ผมเก็บข้าวของโดยที่ไม่ได้ถามเหตุผลของซันแม้แต่คำเดียว หลังจากซันนำข้าวของของตัวเองออกไปไว้ท่ีรถ ผมก็เดินไปเอาของขวัญออกจากห้องน้ำ แล้วก็รวบรวมกับของ ๆ ผม จนมันกลายเป็นเพียงสัมภาระของผมเท่านั้น ยอมรับเลยนะครับว่าตอนนั้น หลากหลายอารมณ์เข้ามาในใจ ตอนแรกที่ได้ยิน คืออึ้ง น้ำตามันเอ่อ แขนไม่มีแรง ขาสั่น แต่ต้องควบคุมตัวเอง โกรธก็โกรธ เสียใจก็เสียใจ สงสารก็สงสาร ทุกอย่างมันปนกันไปหมด จนผมไม่รู้ว่าความรู้สึกไหนแน่ที่ชัดเจนในตอนนั้น ผมเอาของไปไว้หลังรถ ทำทุกอย่างเหมือนเรากำลังจะกลับด้วยความปลื้มปิติ ผมขึ้นรถในขณะที่ซันสตาร์ทรถรออยู่แล้ว
ต้า....คือ ซันยังไม่ทันได้เอ่ยดี
ผมยกมือขึ้นเหมือนห้าม ซันไม่ต้องบอกอะไร ผมเข้าใจดี กลับกันเถอะนะ ผมยิ้ม (แต่ในใจร้องให้)
ซันจึงเคลื่อนมือไปที่พวงมาลัยแล้วออกรถ ขับไปได้สักพัก บรรยากาศภายในรถมันเงียบมากครับ เพราะมีเพียงเราสองคนในสถานที่แคบ ๆ แบบนี้ แต่เรากลับไม่ได้พูดคุยอะไรกัน รู้ไหมครับว่ามันอึดอัดมากขนาดไหน ผมเองก็ไม่รู้จะทำไง ผมคิดว่าซันเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน ไม่นานนัก ซันก็เลยเปิดเพลง เหงา นี่แหละเหงา นี่คือความจริงที่ได้เจอออ ผมก็รู้สึกว่า อะไรวะ จะอะไรนักหนา ผมก็ฟังไปเรื่อย ๆ ผ่านไปหลาย ๆ เพลง โดยที่เราไม่ได้พูดอะไรเหมือนเดิม จนเจอเพลง จากคนอื่นคนไกล แต่ฉันไม่อาจมีใจให้เธอ เป็นแค่คนอื่นคนไกลของเธอ แค่ผ่านมาเจอ จากนี้เธอควรกลับไป บอกจริง ๆ ว่าฉันไม่อยากทำตัวไม่ดี และฉันไม่อยากเป็นคนไม่ดี ทุกอย่างลวงตา อย่าคิดไปเกินกว่านี้ อย่าทำอีกเลยยย โอ้ย เจอเพลงนี้เข้าไป ผมน้ำตาไหลไปตั้งแต่ครึ่งเพลงละ ผมแน่นหน้าอกมาก จนผมต้องบอกซันว่า
ซัน ปิดเพลงได้ไหม พอดีปวดหัวนิดหน่อย
อ่อ ได้ซิ ซันเอื้อมมือปิด
ผมหันหน้ามาอีกทาง น้ำตาก็ยังคงไหล (เมื่อไหร่น้ำตามันจะหมดไปซะทีนะ)
สักพักหลังจากปิดเพลง ซันก็พูดว่า
ต้า ผมขอโทษนะ ผมทำให้ต้าร้องให้อีกแล้ว
อะไร ซัน ไม่เกี่ยวกับซันเลย ผมยังคงปากแข็ง แค่ซันพามา ผมก็มีความสุขมากแล้วนะ
ต้า เลิกทำเป็นไม่รู้สึกอะไรซะทีได้ไหม ผมแคร์ความรู้สึกต้านะ
อืม ผมถึงต้องขอบคุณไง เพราะรู้ว่าซันแคร์ผม ผมหันมายิ้ม ทั้ง ๆ ที่ตาบวม ๆ
ผมเองก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ ผมวางแผนมานานมากนะ กว่าจะลงตัวเป็นวันนี้
เอาเถอะ ซัน เอาเป็นว่าอะไร ๆ ที่เกิดขึ้นผมน่ะ ประทับใจมาก และอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นที่ส่งผลต่อความรู้สึกของเรา ซันไม่ได้ตั้งใจ ซันอย่าคิดมากเลยนะ
ผมแค่อยากอธิบาย ซันบอก
ไม่จำเป็นหรอกซัน หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก จนถึงที่ห้องซันไม่ต้องลงรถหรอกนะ ผมเดินไปหยิบเอง ผมลงจากรถแล้วไปหยิบของทั้งหมดหลังรถ ผมท้ิงของขวัญไว้หลังรถ ซันก็คงได้รับมันเวลาซันเปิดเอาของ แล้วผมก็โบกมือลา
ผมกลับขึ้นมาที่ห้อง ด้วยความรุ้สึกเบา ๆ ไม่ใช่ว่ามีความสุขจนตัวเบานะ แต่เป็นอารมณ์แบบ ไม่เหลืออะไรแล้ว ประมาณนั้นมากกว่า
หลังจากผ่านสุดสัปดาห์แสนเศร้าสำหรับผม หลังจากผมกลับมาก็ไม่ได้้ร้องให้อีก เพียงแต่นิยมที่จะอยู่ห้องเงียบ ๆ โดยไม่สนใจอะไรรอบตัว มีแค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นเพื่อนคลายหิว ให้ผ่านพ้นไปวัน ๆ ผมไปมหาวิทยาลัย แต่ก็ไม่ได้ยุ่งกะใครมากมาย ถึงแม้ไอ้นุจะมาวนเวียนให้เห็นเป็นระยะ แต่ผมก็ไม่มีอารมณ์ที่จะคุยกะใครทั้งสิ้น ธรรมดาก็เรียนไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว ยิ่งมีเรื่องผ่านเข้ามาแบบนี้อีก ก็ยิ่งเรียนไม่รู้เรื่องเข้าไปใหญ่ หลังจากเสร็จสิ้นวันเรียนแต่ละวัน ก็นั่งรถเมล์กลับ ชีวิตเป็นอยู่อย่างนี้ หลายครั้งที่ผมได้มีโอกาสเข้าวัด ผมเคยอธิษฐานในใจว่า ผมทำกรรมอะไรนักหนากันนะ ทำไมผมถึงต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ชีวิตไม่มีอะไรดีเลยจริง ๆ
สองอาทิตย์แล้วที่ซันไม่ได้ติดต่อกับผม หลายครั้งผมแทบจะอดใจไม่ไหวคิดจะโทรไป แต่ผมกลัวว่าในขณะนั้น ซันกำลังอยู่กับพี่เซนต์ ผมอาจสร้างปัญหาให้กับซันก็ได้ แล้ววันนั้น เป็นวันที่ผมไม่สามารถลืมได้ มันก็มาถึง ผมอยู่ที่มหาวิทยาลัย โทรศัพท์ผมสั่น เพราะผมไม่ได้เปิดเสียง จึงรับสาย
ฮัลโหล?
ต้าเหรอ พี่เซนต์นะ พอจะว่างคุยไหม
มีเรื่องอะไรหรือเปล่าพี่ ผมเรียนอยู่
ต้าคงไม่ได้ตั้งใจเรียนจริง ๆ หรอกนะ จริงมะ
พี่ต้องการอะไร
เอางี้ เราไปหาอะไรกินดีไหม พี่เลี้ยงเอง มาเจอพี่ที่ห้าง.....ละกัน ไม่ไกลจากต้าเท่าไหร่หรอก
ไม่ดีกว่าครับ ขอบคุณ
ไม่กล้าเหรอ หรือว่าแอบทำอะไรผิดไว้
ผมเดือดทันที ผมทำอะไรผิด ทำไมผมจะต้องไม่กล้าเจอด้วย
งั้นเจอกันตอน หกโมงเย็นนะ แค่นี้นะ
ผมยังไม่ทันได้ตอบเลย พลางคิดในใจ พี่เซนต์มันต้องการอะไร เจอมันแต่ล่ะทีไม่ใช่เรื่องดี
หลังจากผมเลิกเรียน ผมคิดอยู่ว่าจะไปตามนัดดีไหม แต่ก็ตัดสินใจไปครับ ผมไปถึงแล้วยังไม่ถึงเวลานัดเลย ก็เลยไปเดินเล่นก่อน จนใกล้ ๆ หกโมงแล้ว พี่เซนต์ก็โทรมา
มาถึงรึยัง พี่มาถึงแล้ว ไปเจอกันที่.... นะ
ผมยังไม่ทันตอบพี่เซนต์ก็วางไปอีกแล้ว ผมก็เลยเดินไปรอที่หน้าร้านที่นัดกัน ผมก็มองหารอบ ๆ เพราะนิสัยของผมชอบเห็นคนอื่นก่อน สักพัก สายตาผมก็กวาดไปเจอคนนึง ในเสื้อแดง เป็นเสื้อแดงที่คุ้นตามาก ตกใจมากที่สุดครับในตอนนั้น พี่เซนต์ใส่เสื้อที่ผมซื้อให้ซันนี่หว่า ผมไม่คิดว่าพี่เขาคงซื้อพอดีแน่???? พี่เซนต์เดินเข้ามาทักผม ในขณะที่ผมอึ้ง ๆ ไป ไอ้พี่คนนี้มันชอบทำร้ายใจผมจริง ๆ ผมพูดอะไรไม่ออกแม้แต่จะทัก
เป็นไรไป ต้า ดูตกใจนะที่เจอพี่
เอ่อ....ไม่ได้ตกใจอะไรซะหน่อย พี่มีอะไรก็ว่ามา
เห้ย กินข้าวกันก่อนดิวะ จะรีบร้อนอะไรไปไหน
ผมรู้สึกปวดท้อง กินอะไรไม่ค่อยลง ยิ่งผมเห็นเสื้อตัวนั้นที่พี่เซนต์มันใส่ ผมยิ่งทรมาน
เป็นอะไรปวดท้อง ก็เพราะไม่กินข้าวหรือเปล่า ไป ๆ กินข้าวกัน
ไม่ดีกว่า พี่จะมาดีกับผมทำไม เราไม่ใช่คนที่จะสนิทกันถึงขนาดกินข้าวกันไม่ใช่เหรอ ผมถามตรง ๆ
อะไรกัน ยังไงก็คนรู้จักกัน ทำไม เห็นอะไรแสลงตาหรือเปล่า พี่เซนต์ถามมาตรง ๆ เช่นกัน
อะไรที่ว่าแสลงตา
ไม่รู้สิ ก็แค่เดาเอา พี่เซนต์ทำหน้ากวน
ผมไม่อยากกินจริง ๆ พี่ ผมนึกว่าพี่มีอะไรสำคัญจะคุย ถ้าไม่มีอะไร แค่จะมาป่วนผมเล่น ผมกลับก่อน ผมเดินหนีออกมา น้ำตานี่คลอเลย เกิดอะไรขึ้นเนี่ยยย เกิดอะไรขึ้นกับผมอีกแล้ว
พี่เซนต์ตามมา พ่ีก็แค่อยากคุยเรื่องซัน
อะไร มันอะไรนักหนา
พี่พูดตรง ๆ นะ ต้า พี่รู้ว่าซันก็ยังติดต่อต้าอยู่ คือในฐานะคนรักกัน ต้าเข้าใจใช่ป่ะ คือไม่ใช่ว่าพี่ไม่ไว้ใจซันนะ แต่เพื่อความสบายใจ พี่ก็อยากจะมาคุยกับต้าหน่อย
ผมไม่ได้เจอซันมาสักพักแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก เราไม่มีอะไรต้องคุยกันเรื่องซัน
ถือว่าพี่ขอ ออกจากชีวิตเราสองคนเถอะนะ ต้า
ผมยืนอึ้ง ๆ เหมือนเวลาหยุดลง ขณะที่ผู้คนกำลังเดินสวนกันไปมา ผมจะตอบไปอย่างไรดี ผมควรจะทำอย่างไรดี????