We have no responsibility for the contents in this web community!

ถ้าเข้ามาแล้วพบว่ากระทู้ไม่เรียงตามวัน/เวลา ให้คลิ๊กตรงคำว่า Date/Time ที่อยู่ตรงแถบสีม่วงๆ นะครับ


ห้ามลงประกาศโฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ยกเว้นสปอนเซ่อร์!!!!!

*** ห้ามใช้เนื้อที่บอร์ดเพื่อแอบแฝงขายบริการทางเพศ ***


เพิ่มเพื่อน

RBR Section


Register
สมัครสมาชิก


What's RBR?
ต่ออายุสมาชิก

**** ส่วนบริการเข้าบอร์ดเฉพาะสำหรับสมาชิก RBR บอร์ด Devil และ บอร์ด Zombie ต้องการติดต่อสอบถาม ส่งเมลล์ที่ ryubedroom@yahoo.com เท่านั้น ****

กรุณาคลิ๊กที่นี่และ Bookmark ไว้ด้วยครับ

Palm-Plaza.com

Complete the form below to post a message

Original Message
"RE: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต"
Posted by sarawatta on 25-Mar-12 at 11:27 AM
เป็นอีกตอนที่คนเขียนยอมรับว่าอินมาก บ้าไปแล้ว เขียนไปร้องให้ไป
ถ้าถามว่าชีวิตของทิวจะหายลำบากเมื่อไร ก็จนกว่าจะได้เจอกับบูมนั่นแหละครับ
แต่ไม่บอกว่าเมื่อไร อิๆ
--------------------------------------------------------------------

ตอนที่ 17

ทิวกลับมาถึงบ้านแล้วก็ยืนเคว้งอยู่กลางบ้าน เขาหันไปมองรอบๆ เพื่อที่จะระลึกถึงภาพในอดีตที่เคยเกิดขึ้นในบ้านหลังนี้ในวันที่บูมยังอยู่ บูมเคยมากินนอน เคยมาเล่น เคยมาอ่านหนังสือด้วยกัน เคยร้องเพลงด้วยกัน เคยรดน้ำต้นไม้ด้วยกันและอีกหลายๆ ความทรงจำที่เขาไม่เคยลืม

"เราขอโทษ บูม...เราขอโทษ" ทิวพูดทั้งน้ำตา แม้จะไม่รู้ว่าต้องขอโทษไปทำไม เพราะบูมเองก็อาจจะมีใครต่อใครที่เขาเองก็ไม่มีทางที่จะรู้ ยิ่งไปอยู่ในประเทศที่เสรีเรื่องแบบนี้ด้วยแล้ว เขาก็ไม่อยากจะคิดเลย แต่ช่างมันเถอะ ทิวก็รู้สึกผิดจริงๆ และไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก เขารู้สึกขยะแขยงตัวเองทีเผลอตัวเผลอใจไปขนาดนั้น ปล่อยให้ใครก็ไม่รู้มากอดจูบลูบคลำ นี่ถ้าไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเสียก่อน มันก็คงไปไกลจนกู่ไม่กลับแล้ว ทิวเพิ่งได้รู้ว่าเขาหวงแหนความทรงจำ หวงแหนความรู้สึกที่เคยมีให้บูมมากขนาดไหน ถ้ารักแล้ว ถึงมันจะเจ็บ ถึงมันจะไม่มีหวัง แต่มันก็รักไปแล้ว และถ้าความรักนั้นยังอยู่ ทิวก็ไม่ควรทรยศหัวใจตัวเองอย่างครั้งนี้

ทิววิ่งขึ้นไปบนห้อง แล้วก็อาบน้ำ เขาใช้มือถูปาก ถูแขน ถูขา ถูเนื้อตัวแรงๆ ราวกับว่าจะให้ชิ้นส่วนเหล่านั้นที่ถูกคุณเชนสัมผัสหลุดออกไปจากร่างกาย ทิวได้บทเรียนแล้ว ต่อไปนี้เขาจะต้องมีสติมากขึ้น เขาจะไม่ให้ใครมารุกร้ำพื้นที่ส่วนตัวของเขามากขนาดนี้อีกแล้ว ใครจะหาว่าเขาโง่หรือบ้าก็ช่างเถอะ ก็ในเมื่อหัวใจมันหยุดความรักและความคิดถึงไม่ได้ ชีวิตมันก็ต้องเป็นอย่างนี้ ชีวิตก็ยากลำบากอยู่แล้ว จะโกหกหัวใจตัวเองให้ชีวิตมันลำบากกว่านี้อีกทำไม

-------------------------------------------------------------------------

สุดท้ายแล้ว ทิวก็ตัดสินใจเลิกไปร้องเพลงที่ร้านของเชน ดูคุณพ่อของเชนจะเสียดายเขามากทีเดียว แต่ทิวก็ยืนยันที่จะเลิกโดยให้เหตุผลว่าร้านอาหารนี้ไกลเกินไปสำหรับเขา ทำให้ต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายค่อนข้างมากในการมาร้องเพลงแต่ละครั้ง แต่เหตุผลจริงๆ นั้นทิวคงไม่สามารถบอกได้ ทิวไม่สามารถสู้หน้าคุณเชนได้เลย เห็นทีไรทิวก็รู้สึกหวาดผวาทุกครั้ง

แต่การเลิกร้องเพลงร้านนั้นก็เป็นเหตุให้ชีวิตของทิวต้องลำบากมากขึ้น เพราะนั่นหมายถึงรายได้เขาก็จะลดลงไปด้วย เขาจึงจำเป็นต้องตระเวนหาร้านใหม่ๆ แต่ดูเหมือนคราวนี้โชคจะไม่ค่อยเข้าข้างเขาเสียแล้ว ตระเวนหาอยู่หลายวัน หมดเงินค่าเดินทางไปก็ไม่ใช่น้อย แต่ทิวก็ยังไม่ได้ที่ร้องเพลงเพิ่มขึ้นเลย

สิ้นเดือนถัดไปทิวจึงมีเงินเหลือหลังจากใช้หนี้ไปแล้วแค่สองพันกว่าบาท แน่นอนมันไม่พอใช้อยู่แล้ว เมื่อหาเองไม่ได้ ทิวจึงลองปรึกษาเพื่อนนักร้องที่เขารู้จักดู

"บอย บอยพอจะรู้จักร้านอาหารที่ไหนอีกไหมที่เขาต้องการนักร้องเพิ่ม" ทิวนั่งปรับทุกข์กับเพื่อนร่วมอาชีพคนหนึ่ง เขารู้จักบอยมาระยะหนึ่งแล้ว คิดว่าพอไว้ใจได้และน่าจะช่วยเขาได้บ้าง

"ร้อนเงินเหรอ" บอยถามโดยไม่หันมามองหน้าแต่กดมือถือเหมือนกำลังแช็ทกับใครอยู่ จากกิริยาท่าทางของบอยนั้น ทิวก็พอดูรู้ว่าบอยน่าจะเป็นเกย์ แต่ตัวเขาเองนั้นคนอาจจะดูยากสักหน่อย

"ก็นิดหน่อย พอดีเรายกเลิกไปร้องเพลงอีกที่หนึ่งมา มันไกลมาก เดินทางไม่สะดวก ค่าใช้จ่ายก็เยอะ" ทิวรับไปตามตรง

บอยเงยหน้าจากโทรศัพท์แล้วก็ถามว่า "แล้วอยากได้แบบเยอะๆ เร็วๆ หรือแบบธรรมดาล่ะ"

"มันมีแบบที่ได้เยอะๆ เร็วๆ ด้วยเหรอ" ทิวถามอย่างสงสัย "ถ้ามีแบบได้เยอะๆ เร็วๆ ก็เอาแบบนี้ก็ได้ บอยรู้จักร้านนั้นใช่ไหม" ทิวถามด้วยความตื่นเต้น

"มีสิ ทำแค่ไม่กี่ครั้ง ขี้คร้านทิวจะได้เงินเป็นหมื่นๆ ไม่เหนื่อยอะไรมากด้วย ว่าแต่ทิวจะใจถึงหรือเปล่าเท่านั้นแหละ"

เริ่มฟังดูแปลกๆ อีกแล้ว แต่ด้วยความอยากได้เงินมาใช้จ่ายประทังชีวิต ทิวก็ยังสนใจอยู่ดีว่ามันมีร้านอาหารที่จะทำให้เขาได้เงินมากๆ แบบนั้นหรือเปล่า "ทำไมเหรอ เพลงมันยากหรือเปล่า ให้เราไปลองก่อนก็ได้"

"โอ๊ย มันไม่มีอะไรยากหรอก" บอยทำเสียงคล้ายรำคาญ จริตจะก้านเขาเริ่มออกชัดมากขึ้น "จริงๆ เพลงก็ไม่ต้องร้องด้วยซ้ำ ใช้แค่ทักษะประจำตัวบางอย่างเท่านั้นแหละ ทักษะแบบนี้ทิวก็มี ไม่ต้องไปฝึกอะไรเพิ่มด้วย"

ยิ่งฟังก็ยิ่งแปลก นี่มันงานอะไรของบอยหรือนี่ ทำไม่กี่ครั้งก็ได้เงินเป็นหมื่น แถมไม่ต้องร้องเพลงและไม่ต้องไปฝึกอะไรเพิ่มเติม "บอย บอกเราตรงๆ ได้ไหมว่ามันเป็นงานอะไรกันแน่ เราไม่เข้าใจ"

บอยเห็นท่าทางไร้เดียงสาของทิวแล้วก็หงุดหงิดเล็กน้อย เขาเขยิบเข้ามาใกล้ๆ แล้วก็กระซิบกระซาบที่ข้างหูของทิว พอทิวได้ฟังแล้วก็ตกใจ

"อะไรนะ งานแบบนั้นเราทำไม่ได้หรอก"

"ก็ตามใจ แต่ถ้าอยากทำก็บอกแล้วกัน เดี๋ยวจะพาไปฝากให้" บอยตอบอย่างไม่แยแสมากนัก

-----------------------------------------------------------------------------

"ต้อง... สงสัยเดือนนี้กูคงต้องขอรบกวนมึงแล้วล่ะ" ทิวตัดสินใจโทรไปหาต้องที่ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในตอนนี้ คนอื่นๆ ทิวไม่กล้ารบกวนเลยจริงๆ ตั้งแต่ที่เขาต้องออกจากมหาวิทยาลัย บางทีเขาก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องยากเหลือเกินที่จะไปสู้หน้ากับเพื่อนๆ คนอื่นๆ

"มีอะไรหรือเปล่าทิว" ต้องถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

"เรื่องเงิน... ตอนนี้กูแย่จริงๆ ว่ะต้อง ถ้าพอช่วยได้ เดือนนี้กูคงต้องขอให้มึงช่วยกูหน่อยละกัน" ทิวบอกไปอย่างลำบากใจ แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นเลยในตอนนี้ จะให้เขาไปทำงานอย่างที่บอยแนะนำ เขาก็รู้สึกละอายใจจนเกินกว่าจะทำอย่างนั้นได้

"เออๆ มึงรอกูอยู่ที่บ้านนะ เดี๋ยวกูจะไปหามึงเดี๋ยวนี้แหละ"

จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่บูมจากไป ทิวก็มีต้องนี่แหละที่คอยอยู่เป็นเพื่อนและคอยช่วยเหลือในยามลำบาก ยิ่งตอนที่แม่เพิ่งเสียไปนั้น ต้องมาอยู่เป็นเพื่อนเขาหลายวันเลยทีเดียว แต่ทิวก็เป็นคนขี้เกรงใจมาก แม้ว่าต้องจะเต็มใจช่วยในหลายๆ เรื่อง แต่เขาก็ไม่อยากรบกวนเพื่อนจนเกินไป แต่ครั้งนี้มันจำเป็นจริงๆ

"ทิว...ทีหลังมีอะไรแบบนี้อีกให้รีบบอกกูนะเว้ย อย่ารอให้ปัญหามันเกิดเสียก่อน นี่มึงไม่ได้อดข้าวใช่ไหม" มาถึงปุ๊บต้องก็รีบต่อว่าเพื่อนทันทีเพราะรู้ว่าทิวเป็นคนขี้เกรงใจ

"ยังหรอก แต่ดูท่าทางเดือนนี้กูจะสาหัสหน่อยว่ะ พอดีกูไม่ได้ไปเล่นอีกร้านหนึ่ง มันไกล ค่าใช้จ่ายในการเดินทางมันเยอะ ก็เลยเลิกไปเล่น แต่มันก็ทำให้รายได้ลดลงไปด้วย ลดไปเยอะเลยล่ะ"

ทิวกับต้องเดินมานั่งลงที่เก้าอี้นั่งเล่นหน้าบ้าน ทิวถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ต้องเห็นแล้วก็ได้แต่สงสาร หน้าตาของทิวดูเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมากทีเดียว ทิวดูผอมลงและมีแววตาเศร้า ต้องไม่ได้เห็นทิวหัวเราะร่าเริงเลยในช่วงหลังๆ มานี้

"อยากให้กูช่วยแค่ไหนล่ะทิว"

"สักสามพันก็แล้วกัน กูก็ไม่อยากรบกวนมึงหรอกนะต้อง กูรู้ว่ามึงต้องเรียนหนังสือ ใช้เงินเยอะ แต่กูก็ไม่รู้จะไปหาใคร ไม่รู้ว่ากูมีเคราะห์กรรมอะไรนักหนาว่ะต้อง" ความน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาชีวิตทวีขึ้นมาอีกแล้ว ทิวพยายามเข้มแข็งมาตลอด แต่ข้างในใจจริงๆ นั้นมันก็อ่อนล้าและสิ้นหวัง บางครั้งมันก็มีพลังมากจนเกินกว่าจะกดทับปิดซ่อนไว้

"เฮ้ยอย่าคิดมากทิว เข้มแข็งหน่อยสิวะ" ต้องพยายามปลอบใจ

"กูไม่รู้ว่าจะเข้มแข็งไปได้อีกแค่ไหนว่ะต้อง กูเหนื่อยกับชีวิตเหลือเกิน... ไม่เหลือใครเลย" แล้วทิวก็ร้องให้จนได้

"ไอ้ทิว มึงอย่าอ่อนแอสิวะ กูก็ยังอยู่นะเว้ย ยังไงกูก็ไม่ทิ้งมึงหรอก ยังไงมึงก็เป็นเพื่อนกูนะทิว เข้มแข็งหน่อยสิทิว ชีวิตมันต้องมีความหวังบ้าง มึงเชื่อกูสิ" ต้องพยายามปลอบใจ เขาเขยิบเข้าไปนั่งใกล้ๆ แล้วก็โอบไหล่ทิวไว้ ปล่อยให้ทิวร้องให้เพื่อระบายความเครียดและอัดอั้นตันใจอย่างเต็มที่ ต้องคงจะต้องเลิกพูดถึงปัญหาหรืออะไรก็ตามที่เป็นการมองโลกในแง่ร้ายไปมากกว่านี้ เพราะการพูดเช่นนั้นนอกจากจะไม่ช่วยปลอบใจแล้วก็ยิ่งจะทำให้ทิวหมดความหวังและอ่อนแอมากยิ่งขึ้น

ต้องรอจนกระทั่งทิวค่อยๆ สงบจิตใจลงแล้วจึงค่อยถามว่า "ไปกินข้าวกันไหมทิว มึงกับกูไม่ได้กินข้าวด้วยกันมาหลายวันละ เออ... ว่าแต่มึงต้องไปร้องเพลงคืนนี้หรือเปล่า"

ทิวส่ายหน้า "วันนี้ไม่มี"

"เออดี ไปกินข้าวกันดีกว่านะ เดี๋ยวกูเลี้ยงมึงเองวันนี้ มึงอยากกินไรบอกมาได้เลย วันนี้กูเต็มที่" ต้องบอกพลางยิ้ม เขาจะไม่พูดเรื่องเศร้าหรือแสดงความสงสารเพื่อนให้เห็นเลย เพราะเขาจะต้องช่วยฉุดเพื่อนให้พ้นจากความทุกข์ ไม่ใช่ซ้ำเติมให้เพื่อนเศร้ายิ่งกว่าเดิม แม้กระทั่งเรื่องของบูมต้องก็ต้องเลิกพูดหรือแม้กระทั่งเลิกคิดไปเลย ทิวอยู่ในภาวะชีวิตที่วิกฤติอย่างมาก เปราะบางเกินกว่าจะให้กระทบกระเทือนใจอะไรอีก

ทิวก็พยายามยิ้ม แม้ว่ามันจะไม่ง่ายเลยสำหรับเขา แต่เห็นเพื่อนดีกับเขาขนาดนี้แล้ว ทิวก็พอมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยก็ไม่รู้สึกอ้างว้างจนเกินไป

"ขอบใจนะต้อง ขอบใจที่มึงไม่ทิ้งกูไปอีกคน"

"เออๆ กูไม่ทิ้งมึงหรอก มึงนั่นแหละ อย่าลืมนึกถึงกูละกันเวลามีปัญหาอะไร ไปกินข้าวกันเถอะ กูหิวแล้ว" ต้องรีบตัดบทเพื่อที่จะให้ทิวหยุดคิดถึงแต่เรื่องที่บั่นทอนจิตใจ ถ้าชีวิตมีปัญหาแล้วยิ่งไปคิดถึงหรือจมอยู่กับปัญหา มันก็จะยิ่งทำให้ชีวิตหดหู่และสิ้นหวังมากขึ้น สู้ไปหาอะไรทำดีกว่า จะได้ไม่ต้องคิดมากและเลิกฟุ้งซ่านเพราะอยู่กับตัวเองมากเกินไป

-----------------------------------------------------

สิ้นเดือนอีกแล้ว ทิวจ่ายค่าหนี้ไปหนึ่งหมื่นบาทไปตามปกติ แต่คราวนี้ก็มีเงินเหลืออยู่แค่สองพันบาท แน่นอนว่ามันคงไม่พอใช้ นี่เขาจะต้องยืมเพื่อนอีกหรือ เพิ่งยืมไปเมื่อไม่นาน ยังไม่ได้ทันได้ใช้คืนเลยก็จะยืมอีกแล้ว ทิวคงรบกวนต้องอีกไม่ได้ ต้องเรียนหนังสืออยู่ จะเอาเงินที่ไหนมาให้เขายืมนักหนา

พอเป็นแบบนี้แล้ว ทิวก็นึกถึงบอย ทิวเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่า ยามที่คนเรามันจนตรอกจริงๆ มันทำอะไรก็ได้ แม้จะเป็นสิ่งที่ทิวไม่อยากทำเลยก็ตาม แต่ทางออกของเขาก็แทบจะไม่เหลืออะไรที่เป็นไปได้มากกว่านี้แล้ว ทิวนั่งทำใจอยู่นานจึงตัดสินใจโทรหาบอย

"ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวบอยจัดให้ มาหาเราที่ xxx ละกัน กี่โมงน่ะเหรอ สักทุ่มหนึ่งก็ได้ เออๆ เดี๋ยวจะรอนะ อย่าเบี้ยวล่ะ"

ทิววางสายแล้วก็ยังต้องนั่งทำใจอยู่พักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจออกจากบ้านไปตามที่นัดหมายกับบอยไว้ พอไปถึงสถานที่นัดหมาย ทิวก็พบว่ามันเป็นบาร์เกย์นี่เอง บอยพาเขาไปรู้จักกับพี่คนหนึ่งชื่อเจ๊เหมียว เป็นกะเทยที่น่าจะแปลงเพศแล้วล่ะและน่าจะเป็นเจ้าของบาร์นี้ ดูเจ๊เหมียวจะพอใจกับรูปร่างหน้าตาของทิวมากทีเดียว พอคุยตกลงในรายละเอียดกันแล้ว เจ๊เหมียวก็ให้ทิวเริ่มทำงานในวันถัดไปเลย

ทิวก็ไม่รู้ว่าเขาคิดดีแล้วหรือเปล่า แต่มันก็จำเป็นจริงๆ เขาตั้งใจว่าจะทำแค่ไม่กี่ครั้ง พอได้เงินสำหรับใช้หนี้เดือนนี้แล้วเขาก็จะหยุด แต่ก็ไม่รู้ว่ามันจะง่ายอย่างที่คิดหรือเปล่า

การทำงานเป็นเด็กขายของทิวในวันแรกนั้นยังดูเงียบๆ อยู่ เพราะเขาเพิ่งมาใหม่และยังไม่มีชื่อเสียงในกลุ่มลูกค้าขาประจำ รอจนกระทั่งดึกพอสมควร ก็มีลูกค้าผู้ชายคนหนึ่งหน้าตาดีทีเดียว อายุน่าจะราวๆ สามสิบกว่าๆ เนื่องจากเด็กขายที่ขึ้นชื่อนั้นถูกออฟไปจนหมดแล้ว ทิวจึงได้ไปกับแขกคนนี้ ทิวไม่รู้ว่าเขาโชคดีหรือเปล่าที่ได้แขกในการทำงานวันแรก แต่ในใจเขาไม่มีความรู้สึกมั่นใจกับสิ่งที่ทำและที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้เลย

แขกผู้ชายคนนั้นซึ่งเขาแนะนำตัวเองว่าชื่อธนาธรพาทิวมาที่โรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งด้วยรถส่วนตัวของเขาเอง พอมาถึงก็ไม่พูดพล่ามทำเพลงอะไร ธนาธรก็ตรงเข้ามาจัดการปลุกอารมณ์ทิวทันที

"รู้ไหมว่าเราน่ะ ทั้งรูปร่าง หน้าตา ถูกใจพี่มากเลย เห็นเจ๊เหมียวบอกว่ายังไม่เคยใช่ไหม"

ทิวเห็นสายตาหื่นๆ แบบนั้นแล้วก็ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ ท่าทางคืนนี้เขาคงจะไม่รอดแน่ๆ เลย "ยังครับ" ทิวตอบด้วยน้ำเสียงประหม่า

"ดีล่ะ โชคดีของพี่จริงๆ ที่จะได้เปิดซิงเราเป็นคนแรก" ธนาธรพูดจบแล้วก็ผลักทิวล้มลงไปบนเตียงพร้อมกับตัวเขาที่ขึ้นมาทาบทับ

แต่ไม่ว่าธนาธรจะพยายามมากแค่ไหน ทิวก็ไม่มีอารมณ์ร่วมเลยจริงๆ นี่เขาเพิ่งบอกกับตัวเองเมื่อไม่นานมานี้ว่าจะไม่ให้ใครเข้ามารุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวแบบนี้อีก แต่ทำไมวันนี้ทิวถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ ก็อาจจะใช่ที่มันไม่ใช่ความรัก มันเป็นเพียงการใช้ร่างกายแลกกับเงิน แต่มันก็ทำให้ทิวรู้สึกผิดบาปในใจอย่างมาก แต่ทิวก็ต้องการเงิน ไม่อย่างนั้นแล้วเขาก็คงจะถูกคุกคามชีวิตหรือไม่ก็โดนทำร้ายจากเจ้าหนี้คนนั้น แต่เขาอยากได้เงินถึงขนาดนี้เลยหรือ ความคิดของทิวตีกันไปมาในหัว จนในที่สุดทิวก็ทนไม่ไหวกับความสับสนนั้น

"พี่...หยุดก่อนเถอะครับ" ทิวตัดสินใจบอกไป

ธนาธรหยุดชะงักเล็กน้อย "มีอะไรหรือเปล่า หรือว่าไม่ชอบแบบนี้ ชอบแบบรุนแรงเหรอ"

กลายเป็นเรื่องนั้นไปเสียนี่ "ไม่ใช่ครับ แต่ผม...ไม่อยากทำแบบนี้แล้ว พี่ปล่อยผมไปเถอะนะครับ"

"นี่น้อง พี่จ่ายเงินไปแล้วนะ คิดจะมาเบี้ยวกันง่ายๆ แบบนี้เหรอ ไม่มีทางเสียหรอก" ธนาธรเริ่มโมโห เขาลุกขึ้นนั่งอย่างไม่สบอารมณ์

"ผมขอร้องนะพี่ อย่าทำผมเลย ผมไม่อยากทำแบบนี้แล้ว" ทิวยกมือไหว้ขอร้องพร้อมกับร้องไห้

ธนาธรดูจะตกใจมากทีเดียว ตั้งแต่ออฟเด็กมา เขาไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เลย "ไม่ได้ พี่จ่ายเงินไปแล้วนะน้อง อย่างนี้มันเอาเปรียบกันนี่นา" ธนาธรเริ่มเสียงแข็ง

ทิวหยิบกางเกงที่หล่นอยู่ข้างๆ เตียงมา ควานหากระเป๋าสตางค์ พอเจอแล้วเขาก็หยิบเงินสองพันที่เขามีอยู่ติดตัวส่งให้ธนาธร "ผมมีอยู่แค่นี้พี่ ไม่รู้ว่าพอหรือเปล่า แต่พี่ปล่อยผมไปเถอะนะครับ นึกว่าสงสารผมเถอะ ผมไม่อยากทำแบบนี้แล้ว" ทิวพูดพลางเริ่มสะอื้น

ธนาธรรับเงินไปอย่างอารมณ์เสียนิดๆ อาจจะได้คืนไม่เท่ากับที่จ่ายไป แต่พอเห็นทิวร้องให้แบบนี้เขาก็คงไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรแล้วล่ะ "เออ ไม่ทำอะไรก็ได้ แล้วนี่มีค่ารถกลับบ้านหรือเปล่า"

ทิวพยักหน้า จริงๆ ก็ยังมีเงินติดในกระเป๋าอีกประมาณสองร้อย คงพอกลับบ้านได้อยู่

"เอ้า จะไปก็ไปสิ พี่ไม่ทำอะไรแล้ว ซวยจริงๆ เลย อุตส่าห์เก็บกดมาตั้งหลายวันนึกว่าจะได้มีความสุขซะหน่อย"

ทิวรีบลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าแล้วก็เดินออกไปอย่างร้อนรน เขานั่งมอเตอร์ไซค์ออกไปสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน จากนั้นก็มาลงที่สถานีลาดพร้าวแล้วก็ขึ้นรถเมล์ไปต่ออีกนิด จบท้ายด้วยการนั่งมอเตอร์ไซค์เข้ามาในซอยบ้านที่เขาอยู่

พอเข้ามาในบ้านแล้วเห็นรูปของแม่ที่ติดไว้ข้างฝาบ้าน เห็นรูปของบูมที่อยู่ตรงมุมคีย์บอร์ด ทิวก็ทรุดตัวลงนั่งร้องให้ เขารู้สึกหมดอาลัยตายอยากกับชีวิต และไม่รู้ว่าจะดิ้นรนไปเพื่ออะไร เขาไม่มีใครเลยสักคน ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่อใครหรือเพื่ออะไร เขาไม่เคยคิดถึงความตายเลยจนกระทั่งวันนี้ เมื่อก่อนเขาคิดว่าคนที่ฆ่าตัวตายนั้นเป็นคนโง่และขี้ขลาด แต่วันนี้ ทิวรู้สึกว่าเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมคนเหล่านั้นจึงได้คิดสั้น

"แม่...ยกโทษให้ทิวด้วยนะครับที่ทิวไม่เชื่อสิ่งที่แม่สอน ทิวไม่ได้อยากทำแบบนี้เลย แต่ทิวไม่ไหวแล้ว ทิวไม่ไหวแล้วครับแม่ ให้ทิวไปอยู่กับแม่นะครับ" ทิวร้องให้สะอึกสะอื้นราวกับจะขาดใจ วันนี้เขาอ่อนแอถึงที่สุดแล้ว แต่มันก็คงจะเป็นวันสุดท้ายของชีวิตที่เขาจะอ่อนแอแบบนี้ อีกไม่นานเขาก็คงจะหมดทุกข์โศกและไม่ต้องรับรู้อะไรที่เจ็บปวดอีกต่อไป

ทิวค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นเดินแล้วก็ขึ้นไปบนห้อง เขาหยิบน้ำยาล้างห้องน้ำมาวางไว้บนโต๊ะ นั่งลงแล้วก็เขียนจดหมายร่ำลาอะไรบางอย่าง เขาเขียนจดหมายถึงบูมนั่นเอง เป็นความในใจของทิวที่เขาอยากจะให้เพื่อนได้รับรู้ เขาอาจจะไม่ได้มีชีวิตเพื่อที่จะอยู่บอกสิ่งนี้ด้วยตัวเขาเอง แต่ในเวลานี้ ขอแค่ให้บูมได้รับรู้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม ทิวก็พอใจแล้ว ทิวเขียนไปก็ร้องไห้ไป เขียนเสร็จแล้วก็เอาจดหมายใส่ซอง จากนั้นก็เขียนข้อความไว้ที่หน้าซองว่า

"ใครก็ตามที่พบจดหมายฉบับนี้ ขอให้ช่วยนำจดหมายฉบับนี้ไปส่งให้นายกรกฤต เทพสถิตย์พิทักษา ที่บ้านเลขที่..."

เขียนเสร็จแล้วทิวก็ฟุบหน้าลงร้องให้หนักขึ้นอีกครั้ง เมื่อนึกไปว่าเขาจะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าเพื่อนอีกครั้ง ไม่ได้บอกสิ่งนั้นด้วยตัวเองแล้วก็รู้สึกใจหาย "ขอโทษนะบูมที่เราคงไม่ได้บอกนายด้วยตัวเอง แต่เราไม่ไหวแล้วจริงๆ ถ้าชาติหน้ามีจริง ขอให้เราได้กลับมาเป็นเพื่อนกันอีกครั้งนะบูม"

ทิวค่อยๆ เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เขาตัดสินใจแล้วที่จะไปจากโลกนี้ โลกที่เขาไม่เหลือใครอีกแล้ว ชีวิตอยู่ไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไร มีแต่ความทุกข์ทรมานใจ มีแต่ปัญหา มีแต่เคราะห์กรรมที่ไม่จบไม่สิ้น ไม่มีแรงจูงใจใดๆ ที่มากพอแล้วในตอนนี้ที่จะทำให้ทิวเปลี่ยนใจ ทิวหยิบขวดน้ำยาล้างห้องน้ำมา เปิดฝา แล้วก็เทมันลงไปในแก้วจนเกือบเต็ม

ทิวยกแก้วมฤตยูนั้นขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้กลืนกินมันลงไปเลยทันที เขายังต้องทำใจอยู่สักพัก จังหวะที่เขากำลังจะตัดสินใจยกขึ้นดื่มนั้น เสียงโทรศัพท์บ้านที่ชั้นล่างก็แว่วมาให้ได้ยิน มันคงดังอยู่พักหนึ่งแล้วล่ะ ทิวตัดสินใจวางแก้วนั้นลงแล้วก็ค่อยๆ เดินลงมารับโทรศัพท์ที่ชั้นล่าง มันเงียบเสียงไปแล้ว แต่สักพักมันก็ดังขึ้นอีก ใครกันหนอที่โทรมาหาเขาตอนนี้ ปกติทิวไม่ได้ให้เบอร์บ้านใครเลย ให้แต่เบอร์โทรศัพท์มือถือซึ่งเป็นคนละเบอร์กับสมัยที่ทิวใช้ตอนเรียนมัธยม เบอร์นั้นเขาไม่ได้ใช้แล้วเพราะเปลี่ยนมาใช้โปรโมชั่นของอีกค่ายที่ถูกกว่า

ทิวยกโทรศัพท์ขึ้นแล้วก็พูดไปว่า "สวัสดีครับ ทิวพูดครับ"

ถ้าหากทิวมีตาวิเศษที่สามารถเห็นสิ่งที่อยู่ไกลคนละซีกโลกได้ เขาก็คงได้เห็นแล้วล่ะว่าคนที่โทรมานั้น ทันทีที่ได้ยินเสียงของเขา น้ำตาเขาก็ไหลลงมาอย่างห้ามไม่ได้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่อาจจะเป็นสายสัมพันธ์บางอย่างที่ยังคงส่งถึงกันอยู่จนทำให้รับรู้ถึงความไม่ปกติหรืออันตรายบางอย่าง มันทำให้เขารู้สึกระวนกระวายจนต้องตัดสินใจโทรมาหา ทั้งๆ ที่ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้วด้วยเหตุผลบางอย่าง

"..................."

ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ "ฮัลโหลๆ ใครโทรมาครับ จะพูดสายกับใครครับ" ทิวถามอยู่สองสามครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบใดๆ แถมคนที่โทรมานั้นก็ยังไม่ยอมวางสาย แต่ทิวก็ได้ยินเสียงพื้นหลังเป็นเสียงคนคุยกันไกลออกไป อะไรบางอย่างทำให้ทิวคิดไปว่า.....................

"บูม!!! ใช่บูมหรือเปล่า ใช่นายหรือเปล่าบูม บูม ใช่นายหรือเปล่า นายยังคิดถึงเราอยู่ใช่ไหมบูม ใช่นายหรือเปล่า" ทิวตะโกนถามซ้ำไปซ้ำมา แต่ก็ไม่เสียงตอบรับอีกเช่นเคย แล้วสายนั้นก็หลุดไป

ทิวทรุดตัวลงนั่งร้องให้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน แต่เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นบูมโทรมาแน่ๆ เพื่อนคนอื่นๆ ที่มีเบอร์มือถือของเขาคงไม่โทรเข้าเบอร์บ้านและคงไม่เงียบแบบนี้

เหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้ก็ช่วยทำให้ทิวเปลี่ยนใจ ไม่ว่าชีวิตมันจะยากลำบากสักแค่ไหน เขาก็ยินดีที่จะเผชิญกับมันเพื่อที่จะได้เจอกับคนที่เขารักอีกสักครั้ง ไม่ว่าในโลกนี้จะมีกี่ร้อยกี่พันคนมาช่วยปลอบใจเขา แต่ก็อาจจะไม่ช่วยให้ทิวมีกำลังใจได้มากนัก แต่เมื่อสักครู่นี้ ทิวก็พบว่า แค่เขาได้รู้ว่าบูมยังนึกถึงเขาอยู่ ทิวก็มีกำลังใจขึ้นอีกมหาศาลและมากพอที่จะทำให้เขาอยู่ต่อไปได้ เมื่อมีความรักอยู่เขาก็ยังคงพอมีความหวัง ไม่ว่ามันจะนานสักแค่ไหนเขาก็จะรอ

Click here to go back to the previous page Go back   Click here to see help FAQ     
Conferences Post form
Your Message
Name*:
Subject*: Upload Pics อัพโหลดรูปภาพ
Message*:
 
HTML Ok
Use [] in place of <>

HTML Reference
 
Images Ok
 
Click on a smilie to add it to your message.
 
Check if you DO NOT wish to use emotion icons in your message
RBR User*: ใส่ Username และ Pass RBR ในกรณีที่โพสแล้วติดแอดมิน
RBR Pass*: ***ผู้ที่ใช้พาส RBR ป่วนหรือโพสผิดกฎบอร์ดจะถูกยึดพาส***
 

 

Palm-Plaza.com All rights reserved.

*** ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บเพจนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และ ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง
ห้ามโพสข้อความ รูปภาพ ไฟล์ที่มีลิขสิทธิ์ ที่สร้างความเสียหายให้แก่บุคคลอื่น
ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link "แจ้งลบข้อความ" ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือแจ้งมาได้ที่ ryubedroom@yahoo.com



Copyright Palm-Plaza,Inc. All Rights Reserved.