We have no responsibility for the contents in this web community!

ถ้าเข้ามาแล้วพบว่ากระทู้ไม่เรียงตามวัน/เวลา ให้คลิ๊กตรงคำว่า Date/Time ที่อยู่ตรงแถบสีม่วงๆ นะครับ


ห้ามลงประกาศโฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ยกเว้นสปอนเซ่อร์!!!!!

*** ห้ามใช้เนื้อที่บอร์ดเพื่อแอบแฝงขายบริการทางเพศ ***


เพิ่มเพื่อน

RBR Section


Register
สมัครสมาชิก


What's RBR?
ต่ออายุสมาชิก

**** ส่วนบริการเข้าบอร์ดเฉพาะสำหรับสมาชิก RBR บอร์ด Devil และ บอร์ด Zombie ต้องการติดต่อสอบถาม ส่งเมลล์ที่ ryubedroom@yahoo.com เท่านั้น ****

กรุณาคลิ๊กที่นี่และ Bookmark ไว้ด้วยครับ

Palm-Plaza.com

Complete the form below to post a message

Original Message
"RE: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต"
Posted by sarawatta on 11-Mar-12 at 07:13 PM
จะทิ้งไว้สองตอนให้อ่านก่อนที่จะว่างเว้นไปสัก 1 สัปดาห์ครับ พอดีงานเข้า ต้องเร่งทำงานบางอย่างให้เสร็จ
วันนี้นั่งใส่รายละเอียดเรื่องในตอนต่อๆ ไป ยังคิดเลยว่า ทำไมชีวิตมันจะอะไรขนาดน้านนนนน
ช่วงวัยเรียน ผมอาจจะไม่เล่ารายละเอียดบางอย่างมากนัก เพราะเป็นช่วงที่ปูเรื่องไว้ให้พอเข้าใจ
ไม่งั้น 100 ตอนก็อาจจะไม่จบ แต่ก็มีแววว่าจะไปได้หลายสิบตอนอยู่ครับ
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

ตอนที่ 10

ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงบังเอิญได้ขนาดนั้น เมื่อจู่ๆ บูมก็ได้รับเลือกจากโรงเรียนให้ไปแข่งขันรายการโทรทัศน์ที่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษเนื่องจากเขาได้คะแนนในวิชานี้ค่อนข้างสูง บางครั้งก็ได้คะแนน 100 เต็มเลยทีเดียว

หลังอาหารเที่ยงวันหนึ่งเขาก็ถูกเรียกขึ้นไปพบกับครูแอน แต่ก็มีครูผู้ชายอีกคนหนึ่งที่ช่วยประสานงานเรื่องนี้กับทางรายการมาด้วย แต่ที่ทำให้บูมแปลใจก็คือสาวน้อยที่มานั่งรออยู่ก่อนอีกคนหนึ่ง

"แป๋ม" บูมเรียกชื่อสาวน้อยที่เขาเพิ่งได้รู้จักเมื่อไม่กี่วันด้วยน้ำเสียงแปลกใจ

"อ้าว พี่บูม พี่บูมก็จะไปแข่งรายการนี้เหมือนกันหรือคะ" แป๋มหันมามองด้วยรอยยิ้มดีใจ เธอไม่รู้มาก่อนจริงๆ ว่าบูมก็ได้รับเลือกด้วย

"ใช่จ้ะ ก็เธอทั้งสองคนคะแนนภาษาอังกฤษนำลิ่วเลย ไม่มีใครเหมาะกว่าเธอสองคนแล้วล่ะ" ครูแอนยิ้มด้วยความเอ็นดู แล้วก็เริ่มให้รายละเอียดว่าบูมกับแป๋มต้องทำอะไรบ้างในการเตรียมตัว "พวกเธอสองคนคงเคยดูรายการนี้กันแล้วใช่ไหมคะ เด็กที่คัดมาร่วมรายการนี้มีแต่ระดับหัวกะทิทั้งนั้นเลย แต่ครูก็เชื่อว่าเธอสองคนก็หัวกะทิไม่แพ้ใครเลยล่ะ ช่วงนี้ ครูได้ขออนุญาต ผ.อ. แล้วที่จะให้เธอสองคนมาเรียนภาษาอังกฤษกับครูเพิ่มเติมเป็นพิเศษก่อนถึงวันจัดรายการ ก็เลยจะขอให้เธอสองคนมาเรียนพิเศษกับครูทุกวันพุธกับศุกร์ ช่วงบ่ายประมาณบ่ายสาม ที่ห้องชมรมภาษาอังกฤษ..."

บูมคงไม่ได้มีปัญหาอะไรถ้าหากว่าการเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมไม่มาตรงกับวันและเวลาที่เขาต้องซ้อมร้องเพลงกับวงดนตรี พี่ปี๊ดเพิ่งบอกกับพวกเขาว่าอีกสองเดือนจะพาไปแข่งประกวดวงดนตรีชิงแชมป์ประเทศไทย เพราะฉะนั้นช่วงนี้ก็คงต้องซ้อมกับวงหนักเหมือนกัน คิดแล้วก็เริ่มปวดหัว

แต่มันก็ต้องเป็นอย่างนั้น บูมต้องเรียนพิเศษภาษาอังกฤษวันพุธกับวันศุกร์ช่วงบ่ายสาม ส่วนวงดนตรี เขาสามารถขออนุญาตครูมาซ้อมในช่วงเย็นวันพฤหัสได้วันเดียว แต่ก็อาศัยซ้อมด้วยตัวเองในช่วงอื่นๆ ที่มีเวลาบ้างไปด้วย จนกว่าจะเสร็จสิ้นจากการเตรียมออกรายการภาษาอังกฤษในอีกสามสัปดาห์ข้างหน้า หลังจากนั้นเขาก็จะมีเวลาซ้อมกับวงดนตรีอีกประมาณหนึ่งเดือน เพื่อนๆ ในวงคงเข้าใจความจำเป็นก็เลยไม่ได้ว่าอะไรมาก แม้จะบ่นๆ อยู่บ้าง

"พี่บูมคะ วันนี้รีบกลับหรือเปล่าคะ แป๋มว่าจะชวนพี่ไปเดินเล่นแถวสยามซะหน่อย" แป๋มเอ่ยชวนหลังจากที่เรียนพิเศษภาษาอังกฤษด้วยกันเสร็จแล้ว

"เอ่อ...ก็ไม่รีบครับ" บูมบอกด้วยสีหน้าลังเล

"ไปเดินเล่นกันนะพี่บูม แป๋มกำลังหาเพื่อนไปช่วยซื้อของพอดีเลย ถ้าพี่บูมไม่รังเกียจ ไปเป็นเพื่อนแป๋มหน่อยนะคะ" แป๋มทำท่าเร่งเร้า คงจะเป็นเรื่องยากนักที่ชายหนุ่มจะเป็นหญิงสาวที่สวยน่ารักแถมยังอ้อนเก่งแบบนี้

"ครับ" แต่บูมก็เพิ่งนัดกับทิวและเพื่อนๆ ไว้เสียด้วยว่าจะไปเดินเล่นและหาอะไรกินด้วยกัน "งั้นพี่ไปเอาของบนห้องก่อนนะ แล้วเรามาเจอกันที่หน้าตึกดีไหม"

"ได้ค่ะ เดี๋ยวแป๋มก็จะไปเอาของที่ห้องเหมือนกันค่ะ"

พอออกจากห้องเรียนพิเศษมาได้ บูมก็รีบโทรศัพท์หาทิวทันที "ทิว...วันนี้เราต้องขอตัวนะ พอดี...คือ...พอดีน้องแป๋มเขาอยากให้เราไปซื้อของเป็นเพื่อน เราไม่รู้จะปฏิเสธยังไง ก็เลยตกลงไปแล้ว แหะๆ เราขอโทษนายแล้วก็ฝากขอโทษเพื่อนๆ ด้วยละกัน"

"อืม...ไม่เป็นไร เราเข้าใจ" ทิวตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบจนทำให้บูมรู้สึกผิด นี่ทิวโกรธเขาหรือเปล่า

"ขอโทษจริงๆ นะทิว เราก็อยากไปกับพวกนายนะแต่ว่า"

"เฮ้ย เราบอกแล้วว่าไม่เป็นไรไง นายไปเถอะ เที่ยวให้สนุกละกัน" ทิวพยายามทำน้ำเสียงให้ดูเหมือนไม่มีอะไรเพราะกลัวเพื่อนจะกังวล

"ขอบใจนะทิวที่เข้าใจเรา เที่ยวให้สนุกเช่นกันนะ แล้วค่อยเจอกัน หวัดดีครับ"

----------------------------------------------------------------------------------------

"อ้าวไอ้บูม" ต้องอุทานด้วยความแปลกใจเมื่อเจอบูมกำลังเดินเลือกซื้อเสื้อผ้ากับสาวน้อยคนหนึ่งหน้าตาคุ้นๆ

"อ้าว ไอ้ต้อง" บูมก็ดูตกใจเช่นกัน ยิ่งพอเห็นว่านอกจากต้องแล้วก็ยังมีทิว เอก มิตร ช้าง หม่าวและปุ้ยมาด้วยแล้วก็ยิ่งทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว

"นั่นน้องแป๋มนี่" ปุ้ยจำได้แม่นเลยทีเดียวเพราะมันก็แอบปลื้มน้องเขาอยู่เหมือนกัน

"เพื่อนพี่บูมเหรอคะ หวัดดีค่ะ พอดีวันนี้แป๋มชวนพี่บูมมาเป็นเพื่อนแป๋มซื้อของน่ะค่ะ พวกพี่ๆ มาซื้อของเหมือนกันเหรอคะ" แป๋มหันมาถามเสียงใส

"อ๋อ...ครับ ไม่ยักกะรู้ว่าน้องแป๋มรู้จักกับบูมด้วย" น้ำเสียงของปุ้ยดูมีเลศนัยชอบกล

"รู้จักสิคะ บูมวง Zenith ใครๆ ก็รู้จักค่ะ อ้าวนั่นพี่ทิวนี่คะ แป๋มกับเพื่อนๆ ชอบพี่ทิวร้องเพลงมากเลยค่ะ ปีที่แล้วก็ไปดูที่เมืองทองด้วย" แป๋มหันไปยิ้มกับทิว

"ขอบคุณครับ" ทิวฝืนพูดได้เท่านี้ แล้วสีหน้าเขาก็กลับมาเรียบเฉยเหมือนเดิม แต่ก็แอบมองดูบูมกับแป๋มด้วยแววตาที่มีคำถามหลายอย่าง

"เห็นเงียบๆ มึงนี่ก็ไม่ใช่เล่นเลยนะ" ต้องแอบเดินไปกระซิบข้างหูบูมแล้วก็ขำ บูมได้แต่ยิ้มเหมือนกับไม่รู้จะทำสีหน้าแบบไหน บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงรู้สึกกังวลใจถึงความรู้สึกของเพื่อนอีกคนหนึ่งที่ดูเงียบๆ ไป

"ตามสบายละกัน เดี๋ยวพวกกูไปดูของทางนู้นก่อน" ต้องบอกแล้วพยักเพยิดให้เพื่อนตามมา

"ทิว" บูมเรียกเพื่อนเหมือนกับพยายามจะทักทายเพราะเขาเห็นทิวดูเงียบๆ ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจาจนดูผิดปกติ

ทิวหันมามอง ยิ้มเล็กน้อย แต่มันก็ดูเป็นรอยยิ้มที่แฝงความเศร้าอยู่ในที "เราไปก่อนนะ" แล้วทิวก็เดินตามกลุ่มเพื่อนๆ ไป บูมได้แต่มองตาม ช่วงนี้จะว่าไปแล้วเขากับทิวก็ไม่ค่อยได้คุยกันเลยเพราะมัวแต่ยุ่งๆ กันอยู่

แต่หลังจากการออกรายการทีวีแข่งขันภาษาอังกฤษคราวนั้นแล้ว ก็เป็นที่รู้กันไปทั่วโรงเรียนว่าบูมกับแป๋มคบกันเป็นแฟน สำหรับทิวแล้ว มันช่างเป็นข่าวที่น่าช้ำใจเสียจริงๆ แต่จะทำยังไงได้ มันก็คงต้องเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่ความผิดของบูมที่จะมีแฟนและต้องให้เวลากับแฟน

----------------------------------------------------------------

"กลับมาแล้วเหรอบูม เอาของไปเก็บแล้วขึ้นไปคุยกับแม่" คุณทิพย์นภาบอกลูกชายด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนัก วันนี้เห็นทีเธอจะต้องอบรมลูกชายคนเล็กให้หนัก แต่เธอก็เลือกวันที่สามีไม่อยู่เพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องเหมือนคราวนั้น

บูมเอาของไปเก็บในห้องแล้วก็ไปหาแม่ที่ห้องที่เอาไว้สำหรับนั่งเล่นหรือคุยกันเฉพาะครอบครัว วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้านเลยนอกจากเขากับแม่ พี่บีมก็ไปเข้าค่ายศิลปะที่ต่างจังหวัด ส่วนคุณพ่อก็ไปดูงานต่างประเทศ

"ทำไมถึงกลับบ้านมืดๆ ค่ำๆ ติดๆ กันทุกวันอย่างนี้ล่ะบูม ที่พ่อกับแม่เคยอนุญาตให้ ไม่ได้หมายความจะให้บูมไปทุกวันเสียเมื่อไร นี่อะไร ไม่สามทุ่มไม่เคยถึงบ้าน"

บูมหน้าสลดทันที เขานึกอยู่แล้วว่าแม่ต้องว่าเขาเรื่องนี้ "บูม...ไปเดินเที่ยวกับเพื่อนครับ"

"เดินเที่ยวกับเพื่อน" แม่ทวนคำเสียงดัง "เที่ยวอะไรกันได้ทุกวัน บูมกำลังปิดบังอะไรแม่อยู่หรือเปล่า บอกแม่มาตามตรงได้ไหม หรือว่าบูมมีแฟน"

บูมสะดุ้งตกใจ แต่ก็พยายามเก็บอาการไว้ให้ดูเป็นปกติมากที่สุด แต่มีหรือที่คุณทิพย์นภาจะไม่สังเกตเห็น

"บูมมีแฟนใช่ไหม บอกแม่มาเดี๋ยวนี้นะ"

"ครับ" บูมรับคำเสียงอ่อยๆ เมื่อไม่รู้ว่าจะหลบหลีกยังไง

"บูม" แม่เรียกเสียงดังจนบูมตกใจ "ทำไมถึงได้ขยันหาแต่เรื่อง แม่เคยบอกแล้วใช่ไหมเรื่องผู้หญิงน่ะ เอาไว้ให้เรียนจบก่อนก็ได้ ยังมีเวลาอีกตั้งเยอะแยะที่บูมจะหาแฟนดีๆ สักคน ทำไมถึงชอบหาเรื่องให้พ่อแมกลุ้มใจแบบนี้นะ เคยเห็นในข่าวไหมพวกวัยรุ่นใจแตก เรียนไปไม่เท่าไรก็มีแฟน แล้วก็ท้อง แล้วก็ไปทำแท้ง บูมจะให้พ่อกับแม่ต้องมากังวลเรื่องพวกนี้อีกเหรอ"

"แม่...แต่บูมไม่คิดอะไรถึงขนาดนั้นนะแม่" บูมเถียง

"แล้วจะให้แม่มั่นใจได้ยังไง เอาแค่ตอนนี้บูมก็ทำตัวเหลวไหลแล้ว กลับมามืดค่ำขนาดนี้ได้อ่านหนังสือหนังหาบ้างไหม เดี๋ยวเกรดตกพ่อก็จะได้ดุเอาอีก"

บูมได้แต่ก้มหน้าเพราะไม่รู้ว่าจะเถียงว่าอย่างไร

"แม่ขอสั่งห้ามเลยนะ ต่อไปนี้บูมห้ามไปเดินเที่ยวเล่นเกินหนึ่งวันต่ออาทิตย์ ถ้าบูมไม่เชื่อ แม่จะริบบัตรเครดิตคืนและลดค่าขนมของบุมลง"

น้ำเสียงเด็ดขาดของแม่ทำให้บูมไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากทำตามเพียงอย่างเดียว ก็ยังดีที่แม่ไม่บอกให้เขาเลิกกับแฟนด้วย แต่ถ้าแม่บอก เขาก็คงต้องทำตาม นี่ถ้าพี่บีมรู้ว่าเขายังคงกลัวพ่อแม่และไม่มีจุดยืนอยู่แบบนี้ พี่บีมคงไม่พอใจเหมือนกัน

----------------------------------------------------------------

"พี่บูมคะ พี่บูมโตแล้วนะคะ ไม่ใช่ลูกแหง่ ทำไมจะต้องอะไรขนาดนั้นคะ" แป๋มว่าอย่างอดไม่ได้เมื่อบูมมาบอกเธอว่าคงจะไปเดินเที่ยวเล่นกับเธอได้แค่อาทิตย์ละครั้งเท่านั้น พอถามไปถามมาก็ได้รู้ว่าแม่เป็นคนห้าม นั่นแหละจึงทำให้แป๋มเกิดอาการไม่พอใจขึ้นมาทันที

บูมถึงกับสะอึกเมื่อสาวน้อยที่เพิ่งกลายมาเป็นแฟนเขาไม่ถึงเดือนต่อว่าเช่นนั้น มันเสียดแทงเข้าไปในใจของเขาเลยทีเดียวล่ะ ฟังๆ ไปแล้วมันก็เหมือนเขาถูกหยาม เหมือนเขาเป็นผู้ชายอ่อนแอ ไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่มีความเป็นผู้นำ ไม่มีความกล้าหาญ

"แป๋มจะกลับบ้าน" เห็นบูมเงียบไปแป๋มก็ยิ่งไม่พอใจมากขึ้น

"เดี๋ยวก่อนสิแป๋ม ฟังพี่ก่อน" บูมร้องห้ามพลางดึงมือแฟนสาวไว้

แป๋มมองที่มือของเขาที่จับมือเธออยู่อย่างไม่ชอบใจนัก "พี่ขอโทษ" บูมรีบปล่อยทันทีเมื่อรู้ตัวว่าทำอะไรอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม แป๋มก็กลับมานั่งที่ตามเดิม

พนักงานในร้านเอาไอศครีมที่สั่งไว้มาเสิร์ฟแล้วก็เดินออกไป

"พี่สัญญานะว่าพี่จะพยายามมาเป็นเพื่อนแป๋มให้ได้มากที่สุดก็แล้วกัน แป๋มอย่าโกรธพี่นะ แป๋มให้โอกาศพี่อีกสักครั้งได้มั๊ย" ดูเหมือนคำอ้อนวอนของบูมจะได้ผลอยู่บ้างแป๋มจึงดูมีท่าทางกระฟัดกระเฟียดน้อยลง แค่ได้เห็นว่าบูมยังห่วงใยความรู้สึกของเธออยู่ก็ทำให้แป๋มรู้สึกดีขึ้นมากทีเดียว

-----------------------------------------------------

ดูเหมือนคำขู่ของแม่จะไม่ค่อยได้ผลนักคราวนี้ บูมไม่ได้กลับมืดค่ำทุกวันก็จริง แต่ก็ไม่ได้ไปแค่วันเดียวตามที่แม่ห้าม แถมพอกลับมาก็ยังคุยโทรศัพท์กับแฟนเป็นชั่วโมงๆ ไม่ได้อ่านหนังสือหนังหา ทำให้คุณทิพย์นภาเดือดดาลมากทีเดียว แต่คราวนี้เธอใช้วิธีเข้าหาบีมแทน เพราะสังเกตเห็นว่าช่วงหลังๆ มานี้บูมดูจะสนิทกับพี่ชายมากขึ้น

"น้องชายของเราชักเอาใหญ่แล้วรู้ไหม" ด้วยน้ำเสียงและสีหน้าก็ทำให้บีมเข้าใจอารมณ์ของผู้เป็นแม่ทันที จริงๆ เขาก็สังหรณ์ใจอยู่แล้วล่ะที่แม่เรียกเขาขึ้นมาหา หลังๆ มานี้แม่แทบไม่เคยทำแบบนี้กับเขาเลย

"อายุเท่านี้ริมีแฟน เดี๋ยวนี้กลับบ้านมืดๆ ค่ำๆ หนังสือหนังหาไม่อยากจะอ่าน กลับมาแล้วก็เอาแต่โทรศัพท์ พ่อกับแม่บอกอะไรไม่ฟัง แม่ห้ามแล้วว่าให้ไปเดินเล่นได้แค่วันเดียว นี่ไม่ฟังแม่เลย" บ่นแล้วก็ถอนหายใจอย่างหนักใจ

บีมดูจะแปลกใจกับพฤติกรรมของน้องชายที่แม่เล่าให้ฟังอยู่เหมือนกัน ไม่คิดว่าบูมจะถึงกับกล้าขัดคำสั่งแม่ขนาดนี้ได้

"บีมช่วยพูดกับน้องหน่อยได้ไหมลูก แม่เป็นห่วงบูม เป็นแบบนี้หนักเข้าบูมมันจะเสียคน" ในที่สุดแม่ก็บอกความต้องการออกมา

"แม่ครับ บูมเขาโตแล้วนะครับแม่ ผมว่าพ่อกับแม่ปล่อยเขาบ้างเถอะครับ"

"บีม" แม่เริ่มเสียงดุอีกแล้ว แต่สักพักเธอก็ปรับสีน้ำเสียงให้อ่อนลง "ถ้าบีมเป็นแม่ บีมก็จะรู้ว่าแม่เป็นห่วงลูกๆ ของแม่มากแค่ไหน ที่พ่อกับแม่เคยทำแบบนั้นกับบีมก็เพราะว่าพ่อกับแม่รักและเป็นห่วงบีม อยากให้บีมมีอนาคตที่ดี มันอาจจะทำให้บีมอึดอัด แต่สักวันบีมจะเข้าใจ คนเป็นพ่อเป็นแม่ยังไงก็ต้องเลือกหนทางชีวิตที่ดีที่สุดให้ลูกอยู่แล้ว บีมเข้าใจแม่หรือเปล่า"

บีมอึ้งจนพูดไม่ออกเลยทีเดียวเมื่อได้ฟังจากแม่แบบนั้น ถามว่าเขารักน้องไหม แน่นอนเขาก็ต้องตอบว่ารัก แต่คนที่เป็นพ่อเป็นแม่คงไม่ใช่แค่รักลูกอย่างเดียว แต่ต้องคิดเผื่อและมองหาหนทางที่ดีที่สุดไว้สำหรับลูกเสมอ บางทีเขาก็อาจจะคิดอะไรไม่ลึกซึ้งเท่าพ่อกับแม่ที่มีประสบการณ์ชีวิตมากกว่าได้ ที่สำคัญ เขายังไม่เคยมีลูก เขาก็อาจจะมีมุมมองแบบหนึ่ง แต่คนที่เป็นพ่อเป็นแม่แล้วก็อาจจะมีมุมมองอีกแบบหนึ่ง

"น้องมันยังเด็กนะบีม เขาไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างนั้นตั้งแต่ทีแรก น้องยังขาดประสบการณ์ชีวิตอีกหลายอย่าง แม่กลัวว่าบูมจะเตลิด บีมไม่ได้อยากให้น้องเป็นอย่างนั้นใช่ไหม บีมช่วยพ่อกับแม่หน่อยนะลูก เตือนน้องมันบ้าง ก่อนที่พ่อจะรู้แล้วเป็นเรื่องใหญ่ ยังไงก็เห็นแก่อนาคตของน้องนะลูก"

นับว่าเป็นครั้งแรกที่แม่ขอร้องเขาแบบนี้ บีมจะขัดคำขอร้องของผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เล็กจนโตได้อย่างนั้นหรือ แต่ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะว่าเขาเริ่มเป็นห่วงบูมแล้วล่ะ ก็คงจะจริงอย่างที่แม่ว่า บูมไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาเหมือนทิวหรือเพื่อนคนอื่นๆ เคยอยู่แต่ในกรอบ เคยแต่ถูกบังคับให้คิด ให้ทำ ทักษะทางสังคมก็ยังน้อย การที่อยู่ดีๆ จะปล่อยให้บูมเป็นอิสระโดยไม่ห้ามอะไรเลยนั้นอาจไม่เป็นผลดีกับบูมเอง การที่บูมดื้อกับแม่คราวนี้เหมือนจะบอกอะไรบางอย่างได้อยู่เหมือนกันว่าบูมยังหาจุดยืนของชีวิตไม่ได้ บางอย่างบูมก็ทำเยอะไป บางอย่างบูมก็ทำน้อยไป เพราะเขายังไม่เคยมีประสบการณ์ที่จะคิดและตัดสินใจในเรื่องพวกนี้มากนัก จำเป็นต้องมีคนคอยให้คำแนะนำบ้าง เขาก็คงจะนิ่งเฉยดูดายไม่ได้

-------------------------------------------------------------------------

"เดี๋ยวนี้พี่บีมอยู่ข้างพ่อกับแม่แล้วเหรอครับ"

นั่นคือสิ่งที่น้องชายเขาย้อนถามมาเมื่อบีมมาคุยกับบูมตามที่แม่ขอร้องไว้

"ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะบูม" บีมมีสีหน้าตกใจ

"หึ" บีมแค่นหัวเราะ "ผมนึกว่าพี่บีมจะเข้าใจผม เชื่อใจผม แต่พี่บีมก็คิดเหมือนพ่อกับแม่อีกคน"

เห็น สีหน้าโกรธขึ้งของน้องชายแล้วบีมก็ใจเสียเหมือนกัน เพิ่งจะกลับมาดีกันได้ไม่เท่าไรก็จะบาดหมางใจกันอีกแล้ว "บูม...พี่เข้าใจนะเรื่องที่บูมอยากมีแฟนนะ พี่เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา แต่พี่แค่อยากให้บูมเห็นอีกด้านหนึ่งว่าพ่อกับแม่ก็เป็นห่วงบูม พี่เองก็ไม่สบายใจที่บูมกลับบ้านมืดค่ำบ่อยๆ ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือ มันไม่เป็นผลดีกับอนาคตของบูมเองนะ"

แทนที่บูมจะเข้าใจ บีมก็ต้องหน้าหงายรอบสองเมื่อบูมตอบมาว่า "พอเถอะครับ ผมไม่อยากคุยอะไรแล้ว"

นี่ มันเกิดอะไรขึ้นกับบูม ทำไมบูมดูก้าวร้าวมากขึ้นขนาดนี้ บทจะเชื่อมั่นในตัวเอง บูมก็ดูเชื่อมั่นจนเลยเถิด แต่นั่นก็คงจะเป็นอย่างที่แม่พูดไว้ บูมไม่ได้ถูกเลี้ยงมาแบบนั้นตั้งแต่ทีแรก จากคนที่เคยถูกกดดัน พอได้รับอิสระขึ้นมาหน่อยเขาก็อาจจะเหลิงได้ ดูไปแล้วก็น่าห่วงอยู่เหมือนกัน

"โอเค งั้นพี่กลับห้องก่อนละกันนะ" บีมว่าแล้วก็ขอตัวเดินออกจากห้องน้องชายไปด้วยสีหน้าหนักใจ นี่เขาคงมีส่วนทำให้บูมก้าวร้าวขึ้นไม่มากก็น้อย

จริงๆ แล้วสิ่งที่แม่พูดก็ถูกทีเดียว แต่สิ่งที่เป็นแรงขับให้บูมอยาก "ลองดี" นั้นเป็นเพราะคำพูดของแฟนสาวที่หาว่าเขาเป็น "ลูกแหง่" ด้วยต่างหาก บูมไม่อยากได้ยินคำนั้นอีก มันทำให้เขาดูอ่อนแอ ไม่เป็นลูกผู้ชาย เขาไม่ชอบให้ใครมาว่าเขาแบบนี้เลย

Click here to go back to the previous page Go back   Click here to see help FAQ     
Conferences Post form
Your Message
Name*:
Subject*: Upload Pics อัพโหลดรูปภาพ
Message*:
 
HTML Ok
Use [] in place of <>

HTML Reference
 
Images Ok
 
Click on a smilie to add it to your message.
 
Check if you DO NOT wish to use emotion icons in your message
RBR User*: ใส่ Username และ Pass RBR ในกรณีที่โพสแล้วติดแอดมิน
RBR Pass*: ***ผู้ที่ใช้พาส RBR ป่วนหรือโพสผิดกฎบอร์ดจะถูกยึดพาส***
 

 

Palm-Plaza.com All rights reserved.

*** ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บเพจนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และ ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง
ห้ามโพสข้อความ รูปภาพ ไฟล์ที่มีลิขสิทธิ์ ที่สร้างความเสียหายให้แก่บุคคลอื่น
ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link "แจ้งลบข้อความ" ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือแจ้งมาได้ที่ ryubedroom@yahoo.com



Copyright Palm-Plaza,Inc. All Rights Reserved.