We have no responsibility for the contents in this web community!

ถ้าเข้ามาแล้วพบว่ากระทู้ไม่เรียงตามวัน/เวลา ให้คลิ๊กตรงคำว่า Date/Time ที่อยู่ตรงแถบสีม่วงๆ นะครับ


ห้ามลงประกาศโฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ยกเว้นสปอนเซ่อร์!!!!!

*** ห้ามใช้เนื้อที่บอร์ดเพื่อแอบแฝงขายบริการทางเพศ ***


เพิ่มเพื่อน

RBR Section


Register
สมัครสมาชิก


What's RBR?
ต่ออายุสมาชิก

**** ส่วนบริการเข้าบอร์ดเฉพาะสำหรับสมาชิก RBR บอร์ด Devil และ บอร์ด Zombie ต้องการติดต่อสอบถาม ส่งเมลล์ที่ ryubedroom@yahoo.com เท่านั้น ****

กรุณาคลิ๊กที่นี่และ Bookmark ไว้ด้วยครับ

Palm-Plaza.com

Complete the form below to post a message

Original Message
"RE: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต"
Posted by sarawatta on 26-Mar-12 at 12:49 PM
ตอนที่ 20

"ขายบ้าน!!!" นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมทิวถึงได้ติดป้ายประกาศขายบ้าน บูมยืนมองป้ายนั้นแล้วก็ครุ่นคิด แล้วที่เมื่อวานเขาเจอทิวเป็นพนักงานในร้านสะดวกซื้อนั่นล่ะ มันเกิดอะไรขึ้นกับทิว เขาคิดว่าทิวน่าจะได้ทำงานที่ดีกว่านี้ แต่ทำไมทิวถึงไปทำงานที่นั่น ทำไมทิวต้องขายบ้าน ทิวมีปัญหาอะไรหรือเปล่า หรือว่าแค่ต้องการย้ายที่อยู่ แล้วทิวจะไปอยู่ที่ไหน ในช่วงเวลาสี่ปีกว่าๆ ที่บูมหายไปนั้นดูเหมือนจะมีอะไรเกิดขึ้นกับทิวมากมายอย่างที่บูมเองก็คิดไม่ถึงมาก่อน

เขาไม่มีคำตอบใดๆ เลยเพราะบูมแทบจะไม่เคยรับรู้ข่าวคราวของทิวด้วยซ้ำ ตั้งแต่จากไปคราวนั้นเขาก็คือคนที่ตัดขาดการติดต่อกับทิวทุกอย่าง ด้วยเหตุผลเพียงเพราะว่าเขาไม่กล้ามาสู้หน้าทิวอีก แต่เมื่อวานที่เขาได้เจอทิวโดยบังเอิญนั้น บูมก็เก็บเอาไปคิดทั้งคืน เขาได้แต่ถามตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้นทิวถึงต้องไปทำงานที่นั่น จนรู้สึกว่าทนไม่ไหว ไม่ว่าก่อนหน้านั้นเขาจะมีเหตุผลมากมายที่จะไม่มา แต่หลังจากที่ได้เจอทิวเมื่อวานนี้แล้ว บูมก็โยนทิ้งความกลัวทุกอย่างไป เขาจะต้องมาหาทิวให้ได้ ไม่ว่าใครจะจับมัดไว้เขาก็ต้องมา เลิกงานปุ๊บเขาจึงรีบออกมาทันที แต่ก็ไม่ได้แวะดูที่เซเว่นหรอกเพราะคิดว่าทิวคงทำงาน คงไม่มีเวลาคุยกัน

บูมเดินกลับมาที่รถ แล้วก็เข้าไปนั่งข้างในพร้อมกับลดกระจกลงเพราะเขาดับเครื่องไปแล้ว กำลังคิดอะไรเพลินๆ ก็เห็นมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดที่หน้าบ้านทิว ทิวนั่นเอง เขายังอยู่ในชุดพนักงานร้านนั้นอยู่เลย มอเตอร์ไซค์คันนั้นก็เป็นคันที่บูมเคยเห็นทิวใช้ไปซื้อของที่หน้าปากซอยอยู่บ่อยๆ แค่เห็นเท่านั้น บูมก็แทบอยากจะวิ่งลงจากรถไปหาเพื่อนในทันที แต่เขาก็ยังไม่ทำอย่างนั้น ดูเหมือนทิวมีท่าทางสงสัยเหมือนกันว่ารถของใครมาจอดอยู่ข้างๆ บ้านเขา แต่ทิวก็หันกลับไปสนใจกับการไขกุญแจบ้านตามเดิม ในจังหวะนี้นี่เองที่บูมเปิดประตูรถออกไปแล้วก็เดินไปหาทิว พอไปยืนอยู่ใกล้ๆ เขาก็ยื่นมือไปแตะไหล่ทิวพลางเรียกชื่อ

"ทิว เรากลับมาแล้ว"

ทิวปล่อยกุญแจหลุดจากมือแล้วหันมามองเจ้าของมือที่แตะไหล่เขาอยู่

"บูม บูมจริงๆ ด้วย" ทิวอ้าปากค้างราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง แล้วก็โผเข้ากอดเพื่อนทันทีที่รู้ว่าเป็นบูมจริงๆ ไม่ได้ตาฝาดไป ส่วนบูมก็กอดตอบเพื่อนด้วยความคิดถึงสุดหัวใจเช่นกัน เสียงร่ำให้ค่อยๆ ดังขึ้นจากทั้งสองคน

"เรากลับมาแล้วทิว เรากลับมาแล้ว" บูมย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง ภาพที่ทิวคอยช่วยพยุงเขาตอนที่เขาตกบันได ภาพที่ทิวคอยสอนร้องเพลงให้เขาปรากฎชัดเจนขึ้นในหัวราวกับมันกำลังเกิดขึ้นจริงอยู่ในตอนนี้

"บูม" ทิวก็ได้แต่เรียกชื่อเพื่อนเช่นกัน เขาไม่รู้จะพูดอะไรในตอนนี้ มันมีอะไรหลายอย่างเหลือเกินที่เขาอยากจะพูด อยากจะเล่าให้บูมฟัง แต่ ณ นาทีนี้ เขาอยากกอดบูมให้แน่นและเนิ่นนานที่สุดให้สมกับที่รอคอยและคิดถึงมานานเหลือเกิน

สักพักใหญ่ทิวกับบูมก็ผละออกจากกันเล็กน้อยเพื่อที่จะมองหน้ากันให้ชัดๆ ทั้งทิวและบูมต่างก็ยิ้มทั้งน้ำตา นานเท่าไรแล้วที่ไม่ได้เจอกัน บูมเคยคิดว่ากลับมาเจอกันอีกครั้งก็อาจจะมีความรู้สึกห่างเหินไปบ้าง แต่มันไม่ใช่เลย ความรู้สึกที่เคยเกิดขึ้นเมื่อหลายปีที่แล้วก็ยังกลับคืนมาราวกับว่ามันไม่เคยไปไหนเลย

บูมดึงเพื่อนเข้ามากอดอีกครั้ง เขารู้สึกผิดอย่างมากเหลือเกินที่ทิ้งเพื่อนไป การที่ทิวต้องไปทำงานแบบนี้ก็คงพอจะบอกได้ว่าทิวต้องลำบากแค่ไหน ในขณะที่บูมกลับมีชีวิตที่สุขสบายทุกอย่าง

"เราขอโทษ... ทิว... เราขอโทษ" บูมบอกเพื่อนพลางสะอื่นไห้ เขารู้ว่าคำขอโทษแค่นี้คงไม่พอที่จะชดเชยอะไรได้ แต่บูมก็อยากขอโทษ

"ไม่เป็นไร...บูม" ทิวบอกเสียงเบา เขาหมายความตามที่พูดจริงๆ ไม่ใช่แค่พูดเพื่อให้อีกคนรู้สึกดี คนที่เขารักและรอคอยกลับมาแล้ว ไม่มีอะไรจะมีค่ามากไปกว่านี้ ที่เขายอมลำบากและอดทนก็เพื่อที่จะได้เจอคนๆ นี้เท่านั้น วันนี้ทิวก็ได้เจอแล้ว ความคิดถึงและความทรมานในช่วงสี่ปีกว่าๆ ที่ผ่านมาได้หายไปหมดสิ้น แม้ว่าภาพที่เขาวิ่งตามรถของบูมที่กำลังจากไปจะยังฉายวนซ้ำอยู่ให้เห็นเนืองๆ ในขณะที่กอดเพื่อนอยู่ แต่ความเจ็บปวดนั้นก็ถูกเยียวยาเมื่อทิวได้กลับมาอยู่ในอ้อมแขนของคนที่เขารักอีกครั้ง

เมื่อได้กอดกันจนพอใจแล้ว ทิวก็พาบูมเดินเข้ามาในบ้าน บูมก็ได้เห็นว่าทิวก็ยังชอบปลูกต้นไม้อยู่เช่นเดิม มุมคีย์บอร์ดที่เขากับทิวมักจะมาร้องเพลงด้วยกันก็อยู่ที่เดิม แต่มีรูปเขากับทิวมาตั้งไว้ด้วย ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ล้วนแล้วแต่มีความทรงจำหลายอย่างดีๆ ที่เคยเกิดขึ้น บูมไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าเขาทิ้งสิ่งเหล่านี้ไปอย่างง่ายดายราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นไปได้อย่างไร

"แม่ล่ะทิว แม่ยังไม่กลับอีกเหรอ" บูมถามเมื่อนึกขึ้นได้

"แม่เราเสียแล้วบูม" ทิวบอกเพื่อนแล้วก็ร้องไห้อีกครั้ง

"อะไรนะทิว" บูมอุทานราวกับจะไม่เชื่อว่ามันเป็นความจริง "ตั้งแต่เมื่อไร"

"เกือบสามปีแล้วล่ะ"

"โธ่แม่...." บูมหันไปมองรูปแม่ของทิวที่ติดไว้ตรงฝาบ้าน เขารู้สึกสะท้อนใจ เขาน่าจะได้มาอยู่กับทิวในช่วงเวลานั้น "แสดงว่านายก็...อยู่คนเดียว" บูมแทบจะพูดต่อไม่ได้ เหมือนมีอะไรมาจุกที่คอหอย ขอบตาเขาร้อนผ่าวอีกครั้ง สงสารทิวจับจิตจับใจ นี่เขาทิ้งเพื่อนไปแล้วก็ปล่อยให้เพื่อนที่เขารักต้องเผชิญชะตากรรมต่างๆ มากมายเพียงคนเดียวตลอดมาเลยหรือ ทิวเคยรักเคยดีกับเขามากขนาดไหน ทำไมเขาจึงทิ้งเพื่อนไปได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิด เขาคงให้อภัยตัวเองไม่ได้อีกแล้ว

"ทิว...เราจะไม่ว่าอะไรนายเลยสักคำถ้านายจะโกรธหรือเกลียดเรา นายจะเกลียดเราก็ได้ มันคงทำให้เรารู้สึกดีกว่านี้ ดีกว่าที่เราจะต้องมารับรู้ว่า... เราคือคนที่ทิ้งนายไปแล้วปล่อยให้นายลำบากอยู่คนเดียว ชาตินี้เราคงให้อภัยตัวเองไม่ได้เลยทิว" บูมค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นราวกับคนไม่มีเรี่ยวแรง เขารู้สึกเจ็บปวดเหลือเกินที่ได้รู้ว่าเขาทำไม่ดีกับทิวมากแค่ไหน

ทิวรีบเข้ามาหาเพื่อนแล้วนั่งลงข้างๆ "อย่าคิดอย่างนั้นสิบูม เราไม่เคยโกรธนายเลย การที่นายกลับมา มันก็เป็นของขวัญที่มีค่ามากที่สุดสำหรับเราแล้ว เรามีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อรอนายนะบูม" แล้วทิวก็ตัดสินใจบอกสิ่งที่เขาเก็บไว้ในใจมาตลอด "เราเกลียดคนที่เรารักไม่ได้หรอก ไม่ว่าจะยังไงเราก็ทำไม่ได้ เรารักนายนะบูม นี่คือสิ่งที่เราอยากจะบอกก่อนที่เราจะจากกัน" เขาจะไม่รอช้าอีกแล้วเพราะทิวไม่รู้จริงๆ ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อบูมอยู่ตรงนี้แล้วเขาก็ควรจะใช้โอกาสนี้โดยไม่ต้องรีรออะไรอีก เพราะมันอาจจะสายเกินไป เขาก็ไม่อยากจะรอนานๆ เหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว

บูมมองหน้าทิวแล้วยิ้มทั้งน้ำตา เขารู้ ถึงนายไม่ต้องบอกเราก็รู้แล้ว ทำไมเราจะไม่รู้ว่านายคิดยังไงกับเรา "ทิว... ก่อนที่เราจะจากกัน เราก็มีความรู้สึกเดียวกันเหมือนกับนาย เราพยายามที่จะบอก แต่เราก็ไม่มีโอกาส ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เราคงจะไม่รีรอที่จะบอกว่ารักนาย เรารักนายนะทิว ถึงวันนี้ก็ยังรัก"

บูมดึงเพื่อนมากอดอีกครั้ง เขาแน่ใจแล้วว่าวันเวลาและระยะทางไม่ได้ทำให้ความรู้สึกในวันนั้นเปลี่ยนไปเลย ไม่ว่าเขาจะเจอใคร มีสังคมใหม่หรือแม้กระทั่ง...มีแฟน แต่ไม่ว่าจะห่างเหินไปนานแค่ไหน พอได้กลับมาเจอทิวในวันนี้อีกครั้ง บูมก็รู้สึกว่าเขาไม่ได้รู้สึกต่างจากวันนั้นเลย ความรักในวันนั้นก็ยังอยู่เหมือนเดิม

ทิวเองก็ตกใจไม่น้อยที่รู้ว่าบูมเองก็รักเขาเหมือนกัน ความเจ็บปวดในช่วงสี่ปีกว่าที่ผ่านมาหายไปเสียสิ้นเมื่อทิวได้ยินคำนี้จากปากของบูมเอง ทิวดีใจเหลือเกินที่ได้รู้ว่าบูมก็รักเขาเหมือนกับที่เขารักบูม ช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาได้แต่คิดน้อยใจว่าบูมคงไม่ได้คิดอะไรเกินกว่าความเป็นเพื่อนกัน หรือแม้กระทั่งความเป็นเพื่อน บูมก็อาจจะไม่มีเหลือให้เขาเลย การที่บูมจากไปไม่ติดต่อมาแบบนั้น ถึงจะพยายามไม่คิดในแง่ร้ายมันก็คงอดคิดอย่างนั้นไม่ได้

"เดี๋ยวเรามานะบูม" ทิวบอกเหมือนนึกอะไรได้

บูมพยักหน้าแล้วมองตาม ทิวลุกขึ้นแล้วก็รีบเดินกึ่งวิ่งขึ้นไปบนห้องของตัวเอง ไม่นานนักทิวก็กลับลงมาด้วยเสื้อตัวหนึ่ง บูมเห็นแล้วก็ลุกขึ้นยืนและเขาก็ไม่อาจจะห้ามน้ำตาได้อีกเมื่อเห็นเสื้อที่ทิวใส่ลงมานั้นเป็นเสื้อเฟรนด์ชิพสมัยเรียนมัธยมนั่นเอง ทิวยังคงเก็บเอาไว้เพราะในบรรดาเพื่อนๆ ทั้งหมดนั้นก็เหลือบูมเพียงคนเดียวที่ยังไม่ได้เขียนให้เขาเลย

ทิวถือปากกาสำหรับเขียนมาด้วยแท่งหนึ่ง พอเดินมาถึงบูม ทิวก็ยื่นให้แล้วบอกว่า "เขียนให้เราหน่อยนะบูม เหลือนายแค่คนเดียวที่ยังไม่ได้เขียนให้เราเลย"

บูมพยักหน้าพลางรับปากกาแท่งนั้นมาแล้วก็ค่อยๆ บรรจงเขียนข้อความลงไปบนเสื้อของทิวด้วยความสะเทือนใจ เขาไม่ต้องใช้เวลาคิดนานมากนักเพราะเขารู้อยู่แล้วว่าอยากจะเขียนอะไร พอเขียนเสร็จแล้วบูมก็เอาปากกาไปวางไว้บนโต๊ะใกล้ๆ

"นายเขียนว่าอะไรบูม อ่านให้เราฟังหน่อยสิ" ทิวถามพลางก้มลงมองตรงที่บูมเขียน แต่มันก็กลับหัวและอ่านยาก แถมยังยาวอีกต่างหาก

"ได้สิ" บูมเดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วก็ก้มมองตรงบริเวณที่เขาเขียนข้อความลงไป "ฟังนะทิว" บูมสูดลมหายใจเข้าแล้วก็ร้องเพลงๆ หนึ่งขึ้นมา "ฉันดีใจที่มีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอ เธอคือกำลังใจเดียวที่มีไม่ว่านาทีไหนๆ" จริงๆ บูมเขียนไว้แค่นี้เพราะมันเขียนยาวมากกว่านี้ไม่ได้ ไม่งั้นมันจะไปทับข้อความของคนอื่นๆ แต่บูมก็ร้องต่อโดยมีเสียงทิวร้องคลอตามเบาๆ "ฉันดีใจที่มีเธอ แม้จะต้องพบอะไร ฉันก็รู้และฉันอุ่นใจ ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่ตรงนี้" จะว่าไปแล้ว การร้องเพลงร้องไห้ไปนี่มันก็ยากเอาการอยู่เหมือนกัน

แล้วทิวกับบูมก็มองหน้ากันเพื่อที่จะร้องท่อนสุดท้ายพร้อมกัน "ฉันก็รู้และฉันอุ่นใจ ว่าฉันนั้นนั้นจะมีเธออยู่...กับฉัน"

แล้วบูมก็ดึงทิวเข้าไปกอดอีกครั้งด้วยความรักสุดหัวใจ "เราขอโทษนะทิว เราขอโทษ" บูมพูดพลางใช้มือลูบไล้หลังเพื่อนเบาๆ "เราสัญญา ต่อไปนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะไม่ทิ้งนายไปไหนอีก เราจะอยู่ดูแลนายไปจนกว่า...เราจะตายจากกัน"

ทิวได้ฟังแล้วก็กอดบูมแน่น สัมผัสที่อบอุ่นนี้เท่านั้นคือสิ่งที่ทิวโหยหาตลอดมา ทิวรู้สึกดีใจและขอบคุณตัวเขาเองที่ไม่ได้รักใครในช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาเก็บใจและกายของเขาไว้เพื่อรอคอยอ้อมแขนที่แสนอบอุ่นนี้เท่านั้น และมันก็คุ้มค่ากับการรอคอยเสียจริงๆ เขานึกว่าชีวิตนี้จะไม่ได้มีวันนี้เสียแล้ว

บูมปล่อยอ้อมแขนออกจากตัวทิว ทั้งคู่มองหน้ากันเพื่อจะสำรวจหาอะไรหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของเขาทั้งสอง

เมื่อทิวได้สังเกตดีๆ ก็พบว่าบูมดูหล่อเหลามากทีเดียว มากกว่าเมื่อตอนสมัยมัธยมหลายเท่า ใบหน้าของบูมสดใสไร้ริวรอย ผิวขาวเนียนละเอียด รูปร่างกำยำสมส่วน ริมฝีปากยิ้มละไม กลิ่นกายหอมเย้ายวนใจอย่างที่บุรุษเพศพึงมี เขาดูมีเสน่ห์ดึงดูดใจอย่างที่ทิวไม่เคยเห็นมาก่อน ยิ่งอยู่ในชุดกางเกงแสล็คสีดำและเสื้อเชิ๊ตทำงานยี่ห้อหรูหราสีขาวตัวนี้ก็ยิ่งทำให้บูมดูดีและภูมิฐานมาก ทิวยิ้มอย่างพอใจที่ได้เห็นเช่นนั้น ถึงเขาจะไม่โชคดีเหมือนบูม แต่ทิวก็ดีใจที่เห็นบูมเรียนจบและมีงานการทำสมกับที่ได้ร่ำเรียนมา

บูมไม่รู้หรอกว่าทิวกำลังคิดอะไรอยู่ในขณะที่ใช้สายตาสำรวจตัวเขา แต่เขาก็บอกกับตัวเองในใจว่า ทั้งร่างกาย ชีวิตและจิตใจของเขา เขาจะอยู่เพื่อทำให้ทิวมีความสุข เพื่อจะชดเชยความผิดบาปต่างๆ ที่เขาเคยทำไว้ ไม่ว่ามันจะมีอุปสรรคมากแค่ไหนก็ตาม

"นายกินข้าวหรือยังทิว" บูมถามขึ้นทำลายความเงียบ

"ยังเลย"

"ไปหาอะไรกินข้างนอกกันไหม เราอยากจะพานายไปกินอาหารที่นายคิดว่าอร่อยและอยากกินมากที่สุด"

ทิวพยักหน้าพลางยิ้ม "ไปสิ" รอยยิ้มของทิวเริ่มกลับมาแล้ว บูมจูบที่หน้าผากเพื่อนอย่างรักใคร่เพราะรู้สึกว่ารอยยิ้มของทิวทำให้ทิวดูน่ารักทีเดียว

"อะไร" ทิวถามอย่างงงๆ

"คนรักกันเขาก็ทำแบบนี้แหละ" บูมตอบแล้วก็ขำ ทิวได้แต่ยิ้มเขินอาย

---------------------------------------------------------

แล้วบูมกับทิวก็มาอยู่ในร้านอาหารบรรยากาศดีแห่งหนึ่งแถวถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา มันเป็นร้านอาหารที่หรูพอสมควรสำหรับทิว หลายปีมานี้เขาไม่เคยได้มาในสถานที่แบบนี้เลย

"อยากกินอะไร สั่งได้เต็มที่เลยนะครับ...ที่รักของผม" บูมพูดพลางยักคิ้วให้ดูตลกๆ ในช่วงท้ายๆ

แต่ก็เล่นเอาทิวเขินไปเลย "ทำไมเรียกแบบนั้นล่ะ"

"อ้าว คนรักกันเขาก็เรียกแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ สงสัยนายจะยังไม่ชิน นายไม่เคยมีแฟนเหรอ"

คำถามท้ายสุดนั้นทำให้ทิวเงียบไปเลยจนบูมตกใจว่าเขาคงพูดอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่า

"ขอโทษ เราพูดอะไรผิดหรือเปล่า" บูมถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง แต่เมื่อนึกอะไรได้เขาก็รีบบอกอย่างเขินๆ ว่า "ลืมไป แฟนของทิว ก็นั่งอยู่ข้างหน้าทิวแล้วนี่นา"

ได้ผลเลยเพราะทิวยิ้มและหน้าแดงด้วยความเขินอายทันที

"สั่งอาหารเถอะ หิวจะแย่ละ" บูมบอกพลางหยิบเมนูมาอ่านดู

"นึกว่าจะอิ่มน้ำตากันแล้วซะอีก" ทิวแอบแซว บูมก็พลอยขำไปด้วย เขาไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้จะต้องร้องไห้มากมายขนาดนั้น

ก่อนจะเริ่มสั่งอาหาร บูมก็บอกทิวว่า "ทิว... วันนี้เรายังไม่อยากคุยเรื่องเครียดๆ นะ แต่พรุ่งนี้... ทิวช่วยเล่าให้เราฟังทั้งหมดได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตทิวบ้าง เราอยากฟัง นายจะใช้เวลาเล่าสามชั่วโมง หนึ่งวันหรือสิบวันก็ได้" แล้วบูมก็ยื่นมือมาจับมือทิวไว้พลางบีบเบาๆ "เล่าให้เราฟังนะทิว เราอยากรู้ทุกอย่าง... ทุกอย่างที่นายอยากจะเล่าให้เราฟัง"

ทิวพยักหน้ารับพลางยิ้มน้อยๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเล่าได้มากน้อยแค่ไหน แต่จะพยายามละกันนะ

พอได้อาหารมาแล้ว ทิวกับบูมก็หันมาสนใจกับการกินก่อนเพราะต่างก็หิวด้วยกันทั้งคู่ แต่ก็กินไปคุยไป บูมเล่าให้ทิวฟังเกี่ยวกับชีวิตของเขาที่อเมริกาเพราะทิวอยากรู้ เขาพยายามเล่าใหัมันฟังดูสนุกและตลกเพื่อให้ทิวขำ แต่ไม่ว่าบูมจะเล่าอะไร ทิวก็ชอบฟังทั้งนั้นแหละ สิ่งที่บูมเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดก็คือบูมกลายเป็นคนที่คุยสนุกและมีเสน่ห์ บูมดูไม่เครียดเหมือนเมื่อก่อน แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะสลับกัน เพราะชีวิตของทิวในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมานั้นก็มีเรื่องให้เครียดหลายอย่างทีเดียว แต่บูมก็กำลังจะทำให้รอยยิ้มของทิวกลับคืนมา และเขาก็สามารถทำมันได้อย่างง่ายดาย นี่ล่ะนะคืออานุภาพของความรัก กับคนที่ไม่รัก ให้กำลังใจกันแค่ไหนก็แทบจะไม่มีอะไรกระเตื้อง แต่คนที่รักกัน ยังไม่ทันได้พูดอะไรด้วยซ้ำ เห็นแค่รอยยิ้มอย่างเดียวก็มีพลังใจขึ้นมาอย่างมากแล้ว

ใครจะว่าทิวบ้าหรือโง่ที่ยังคงจริงจังกับความรักสมัยมัธยมมาจนถึงวันนี้ ทิวก็คงจะไม่โต้ตอบใดๆ ก็คนมันรักไปแล้ว มันเปลี่ยนไม่ได้ง่ายๆ ก็คงต้องยอมให้ชีวิตเป็นแบบนั้น

---------------------------------------------------------------------------

กินอาหารเย็นเสร็จแล้วบูมก็ขับรถมาส่งทิวที่บ้าน หลังจากที่นั่งคิดในรถมาสักพัก บูมก็ตัดสินใจว่า "คืนนี้เรานอนเป็นเพื่อนนายดีกว่า ได้ไหม"

"นายจะนอนได้หรือเปล่าล่ะ มันแคบหน่อยนะ"

"เมื่อก่อนเราก็เคยมานอนออกบ่อย ทำไมจะนอนไม่ได้ล่ะ แคบก็ดีสิ จะได้..." บูมทำหน้าทะเล้นใส่ แล้วก็หัวเราะด้วยกัน

"เอาเหอะๆ ถ้านายไม่รังเกียจ เราก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว"

สรุปว่าบูมก็จะนอนเป็นเพื่อนทิวนั่นแหละ เขาตั้งใจมาอยู่แบบนี้อยู่แล้วนี่นา ถ้าทิวไม่ยอมให้เขานอนด้วยวันนี้บูมก็จะไม่ยอมอย่างเด็ดขาด

พออาบน้ำเสร็จแล้ว ทั้งคู่ก็อยู่ในชุดที่คล้ายๆ กันคือกางเกงขาสั้นแบบบ็อกเซอร์และเสื้อกล้ามสีขาว ล้วนแล้วแต่เป็นของทิวทั้งนั้นเพราะบูมไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย

"บูม นายรู้ตัวหรือเปล่าว่านาย... หล่อมากเลยนะ ดูภูมิฐานขึ้นเยอะเลย" ทิวบอกขณะที่เขากับบูมยืนอยู่กลางห้องด้วยกัน บูมสวมกอดเขาไว้หลวมๆ

"แล้วทิวชอบหรือเปล่าล่ะ" บูมถามด้วยน้ำเสียงแปลกๆ ที่ทิวไม่เคยได้ยินมาก่อน แววตาของบูมก็ดูแปลกๆ ไปด้วย พอบูมเขยิบเข้ามาใกล้ ทิวก็ยิ่งหวั่นไหวมากขึ้นจนใจเต้นไม่เป็นส่ำ รูปร่างที่กำยำสมส่วนราวเทพบุตร กลิ่นกายที่แสนรัญจวนใจปลุกอารมณ์ของทิวให้เตลิดไปไกลเสียแล้ว

พอเห็นทิวไม่ตอบแต่เขินอาย บูมก็ยิ่งรุกหนักขึ้น "ชอบหรือเปล่าล่ะทิว" ใบหน้าของบูมกับทิวอยู่ห่างกันนิดเดียวจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน

ทิวพยักหน้าน้อยๆ แล้วยิ้มเขิน พอเผลอปั๊บ บูมก็ดันตัวเขาลงมานั่งบนเตียง จากนั้นบูมก็ดันตัวทิวให้ค่อยๆ นอนลงบนเตียง พร้อมกับใบหน้าของเขาที่โน้มต่ำตามลงมาเรื่อยๆ

"เรารักนายนะทิว เราคิดถึงนาย เรารอคอยเสมอที่จะได้พบนายอีกครั้ง ต่อไปนี้ เราจะอยู่ดูแลนายเอง ไม่ว่าจะมีอุปสรรคมากแค่ไหนเราก็จะไม่ทิ้งนายไปไหนอีก" แม้ว่าจะพูดด้วยเสียงที่เบา แต่ทุกคำพูดของบูมก็ดูหนักแน่นจริงจัง

"เราก็รักนาย" ทิวพูดได้แค่นั้น ริมฝีปากของบูมก็ปิดปากเขาไว้ทันที บูมค่อยๆ บรรจงจุมพิตทิวอย่างรักใคร่ อ้อยอิ่งและเนิ่นนาน ทิวเสียวสะท้านจนต้องกอดเขาไว้เสียแน่น

บูมหยุดและยิ้มอย่างพอใจ จากนั้นก็เปลี่ยนจุดหมายไปที่บริเวณต้นคอและใบหู ทิวดูเหมือนจะจั๊กกะจี้ก็เลยขำออกมา บูมเห็นแล้วก็อดเอ็นดูและหมั่นเขี้ยวไปด้วยไม่ได้

"ทิวพร้อมหรือยัง" บูมถามพลางยิ้มละไม

ทิวพยักหน้าเบาๆ แม้จะหวั่นๆ บ้าง แต่เมื่อเป็นบูมแล้วทิวก็ไว้ใจทุกอย่าง ไม่ว่าบูมจะให้ทำอะไรหรือพาไปทางไหน ทิวก็พร้อมที่จะตามไปทุกที่

"ไม่กลัวใช่ไหม" น้ำเสียงนั้นแฝงความห่วงใยอยู่ในที

ทิวส่ายหน้า

บูมจึงเริ่มบทรักที่หนักหน่วงขึ้น เขาไม่เคยรู้สึกว่าจะมีบทรักครั้งไหนที่ช่างอบอุ่น หอมหวานและสมบูรณ์แบบได้เท่าครั้งนี้อีกแล้ว บูมมีความสุขอย่างไที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ทิวเองก็เหมือนกัน ไม่ว่าบทรักนั้นจะหนักหรือเบา เขาก็พร้อมที่จะไปกับบูม เพราะทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้นนั้นมาจากความรัก หาใช่ความต้องการตามธรรมชาติเพียงอย่างเดียวไม่ เมื่อมีความรักแล้วไม่ว่าจะทำอะไรก็มีความสุขทั้งนั้น บูมจึงใช้เวลาในคืนนี้ปรนเปรอความสุขให้ทิวอย่างเต็มที่ เขายินดีที่จะทำให้ทิวมีความสุขเท่าที่เขาจะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นแรงกาย ร่างกาย ความรักและชีวิตของเขา เพื่อที่จะชดเชยให้กับความเจ็บปวดทรมานที่ทิวเคยได้รับมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ค่ำคืนที่แสนยาวนานนี้คงจะเป็นค่ำคืนที่เขาทั้งสองคนจะต้องจดจำไว้ตราบนานเท่านาน

Click here to go back to the previous page Go back   Click here to see help FAQ     
Conferences Post form
Your Message
Name*:
Subject*: Upload Pics อัพโหลดรูปภาพ
Message*:
 
HTML Ok
Use [] in place of <>

HTML Reference
 
Images Ok
 
Click on a smilie to add it to your message.
 
Check if you DO NOT wish to use emotion icons in your message
RBR User*: ใส่ Username และ Pass RBR ในกรณีที่โพสแล้วติดแอดมิน
RBR Pass*: ***ผู้ที่ใช้พาส RBR ป่วนหรือโพสผิดกฎบอร์ดจะถูกยึดพาส***
 

 

Palm-Plaza.com All rights reserved.

*** ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บเพจนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และ ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง
ห้ามโพสข้อความ รูปภาพ ไฟล์ที่มีลิขสิทธิ์ ที่สร้างความเสียหายให้แก่บุคคลอื่น
ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link "แจ้งลบข้อความ" ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือแจ้งมาได้ที่ ryubedroom@yahoo.com



Copyright Palm-Plaza,Inc. All Rights Reserved.