ตอนที่ 5 หลั่งน้ำร่วมสาบานท่อนเอ็นขนาดผิดมนุษย์ของแม่ทัพเผยต่อเหล่าทหาร ไร้การปกปิดใดๆ บัดนี้ท่านแม่ทัพยืนเปลือยกายท้าแสงแดดยามวอก ท่ามกลางเหล่าทหารนับหมื่นคน
เหตุใดท่านแม่ทัพของพวกเราจึงปราศจากขนตรงเนินโคนฆวยเช่นนี้ ช่างดูประหลาดยิ่งนัก ดูไม่สมชายชาตรีชาติทหารเอาเสียเลย แลดูสะอาดราวกับขันที นี่คือความคิดแรกของเหล่าทหารในลานฝึก
เหลือเชื่อเกินไปแล้ว นี่เป็นฆวยที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่ข้าเคยพบเห็น ใหญ่เสียจนสตรีที่เจอต้องนอนซมป่วยไข้ไปสามวันเจ็ดวันเป็นแน่แท้ เหล่าทหารคิดกันไปต่างๆ นาๆ
แม้ผิวกายของท่านแม่ทัพจะขาวระเรื่อเรืองรอง แต่ฆวยกลับดำคลำน่าเกลียด สงสัยจะเปิดศึกกับนางสนมเสียบ่อยจนหัวฆวยด้านดำได้ถึงขนาดนี้ ทหารบางส่วนตั้งข้อสังเกตุ
ซู่เหวินไม่ปล่อยให้ทหารคิดกันไปเรื่อย ตะโกนออกคำสั่งให้ทุกคนปลดเสื้อผ้าออกเสียให้หมด จนบัดนี้ชายฉกรรจ์ร่างกำยำกว่าหมื่นคน ยืนเปลือยเปล่าอยู่ในลานฝึกของจวนแม่ทัพใหญ่ ใครมาพบเห็นเข้าคงคิดว่าเสียสติไปแล้วแน่ๆ
พวกเราเป็นชายเหมือนกัน เรามีสิ่งที่นักรบมีแต่อิสตรีไม่มี นั้นคือดาบคู่กาย ใหญ่เล็กต่างกัน หากผู้ใดแสดงอาการเขินอายให้ข้าเห็น ข้าจะจับตอนให้เป็นขันทีอยู่วังหลังทันที ซู่เหวินขู่ เพื่อให้ทหารในลานผ่อนคลายมากขึ้น
บัดนี้ทหารทั้งหลายล้วนเห็นของกันและกัน ดังที่แม่ทัพสอน พวกเราเป็นทหาร ไม่สมควรมีความลับต่อกัน คิดได้ดังนั้นก็เลื่อมใสในวิธีการสอนของท่านแม่ทัพด้วยเข้าใจว่าต้องการให้พวกเราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
การฝึกวันนี้นั้นง่ายมาก หากพวกเจ้าซื่อสัตย์กับข้าจริง พวกเจ้าต้องกล้าทำทุกอย่างเพื่อข้าแม้สิ่งนั้นจะน่าอายสักเพียงใดก็ตาม ข้าขอสั่งให้ทหารทุกนายยืนเค้นคลึงลำดาบระห่างขาของตนให้แข็งและปลดปล่อยน้ำรักร่วมสาบานพร้อมกัน เป็นสัญญาว่าพวกเราคือทหารแห่งตระกูลซู่
แม้จะงุนงงในคำสั่ง แต่ทหารทั้งหลายก็ทำตามแต่โดยดีเพื่อพิสูจน์ว่าตนพร้อมจะรับใช้ตระกูลซู่ที่ยิ่งใหญ่ทุกเมื่อ ขณะเดียวกันแม่ทัพหนุ่มจ้องมองเงาตะวันที่ใกล้ถึงเวลาเปลี่ยนจากยามวอกเป็นระกา พลันก็เร่งสาวฆวยอย่างเมามัน ท่ามกลางเสียงระงมของทหารที่พอเห็นแม่ทัพใหญ่ไม่อาย ก็เริ่มรูดฆวยเคียงบ่าเคียงไหล่เจ้านายอย่างไม่อายกันและกัน
บัดนี้ชายทั้งลานรวมทั้งขุนศึกยืนกระถอกฆวยขึ้นลงอย่างเสียวซ่าน บ้างก็เน้นต้องส่วนหัวฆวย บ้างก็ลูบไล่ไปตามเรือนร่างของตน บ้างก็บี้หัวนมชูชันจากกล้ามอก บ้างก็ดึงพวงไข่ไปมา เสียงซิ๊ดปากดังก้องไปทั่วลานยุทธ์ น้ำหล่อลื่นหลั่งไหลเปรอะเปื้อนไปทั่วลาน หากนี่เป็นการประชันแข่งขันกันสาวฆวยก็ยากที่จะหาผู้ชนะได้ศึกครั้งนี้ได้
ท่านแม่ทัพเองบัดนี้ก็เสียวซ่านอย่างที่สุด เคยหลั่งน้ำรักก็มาก ทั้งกับสนมเล็กใหญ่ หรือกับมือตนเอง แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่จะเสียวไปทั้งร่างทั้งตัวเช่นนี้ อาจเพราะฤทธิ์ของแมงมุมร้ายแห่งเหอเป่ย เขา-ซู่เหวิน-ในตอนนี้ยืนสาวฆวยกลางแดดจ้า ร่วมกับเหล่าทหารหาญ
บ้างคนก็เริ่มกระฉูดน้ำรักออกมาอย่างไม่สงสารพื้นดินที่รองรับ กลิ่นคาวน้ำรักคละคลุ้งไปทั่วลาน เพิ่มความเสียวซ่านให้แม่ทัพใหญ่ที่เร่งสาวฆวยอย่างไม่ลืมหูลืมตา สองเท้าจิกพื้นดินแน่นมั่นคง เงยหน้าซูดปากเย้ยฟ้า สองมือกระถอกฆวยยาวอย่างไม่ลดละ ดวงตาเลื่อนลอย กล้ามเนื้อเกร็งตัวเป็นสัญญาณว่าน้ำรักของท่านแม่ทัพกับจะหลั่งรดพื้นแผ่นดินแห่งเต้าเหลียนที่บรรพบุรุษหลั่งเลือดสร้างขึ้นมา ทหารทั้งหลายจ้องมองช่วงเวลาสำคัญ
โอ้วว....อ่า...ข้าทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้วววว ไม่นานท่านแม่ทัพก็คำรามลั่นดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วลานฝึก นักน้ำรักของท่านแม่ทัพซู่ก็กระฉูดพุ่งเป็นสายยาวขาวขุ่น ไกลกว่า 3 เมตร อีกทั้งยังพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่องกว่า 10 ระลอกไม่ลดละ แก่นฆวยกระดกปลดปล่อยน้ำเสียวออกมาเรื่อยๆ จนกระทั่งลดลงจนกลายไปไหลหยาดเยิ้มจากปากฆวยลงสู่พื้นดิน ทหารหลายนายขยี้ตาราวกับไม่เชื่อในภาพที่เกิดขึ้น
ท่านแม่ทัพฆวยช่างใหญ่ น้ำรักก็เยอะ ถ้าข้าได้สักครึ่งหนึ่งของท่านแม่ทัพ ภรรยาข้าคงหลงข้าไม่น้อย นายทหารหลายนายแอบคิดในใจ
ไม่อยากเชื่อเลยว่าฆวยแห่งโอรสสวรรค์จะน่าอิจฉาได้ถึงเพียงนี้ ใครเห็นเป็นต้องยกธงขาวยอมแพ้ราบคาบ ไม่แปลกใจเลยที่ท่านแม่ทัพมีภรรยาและลูกอยู่มากมาย กระแสความคิดของทหารเริ่มหลั่งไหลออกมา
ฆวยท่านแม่ทัพช่างดูน่าเกรงขามสมพระยศของท่านจริงๆ พระมเหสีทรงรับท่อนฆวยขนาดนี้ไหวได้เยี่ยงไรกัน ทหารนายหนึ่งพูดกับตัวเอง
บัดนี้พวกเราหลั่งน้ำรักสาบานเป็นพี่น้องร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กันเรียบร้อยแล้ว ข้าซาบซึ้งในน้ำใจของพวกเจ้ามาก ซู่เหวินกล่าวทั้งที่ยังมีน้ำฆวยเหนี่ยวข้นไหลยืดออกมาจากปลายฆวย
เพลานี้ล่วงเลยยามวอกแล้ว ซู่เหวินพบกว่าเขาอยู่ท่ามกลางน้ำรักเนืองนองเต็มผืนดิน ส่งกลิ่นเหม็นคาวไปทั่วจวน เมื่อสิ้นความกำหนัดแล้วจึงเกิดความรู้สึกผิด ลานยุทธ์แห่งนี้เป็นลานมีเกียรติ ผลิตทหารกล้ารับใช้กองทัพตระกูลซู่เรื่อยมา บัดนี้กลับกลายเป็นลานโลกี เจิ่งนองไปด้วยน้ำสีขาวขุ่นจากเหล่าทหารในบังคับบัญชา รวมถึงน้ำรักของตัวเขาเอง
แต่นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วที่เขาคิดได้ หากเขาต้องยืนสาวฆวยระบายพิษแต่เพียงผู้เดียวท่ามกลางทหารที่กำลังฝึกอยู่คงถูกมองจากเหล่าทหารว่าเป็นโรคจิตวิปราศ แต่วิธีนี้ทำได้แนบเนียบกว่า โดยเอาการฝึกและความจงรักภักดีมาเป็นข้ออ้างในการระบายความใคร่ หากเป็นความผิดก็ต้องโทษไอ้หลี่เฉินแต่เพียงผู้เดียว เพราะมันทำให้ข้าต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้ ยิ่งคิดยิ่งแค้น ได้แต่กัดฟันกรอดๆ รอยามวอกวันถัดไป