We have no responsibility for the contents in this web community!

ถ้าเข้ามาแล้วพบว่ากระทู้ไม่เรียงตามวัน/เวลา ให้คลิ๊กตรงคำว่า Date/Time ที่อยู่ตรงแถบสีม่วงๆ นะครับ


ห้ามลงประกาศโฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ยกเว้นสปอนเซ่อร์!!!!!

*** ห้ามใช้เนื้อที่บอร์ดเพื่อแอบแฝงขายบริการทางเพศ ***


เพิ่มเพื่อน

RBR Section


Register
สมัครสมาชิก


What's RBR?
ต่ออายุสมาชิก

**** ส่วนบริการเข้าบอร์ดเฉพาะสำหรับสมาชิก RBR บอร์ด Devil และ บอร์ด Zombie ต้องการติดต่อสอบถาม ส่งเมลล์ที่ ryubedroom@yahoo.com เท่านั้น ****

กรุณาคลิ๊กที่นี่และ Bookmark ไว้ด้วยครับ

Palm-Plaza.com

Complete the form below to post a message

Original Message
"RE: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต"
Posted by sarawatta on 17-Mar-12 at 08:51 AM
ตอนที่ 12

ไม่รู้ว่าทิวไปเอาความคิดนี้มาจากไหน พอได้รู้ว่าเพื่อนเพิ่งเลิกกับแฟน เขากลับรู้สึกดีใจอยู่ลึกๆ แต่อีกใจหนึ่งเขาก็สงสารเพื่อนที่คบกับแฟนได้ไม่นานก็ต้องมาเลิกกัน แต่ไม่รู้สิ ทำไมทิวถึงรู้สึกว่าบูมไม่ได้แสดงอาการเสียใจมากอย่างที่คนทั่วๆ ไปน่าจะเป็นเวลาที่อกหักแบบนี้

ก่อนจะคุยกันยาว ทิวก็พาบูมมานั่งคุยกันที่โต๊ะนั่งเล่นหน้าบ้าน บูมเล่าให้เขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างจนเป็นสาเหตุให้ทั้งคู่ต้องเลิกกันอย่างคาดไม่ถึง

ทิวได้ฟังแล้วก็ถึงบางอ้อ ตอนแรกเขาคิดว่าบูมคงโมโหแล้วก็เลยขอเลิก แต่กลับกลายเป็นแป๋มที่ขอเลิกกับบูมเสียก่อนเพราะบูมทำให้เธอขายหน้าในที่สาธารณะ

"นายเสียใจหรือเปล่าที่...มันเป็นแบบนี้" ทิวถามพลางคอยลอบสังเกตอาการของเพื่อน ก็ดูเหมือนจะไม่เสียใจอะไรมากเท่าไร ทำไม?

บูมถอนหายใจและมีสีหน้าตึงเครียดขึ้นมาเล็กน้อย "เราไม่รู้...ก็คงเสียใจมั้ง"

แปลก... ก็คงเสียใจมั้ง แสดงว่าบูมไม่แน่ใจอย่างนั้นหรือว่าเขาเสียใจหรือเปล่า "อืม...แล้วนายอยากจะไปปรับความเข้าใจกับเขาใหม่หรือเปล่า" ทิวไม่รู้หรอกว่าเขามีท่าทางประหม่าจนสังเกตได้ในตอนนี้ แน่นอน...มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่เขาจะบอกให้คนที่เขาแอบรักไปคืนดีกับแฟน

"นายคิดว่ายังไง"

"นายรักเขาหรือเปล่าล่ะ"

คำถามนี้ทำให้บูมถึงกับสะอึกไปพอสมควร รักน่ะหรือ... แล้วรักมันคืออะไรล่ะ ห่วงใย คิดถึงและคอยดูแลกัน หวังดีต่อกัน จริงใจให้กันหรือเปล่า ถ้าอย่างนั้น... คนที่เขาควรจะรู้สึกแบบนั้นด้วยคงไม่ใช่แป๋มแล้วล่ะ "คง...ยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอก เรากับเขาคบกันได้แค่ไม่กี่เดือนเอง อาจจะเป็นความรู้สึกชอบมั้ง ว่าแต่...นายกำลังจะบอกอะไรเราหรือเปล่า"

"ก็ถ้านายยังรักเขาอยู่ นายก็น่าจะไปขอโทษเขา แล้วก็......ขอคืนดีกับเขา" ทิวพยายามพูดให้ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด เหมือนกับเขาไม่ได้รู้สึกอะไรเลยทั้งที่ในใจนั้นเจ็บลึก การแอบรักเพื่อนนั้นทรมานเหลือเกิน บางครั้งก็อยากจะพูดความในใจให้มันรู้แล้วรู้รอดไป แต่อีกใจก็กลัวว่าเพื่อนจะรับไม่ได้ ใช่...ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาเป็นแบบนี้ ทำให้อะไรต่อมิอะไรมันยิ่งยากเข้าไปใหญ่

"นายอยากให้เราทำแบบนั้นหรือเปล่า" บูมรีบถามกลับมาทันที

ทิวนิ่งเงียบไปสักพัก เขาไม่แน่ใจว่าเขาเข้าใจคำถามหรือไม่ "ก็...ถ้านายยังรักหรือชอบเขาอยู่ นายก็ควรจะทำนะ" ทิวพูดเสียงเบาลง เขาชักไม่มั่นใจว่าสีหน้าและน้ำเสียงของเขาแสดงพิรุธอะไรบ้างหรือไม่

"อันนี้เรารู้แล้ว เราได้คำตอบแล้วล่ะว่าเราจะทำยังไง แต่ที่เราถามเมื่อกี้น่ะ เราไม่ได้ถามว่าเราควรทำยังไง แต่เราถามความรู้สึกของนายว่านายน่ะ...อยากให้เราคืนดีกับน้องเขาหรือเปล่า" ดูเหมือนทิวจะยังงงๆ กับคำถามอยู่ บูมจึงย้ำคำถามอีกว่า "คืออย่างนี้... เราอยากให้นายถามใจของตัวเองว่าจริงๆ แล้ว นายอยากให้เราคืนดีกับน้องเขาหรือเปล่า"

"นายหมายความว่าไง" ทิวถามเสียงแหบพร่า หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ นี่บูมกำลังสงสัยอะไรในตัวเขาหรือเปล่าถึงได้ถามแบบนี้ หรือว่าเขาฟังคำถามผิด "ทำไมต้องถามเราล่ะ ถ้านายยังรักเขาอยู่ นายก็..." ทิวหยุดไว้แค่นั้นเพราะเขาไม่แน่ใจว่ามันเป็นคำตอบของสิ่งที่ถูกถามหรือไม่

ทิว...เราว่านายเข้าใจคำถามนะ แต่เรารู้นายคงยังไม่พร้อมที่จะพูดมันออกมา ไม่เป็นไร เราจะไม่เซ้าซี้อะไรนายต่อก็แล้วกัน บูมคิดในใจ "ทิว..." บูมถอนหายใจก่อนพูดต่อไปว่า "เอาเป็นว่า...เราจะไปขอโทษน้องเขาละกัน แต่...เราไม่รู้ว่าเราจะกลับมาคืนดีกันได้หรือเปล่า เราบอกตรงๆ ว่าเราก็...เสียความรู้สึกดีๆ ไปเยอะเหมือนกันกับน้องเขา" บูมหยุดเว้นจังหวะ เขามองหน้าเพื่อนด้วยแววตามีความหมายบางอย่าง เพราะสิ่งที่เขาจะพูดต่อไปนี้สำคัญทีเดียว "นายรู้ไหมว่า...จริงๆ แล้วความรักสำหรับเรา ไม่ใช่แค่การเป็นแฟนกัน ไปกินข้าวหรือเดินเที่ยวด้วยกัน คนที่เราจะรัก...ต้องดีกับเรา จริงใจกับเรา คอยช่วยเหลือเรา อยู่กับเราไม่ว่าเราจะลำบากหรือมีความสุข ให้กำลังใจกัน เป็นห่วงกัน คิดถึงกัน เวลาคุยกันหรืออยู่ด้วยกันแล้วสบายใจ นายรู้ไหมว่า คนที่ดีกับเราแบบนั้น มีอยู่ไม่กี่คนหรอกในโลกนี้"

ระหว่างที่เพื่อนพูด ทิวก็เกิดอาการร้อนวูบวาบที่ใบหน้า นี่บูมกำลังพูดอะไรอยู่ บูมกำลังพูดถึงเขาอยู่หรือเปล่าหรือว่าพูดโดยภาพรวม อย่าดีกว่า...นายอย่าไปตีความเข้าข้างตัวเองแบบนั้นนะทิว ถ้าไม่ใช่ขึ้นมานายก็จะเจ็บหัวใจมากขึันไปอีก แต่ทำไมบูมพูดแต่ละคำอย่างชัดเจนและมองหน้าเขาตลอดเวลาที่พูดอย่างนั้น

"เราคิดว่า...เราอาจจะได้เจอคนนั้นแล้วนะทิว"

หัวใจทิวแทบหยุดเต้นเมื่อได้ยินประโยคนี้ บูมได้เจอคนนั้นแล้ว ใคร...คนนั้นเป็นใครกัน

"แต่...เราขอเวลาอีกสักพักให้เราแน่ใจ ถ้าเรามั่นใจเมื่อไร เราจะบอกนายเป็นคนแรกเลย...ดีไหม" บูมถามพลางยิ้มมีเลศนัย

ทิวได้แต่พยักหน้ารับรู้เพราะเขารู้สึกตื่นเต้นและประหม่าจนเกินที่จะพูดอะไรออกมาในเวลานี้ น้ำเสียงของเขามันคงดูไม่เป็นปกติอย่างแน่นอน

"เราหิวข้าวน่ะทิว ที่ปากซอยจะมีอะไรกินมั่งปะตอนนี้" บูมเปลี่ยนเรื่อง สีหน้าของเขาดูเหมือนจะไม่เหลือความเศร้าสร้อยใดๆ ปรากฏให้เห็นเลย

ทิวทำสีหน้างงๆ นิดๆ แต่สักพักก็เริ่มนึกออกว่าเพื่อนถามว่าอะไรบ้าง "อ๋อ...มีสิ มีหลายอย่างเลย ไปตลาดโชคชัยสี่กันไหม มีของกินเยอะเลยนะ"

"ไปสิ เราได้ยินชื่อเสียงมานานละว่ามีของอร่อยๆ เยอะเลย" บูมเห็นดีด้วย

ทิวเดินไปเปิดประตูบ้าน แล้วก็ถอยมอเตอร์ไซค์คันเล็กคันหนึ่งที่แม่ซื้อไว้ให้เขาสำหรับออกไปปากซอยหรือใกล้ๆ แถวนี้ออกไปไว้หน้าบ้าน บูมดูจะตื่นเต้นทีเดียวเพราะเขาไม่เคยนั่งมอเตอร์ไซค์เลย

"เราไม่เคยนั่งมอไซค์เลยทิว มันจะอันตรายหรือเปล่า เรากลัวตกน่ะ"

"ไม่หรอก ถ้านายกลัวก็..." เอ...จะใช้คำว่าอะไรดี ให้กอดแน่นๆ งั้นเหรอ คงไม่ดีมั้ง "จับเอวเราแน่นๆ ละกัน" ในที่สุดก็เจอทางออก เกือบแล้วไหมล่ะ

บูมพยักหน้าเข้าใจ แล้วเขาก็ทำอย่างนั้นจริงๆ ด้วยเมื่อนั่งมอเตอร์ไซค์ออกไปกับเพื่อน แต่บูมไม่ใช่แค่จับแน่นๆ เท่านั้น แต่มันกลายเป็นกอดเลยทีเดียวล่ะ ไม่รู้ว่าบูมจงใจที่จะกอดเขาหรือเป็นเพราะกลัว แต่ทิวก็รู้สึกดีชะมัดเลย แล้วก็พาลนึกถึงที่บูมพูดเมื่อสักครู่นี้ บูมหมายถึงใครกันนะ บูมหมายถึงเขาหรือเปล่า... เอาอีกแล้ว คิดเข้าข้างตัวเองอีกแล้วนะทิว

--------------------------------------------------------------------------------------

ผ่านไปอีกไม่กี่วัน บูมก็ไม่สบายหนักเพราะเป็นไข้เลือดออก สาเหตุนั้นก็เป็นเพราะว่าตอนที่เขาไปนั่งรอทิว เขาถูกยุงกัดหลายตัวมาก แถมช่วงนั้นเป็นช่วงที่ไข้เลือดออกกำลังระบาดเสียด้วย ช่วงที่เป็นใหม่ๆ นั้นบูมอาการหนักมากจนถึงกับเพ้อ ทิวไม่เป็นอันเรียนหนังสือหรือซ้อมเพลงกับวงเลยทีเดียว เลิกเรียนก็จะออกไปเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาลทันที บางทีเพื่อนๆ คนอื่นๆ ก็ไปด้วย จริงๆ วันเสาร์อาทิตย์ทิวก็อยากจะอยู่เฝ้าเพื่อนทั้งวัน แต่เห็นสายตาแม่ของบูมแล้วทิวกับเพื่อนๆ ก็รู้สึกหวาดๆ อย่างไรก็ดี ความห่วงใยของทิวที่มีให้กับเพื่อน ทำให้บูมเริ่มมั่นใจกับอะไรบางอย่างมากขึ้น

ที่น่าเสียดายก็คือ บูมพลาดโอกาศที่จะได้ไปร่วมแข่งประกวดวงดนตรีชิงแชมป์เยาวชนแห่งประเทศไทยเพราะฟื้นตัวไม่ทัน และไม่ได้ไปซ้อมหลายวัน จึงมีแค่ทิวคนเดียวที่เป็นนักร้องนำ บูมกับเพื่อนๆ ในโรงเรียนหลายคนไปให้กำลังใจด้วย แต่อาจจะเป็นเพราะช่วงที่บูมไม่สบาย ทิวไม่ค่อยมีสมาธิซ้อม บวกกับที่รู้สึกไม่ค่อยดีที่เพื่อนไม่ได้มาร้องเพลงบนเวทีด้วย ทำให้วงของเขาได้เพียงรางวัลชมเชยมาเท่านั้น แต่นั่นก็ทำให้ทุกคนดีใจมากแล้ว

------------------------------------------------------------------------------------

การเรียนในชั้น ม.5 ผ่านไปแล้ว เกรดเฉลี่ยของบูมตกลงมาเล็กน้อยที่ 3.8 ก็ยังนับว่าน่าพอใจสำหรับพ่อกับแม่ของเขาอยู่ จริงๆ ก็เกือบจะได้น้อยกว่านั้นเพราะว่าช่วงที่บูมมีแฟนก็ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือ แถมยังต้องมาป่วยอีก แต่บูมก็มาเร่งทบทวนในช่วงหลังๆ จนตีตื้นขึ้นมาได้ เขาก็รู้สึกโล่งใจเหมือนกัน ไม่งั้นเดี๋ยวจะโดนบังคับย้ายโรงเรียนอีกแน่

ส่วนความสัมพันธ์ของเขากับทิวก็ยิ่งทวีความแน่นแฟ้นมากขึ้น เพราะนอกจากจะเจอกันที่โรงเรียนแล้วบูมก็จะคอยโทรหาทิวตลอด กลับบ้านก็จะโทรไปถามว่าถึงบ้านหรือยัง วันหยุดหรือปิดเทอมก็จะโทรหาไม่ได้ขาด มีเวลาว่างๆ ก็จะนัดกลุ่มเพื่อนๆ ไปหาอะไรอร่อยๆ กินหรือไม่ก็ทำกิจกรรมด้วยกัน ที่สำคัญ บูมชอบมาที่บ้านของทิวบ่อยๆ จนแทบจะกลายเป็นลูกชายคนที่สองของบ้านทิวไปแล้ว ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เสมอต้นเสมอปลาย จนบูมรู้สึกมั่นใจมากขึ้น ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเขาก็คงจะได้บอกไปแล้วล่ะ

"บูม" เสียงใครคนหนึ่งเรียกดังมาจากข้างหลังเบาๆ ไม่เท่านั้น ยังเอานิ้วมาสะกิดที่หลังเขาด้วย

บูมหันไปมองอย่างสงสัย "อ้าว จิ๋ว" บูมทักพลางยิ้ม จิ๋วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ เขาพร้อมกับวางสมุดกับหนังสือเรียนลงบนโต๊ะ

"บูมกินข้าวหรือยัง" จิ๋วถาม เธอเป็นนักเรียนชั้น ม.6/2 ที่บูมก็รู้จักคุ้นเคยกันพอสมควรเพราะมักจะเจอกันในโรงเรียนบ่อยๆ แต่ก็ไม่ค่อยได้สนิทอะไรกันมาก

"กินแล้ว จิ๋วล่ะ"

จิ๋วพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับ "มีอะไรจะให้บูมช่วยหน่อย พอดีเราทำไม่ได้จริงๆ ถามเพื่อนในห้องแล้วมันก็ไม่มีใครรู้ ก็เลยว่าจะมาอาศัยคนเก่งจากห้องหนึ่งซะหน่อย บูมพอจะช่วยอธิบายเราหน่อยได้ปะ วิชาเคมี"

"อ๋อ...ได้สิ จะให้เราช่วยตรงไหน" บูมอาสาอย่างกระตือรืนร้น เขาไม่ใช่คนหวงวิชาเลย ถ้าใครถามเขาก็จะช่วยสอนให้เสมอ โดยเฉพาะกับทิว ตั้งแต่ได้รู้จักบูม ทิวก็คะแนนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมากทีเดียว

จิ๋วเปิดหนังสือให้บูมดูแล้วก็ชี้ "นี่ไง พันธะโควาเลนซ์อะไรสักอย่างเนี่ย จิ๋วไม่รู้ว่าจะดูยังไงถึงจะรู้ว่าอะตอมไหนมีพันธะโควาเลนซ์แบบไหน กี่อัน..."

บูมไม่รู้หรอกว่าการเข้ามาของจิ๋วในครั้งนี้คือจุดเริ่มต้นของปัญหา ปัญหาที่ทำให้เขาต้องรู้สึกผิดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่

-----------------------------------------------------------------------

จากวันนั้นเป็นต้นมา จิ๋วก็คอยมาตีสนิทกับบูมอยู่เรื่อยๆ บางทีก็มากินข้าวกลางวันด้วยทั้งที่อยู่คนละห้อง บางทีก็จะเจอจิ๋วกับบูมอยู่ในห้องสมุด บางวันจิ๋วก็มาชวนไปเที่ยวหลังเลิกเรียก แต่ก็มีอยู่วันหนึ่งที่ทิวแสดงให้เห็นว่าเขาเริ่มอาการน้อยใจอีกแล้ว เมื่อจิ๋วมานั่งกินข้าวด้วยกับบูมตอนเที่ยง ทิวก็ลุกหนีโดยไม่บอกไม่กล่าว จนเพื่อนๆ ในห้องสงสัยกันใหญ่ว่าทิวเป็นอะไร คนที่สงสัยมากกว่าใครนั้นก็คือต้อง เพราะนอกจากบูมแล้ว ทิวก็ดูจะสนิทกับต้องเหมือนกัน ต้องได้คุยสิ่งที่เขาสังเกตเห็นกับปุ้ยและหม่าวด้วย ส่วนคนอื่นๆ ต้องยังไม่กล้าคุยด้วยมากนักเพราะกลัวความลับแตก จนกระทั่งคิดว่ามั่นใจกับสิ่งที่ได้เห็นมากพอแล้ว ต้อง ปุ้ยและหม่าวจึงนัดทิวให้มาคุยที่หลังโรงเรียนในเที่ยงของวันหนึ่ง

"มีอะไรวะ ทำลับๆ ล่อๆ น่ากลัวเชียวพวกมึง แล้วทำไมต้องมาคุยกันแค่นี้ ทำไมไม่ให้คนอื่นๆ มาคุยด้วยวะ" ทิวสงสัยไม่น้อยที่จู่ๆ สามคนนี้ก็มากระซิบกระซาบขอคุยกับเขาราวกับมีลับลมคมในที่สำคัญมาก

"ก็เพราะมันลับน่ะสิวะถึงได้เรียกมึงมาคุยแค่คนเดียว ไม่ให้คนอื่นมาด้วย นั่งลงเร็ว อย่าชักช้า" ต้องบอกพลางฉุดมือทิวให้รีบนั่งลง

"มีอะไรก็ว่ามา เดี๋ยวบ่ายนี้กูต้องไปสอนร้องเพลงที่ชมรม" ตอนนี้ทิวกับบูมไม่ได้เป็นักร้องนำของวง Zenith แล้วเพราะต้องการให้น้องใหม่ขึ้นมาทำแทน อีกอย่าง พี่ๆ ที่สนิทกันในวงก็จบกันไปหมดแล้ว ทิวกับบูมจึงปล่อยให้น้องๆ ที่เก่งดนตรีคนอื่นๆ ได้ฟอร์มทีมกันขึ้นมาสานต่องานที่พวกเขาทำไว้ แต่พวกเขาก็ยังอยู่ในชมรมดนตรีอยู่

"เออ ไม่ต้องห่วง ก็ไม่ทำให้มึงเสียเวลาหรอก แต่มึงเตรียมใจไว้ให้ดีก็แล้วกัน แล้วก็ขอให้มึงพูดความจริงด้วย" ต้องกำชับ ทำให้ทิวชักหวาดหวั่นกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

"เออ กูเคยโกหกพวกมึงหรือไงวะ" ทิวพูดอย่างมั่นใจ เพราะเขาไม่เคยโกหกเพื่อนเลยจริงๆ

"มึงงอนไอ้บูมอยู่ใช่หรือเปล่า"

เปรี้ยง!!!! คำถามแรกจากต้องก็เล่นเอาทิวถึงกับสะดุ้งราวกับถูกฟ้าผ่าเลยทีเดียว แสดงว่าพวกนี้มันต้องสงสัยเรื่องนั้นแน่ๆ แต่จะว่าไปแล้ว ช่วงนี้ทิวก็งอนบูมบ่อยจริงๆ จริงๆ ก็ไม่ใช่การงอนอย่างโจ่งแจ้งอะไรหรอก แค่หลบหน้าหลบตาและไม่ค่อยคุยกันเท่านั้นเอง

"อย่าโกหกนะเว้ย สัญญาแล้ว" ปุ้ยสำทับ

ทิวถึงกับต้องกลืนน้ำลาย ถูกล้อมไว้เสียขนาดนี้เขาคงต้องจนตรอกเป็นแน่ "อืม" ทิวรับคำสั้นๆ

"ทำไมถึงงอนล่ะ มึงชอบมันหรือเปล่า" ต้องถามต่อ

เปรี้ยง!!!! เปรี้ยง!!!! เปรี้ยง!!!! ฟ้าผ่าอย่างหนักเลยล่ะคราวนี้ ทิวมองหน้าเพื่อนทั้งสามคนสลับไปมา ก็เห็นทุกคนจ้องมองและรอคอยคำตอบจากเขาอยู่ สักพักทิวก็ก้มหน้าลงพร้อมกับพยักหน้าสารภาพความจริง เอาล่ะสิ น้ำตามันจะไหลอีกแล้ว อย่าเพิ่งมาร้องให้ตอนนี้นะเว้ย

"กูว่าแล้ว" ต้องมองหน้าเพื่อนอย่างเห็นใจ "พวกกูเห็นมึงกับไอ้บูมทำตัวแปลกๆ กันก็เลยสงสัย ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง แล้วไอ้บูมมันรู้หรือยัง"

ทิวส่ายหน้า

"นานหรือยังวะ... กูหมายถึง... มึงชอบไอ้บูมมานานหรือยัง" หม่าวถามบ้างหลังจากที่นั่งฟังอยู่นาน

ทิวพยักหน้าอีกครั้ง "ก็ตั้งแต่รู้จักบูมใหม่ๆ นั่นแหละ" ทิวเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนๆ น้ำตาเริ่มไหลพราก "กูเป็นแบบนี้ พวกมึงรังเกียจกูปะวะ"

ดูเพื่อนๆ อีกสามคนจะตกใจทีเดียว ต้องเขยิบมานั่งใกล้ๆ พลางโอบไหล่ทิวไว้ "เฮ้ย คิดอะไรอย่างงั้น พวกกูเป็นเพื่อนมึงมาตั้งแต่อนุบาล จะรังเกียจกันได้ไงวะ มึงจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ มึงก็เป็นเพื่อนพวกกูนะเว้ย อย่าร้องให้ๆ" ต้องกระชับไหล่ทิวเบาๆ สองสามครั้งพลางปลอบไปด้วย

"คิดมาก ไอ้ทิว พวกกูไม่เคยคิดอย่างนั้นหรอก ที่มาถามมึงวันนี้ก็เพราะสงสารมึง อยากช่วยมึง ใช่ไหมไอ้หม่าว" ปุ้ยหันไปถามเพื่อนอีกคน

"ใช่ๆๆๆ กูก็ไม่เคยคิดรังเกียจมึงหรอก แต่มึงอย่ามากินพวกกูก็แล้วกัน" หม่าวพูดติดตลกในตอนท้าย

"เดี๋ยวกูเตะกระเด็นไปโน่น ไอ้นี่ มันกำลังเศร้าอยู่ยังจะมีกะจิตกะใจมาล้อเล่นอีก" ต้องพูดไม่พูดเปล่าแต่ทำท่าจะเตะเพื่อนจริงๆ เสียด้วย หม่าวได้แต่หัวเราะแหะๆ และขอโทษ

"แล้วมึงจะทำไง จะบอกไอ้บูมมันหรือเปล่าว่ามึงชอบมัน" ต้องถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ทิวส่ายหน้า "ไม่หรอก กูไม่อยากเสียเพื่อนไป"

"เฮ้ย แล้วมึงไม่คิดหรือไงวะว่าบางทีไอ้บูมมันก็อาจจะคิดอย่างเดียวกับมึงก็ได้" ปุ้ยพยายามให้กำลังใจ

"ไม่รู้สิ แต่คิดว่าไม่... ถ้าบูมคิดอย่างนั้นกับเราจริง เขาคงไม่ไปเกาะแกะกับผู้หญิงคนนั้นคนนี้อยู่เรื่อยๆ หรอก เราไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง ถ้าเกิดมันไม่ใช่ เราก็จะยิ่งแย่" ถึงจะพูดไปอย่างนั้น แต่ทิวก็ไม่ค่อยมั่นใจในสิ่งที่พูดนัก

"เฮ้ย กูดูออกนะเว้ยว่าไอ้บูมมันไม่ได้ชอบจิ๋วหรอก จิ๋วมันเข้ามาหาไอ้บูมเอง มึงก็เห็นไม่ใช่เหรอ" หม่าวรีบบอก

"กูไม่รู้ ถ้ามันเป็นความรักหญิงชายทั่วไป กูอาจจะมั่นใจมากกว่านี้ แต่พอมันเป็นแบบนี้ กูบอกตามตรงว่ากูกลัวว่ะ ถ้าบูมมันไม่ได้คิดอย่างกู กูอาจจะต้องเสียเพื่อนไปเลยนะเว้ย กูไม่อยากเสี่ยง"

ได้ยินอย่างนั้นแล้วเพื่อนอีกสามคนก็ได้แต่มองหน้ากันเพราะไม่รู้จะเถียงทิวว่าอย่างไร ก็อาจจะจริงของทิวก็ได้ คนที่จะได้ต้องเจ็บมากกว่าใครก็คือทิว ถ้ายังไม่มั่นใจขนาดนั้นก็ไม่ควรไปกดดันทิว

----------------------------------------------------------------------------------

บูมรู้สึกหงุดหงิดมากทีเดียวที่ช่วงนี้ทิวทำตัวห่างเหินกับเขาอีกแลัว คุยด้วยก็เหมือนไม่ค่อยอยากคุย โทรไปหาก็ไม่ค่อยรับ ไม่แน่ใจว่าไม่ว่างหรือเป็นเพราะจงใจที่จะไม่รับกันแน่ แต่ก็นั่นแหละ โดยรวมๆ แล้วมันก็ทำให้บูมรู้สึกขัดใจมากพอสมควร

วันนี้ก็เช่นกัน เลิกเรียนแล้วทิวก็หายตัวไปเลย ทั้งๆ ที่นัดกับเพื่อนๆ ในห้องไว้แล้วว่าจะเดินเล่นที่สยามกัน แต่ทิวก็หายไปและไม่ยอมรับโทรศัพท์ ที่ทิวเป็นแบบนี้ก็เพราะตอนหลังจิ๋วขอไปด้วยนั่นเอง พอทิวรู้เข้าก็เลยแอบหนีกลับบ้านไปคนเดียว บูมโทรหาอยู่หลายครั้งก็ไม่ยอมรับสาย พอโทรไปล่าสุดอีกครั้งก็ปิดเครื่องไปแล้ว

พอแยกย้ายกันแล้ว บูมจึงตรงดิ่งไปบ้านทิวทันที วันนี้เขาคงต้องคุยกับทิวให้รู้เรื่อง มาถึงบ้านทิวก็สามทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว วันนี้บูมคงต้องยอมกลับบ้านดึกแล้วถูกแม่ตำหนิ

บูมกดกริ่งหน้าบ้านสองสามครั้ง นานพอสมควรทีเดียวกว่าทิวจะลงมาเปิดประตูให้ ทำไมทิวต้องก้มหน้าก้มตาแบบนั้น

"แม่อยู่หรือเปล่า" บูมถาม พยายามจับสีหน้าและความรู้สึกของเพื่อนด้วยความสงสัยปนไม่พอใจ

ทิวพยักหน้า "อาบน้ำอยู่"

"เราขอคุยกับนายหน่อยได้ไหม ไม่นานหรอก"

ทิวพยักหน้า แล้วก็พาบูมขึ้นไปบนห้องของเขาบนชั้นสาม

"นายเป็นอะไรหรือเปล่าทิว ทำไมไม่ไปกับเพื่อนๆ ล่ะวันนี้ เขาถามหานายกันใหญ่เลยรู้ไหม" บูมเริ่มซัก

"พอดีเราไม่ค่อยสบาย" ทิวตอบเสียงเบา พยายามข่มความรู้สึกบางอย่างเอาไว้

"ไม่สบายเหรอ เป็นอะไร" น้ำเสียงของบูมไม่ได้ฟังดูเป็นห่วงนัก แต่เหมือนสงสัยมากกว่า

"ปวดหัวนิดหน่อย"

บูมถอนหายใจ เห็นอาการของทิวแล้วเขาก็หนักใจเหลือเกิน "บอกเราตรงๆ ได้ไหมทิวว่านายเป็นอะไร นอกจากปวดหัวแล้วนายยังเป็นอะไรอย่างอื่นอีกหรือเปล่า ทำไมไม่รับโทรศัพท์ ทำไมชอบหลบหน้าเรา นายเป็นอะไรกันแน่ทิว"

บูมเดินเข้ามาจับไหล่ทิวทั้งสองข้างไว้เพื่อให้ทิวมองหน้าเขาตรงๆ เพราะทิวคอยแต่หลบตา ทิวดูมีสีหน้าประหม่าทีเดียวเมื่อถูกบังคับให้ต้องมองหน้าเพื่อนตรงๆ แบบนั้น "มีอะไรหรือเปล่าทิว บอกเราได้หรือเปล่า รู้ไหมว่าทุกคนเป็นห่วงนาย รู้ไหมว่าเราไม่มีความสุขเลยที่เห็นนายเป็นแบบนี้"

ทิวค่อยๆ สะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของเพื่อน พอหลุดออกมาได้แล้วเขาก็พูดเสียงดังว่า "นายเป็นเพื่อนกับเรามาตั้งสามปี แค่นี้นายยังไม่รู้อีกเหรอว่าเราเป็นอะไร"

บูมถึงกับหน้าชาและอึ้งไปกับคำถามนั้น ทิวไม่ชอบการถูกกดดันบีบคั้นแบบนี้เลย เหมือนเขากำลังถูกไล่ต้อนให้จนมุม เขารู้สึกเหมือนคนไม่มีทางสู้และจะต้องแพ้ แต่เขายังไม่อยากแพ้ในตอนนี้ เขาจะไม่ยอมแพ้และต้องสูญเสียสิ่งที่เขารักไปอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ เขากลัวเหลือเกินว่าเขาจะยอมแพ้และความอดทนของเขาก็จะตึงเครียดจนขาดสะบั้นลง "นายไม่รู้จริงๆ เหรอว่าเราเป็นอะไร" ทิวถามซ้ำอีกครั้งพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มรินไหล

บูมได้แต่นิ่ง เขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน ทุกอย่างดูเงียบ เงียบจนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ของบูมก็ดังขึ้น แม่เขาโทรมาตามนั่นเอง

"ครับแม่ ผมกำลังจะกลับครับ"

บูมเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงแล้วหันไปมองหน้าเพื่อนที่ยังคงเงียบงันอยู่เช่นกัน "เรากลับก่อนนะ" บอกแล้วบูมก็เดินออกไปจากห้อง

พอเพื่อนลับตาไปแล้วทิวก็ทิ้งตัวลงบนเตียงนอนแล้วร้องให้อย่างหนัก นี่บูมไม่รู้จริงๆ หรือนี่ว่าเขาเป็นอะไร เขาคิดว่าบูมน่าจะรู้บ้าง รวมทั้งสิ่งที่บูมพูดในวันนั้นก็ดูเหมือนว่าบูมจะคิดอะไรบางอย่างกับเขา แต่วันนี้บูมกลับถามเหมือนว่าเขาไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้จริงๆ หรือ นี่ดีนะที่เขาไม่เผลอใจบอกความจริงบางอย่างไป ไม่งั้นทิวอาจจะต้องเสียใจมากกว่านี้ก็เป็นได้

Click here to go back to the previous page Go back   Click here to see help FAQ     
Conferences Post form
Your Message
Name*:
Subject*: Upload Pics อัพโหลดรูปภาพ
Message*:
 
HTML Ok
Use [] in place of <>

HTML Reference
 
Images Ok
 
Click on a smilie to add it to your message.
 
Check if you DO NOT wish to use emotion icons in your message
RBR User*: ใส่ Username และ Pass RBR ในกรณีที่โพสแล้วติดแอดมิน
RBR Pass*: ***ผู้ที่ใช้พาส RBR ป่วนหรือโพสผิดกฎบอร์ดจะถูกยึดพาส***
 

 

Palm-Plaza.com All rights reserved.

*** ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บเพจนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และ ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง
ห้ามโพสข้อความ รูปภาพ ไฟล์ที่มีลิขสิทธิ์ ที่สร้างความเสียหายให้แก่บุคคลอื่น
ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link "แจ้งลบข้อความ" ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือแจ้งมาได้ที่ ryubedroom@yahoo.com



Copyright Palm-Plaza,Inc. All Rights Reserved.