We have no responsibility for the contents in this web community!

ถ้าเข้ามาแล้วพบว่ากระทู้ไม่เรียงตามวัน/เวลา ให้คลิ๊กตรงคำว่า Date/Time ที่อยู่ตรงแถบสีม่วงๆ นะครับ


ห้ามลงประกาศโฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ยกเว้นสปอนเซ่อร์!!!!!

*** ห้ามใช้เนื้อที่บอร์ดเพื่อแอบแฝงขายบริการทางเพศ ***


เพิ่มเพื่อน

RBR Section


Register
สมัครสมาชิก


What's RBR?
ต่ออายุสมาชิก

**** ส่วนบริการเข้าบอร์ดเฉพาะสำหรับสมาชิก RBR บอร์ด Devil และ บอร์ด Zombie ต้องการติดต่อสอบถาม ส่งเมลล์ที่ ryubedroom@yahoo.com เท่านั้น ****

กรุณาคลิ๊กที่นี่และ Bookmark ไว้ด้วยครับ

Palm-Plaza.com

Complete the form below to post a message

Original Message
"RE: นวนิยายจีนกำลังภายในอิโรติค จอมกระบี่เหินบุรุษ ตอน จักจั่นบนหอน้อย"
Posted by ปิงหวิน on 14-Feb-16 at 10:13 PM
จอมกระบี่เหินบุรุษ ตอน จักจั่นบนหอน้อย 5

เวลาผ่านไปได้สองสามวันหลังจากการไปเยือนบ้านสกุลหม่าของหนานเฟยสิง หลังจากกลับไปหนานเฟยสิงได้แต่ครุ่นคิดถึงคำสองคำบนกระดาษที่ได้จากที่เกิดเหตุ “กวงหง” แต่คิดอย่างไรมันก็คิดไม่ออกจนกระทั่งสองวันก่อน ในขณะที่องเฮ้ยโส่วกำลังจะเดินทางเพื่อไปติดต่อขอความช่วยเหลือจากหนี่อ้ายเหรินคนรักเก่าของมัน มันจึงได้เล่าเรื่องนี้ให้องเฮ้ยโส่วที่เปรียบเสมือนพี่น้องคู่ใจทราบ

หนานเฟยสิงคิดทบทวนคำพูดของมันกับองเฮ้ยโส่วเมื่อสองวันก่อน…

“เจ้าคุ้นๆชื่อ กวงหง บ้างไหมองตี่ตี๋ มีใครในละแวกนี้มีชื่อนี้หรือไม่”

“กวงหง กวงหง เท่าที่ข้ารู้ไม่มีใครในบ้านสกุลหม่ามีชื่อนี้” องเฮ้ยโส่วกล่าวตอบกลับพร้อมกับจัดแจงม้าคู่ใจที่ชื่อ “เจ้าอืด” เพื่อเตรียมเดินทางไปทำภารกิจที่ได้รับมอบหมาย

“ข้าเจอกระดาษใบหนึ่งในห้องของหม่าต้าหู่ วันเดียวกันกับที่ชายชุดดำโจมตีข้าจากด้านหลังที่ข้าเล่าให้เจ้าฟัง มันเขียนเป็นอักษรสองคำว่า กวงหง นี่ข้าคิดหัวแทบแตกแล้วยังไม่ทราบหมายความว่าอย่างไร แต่ดูคลับคล้ายเป็นชื่อของคน” หนานเฟยสิงทอดถอนใจเฮือกใหญ่เหมือนต้องการลดอาการหงุดหงิดจากการคิดไม่ออกนั้น

“อ้อ ข้านึกได้เรื่องหนึ่ง ชาวบ้านรอบๆกล่าวว่าหม่าต้าหู่เคยมีลูกชายคนหนึ่ง แต่มันหายออกจากบ้านไปสี่ห้าปีแล้ว แล้วก็ไม่เคยเห็นกลับมาหรือมาเกี่ยวข้องอันใดกับสกุลหม่าอีกเลย” องเฮ้ยโส่วทำสีหน้าเรียบเฉยขณะพูดเหมือนว่านี่ไม่ได้เกี่ยวข้องสลักสำคัญอะไรกับคดี

หนานเฟยสิงรับฟังรู้สึกได้ความรีบถามองเฮ้ยโส่วต่อ

“หม่ากวงหงหรือ? ชื่อนี้หรือเปล่า? นี่อาจจะเป็นเบาะแสก็ได้ เจ้ารู้ไหมว่ามันหายไปไหน และมันอายุเท่าไหร่ตอนจากบ้านไป”

“ข้าก็ไม่รู้ชื่อของมัน ข้ารู้เท่าที่สอบได้จากชาวบ้าน พวกนั้นเพียงแค่พูดตัดพ้อถึงลูกที่จากไปของผู้ตาย แล้วไม่ได้กลับมาดูศพพ่อของตนก็เท่านั้น เห็นว่าทะเลาะอะไรกันสักอย่าง ตอนมันออกจากบ้านไปน่าจะสักสิบสี่สิบห้าปีกระมัง”

“ถ้านับถึงตอนนี้มันก็คงจะเป็นหนุ่มอายุราวสิบแปด สิบเก้าได้แล้วกระมัง” หนานเฟยสิงใช้มือลูบคางอย่างครุ่นคิด

คำพูดและความคิดของมันเลื่อนลอยอ้อยอิ่งจนกระทั่งมันเดินทอดน่องผ่านความชุลมุนของตลาดกลางเมืองลั่วหยางมาสู่สถานที่ๆเคยมาเมื่อคราวก่อน หอหมื่นอาชาพันลี้ มันพลันสลัดความคิดคำนึงถึงบทสนทนาระหว่างมันกับองเฮ้ยโส่วออกจากหัวไป เดินย่ำๆเข้าไปสู่สถานที่ๆมันเหมือนอยากมาเพราะมีคนที่มันคิดถึงอยู่ และเหมือนไม่อยากมาเพราะกลัวบางสิ่งบางอย่างจะเป็นไปตามข้อสันนิษฐาน

“สวัสดีหนานเฮีย เป็นท่านกลับมาเพราะติดใจเสียงดนตรีของหงฉานแล้วกระมัง ไม่ทราบว่าคราวก่อนมันขับกล่อมท่านจนลืมเรื่องควบขับไปได้ดั่งท่านหวังหรือไม่” เสียงหยาบใหญ่ที่พยายามบีบให้เล็กลงฟังดูคุ้นหูหนานเฟยสิงดังขึ้นพร้อมกับการเคลื่อนตัวมาของบุคคลผู้หนึ่งที่อยู่ในชุดสีแดงรุ่ยร่ายพร้อมใบหน้าหนาเตอะด้วยเครื่องประทินโฉมอย่างเคย

“ฮา ฮา เป็นหนิงเหมิงล้อข้าเล่นแล้ว จระเข้ไฉนเลยมีหูฟังดนตรีจะมีก็เพียงดวงตาที่มองเหยื่อ กับลิ้นหยาบๆที่ใช้ลิ้มรสเพียงเท่านั้น” หนานเฟยสิงฟังคำหนิงเหมิงพูดจาเสียดสีหยอกล้อตน ค่อยแสร้งเป็นหัวเราะตอบกลับอย่างยอกย้อนไม่แพ้กัน

หนิงเหมิงรับฟังใบหน้ายิ้มสดใสยังทำสีหน้าเอียงอายให้มันครั้งหนึ่งจึงกล่าวอย่างหยอกๆ “หากท่านชมชอบข้าๆยินดีเป็นเหยื่อให้ท่านลิ้มลองแล้ว เชิญนายท่านด้านในก่อนข้าจะให้เด็กๆยกสุรามาให้”

หนานเฟยสิงพยักหน้าพลางเดินตามหนิงเหมิงเข้าสู่ด้านในของหอหมื่นอาชาพันลี้ วันนี้บรรยากาศในร้านดูคึกคักมากเป็นพิเศษหนานเฟยสิงกวาดตามองไปยังอดละลานตาไม่ได้ แถมยังสังเกตเห็นเถ้าแก่ร้านค้าหลายร้านที่ตนเคยได้ยินชื่อเสียงนั่งร่ำสุราโอบกอดเด็กหนุ่มในร้านอย่างเปิดเผยจนทำให้มันต้องร้องอ้อขึ้นเนื่องจากหายสงสัยถึงรสนิยมของเถ้าแก่คนนั้นๆ

หนานเฟยสิงทรุดตัวนั่งลงบนเก้าหลังโต๊ะกลมตัวใหญ่ที่มีฉากกั้นอย่างดี นับได้ว่าหนิงเหมิงทราบสถานะของผู้มาเยือนว่าเงินถึงพร้อมจ่ายให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด มันจัดแจงให้หนานเฟยสิงนั่งในสถานที่ๆดีที่สุดแม้นไม่ใช่ห้องส่วนตัวเสียทีเดียวแต่ก็มีฉากกั้นมิดชิดแบ่งเป็นสัดส่วนจากภายนอกอย่างเห็นได้ชัด

เด็กหนุ่มคนหนึ่งยกสุราเข้ามาตั้งไว้บนโต๊ะให้มันพร้อมจอกอีกจำนวนหนึ่ง “ท่านจะสั่งอาหารอันใดหรือไม่นายท่าน” หนิงเหมิงใช้มือลูบปัดผมให้ดูเข้าที่เข้าทางจัดแจงบีบเสียงแหลมเล็กก้มถามความต้องการของลูกค้าชั้นดีผู้นี้

“ไม่… ข้าต้องการพบหงฉาน” หนานเฟยสิงรินสุราที่เพิ่งยกมาใส่จอกจากนั้นซดครั้งเดียวจนหมดพร้อมกล่าวบอกความต้องการอย่างตรงไปตรงมา

หนิงเหมิงสีหน้าซีดเผือดลงรอยยิ้มหายวับไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่นางจะปั้นหน้ายิ้มแหยๆใหม่อีกครั้งพร้อมกล่าวว่า “เห็นทีวันนี้จะเป็นการยากเสียแล้วนายท่าน หงฉานติดแขกผู้อื่นอยู่ยังคงไม่อาจให้บริการท่านได้”

หนานเฟยสิงทำหน้าเรียบเฉยไม่กล่าวอันใดมันวางจอกเหล้าลงแล้วใช้มือล้วงลงไปที่ผ้าคาดเอวจากนั้นหยิบเงินขึ้นมาสามสี่ก้อนแล้ววางไว้บนโต๊ะ

หนิงเหมิงเห็นเงินบนโต๊ะก็ตาลุกวาวเป็นประกายเข้าใจความหมายและความต้องการของหนานเฟยสิงเป็นอย่างดี มันรีบเก็บเงินบนโต๊ะกวาดเข้าอกเสื้ออย่างไม่รีรอพร้อมกับกล่าวขึ้นว่า “แหม แหม แหม เป็นหนานเฮียมีน้ำใจข้าน้อยจะให้เด็กๆขึ้นไปชมดูที่ด้านบนว่าหงฉานใกล้จะรับแขกเสร็จสิ้นแล้วหรือยังเพราะนี่ก็ผ่านมาเกือบจะสองชั่วยามแล้วคาดว่าน่าจะใกล้ได้เวลา”

หนิงเหมิงกวักมือไวๆเรียกเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่กำลังยกสุราจะขึ้นไปที่ชั้นสองกระซิบกระซาบข้างหูมัน มันพยักหน้าตอบรับสองสามครั้งแล้วจึงเดินขึ้นชั้นสองไป เพียงไม่นานหลังจากนั้นเด็กคนนั้นก็เดินกลับลงมาพร้อมกับกล่าวกับหนิงเหมิงว่า “ท่านจี้ยังคงฟังดนตรีของหงฉานอยู่ คาดว่าน่าจะอีกนานแล้วหนิงเจ่เจ้”

หนิงเหมิงรับฟังทำหน้าบูดบึ้งรีบไล่เด็กยกสุราผู้นั้นไปให้พ้นตาพร้อมกับปั้นยิ้มกล่าวกับหนานเฟยสิงซึ่งกำลังยกจอกสุราดื่มเอาๆเหมือนกำลังย้อมตนเองให้เมามาย

“เอ่อ หนานเฮีย…”

“ข้าได้ยินแล้ว เงินนั่นเจ้าเก็บไว้เถิดไม่ต้องคืนถือว่าเป็นค่าความพยายามของเจ้า ข้าเป็นแขกไม่ควรทำให้เจ้าของสถานที่อึดอัดใจ การค้าก็คือการค้า” หนานเฟยสิงยกมือทำท่าปัดๆเหมือนไม่อยากใส่ใจสิ่งที่เกิดขึ้น

หนิมเหมิงยิ้มอย่างลี้ลับวูบหนึ่งค่อยกล่าว

“หามิได้ๆ การค้าก็คือการแลกเปลี่ยนไหนเลยหนิงเหมิงจะรับเงินท่านได้ฟรีๆโดยมิมีใดตอบแทน เอาเป็นว่าที่หนึ่งไม่ว่างก็ยังมีที่สอง สาม สี่ แม้ว่าหงฉานเป็นหนึ่งในจักจั่นสิบสองสี แต่ว่าจักจั่นน้อยของหนิงเหมิงที่เหลือก็หาได้ยิ่งหย่อนกว่ากันเท่าไหร่ไม่ แถมยังไม่เล่นตัวเหมือนอย่างหงฉานอีกด้วย ข้าใคร่คิดให้หนานเฮียช่วยลดตาลงชมสักคราแล้ว”

หนิงเหมิงกล่าวจบพลางกวักมือเรียกเด็กหนุ่มคนเดิมจากนั้นกระซิบกระซาบให้มันฟังสองสามคำมันก็พยักหน้ารับอีกจากนั้นจึงเดินออกไป

ไม่นานนักมีเด็กหนุ่มหน้าตาสะอาดสะอ้านอีกสามคนเดินตามมันกลับบมาหาหนิงเหมิงที่โต๊ะที่หนานเฟยสิงนั่งอยู่ เด็กหนุ่มทั้งสามคนนี้อายุอานามล้วนไม่น่าเกินสิบแปด บุคลิกท่าทางของแต่ละคนล้วนมีความเป็นเอกลักษณ์ของตนเองทั้งสิ้น มันทั้งสามยืนเรียงหน้ากระดานเอามือไพร่หลังอยู่ต่อหน้าหนานเฟยสิง

หนิงเหมิงเห็นหนานเฟยสิงละลานตากับเด็กหนุ่มตรงหน้าก็พลอยโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอกรีบตรงรี่เข้าไปแนะนำเด็กหนุ่มแต่ละคนให้แก่หนานเฟยสิงได้รู้จัก

“เป็นอย่างไรหนานเฮีย ที่สอง ลงไปไม่ใช่ว่าจะร้ายกว่าที่หนึ่งสักกี่มากน้อย”

หนานเฟยสิงลอบร้องคำแม่เล้าอันร้ายกาจรู้จักหาทางประจบสอพลอเอาตัวรอดจากสถานการณ์ยากลำบาก มันชมเด็กหนุ่มหน้าตาสะอาดสะอ้านทั้งสามปนกับฤทธิ์สุราทำให้รู้สึกร้อนลุ่มขึ้นเป็นกำลัง

เด็กหนุ่มทั้งสามคือ ลวี่ฉาน (จักจั่นเขียว) ป่ายฉาย (จักจั่นขาว) และ จินฉาน (จักจั่นทอง) ยืนถอดเสื้อเปลือยช่วงบนสวมกางเกงเรียงตามสีฉายาของตน ยืนเรียงหน้ากระดานอยู่ไล่ลำดับจากสูงไปต่ำ ลวี่ฉาน มีบุคลิกประเปรียวด้วยร่างกายสูงผอมเกร็งแต่สมส่วน มันดูคล้ายขายาวกว่าคนทั่วไป มันจึงใส่กางเกงเอวสูงขึ้นมากกว่าคนปรกติเพื่อให้ดูว่าตนเองมีขาที่สั้นลงเล็กน้อย ป่ายฉานหน้าตาสะอาดสะอ้านจิ้มลิ้มรูปร่างไม่ใหญ่ไม่เล็กสันทัดดวงตากลมโตผมเผ้าถูกมัดไว้อย่างเรียบร้อย ส่วนจินฉานมีผิวสีเหลืองคิ้วเข้มหนาริมฝีปากหนาดวงตาคมลับกับสันคิ้วและจมูกที่ได้รูป นับได้ว่าเด็กหนุ่มทั้งสามมีจุดเด่นแตกต่างกันแม้ความหล่อเหล่าจะน้อยกว่าหงฉานมาก แต่ถ้านับในเรื่องจุดเด่นบุรุษทั้งสามนี้ก็นับได้ว่าหล่อเหลาควรเมืองแล้ว

หนานเฟยสิงรับชมพร้อมดวงตาเป็นกระกายสดใส “นับว่าสรรพคุณไม่เกินเลยคำพูดท่านเลย หนิงเจ่เจ้”

หนิงเหมิงรับฟังก็หัวเราะเบาๆพร้อมกับจับแขนของหนานเฟยสิงให้ลุกขึ้นชมเด็กหนุ่มทั้งสามใกล้ๆ หนานเฟยสิงลุกขึ้นตามคำเชิญชวนของแม่เล้าจากนั้นจึงเดินวงรอบๆเด็กหนุ่มทั้งสามที่เอามือไพร่หลังอยู่

“หันหลังให้ข้าชมหน่อย…จักจั่นน้อย” หนานเฟยสิงกล่าวพลางรินสุราลงในจอกของมันจากนั้นถือเดินตรงไปที่เด็กหนุ่มทั้งสามซึ่งหันหลังโชว์บั้นท้ายงอนงามให้แก่มัน มันมุ่งตรงไปที่ลวี่ฉานที่ยืนทำสีหน้าเรียบเฉยอยู่เหมือนไม่ได้ใส่ใจหรือต้องใจหนานเฟยสิงแต่อย่างใด แต่มันก็หาใส่ใจไม่เพราะเด็กคนนี้แม้ว่าจะดูประเปรียวชาญสนามรักแต่ว่าส่วนสูงออกจะมากเกินรสนิยมของมันไปสักหน่อยมันจึงผ่านเลยไป

“จักจั่นขาวคนนี้ดูน่ารักดี…” มันเดินไปที่ด้านหลังของป่ายฉานที่มีส่วนสูงน้อยกว่ามันนิดหน่อย จากนั้นค่อยก้มหน้าลงใช้ปลายจมูกไล่ที่ซอกคอของเด็กหนุ่มผิวขาวเนียนจนทำให้เด็กหนุ่มผู้นั้นขนลุกขึ้นอย่างไม่อาจยับยั้ง

ในขณะที่หนานเฟยสิงกำลังเหมือนเชยชมป่ายฉานเบาๆเป็นเชิงหยอกเอินนั้น ลวี่ฉานเบือนหน้าหนีไปด้านข้างอีกทางเหมือนไม่อยากพบเห็นภาพหนานเฟยสิงเชยชมเพื่อนร่วมงานของมัน มันกำมือที่ไพร่หลังอยู่แนบแน่นเหมือนพยายามอดทนต่อแรงหึงหวงของภาพตรงหน้า…

หนิงเหมิงสังเกตเห็นอาการนั้นของลวี่ฉานอย่างชัดเจน นางส่ายหัวแล้วเดินมาด้านข้างของหนานเฟยสิงเหมือนใช้ร่างกายใหญ่โตของตนปิดบังหมัดที่กำแน่นของลวี่ฉานจากนั้นพลางกล่าว

“ท่านคงถูกใจจักจั่นขาวน้อยตัวนี้ของข้าแน่แท้แล้ว ถ้าเช่นนั้นข้าให้เด็กๆไปเตรียมห้องให้แก่ท่าน”
หนานเฟยสิงโอบกอดป่ายฉานจากทางด้านหลัง เหล่ตามองหนิงเหมิงเล็กน้อยแล้วพยักหน้าให้แก่นาง

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าสองคนที่เหลือก็แยกย้ายไปรับแขกเถิด แล้วอย่าให้เสียลูกค้าเป็นอันขาด จินฉานเจ้าไปช่วยลวี่ฉานดูแลแขกด้วย” หนิงเหมิงจ้องหน้าลวี่ฉานที่กัดฟันกรอดจากนั้นกล่าวด้วยเสียงหนักแน่นเหมือนออกคำสั่ง ก่อนจะไล่มันออกไปจากตรงนั้นเพราะรู้นิสัยหึงหวงจนเสียงานของมันดีก่อนไปจึงยังฝากจินฉานให้ดูแลไม่ให้มันกระทำการอันเป็นผลเสียต่อการค้า

โครม…โครม….

“ท่านจี้โปรดปล่อยประละเว้นหงฉานด้วย…. ท่านจี้ข้าน้อยขอร้องท่านโปรดละเว้นข้าน้อยด้วย” เสียงตะโกนร้องขอความเห็นใจดังลั่นลงมาจากชั้นสองของหอหมื่นอาชาพันลี้ ตามมาด้วยเสียงอึกทักคึกโครมเหมือนคนกำลังต่อสู้กัน

หนิงเหมิงตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นทำหน้าทำตาลนลานถกกระโปรงผ้าแพรรุ่ยร่ายของตนก่อนจะหันมากล่าวกับแขกคนอื่นๆ “ไม่มีอะไรนายท่าน เชิญตามสบายไม่มีอันใดน่าเป็นห่วง เป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน” จากนั้นมันจึงวิ่งตรงยังบันไดทางขึ้นชั้นสอง

หนานเฟยสิงได้ยินเสียงของหงฉาน คล้ายคืนสติจากความเมามายและกำหนัดรีบปล่อยตัวป่ายฉานจากอ้อมกอดคว้ากระบี่บนโต๊ะจากนั้นไล่ตามหนิงเหมิงไปติดๆ

ลวี่ฉานยังไม่ได้เดินจากไป มันมองหนิงเหมิงกับหนานเฟยสิงหันหลังผ่านไปแล้วกระชากตัวป่ายฉานที่ยืนข้างๆเข้ามาหาตนเองอย่างไร้สติแล้วจึงพูดด้วยความโมโห “วันนี้เจ้าคงคิดว่าพลาดโชคดีไปกระมัง”

ป่ายฉานทำสีหน้าละอาจากนั้นพูดตอบกลับลวี่ฉานไปอย่างหน่ายๆ “มันคืองานเจ้าก็รู้ เจ้าเกือบทำพวกเราเสียการใหญ่”

ลวี่ฉานสะบัดหน้าเล็กน้อยเหมือนไม่ยอมรับคำครหาจากนั้นกล่าว “วันหนึ่งข้าจะฆ่ามันด้วยมือข้าเองข้ารับรอง เจ้าจะระริกระรี้ไปนอนกับมันก็รีบทำเถอะ”

ป่ายฉานผลักหน้าอกเปลือยเปล่าของลวี่ฉานออกด้วยความโมโหในคำพูดของมัน…

Click here to go back to the previous page Go back   Click here to see help FAQ     
Conferences Post form
Your Message
Name*:
Subject*: Upload Pics อัพโหลดรูปภาพ
Message*:
 
HTML Ok
Use [] in place of <>

HTML Reference
 
Images Ok
 
Click on a smilie to add it to your message.
 
Check if you DO NOT wish to use emotion icons in your message
RBR User*: ใส่ Username และ Pass RBR ในกรณีที่โพสแล้วติดแอดมิน
RBR Pass*: ***ผู้ที่ใช้พาส RBR ป่วนหรือโพสผิดกฎบอร์ดจะถูกยึดพาส***
 

 

Palm-Plaza.com All rights reserved.

*** ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บเพจนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และ ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง
ห้ามโพสข้อความ รูปภาพ ไฟล์ที่มีลิขสิทธิ์ ที่สร้างความเสียหายให้แก่บุคคลอื่น
ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link "แจ้งลบข้อความ" ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือแจ้งมาได้ที่ ryubedroom@yahoo.com



Copyright Palm-Plaza,Inc. All Rights Reserved.