตเขาจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้เหมือนกัน จึงได้แต่คิดว่าแค่เขายังได้เจอเพื่อน เห็นเพื่อนเจริญเติบโตก้าวหน้า ได้ดูแล ได้ทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ให้เพื่อนบ้าง เขาก็มีความสุขตามประสาของเขาแล้วล่ะ

พอเพื่อนแต่งงานได้ไม่นานนัก ต้นก็ตัดสินใจรับทำงานควบคุมการก่อสร้างเขื่อนในประเทศลาว เขาจะต้องไปอยู่ที่นั่นอย่างน้อยสามเดือน แต่ต้นก็คิดว่าก็ดีเหมือนกัน ตอนนี้เขาควรจะต้องไปไหนสักแห่งที่ไกลๆ เพื่อรักษาหัวใจที่เจ็บช้ำอย่างหนัก พองานนี้เข้ามา ต้นจึงรีบเสนอตัวรับทันที เขาก็ได้แต่หวังว่าระยะเวลาสามเดือนคงช่วยทำให้เขาอาการดีขึ้นบ้างไม่มากก็น้อย

Click here to go back to the previous page Go back   Click here to see help FAQ     
Conferences Post form
Your Message
Name*:
Subject*: Upload Pics อัพโหลดรูปภาพ
Message*:
 
HTML Ok
Use [] in place of <>

HTML Reference
 
Images Ok
 
Click on a smilie to add it to your message.
 
Check if you DO NOT wish to use emotion icons in your message
RBR User*: ใส่ Username และ Pass RBR ในกรณีที่โพสแล้วติดแอดมิน
RBR Pass*: ***ผู้ที่ใช้พาส RBR ป่วนหรือโพสผิดกฎบอร์ดจะถูกยึดพาส***
 

 

Palm-Plaza.com All rights reserved.

*** ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บเพจนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และ ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง
ห้ามโพสข้อความ รูปภาพ ไฟล์ที่มีลิขสิทธิ์ ที่สร้างความเสียหายให้แก่บุคคลอื่น
ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link "แจ้งลบข้อความ" ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือแจ้งมาได้ที่ ryubedroom@yahoo.com



Copyright Palm-Plaza,Inc. All Rights Reserved.