ผมกับเพื่อนๆช่วยกันทำความสะอาดโรงยิมจนเสร็จ ก่อนที่พวกมันจะหลบฉากขึ้นห้อง ให้ผมเรียกอาจารย์วิชิตมาตรวจดู ซึ่งก็แปลกใจมากที่ผมทำเสร็จได้เร็วขนาดนี้ อาจารย์มองหน้าผมอย่างสงสัย แต่เนื่องจากผมทำไม่รู้ไม่ชี้ อาจารย์เลยยอมปล่อยผมขึ้นห้องเย็นวันนั้นมีซ้อมของชมรมฟุตบอล ผมถึงกับต้องฝากฝังกับไอ้อาร์ตให้ช่วยดูแลไอ้โจด้วย ซึ่งถึงแม้มันจะรับปากอย่างแข็งขัน แต่ผมก็ยังไม่วางใจ ผมยังจำสายตาที่ไอ้ครูเดชมองไอ้โจได้ ผมอยากจะตามไปอยู่กับมัน แต่ผมไม่มีสิทธิเข้าห้องซ้อมของชมรมฟุตบอลอีกแล้ว สุดท้ายผมก็ต้องกลับบ้านคนเดียวอย่างเหงาๆ
เมื่อผมกลับบ้านไป ผมคำนวณเวลาที่มันจะกลับถึงบ้าน นึกคำพูดดีๆสองสามประโยคก่อนจะโทรไปหามัน และรู้สึกดีใจสุดๆเมื่อมันรับสายผม
มีอะไรเสียงของมันเรียบเฉยมาก ทำเอาอารมณ์ดีใจของผมหดหายไปเลย
ซ้อมบอลเป็นไงบ้างผมถาม
ก็ดี ไม่มีอะไร
ตอบยาวๆหน่อยไม่ได้รึไง นี่กูเป็นห่วงมึงนะเนี่ย ถึงได้โทรมาผมอดน้อยใจไม่ได้ เผลอประชดไปอีกแล้ว มันจะวางสายมั้ยเนี่ย
ก็ไม่มีอะไรจริงๆ แค่ไอ้พีกับไอ้ต้นเข้ามาหาเรื่องนิดหน่อย แต่กูมีไอ้อาร์ตกับไอ้นัทอยู่ด้วย มันเลยไม่กล้าทำอะไรมากผมโล่งอก จริงๆไอ้โจก็ไม่ได้บอบบางขนาดนั้นหรอก แต่หลังจากที่มันตกเป็นของผมแล้ว ผมรู้สึกว่าผมห่วงมันไปซะทุกเรื่องเลย
แล้วไอ้ครูเดชล่ะ
ก็ไม่มีอะไรเหมือนกัน มีมาถามถึงมึงนิดหน่อย แต่กูตอบไปแล้วว่ามึงสบายดีผมนึกถึงไอ้ครูเดชแล้วก็โมโห มันคงอยากสะใจกับความทุกข์ของผมล่ะสิ
เออวันนี้น่ะ น้องบิ๊กมาที่บ้านกูนะ น่าแปลกที่มันเปิดเรื่องพูดขึ้นมาเอง แต่ที่แปลกใจกว่าคือการได้ยินชื่อน้องบิ๊ก
น้องบิ๊กเนี่ยนะ ไปทำไรบ้านมึงวะผมเริ่มร้อนรนนิดๆ การพบกันของผมกับน้องบิ๊กครั้งล่าสุดไม่ดีเท่าไหร่นัก คงไม่ได้ไปหาไอ้โจเพื่อจะใส่ร้ายอะไรผมหรอกนะ
ไอ้ก๊อตมันพามาผมยิ่งงงใหญ่ ไอ้ก๊อตไปรู้จักน้องบิ๊กตั้งแต่เมื่อไหร่
น้องมันมีแผลน่ะ ไม่รู้มีเรื่องกับใครมา แล้วไอ้ก๊อตมันบอกว่าอยู่ใกล้บ้านกู ก็เลยมาให้กูชวยทำแผลไอ้ก๊อตนี่ก็ช่างไม่รู้งานเอาซะเลย คิดยังไงถึงเอาน้องบิ๊กไปเจอกับไอ้โจได้เนี่ย เด็กคนนั้นร้ายจะตายไม่รู้จะวางแผนอะไรไว้รึเปล่า
แล้วน้องบิ๊ก เอ่อ.. เค้าโอเคป่าววะผมหมายถึง ทำตัวดีกับไอ้โจรึเปล่า แต่ก็ไม่รู้จะถามยังไง เพราะน้องบิ๊กเหมือนเป็นสัญลักษณ์ความเจ้าชู้ของผม การพูดถึงน้องคนนี้กับไอ้โจตรงๆจึงทำให้ผมรู้สึกเหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
อ๋อ โอเคสิ คิดถึงน้องเค้าเหรอ อยากมาเยี่ยมที่บ้านกูมั้ยละ จะได้บอกให้รอน้ำเสียงของไอ้โจเปลี่ยนไปอีกแล้ว ผมชินกับน้ำเสียงนี้ของมันจนต้องยิ้มออกมา เพราะรู้ดีว่ามันจะใช้น้ำเสียงนี้เวลาไหน เวลาที่งอนหรือหึงไงล่ะ
อยากสิ ไปบอกเค้าให้รอกูทีนะ กูจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลยผมแกล้งมัน ซึ่งรู้สึกว่าจะแรงไปหน่อย เพราะไอ้โจมันเงียบไปเลย
โอ๋ๆ กูล้อเล่นนะ ถ้ากูไปบ้านหลังนั้น คนที่กูจะไปหาก็คือมึงคนเดียวแหละผมรีบโอ๋มัน จริงๆแล้วไอ้โจมันขี้งอนมาก แถมขี้น้อยใจอีกด้วย ตอนนี้ผมเข้าใจนิสัยของมันมากกว่าเมื่อก่อนเยอะ
น้องเค้าก็น่าจะอยากเจอมึงนะ ไม่มารื้อฟื้นความหลังหน่อยละขี้งอนแล้วยังชอบประชดอีก แต่ยิ่งมันประชดผมก็ยิ่งยิ้มออก เพราะยิ่งมั่นใจได้มากขึ้นว่ามันหึงผม
หึงเหรอผมพูด แล้วไอ้โจก็เงียบไปอีกครั้ง
หึงจริงๆด้วย...
พ่อมึงสิ ไร้สาระ กูจะวางแล้วผมหัวเราะ แล้วสายก็ตัดไปทันที แต่ผมรู้สึกว่าได้คุยกับมันแค่นี้ก็มากพอที่จะทำให้ผมฝันดีได้แล้ว ส่วนเรื่องน้องบิ๊ก ไว้ค่อยถามกับไอ้ก๊อตทีหลังก็แล้วกัน
ไม่ต้องหึงนะ กูมีเมียคนเดียวแหละ ไม่คิดนอกใจหรอกผมส่งข้อความไปหามันอีกครั้งก่อนนอน แล้วก็สะดุ้งในอีกสิบวินาทีต่อมาเพราะไม่คิดว่ามันจะส่งข้อความกลับมา
ไปตายซะ
.
โชคดีหน่อยที่วันต่อมามันยังคุยกับผมตามปกติ ไม่โกรธผมมากขึ้นจากการถูกผมยั่ว สำหรับเรื่องน้องบิ๊ก ผมแปลกใจเหมือนกันที่ไอ้ก๊อตรับรองน้องบิ๊กเป็นอย่างดีว่าไม่มีปัญหา แล้วยังบอกอีกว่าน้องบิ๊กพูดกับมันเอง ว่าไม่ได้คิดอะไรกับผมอีกแล้ว ซึ่งถ้ามันเป็นแบบนั้นได้จริงๆผมก็สบายใจ แต่เรื่องที่ผมใส่ใจมากกว่านั้นเป็นอีกเรื่อง
ว่าแต่มึง คิดไงถึงไปส่งน้องบิ๊กได้วะผมขมวดคิ้วมองมัน
ก็ฝนมันตก แล้วน้องเค้ากลับบ้านเย็น กูกลัวไม่มีรถแล้ว ก็เลยไปส่งหน่อยมันตอบ แต่รีบพูดรัวเร็วยังไงชอบกล
เหรอผมพูดเสียงอมภูมิ ไอ้เพื่อนผมคนนี้ หน้าตาดีนิสัยก็ดี มันไม่ใช่พวกเฮฮาเป็นเด็กๆแบบไอ้นัท เป็นพวกเงียบขรึมแต่ก็น่าสนใจ เรียกได้ว่ามีแฟนคลับติดตามมันเพราะความสุขุมนุ่มลึกนั้นไม่น้อยเลยทีเดียว และมันก็มีแฟนแล้วด้วย เป็นเด็กผู้หญิงที่อยู่โรงเรียนใกล้ๆนี้เอง แม้จะไม่ได้เจอกันบ่อยนัก เพราะไอ้ก๊อตเป็นคนติดเพื่อน แต่มันก็รักของมันมากพอสมควรทีเดียว
เออสิวะ ทำเสียงแบบนั้นทำไมมันทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ ผมเองก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกนะ แค่รู้สึกว่ามันแปลกๆแค่นั้นเอง ปกติไอ้ก๊อตไม่ใช่คนกระตือรือร้นอะไรมากมาย เป็นพวกปล่อยชีวิตชิวๆไปตามสายลมซะมากกว่า พอเห็นมันใส่ใจกับอะไรขึ้นมาผมถึงได้แปลกใจ
ในวันนี้ผมก็ยังต้องทำความสะอาดโรงยิมอยู่เหมือนเดิม แต่ดูเหมือนไอ้เชนจะรู้ว่าเมื่อวานผมมีเพื่อนมาช่วย อาจารย์วิชิตถึงได้มานั่งเฝ้าผมถูพื้นชนิดเกาะติดข้างสนามเลยทีเดียว ซึ่งก็ทำให้ผมเซ็งจนแทบจะเอาไม้ถูพื้นฟาดหน้า(อาจารย์) แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องก้มหน้ารับโทษที่ตัวเองไม่ได้ก่อไปเท่านั้น