We have no responsibility for the contents in this web community!

ถ้าเข้ามาแล้วพบว่ากระทู้ไม่เรียงตามวัน/เวลา ให้คลิ๊กตรงคำว่า Date/Time ที่อยู่ตรงแถบสีม่วงๆ นะครับ


ห้ามลงประกาศโฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ยกเว้นสปอนเซ่อร์!!!!!

*** ห้ามใช้เนื้อที่บอร์ดเพื่อแอบแฝงขายบริการทางเพศ ***


เพิ่มเพื่อน

RBR Section


Register
สมัครสมาชิก


What's RBR?
ต่ออายุสมาชิก

**** ส่วนบริการเข้าบอร์ดเฉพาะสำหรับสมาชิก RBR บอร์ด Devil และ บอร์ด Zombie ต้องการติดต่อสอบถาม ส่งเมลล์ที่ ryubedroom@yahoo.com เท่านั้น ****

กรุณาคลิ๊กที่นี่และ Bookmark ไว้ด้วยครับ

Palm-Plaza.com

Complete the form below to post a message

Original Message
"RE: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต"
Posted by sarawatta on 01-Apr-12 at 12:24 PM
ตอนที่ 24

ตั้งแต่วันนั้นก็ดูเหมือนว่าบูมจะเงียบๆ ไป ไม่โทรและไม่ได้มาหาทิวหลายวันแล้ว ทำให้ทิวอดสงสัยไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น หรือว่าบูมจะน้อยใจเขาหรือเปล่าที่เหมือนยังไม่ให้ความมั่นใจกับความเข้มแข็งของบูมอย่างเต็มที่ แต่ทิวก็ไม่ได้โทรไปหาบูมเช่นเดียวกัน ไม่ใช่เพราะโกรธหรือมีปัญหาอะไร

แต่คนที่ทิวนึกถึงอีกคนก็คือต้อง ตั้งแต่วันนั้นต้องก็ดูเงียบๆ ไปเหมือนกัน ทิวยังจำสายตาแปลกๆ ของต้องในวันนั้นได้เป็นอย่างดี ต้องคงเสียใจเหมือนกันที่เขาออกรับแทนบูม ช่วงพักเที่ยง ทิวจึงขอตัวมาโทรศัพท์หาต้องที่หลังร้านและให้เพื่อนอีกคนช่วยอยู่เฝ้าตรงเคาน์เตอร์

"มีอะไรล่ะทิว อย่าบอกนะว่าไอ้บูมมันทำให้มึงเสียใจอีกแล้ว" นั่นคือประโยคแรกที่ต้องทักเขามา

"เปล่า...ไม่ใช่เรื่องนั้น ตอนนี้ยังไม่มีอะไรให้กูเสียใจหรอก แต่กูเป็นห่วงมึง เห็นมึงเงียบๆ ไป"

"นึกว่าจะห่วงแต่ไอ้บูมเสียอีก" ต้องแค่นเสียง

"ต้อง...มึงไม่ได้โกรธกูใช่ไหม" ทิวรีบเข้าเรื่องเพราะเขามีเวลาคุยไม่มากนัก

"กูจะโกรธมึงทำไมวะ กูไม่โกรธมึงหรอก คนที่กูโกรธคือไอ้บูมต่างหากล่ะ แม่งเอ๊ย คนอะไรขี้ขลาดชิบเป๋งเลย โลเลก็ที่หนึ่ง อุตส่าห์ไปเรียนตั้งเมืองนอกเมืองนา ช่วยอะไรบ้างไหมเนี่ยนอกจากความรู้ในตำรา" สุดท้ายต้องก็อดค่อนแคะบูมอีกไม่ได้

"ต้อง...กูขอมึงเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหม อย่าว่าบูมแบบนี้อีกเลย บูมมีปัญหาแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว มึงก็รู้ว่าที่บ้านมันเป็นยังไง เราไม่อยากให้นายซ้ำเติมถากถางบูมเรื่องนี้อีก มีแต่จะทำให้บูมหมดกำลังใจและท้อถอย"

ต้องเงียบเหมือนคิดอะไรบางอย่าง "ก็กูโมโหมัน มันทำมึงเจ็บแค่ไหนล่ะทิว มึงจำไม่ได้เหรอ แถมตอนนี้มันยังเห็นแก่ตัว จะทำให้มึงเป็นมือที่สามอีก"

"ต้อง...มันผ่านไปแล้ว กูไม่อยากให้มึงเจ็บแค้นกับเรื่องในอดีต มาพูดถึงเรื่องปัจจุบันดีกว่า...จริงๆ กูคุยกับบูมแล้ว เข้าใจกันแล้วล่ะ ทั้งเรื่องที่บูมไม่เคยติดต่อกู แล้วก็เรื่องที่บูมมีคู่หมั้นแล้ว"

"แล้วไงล่ะ เข้าใจของมึงหมายความว่าไง หมายความว่ามึงจะยอมเป็นมือที่สามงั้นเหรอ มึงคิดดีแล้วเหรอทิว"

"กูไม่ได้อยากเป็นมือที่สามของใครหรอกต้อง... กูก็ต้องการความชัดเจน แต่กูก็ต้องให้โอกาสบูมในการพิสูจน์ตัวเอง กูไม่เชื่อว่าบูมเป็นคนขี้ขลาดหรอกนะต้อง บูมแค่ยังไม่มีความมั่นใจมากพอเท่านั้น อีกอย่าง บูมคงต้องคิดหนัก มีหลายคนที่ต้องเจ็บ ไม่ว่าจะเป็นคู่หมั้น พ่อกับแม่ของบูม หรือแม้กระทั่ง...ตัวกูเอง มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับบูมที่จะทำอะไรผลีผลาม"

"แล้วถ้ามันทำไม่ได้ มึงก็จะยอมเจ็บอีกงั้นเหรอทิว"

คำถามนี้ทำให้ทิวเงียบไปสักพัก "มันคงไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องหรอก กูรู้ แต่กูก็รักบูมไปแล้วนี่หว่าต้อง มึงจะให้กูทำยังไง"

"ทิว" ต้องถึงกับพูดอะไรไม่ออก เพราะความรักทำให้ทิวต้องยอมถึงขนาดนี้เลยหรือ ใช่... มันก็ไม่ต่างกันกับเขาหรอก เพราะความรัก... เขาจึงต้องยอมทนดูอยู่อย่างเงียบๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเหมือนกัน ได้แต่รอว่าเมื่อไรทิวจะเปลี่ยนใจแต่ก็ไม่เคยมีวันนั้น จนกระทั่งถึงวันนี้ต้องก็ไม่เห็นแสงแห่งความหวังใดๆ

"มึงเข้าใจใช่ไหมต้อง"

"อือ..." ต้องพูดสั้นๆ แค่นั้น

"แค่นี้ก่อนนะต้อง เดี๋ยวกูต้องไปทำงานแล้ว"

"อือ" น้ำเสียงเหมือนไม่อยากพูดอะไรอีกแล้ว

ทิววางโทรศัพท์แล้วก็เก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงก่อนที่จะรีบวิ่งมาทำงานต่อ เขาต้องลืมเรื่องอื่นๆ ในตอนนี้ไว้ก่อนเพราะงานที่เซเว่นค่อนข้างหนัก เขาต้องยืนตลอดวัน แทบนั่งไม่ได้ แถมมีเวลาพักได้นิดเดียวเพราะลูกค้าเข้ามาในร้านแทบตลอดเวลา

--------------------------------------------------------------------

พอทิวกลับมาถึงบ้านก็ต้องแปลกใจเล็กน้อยเพราะบูมมายืนรอเขาอยู่หน้าบ้านแล้ว ต่างคนต่างยิ้มให้กัน จะว่าไปแล้วทิวก็คิดถึงบูมมากไม่ใช่เล่นเลย หายไปหลายวันไม่บอกไม่กล่าวแบบนี้ชักจะงอนแล้วเหมือนกัน แต่แปลกแฮะ ทำไมบูมทำเหมือนมีระยะห่างแบบนั้น ไม่เข้ามาใกล้ ไม่เข้ามาคลอเคลียเหมือนเคย

ทิวพาบูมเข้ามานั่งในบ้านแล้วก็ไปหาน้ำมาให้ บูมหยิบเอกสารปึกหนึ่งมาด้วย พอทิวนั่งลงแล้วบูมก็เอาเอกสารออกมาจากแฟ้มเอกสารใสๆ

"ทิว...เรามีบางอย่างมาให้นายทำ ไม่รู้นายจะสนใจหรือเปล่า" ในที่สุดบูมก็พูดออกมาหลังจากที่ทำยิ้มๆ เงียบๆ มาสักพัก

"อะไร" ทิวถามอย่างอารมณ์ดี

"พอดีเรากำลังจะทำโครงการสบายวอล์กเวย์ เป็นโครงการปรับปรุงทางเท้าแถวๆ สยาม เราอยากให้กรุงเทพมีทางเท้าสวยๆ แล้วก็เดินสบายๆ เหมือนประเทศอื่นๆ ตอนนี้โครงการผ่านการอนุมัติแล้ว เรากำลังหาคนมาเป็นผู้ประสานงานโครงการ ก็เลยจะถามนายว่านายสนใจไหม เป็นโครงการปีครึ่ง เรามีเงินเดือนให้คนประสานงานด้วย เดือนละสองหมื่น"

ได้ฟังแล้วทิวก็สนใจไม่น้อย แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะทำได้หรือเปล่า "สนใจสิ แล้วต้องทำอะไรบ้าง นายเล่าให้เราฟังหน่อยสิว่าโครงการมันเป็นยังไง"

บูมยิ้มหวานแล้วก็เล่าภาพรวมของโครงการให้ฟังว่า "เราก็จะสร้างต้นแบบทางเท้าที่น่าเดิน เดินสบาย ทุกคนใช้ร่วมกันได้ นายเคยเห็นไหมทางเท้าแบบนี้" บูมพูดแล้วก็เปิดภาพทางเท้าในเมืองที่เจริญแล้วของโลกให้ทิวดูในไอแพดของเขา "นายเห็นไหมว่ามันสะอาด น่าเดิน คนที่เมืองนอกนะ ถ้าไม่ไกลมาก 1-2 กิโลเขาก็จะเดินกัน แต่บ้านเราเดินไม่ได้เพราะทางเท้าไม่ดี ไม่น่าเดิน แถมร้อนด้วย เราก็เลยคิดว่าถ้าเรามีทางเท้าตัวอย่างแบบนี้ในกรุงเทพบ้างก็น่าจะดี พอทำเสร็จแล้วก็อาจจะขยายไปทำพื้นที่อื่นๆ ต่อไป อันนี้เป็นแผนการทำงาน" บูมบอกแล้วก็หยิบเอกสารที่เป็นแกนท์ชาร์ทมาให้ทิวดู "สามเดือนแรกเราจะหาเครือข่ายก่อน ก็คงจะเป็น กทม. ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ทั้งหลายที่ชอบเอาของมาวางเกะกะบนทางเท้า ชุมชนที่อยู่แถวๆ นั้นแล้วก็หน่วยงานอื่นๆ ที่อยากสนับสนุน จากนั้นเราก็จะประกวดแบบทางเท้า ให้คนส่งประกวดแบบทางเท้าตามโจทย์ที่เราให้ไป ก็น่าจะใช้เวลาสักหกเดือน แต่ว่าในช่วงระหว่างนี้เราว่าจะจัดงาน auction อ๋อ...งานประมูลด้วย เราว่าจะไปขอข้าวของเครื่องใช้ของดาราหรือคนดังๆ แล้วก็เอามาประมูล หาเงินมาสมทบการปรับปรุงทางเท้า ตอนนี้เงินที่เราได้รับสนับสนุนมายังไม่พอ ทีนี้เราก็จะประกาศผลแบบทางเท้าที่ได้รับรางวัล ก็มีเงินรางวัลให้ด้วย ที่หนึ่งได้ 1 แสนบาท ที่สองได้ 5 หมื่นบาท ที่สามได้ 2 หมื่นบาท แล้วก็รางวัลชมเชย 2 รางวัลๆ ละ 1 หมื่นบาท พอเสร็จแล้วก็จะเอาแบบที่ได้ที่หนึ่งมาสร้างจริง ใช้เวลาประมาณ 6 เดือน ก็ใช้เงินหลายล้านอยู่ จริงๆ นอกจาก auction ก็จะมีวิธีการระดมทุนอื่นๆ ด้วย แต่อันนี้เรามีเพื่อนๆ มาช่วยทำ พอทางเท้าเสร็จแล้วเราก็จะทำพิธีเปิดแล้วก็ส่งมอบให้ กทม. เอาไปดูแลต่อไป"

"โห...น่าสนใจนะ ทางเท้าบ้านเรามันก็แย่จริงๆ แหละ ถ้ามีทางเท้าแบบในรูปที่นายให้ดูเมื่อกี้คงจะดีมากๆ เลย กว้างน่าเดินดี อืม...แล้วเราต้องทำอะไรบ้างล่ะ" ทิวถามอีกครั้ง

"ก็...นายก็จะต้องช่วยเราประสานงานกับหน่วยงานที่เราว่ามาเมื่อกี้นี้นี่แหละ แล้วก็คนที่ส่งแบบมาประกวด คนที่จะมางาน auction บริษัทรับเหมาที่จะมาปรับปรุงทางเท้า คนที่จะมาเป็นออร์กาไนเซอร์ช่วยจัดงานเปิดตัวทางเท้า อะไรทำนองนี้ แล้วเวลามีประชุม นายก็จะต้องไปประชุมกับเรา แต่เรามีเลขาฯ ที่จะมาช่วยจดบันทึกการประชุมแล้วล่ะ นายไม่ต้องทำอันนี้ก็ได้ ยกเว้นว่าเลขาฯ ไม่ว่างเราก็อาจจะขอให้นายช่วยทำให้เราหน่อย แบบนี้พอไหวไหม"

"อืม...ก็ท้าทายดีนะ น่าสนุกดี แล้ว...งานเริ่มเมื่อไรล่ะ"

"เดือนหน้านี้ ถ้านายสนใจ เราจะพาไปรู้จักกลุ่มเพื่อนๆ ของเราที่สมาคมนักเรียนนอกที่มาช่วยเราทำโครงการก่อน ส่วนมากก็วัยเดียวกับพวกเรานี่แหละ มีฝรั่งมาช่วยด้วย ก็เพื่อนๆ ที่รู้จักกัน เดี๋ยวเราดูก่อนนะว่าจะประชุมวันไหนดี อาจจะก่อนเริ่มงาน เดี๋ยวเราจะโทรมาบอกถ้าได้วันแล้ว"

"ได้ๆ เราอยากทำ ขอบใจนะบูมที่นายให้โอกาสเราได้ทำงานแบบนี้" ทิวบอกพลางยิ้ม แต่ทำไมบูมดูห่างเหินจังเลย

"ไม่เป็นไร..." เหมือนบูมมีอะไรบางอย่างที่อยากจะพูด แต่แล้วก็พูดเสจากสิ่งที่คิดในใจ "นายมีคำถามอะไรเกี่ยวกับโครงการนี้อีกไหม แต่ว่ายังไงเราก็จะทิ้งเอกสารให้นายไว้อ่านนะ ถ้าเกิดตอนนี้นายยังนึกคำถามไม่ออกก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าอ่านรายละเอียดแล้วมีคำถามก็โทรไปหาเราได้"

"เดี๋ยวเราขออ่านก่อนละกันนะ ถ้าจะให้ถามตอนนี้ก็คงมีคำถามเยอะเลยล่ะ แต่ถ้าอ่านแล้วอาจจะช่วยให้เข้าใจมากขึ้น จะได้ไม่ต้องถามนายเยอะเกินไป" ทิวบอกพลางขำ

"อืม... ถ้าไม่มีอะไรแล้วเราขอตัวกลับ...ละกันนะ" บูมพูดด้วยท่าทางประหม่าพอสังเกตเห็นได้

ทิวอึ้งไปพอสมควรที่บูมมาหาเขาเพื่อคุยเรื่องงานแล้วก็จะกลับ หมายความว่าไง เกิดอะไรขึ้น บูมไม่รู้หรือไงว่าทิวคิดถึงเขามากแค่ไหนที่ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน

"เหรอ..."

บูมเห็นสีหน้าอึ้งๆ และสายตาละห้อยของทิวแล้วก็แทบจะอดใจไม่อยู่ แต่ช่วงนี้เขาต้องหักห้ามใจตัวเองบ้าง ในเมื่อเขายังทำให้มันเกิดความชัดเจนไม่ได้ก็ไม่ควรเอาเปรียบทิวเหมือนที่ผ่านมา

ทิวเริ่มหน้าม่อย เขาเดินออกมาส่งบูมอย่างเซ็งๆ ก่อนจะเปิดประตูบ้านออกไปทิวก็หันกลับมามองบูมที่เดินตามมาข้างหลัง แล้วก็ถามว่า "นายจะกลับแล้วจริงๆ เหรอ มาแป๊บเดียวเอง"

บูมพยักหน้า "อืม"

ยิ่งได้ฟังก็ยิ่งเศร้า บูมเป็นไปอะไรไปทำไมไม่อยากอยู่คุยกับเขาอีกสักหน่อย แต่ทิวก็ตัดใจ เปิดประตูแล้วก็เดินนำบูมออกมา

"ไปก่อนนะ เดี๋ยวเจอกัน" บูมบอกเสร็จแล้วก็เดินไปเปิดประตูรถที่จอดไว้หน้าบ้านทิว พอเข้าไปนั่งแล้วก็เริ่มสตาร์ทรถ ทิวก็ได้แต่ยืนมองตาละห้อยอยู่อย่างนั้น

ติดเครื่องแล้วบูมก็ยังไม่ขับออกไปทันที เหมือนเขากำลังคิดอะไรอยู่ สุดท้ายก็ดับเครื่องแล้วลงมาจากรถ บูมเดินมาจูงมือทิวแล้วก็พาเข้ามาในบริเวณบ้าน พอลับตาคนแล้วก็ดึงทิวเข้ามากอด ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวจริงๆ ด้วย

"คิดถึงทิว ไม่ได้เจอตั้งหลายวัน" เสียงบูมที่พูดพร้อมกับเสียงลมหายใจบอกว่าเขาคิดถึงทิวมากจริงๆ

"เราก็คิดถึงบูม เราอยู่เหงาๆ คนเดียวมาหลายวันแล้วเหมือนกัน" อ้อมกอดของบูมก็ยังคงอบอุ่นสำหรับทิวเสมอ เมื่ออยู่ในอ้อมกอดนี้แล้วทิวรู้สึกปลอดภัย ทำให้ชีวิตที่อ้างว้างเดียวดายแห้งแล้งของเขาชุ่มชื้นขึ้นมาอีกครั้ง แม้จะรู้ว่าอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นนี้จะต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่อาจห้ามใจที่จะเรียกร้องหาสิ่งนี้

สองหนุ่มสบตากันแล้วยิ้มอย่างมีความสุข ชีวิตไม่ได้ยืนยาวนัก ความทุกข์ของชีวิตก็มีอยู่ แต่ลืมๆ มันไปบ้างก็ดี หาความสุขให้กับชีวิตบ้าง

"เดี๋ยวคืนนี้เราอยู่เป็นเพื่อนนายละกันนะ นายจะได้ไม่เหงา"

ทิวพยักหน้า ถ้าบูมไม่กลับมา ถ้าชีวิตนี้เขาไม่ได้มีผู้ชายคนนี้อยู่เคียงข้าง ชีวิตของทิวก็คงแห้งแล้งเหี่ยวเฉาและตายไปในที่สุด เหมือนกับที่เขาเคยเกือบตายมาแล้ว ผู้ชายคนนี้ไม่เหมือนผู้ชายคนอื่นๆ ในโลกที่ทิวรู้จัก ผู้ชายคนนี้ไม่ได้เป็นแค่คนรู้จักกันธรรมดาหรือเป็นแค่เพื่อน แต่เป็นผู้ชายที่นำความรักและความอบอุ่นมาให้เขา ที่สำคัญ เขาก็รักผู้ชายคนนี้มากเสียด้วยสิ แม้ว่าบูมอาจจะยังไม่เข้มแข็งมากนัก แต่เขาก็จะให้กำลังใจบูมและเอาใจช่วยบูมต่อไป เขากับบูมก็ไม่ได้ต่างกัน ต่างคนต่างก็ต้องการความรักและกำลังใจจากกันและกัน ไม่อย่างนั้นชีวิตมันก็คงอยู่ลำบาก รักแล้วก็คงต้องยอมแลกกับความเจ็บปวดล่ะนะทิว

--------------------------------------------------------------------------

เย็นวันหนึ่งใกล้ๆ สิ้นเดือน บูมก็จัดประชุมคณะทำงานโครงการที่ที่ทำการของสมาคม คนที่มาประชุมก็อย่างที่บูมบอก แต่ละคนก็วัยไล่เลี่ยกับทิวทั้งนั้นเลย ไม่น่าเชื่อว่าบ้านเรายังมีเยาวชนที่ยังคิดดีและอยากทำดีเพื่อสังคมแบบนี้อยู่ ทิวรู้สึกประทับใจที่ได้เห็นแบบนี้ แถมแต่ละคนยังดูเป็นกันเองมาก ทิวนึกว่านักเรียนนอกพวกนี้จะหยิ่งเสียอีก

สิ่งหนึ่งที่ทิวได้เห็นแล้วก็รู้สึกประทับใจมากก็คือ บูมดูเปลี่ยนไปมากทีเดียวในเรื่องทักษะทางสังคม บูมยิ้มแย้มแจ่มใสและคุยได้กับทุกคน ดูเหมือนเขาก็จะได้รับการยอมรับจากเพื่อนๆ ในกลุ่มนั้นในฐานะที่เป็นหัวเรือใหญ่ของโครงการนี้เป็นอย่างดี เวลาที่คุยกันก็มีทั้งคุยภาษาไทยและภาษาอังกฤษเพราะมีเพื่อนชาวต่างชาติมาร่วมประชุมด้วยหลายคน แต่ก็มีสิ่งที่ทำให้ทิวหนักใจอยู่บ้างก็คือ... คู่หมั้นของบูมที่นั่งประกบบูมอยู่ไม่ห่าง แต่ดูเหมือนแพรวจะจำไม่ได้ว่าเคยเจอทิวมาก่อน

"เริ่มประชุมกันเลยดีกว่านะครับ Shall we start the meeting now?" เมื่อเห็นเพื่อนๆ คุยกันออกรสออกชาติอยู่ระยะหนึ่ง บูมจึงขอเริ่มประชุม เสียงคุยกันค่อยๆ เงียบลง

"เดี๋ยวเราจะเริ่มด้วยการแนะนำตัวกันก่อนดีไหมครับ เริ่มจากผมเลยละกัน ผมชื่อบูมนะครับ เป็นผู้จัดการโครงการสบายวอล์กเวย์ครับ Starting from myself, I'm Boom, Sabai Walkway project manager" พอบูมแนะนำตัวเสร็จแล้ว คนต่อไปก็เป็นแพรว

"แพรวนะคะ มาช่วยเป็นเป็นเลขาฯ ให้กับบูมค่ะ I'm Praew, secretary to Boom, our project manager ka"

พอแพรวพูดจบเพื่อนๆ ก็แซวกันเพราะรู้ว่าแพรวเป็นอะไรกับบูมมากกว่านั้น จากนั้นคนต่อไปก็แนะนำตัว

"ผมเอิร์ธนะครับ มาช่วยทำเว็บไซต์แล้วก็ออกแบบกราฟฟิคแล้วก็สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ I'm Earth. I'll be in charge of the website, graphic design and publication" และนี่ก็คือเอิร์ธ หนุ่มน้อยมาดเซอร์ตามสไตล์นักออกแบบ

"I'm Leena, helping with the fundraising" และนี่ก็คือลีน่า สาวต่างชาติที่จะมาช่วยเรื่องการระดมทุน

"I'm Anderson, photographer" ส่วนนี่ก็คือแอนเดอร์สันที่จะมาช่วยถ่ายภาพ

"สรวิชญ์ครับ หรือว่าวิท จะมาช่วยคุณลีน่าระดมทุนแล้วก็ช่วยเรื่องประชาสัมพันธ์ของโครงการด้วยครับ I'm Wit, working closely with Khun Leena on the fundraising and I will also help with the public relation of the project" นี่ก็คือวิท หนุ่มหน้าตี๋อีกคนที่หน้าตาดีทีเดียว เขาใส่แว่นสายตาสั้นด้วย แต่งตัวดูดีตามสไตล์หนุ่มออฟฟิศ

พอจะถึงคิวที่ทิวแนะนำตัว บูมก็ลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ เพื่อให้กำลังใจ จริงๆ ทิวก็พูดภาษาอังกฤษพอได้ ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยสองปีกว่าๆ นั้นเขาก็เรียนภาษาอังกฤษกับอาจารย์ต่างชาติ

"ชื่อทิวนะครับ พอดีเป็นเพื่อนกับบูม บูมก็เลยชวนมาให้ช่วยเป็นผู้ประสานงานโครงการครับ I'm Tiew and I'm a friend of Khun Boom. We've known each other for a long time. I'll be the project coordinator. Pleased to meet you all."

ดูเหมือนบูมจะนั่งลุ้นมากทีเดียวตอนที่ทิวแนะนำตัว เขาแอบดึงมือทิวข้างหนึ่งมาจับไว้เพื่อให้กำลังใจตลอด ดูเหมือน Anderson จะสังเกตเห็น แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก

"เก่งมากทิว Brilliant" บูมชมเบาๆ แล้วก็หันไปบอกเพื่อนๆ คนอื่นๆ ว่า "ผมรู้จักกับบูมมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้วครับ เมื่อก่อนทิวเขาสอนผมร้องเพลง ผมก็เลยได้เป็นนักร้องนำวง Zenith ที่เป็นวงประจำของโรงเรียนกับทิวด้วย พอดีเห็นทิวอยู่ว่างๆ ก็เลยชวนมาทำโครงการนี้ด้วยกัน Tiew is my really really close friend. I've known him since we were in high school. He taught me to sing and we then became the singers of the school's band called 'Zenith'."

พอบูมพูดถึงตรงนี้เพื่อนๆ ก็ฮือฮากันใหญ่แล้วขอให้เขากับทิวร้องเพลงให้เพื่อนๆ ฟัง ไม่มีใครรู้มาก่อนเลยว่าบูมเคยเป็นนักร้องของวงด้วย

"Not now, later. I'll sing with Tiew on the opening day of the project" บูมรีบปฏิเสธ แล้วก็เลยบอกไปว่าจะขอร้องเพลงกับทิวในวันเปิดตัวโครงการแทน

บูมหันมายิ้มกับทิว เห็นทิวเข้ากับเพื่อนๆ ได้เป็นอย่างดีแล้วก็โล่งใจ ตลอดการประชุม บูมก็มานั่งอยู่ข้างๆ ทิวตลอด ทำให้เพื่อนๆ ได้เห็นถึงความสนิทสนมกันระหว่างเขากับทิวที่ดูไม่ธรรมดาเลย

"พักกินข้าวกันก่อนไหมครับ อาหารมาแล้ว You guys, shall we break for the dinner? 30-minute intermission" บูมพูดติดตลกในช่วงท้าย เพื่อนๆ ก็หัวเราะชอบใจกันใหญ่ แล้วแต่ละคนก็ลุกเดินไปตักอาหารซึ่งสั่งมาจากข้างนอก มีอาหารอยู่สองสามอย่างทั้งไทยและอาหารตะวันตก

บูมไปดูแลแพรวเลือกอาหารอยู่พักหนึ่งก็กลับมาหาทิว เขาพาทิวไปเลือกอาหารและคอยแนะนำว่าอันไหนอร่อย

"ทิวกับบูมนี่ดูสนิทกันจังเลยนะครับ" วิทซึ่งเลือกอาหารอยู่ใกล้ๆ หันมาคุยด้วย

"ครับ ก็ตอนเรียนมัธยม ทิวเขาช่วยผมหลายอย่างเลย มาสอนร้องเพลงให้ทุกวัน จากที่ผมร้องเพลงไม่เป็นเลยก็สามารถร้องได้จนได้เป็นนักร้องนำของวง" บูมอวดอย่างภาคภูมิใจ

"ไม่น่าเชื่อเลยว่าบูมจะเคยเป็นนักร้องนำด้วย" เอิร์ธหันมาคุยด้วยอีกคน

"เดี๋ยวเล่าให้ฟัง นึกทีไรก็ขำตัวเองทุกที ใช่ไหมทิว" บูมถามพลางหันมายิ้มด้วย ดูวันนี้เขาจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ

"บูมเขาเก่งครับ หัวไว สอนไม่นานก็ร้องได้แล้วครับ ใครอยากฟังบอกผมได้นะครับ มีคลิปเก็บไว้อยู่" ทิวถือโอกาสแกล้งเสียเลย

"เฮ้ย จะดีเหรอ อายเขา" บูมรีบร้องท้วง

แต่ดูท่าจะห้ามยากเสียแล้ว เพื่อนๆ ของบูมสนใจอยากดูกันมาก เรียกร้องทิวให้เปิดคลิปให้ดูกันใหญ่ ตอนมานั่งกินข้าวทิวก็เลยทนเสียงเรียกร้องไม่ไหว เขาเปิดคลิปวันที่เขาพาบูมไปทดลองร้องเพลงกับวงวันแรกมาให้เพื่อนๆ ของบูมดู ช่วงบูมร้องเพลงทุกคนเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจแต่ก็มีฮือฮาเป็นระยะๆ บูมหลบไปนั่งกินข้าวอีกที่หนึ่งแล้วหันมายิ้มเขินเป็นระยะ โดยเฉพาะเวลาที่เพื่อนๆ ทำเสียงฮือฮา บูมจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้เป็นอย่างดีเพราะมันทำให้เขารู้ว่าทิวรักเขามากแค่ไหน และเขาก็รักทิวมากเช่นกัน

"โห...ทิวเก่งมาก สอนบูมร้องเพลงได้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย วันหลังสอนแพรวมั่งดิ" แพรวพูดขึ้นหลังจากที่ดูคลิปไปได้ระยะหนึ่ง ทิวได้แต่ยิ้มๆ

"ก็ให้บูมสอนสิแพรว เห็นไหมบูมร้องเพลงเก่งจะตาย" เอิร์ธบอก

"จริงด้วย" แล้วแพรวก็หันไปยิ้มกับบูม

---------------------------------------------------------------------

ประชุมเสร็จแล้วบูมให้ทิวติดรถไปกับเขาด้วย เขาไปส่งแพรวที่บ้านก่อนแล้วค่อยไปส่งทิว แพรวกับบูมนั่งข้างหน้า ส่วนทิวก็นั่งข้างหลัง ระหว่างที่นั่งไปนั้นทิวก็มีหลายความรู้สึกเกิดขึ้น

อย่างแรก เขารู้สึกละอายใจที่แพรวเองก็คุยดีกับเขา แต่ถ้าวันหนึ่งแพรวเกิดรู้ว่าเขากับบูมมีความสัมพันธ์กันมากกว่านั้น แพรวจะรู้สึกยังไง ทำให้ทิวเริ่มเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมบูมถึงหนักใจ การที่จะทำร้ายจิตใจผู้หญิงที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่คนหนึ่งมันก็เป็นเรื่องโหดร้ายทีเดียว

อย่างที่สอง ทิวเริ่มนึกถึงอนาคตของบูม ถ้าบูมเลือกเขา ที่ยืนในสังคมของบูมคงจะน้อยลง พ่อแม่ก็รับไม่ได้ งานของบูมจะเป็นยังไง บูมอาจจะหมดอนาคตเพราะความรัก ทิวไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเลย บางทีก็อาจจะต้องเลือกระหว่างความรักกับความจริงของชีวิต ดูแพรวกับบูมก็เหมาะสมกันดี ถ้าได้แต่งงานกัน พ่อแม่ของทั้งคู่คงชื่นใจ อนาคตของบูมก็คงจะสดใสมากกว่าที่จะอยู่กับคนที่เป็นเกย์อย่างเขา คนที่สังคมยังคงรังเกียจอยู่

อย่างที่สาม ทิวรู้สึกว่าบูมทำตัวแปลกๆ ในห้องประชุมบูมมาอยู่กับเขาตลอด แทบจะไม่อยู่กับแพรวเลย อยู่เฉพาะช่วงแรกๆ เท่านั้น บูมกำลังทำอะไรอยู่ หรือว่าคนแรกที่จะต้องเจ็บจากความรักครั้งนี้ก็คือแพรว ทิวรู้สึกไม่สบายใจเสียเองถ้าหากสิ่งนี้จะเกิดขึ้นจริงๆ แพรวไม่ผิดอะไรเลยนี่นา แต่มันเป็นความผิดของใครกัน เขาผิดหรือเปล่าที่รักบูม บูมผิดไหมที่รักเขา แล้วบูมผิดไหมที่ถูกจับคู่กับแพรวและรู้สึกผูกพันกัน แล้วแพรวผิดไหมที่รักบูมจริงๆ ความรักครั้งนี้ซับซ้อนจนเกินกว่าที่จะหาทางออกได้ง่ายๆ เสียแล้ว

Click here to go back to the previous page Go back   Click here to see help FAQ     
Conferences Post form
Your Message
Name*:
Subject*: Upload Pics อัพโหลดรูปภาพ
Message*:
 
HTML Ok
Use [] in place of <>

HTML Reference
 
Images Ok
 
Click on a smilie to add it to your message.
 
Check if you DO NOT wish to use emotion icons in your message
RBR User*: ใส่ Username และ Pass RBR ในกรณีที่โพสแล้วติดแอดมิน
RBR Pass*: ***ผู้ที่ใช้พาส RBR ป่วนหรือโพสผิดกฎบอร์ดจะถูกยึดพาส***
 

 

Palm-Plaza.com All rights reserved.

*** ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บเพจนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และ ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง
ห้ามโพสข้อความ รูปภาพ ไฟล์ที่มีลิขสิทธิ์ ที่สร้างความเสียหายให้แก่บุคคลอื่น
ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link "แจ้งลบข้อความ" ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือแจ้งมาได้ที่ ryubedroom@yahoo.com



Copyright Palm-Plaza,Inc. All Rights Reserved.