หรือถ้าเข้าศิริราช ทำไมไม่เข้า ศิริราชปิยมหาราชการุณย์

โรงพยาบาลจุฬามันโรงพยายาลเจ้า มาตั้งแต่กำเนิดอยู่แล้ว คงไม่แปลกเท่าไร

จริงๆ ที่ทั้งหมดของ มหาลัยจุฬาก็ของคณะราษ ไถ่กลับมาไว้ให้เป็นของประชาชนทั้งหมด ไม่ตัองไปเช่าเจ้า

เปิดเอกสาร คณะราษฎรโดยจอมพล ป. เป็นผู้มอบที่ดินให้จุฬาฯ แทนเช่าจากเจ้า

คุณูปการที่สำคัญที่สุดของคณะราษฎรและ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ผู้เป็นอธิการบดีจุฬาฯ รวมราว 9 ปี ต่อจุฬาฯ ก็คือ การตราพระราชบัญญัติโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินอันเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยโอนที่ดิน 3 แปลง รวมเนื้อที่ 1,196 ไร่ 32 ตารางวา

ที่บอกว่าที่ดินของจุฬาฯ เป็นที่พระราชทานนั้น โกหกทั้งเพ เพราะในความเป็นจริง แต่เดิมนั้นจุฬาฯ ต้องจ่ายเงินเช่าที่ดินจากในหลวง เช่น ตามโฉนดที่ดินของจุฬาฯ ระบุว่า เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2478 ในหลวง รัชกาลที่ 8 “ให้เช่า 30 ปี” แก่จุฬาฯ ถ้าไม่ได้คณะราษฎรโดยจอมพล ป. ป่านนี้จุฬาฯ ก็ยังต่อทะเบียนเช่าที่ดินจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ทุก 30 ปีเช่นหน่วยงานอื่น ค่าเรียน ค่าต่างๆ อาจจะแพงกว่านี้ เพราะเจ้าหากินกับที่ดิน กับประชาชนทุกทาง

ภายหลังการจัดระเบียบทรัพย์สินส่วนพระองค์และทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์หลังการปฏิวัติ 2475 นั้น กระทรวงการคลัง ก็เป็นผู้ถือครองที่ดินนี้ และในวันที่ 12 ธันวาคม 2483 กระทรวงการคลังฯ ก็ “ให้” ที่ดินแปลงนี้แก่จุฬาฯ

ในปัจจุบันมีพื้นที่ทั้งหมด 1,153 ไร่ โดยแบ่งออกเป็น พื้นที่เขตการศึกษา 595 ไร่ พื้นที่ส่วนราชการเช่าใช้ 184 ไร่ และพื้นที่เขตพาณิชย์ 374 ไร่<3>

ในวันที่ 23 มีนาคม 2459 รัชกาลที่ 6 ได้ทรงออกโฉนดที่ดินให้กับพระองค์เองเป็นโฉนดที่ดินฉบับที่ 2057 2058 และ 2059 ที่ดินทั้ง 3 โฉนดนี้ มีผู้เช่าครอบครองอยู่แล้ว ดังจะเห็นได้จากแผนที่หลังโฉนดที่วางแปลงผักเรือกสวนเพื่อการเกษตรต่างๆ อยู่เป็นจำนวนมาก รวมทั้งยังมีวังวินเซอร์ (สนามศุภชลาศัยในปัจจุบัน) ตั้งอยู่โดยก่อนหน้านี้โดยไม่มีโฉนด

โฉนดที่ดินทั้ง 3 ฉบับนี้ตกทอดมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ 8 ปรากฏหลักฐานสารบัญจดทะเบียนว่าเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2478 พระองค์ทรงให้จุฬาฯ เช่าที่ดินเป็นเวลา 30 ปี แต่พอถึง 12 ธันวาคม 2483 รัฐบาลจอมพล ป. ก็โอนเปลี่ยนนามผู้ถือเป็นกระทรวงการคลัง และในวันเดียวกันจุฬาฯ ก็ทำสัญญาเลิกเช่าและกระทรวงการคลังก็ “ให้” ที่ดินสองแปลงนี้แก่จุฬาฯ

คณะราษฎรโดยจอมพล ป. ทำให้จุฬามีรายได้มหาศาลจากการให้เช่าที่ดินทั้งแก่ภาครัฐและภาคเอกชน กลายเป็นทรัพยากรสำคัญของจุฬาฯ ในการพัฒนาการเรียนการสอนและความสะดวกสบายแก่บุคลากรของจุฬาฯ จนถึงทุกวันนี้

มีตัวเลขรายได้ของจุฬาฯ ว่า “ในปี 2558. . .รายได้จากรัฐบาล 7,117 ล้านบาท รายได้จากการดำเนินงานของสำนักงานจัดการทรัพย์สิน 4,950 ล้านบาท

รายได้จากการจัดการศึกษา 2,927 ล้านบาท โดยรายได้รวมทั้งหมดของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คือ 21,538 ล้านบาท”

จอมพล ป. ในนามของคณะราษฎรจึงเป็นผู้ที่ทำให้จุฬาฯ มีรายได้มหาศาลหลายพันล้านบาทต่อปีในขณะที่มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ได้รับงบประมาณแผ่นดินน้อยกว่ารายได้ของจุฬาฯ ก้อนนี้ด้วยซ้ำไป

สถานการศึกษาไทยมีเยอะขึ้นแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนในสมัยคณะราษฎร์ปกครองประเทศ การศึกษาถูกทำให้เป็นสิทธิ์ขั้นพื้นฐานของประชาชนทุกคน ทำให้คนไทยเข้าถึงการศึกษาแบบก้าวกระโดดในยุคนั้น

สถานการศึกษาของคณะราษฎร์หลายแห่งทั่วประเทศถูกทำลายทิ้งหลังพวกเจ้าและทหารเจ้ากลับมายึดประเทศ

หลายแห่งถูกเปลี่ยนชื่อให้เป็นชื่อเจ้าไป มหาลัยหลายแห่งยังคงเรืองรอง ทิ้งไว้เป็นมรดกคณะราษให้คนไทยจนมาถึงทุกวันนีั อาทิ

ว้ายยยยย พอทีงี้ สลิ่มเสือกไม่สำนึกบุญคณะราษเลยนะคะ

ขอบคุณคณะราษฎร

เครื่องมือแพทย์ดีที่สุด ทันสมัยที่สุด หมอดีที่สุด อยู่โรงบาลรัฐค่ะ
หมอเก่งๆ ที่โรงบาลเอกชนจ้างไป ก็หมอโรงบาลรัฐทั้งนั้น
เอกชนดีกว่าแค่การบริการ การเอาใจคนไข้แค่นั้นค่ะ
ซึ่งเดี๋ยวนี้ ถ้าเข้าโรงบาลพวกคลีนิคนอกเวลา บริการก็ต่างไม่มาก
แต่การเอาใจคนไข้ยังต่างกันอยู่

ในที่สุดก็มีคนมาตอบคำถามชั้นแล้ว

แสดงว่าที่ชั้นเข้าใจว่าถ้าเป็นเครื่องมือแพทย์ของเอกชนมีความพร้อมกว่า เทคโนโลยีขั้นสูง แพงๆ หรือแม้แต่ยาก็มียี่ห้อที่ดีมากกว่ารพ.รัฐ คือเข้าใจผิดใช่มั้ยคะ

ขนาดเฮลิคอปเตอร์ที่เป็นศูนย์เคลื่อนย้ายผู้ป่วยยังมีแค่รพ.กรุงเทพ แต่รพ.จุฬาไม่มี

แล้วบุคลากรทางด้านการแพทย์ที่เอกชนจ้างมารพ.รัฐ การดูแล คำพูดคำจา จะเป็นคนละระดับกับเอกชนเลนมั้ยคะ

ว่าแต่ไม่มีใครเข้า รพ.ธรรมศาสตร์หรือคะ

ร.9 + พระพี่นาง + สมเด็จย่า = ศิริราช
Queen Sirikit + พระองค์อื่นๆ = จุฬา เป็นส่วนใหญ่
แต่เป็นเพราะอะไรไม่รู้นะ เอ หรือตามสายเชื้อกำเนิด เกี่ยวมะ (ลองดูบรรทัดแรก)

ส่วน At 10 เข้า เอ่อ... = Bavaria Hos. ปะคะ

เพราะค่านิยมของคนต่างจังหวัดด้วย ที่อาการหนักจริงๆ จะมาศิริราช เหมารถมา นั่งรถทัวร์มา นั่งรถไฟมา
คนไข้ไม่ได้มาคนเดียว ญาติก็มาด้วย
อาการประมาณ อยู่ รพ ศูนย์ก็รักษาไม่ได้แล้ว อยู่ไปก็รอความตาย ก็เลยมาตายเอาดาบหน้าที่ศิริราช

และคนไข้อนาถาที่ไม่มีเงินรักษาตัว บวกกับค่านิยมที่คิดว่าศิริราชคือโรงพยาบาลเก่าแก่ที่สุด หมอเก่งที่สุด สุดท้ายก็มารวมกันที่นี่

ตอนค่ำๆ จะเห็นรถกระบะต่างของกันมา แล้วมา OPD หามคนไข้ลงมา

ใครมาวังหลัง เดินมาดูก็ได้ คนเหมือนมด เดินกันทุกทิศทาง ทั้งญาติคนไข้ ทั้งหมอ พยาบาล จนท
แออัด จอแจมาก

ทำไมนักศึกษาแพทย์ศิริราช ต้องทำธงมหิดลขายทุกปี ทำไมต้องขอบริจาคกันทุกปี
ก็เพราะคนไข้มาจากทั่วประเทศมารักษาฟรี ทางมหิดลก็ต้องควักเงินมูลนิธิออก
แล้วบางคน คืออาการหนักมากคือถ้าไม่หายก็กะมาตายที่ศิริราช ทำให้ศิริราชแบกค่าใช้จ่ายอีก

ถ้าเชื้อพระวงศ์ประชวร ทางเลือกที่ดีคือ รพ จุฬา เพราะจุฬามีตึก สก กับตึกภูมิสิริมังคลานุสรณ์
ที่กันพื้นที่ไว้เฉพาะทั้งชั้นให้พระราชวงศ์ หรือสมเด็จพระสังฆราช
หมอจุฬาก็เก่งไม่แพ้มหิดล ก็คือเหมาะที่จะรักษาเชื้อพระวงศ์

ส่วนศิริราช ข้อจำกัดเยอะ ทั้งก่อสร้าง ทั้งคนไข้แออัด อนาถา ทำให้ทหาร ตำรวจ มหาดเล็กถวายความปลอดภัย
จัดรถเข้า-ออกลำบาก มีพระราชวงศ์มาเยี่ยม ที่ รพ จุฬา ก็ทำได้ง่ายกว่าศิริราช
เอาจริงๆ ศิริราชไม่ได้น่ามอง ถ้าพูดในแง่จะมารับรองเชื้อพระวงศ์ที่มารักษาพระอาการ

ที่ รพ จุฬา เราจะไม่ได้เห็นคนต่างจังหวัดเอาพัดลมเก่า เสื่อ มุ้ง ที่นอนปิกนิก กาน้ำร้อน ต่างหลังกระบะมาติดต่อขอรักษาเหมือนที่ศิริราช
รพ จุฬาไม่จำเป็นต้องให้นิสิตมาตัดผ้า เย็บผ้า ทำธง ร้อยเชือกเหมือน นศ มหิดลทำเพื่อขอเงินเข้ากองทุน หาเงินค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์

ที่รพ จุฬา ไม่มีภาพญาติคนไข้นอนตามระเบียงนอกห้องผู้ป่วยรวม
รพ จุฬา จะเนี๊ยบ สะอาด ไม่มีภาพแบบศิริราชที่เป็นศูนย์รวมคนไข้อนาถา

รพ จุฬา มีเงินจากสภากาชาดไทย และไม่มีภาระคนไข้อนาถายากไร้
รพ ศิริราช เงินจากมหิดลที่ได้รายปีจากรัฐไม่พอ เพราะคนไข้มาเยอะ
รพ ศิริราชต้องเปิดศิริราชปิยมหาราชการุณเพื่อหาเงินเข้ามาช่วยศิริราชอีกทาง
ยังไงเงินก็ไม่พอ นักศึกษามหิดลต้องทำธงวันมหิดลมาขาย ขอบริจาคทุกปี
นศ แพทย์ศิริราชต้องเย็บผ้า โพ้งผ้าเป็น เดินขายหาเงินเข้ามูลนิธิ

แต่ข้อดีของการเรียนมหิดลคือเคสแปลกๆ เยอะมาก เพราะคนไข้มาจากทั่วประเทศ มาแบบที่อื่นไม่เอาแล้ว
มาที่ศิริราชก็จะได้เจอเคสยากๆ แบบไม่ใช่โรคคนเมือง

สำนักพระราชวังก็มองแล้ว เลือก รพ จุฬา ดีกว่าศิริราช

ข้อมูลแน่นมาก นังนี่เป็นหมอสาว med 18 ชัวร์

cu จบมามีแต่หมอดัดจริตตอแหล เหยียดคนไข้ไปวันๆ

ใหม่ ไฮโซ ครบครัน บวกวิว สวนลุม ตึกสูงย่านธุรกิจ ย่านไฮโซแถวถนนวิทยุ สถานทูต

วิวคืออลังการ ไฮโซ

ศิริราชคนเยแะมากๆๆๆ

ในอนาคตความคิดส่วนตัว ต่อไปคงไปแต่ ฬ กันหมดแล้ว ไม่น่ามาแถวริมน้ำแล้ว

ศิริราชคือศูนย์รวมคนไข้จริง แทบจะเป็น รพ แห่งชาติก็ว่าได้ สถานที่และตึกต่างๆในศิริราช แทบเป็นเขาวงกต ตรงไหนว่างก็สร้างตึกแน่นไปหมด ไม่เหมือนจุฬา ยังมองเห็นที่ว่าง ตึกขึ้นเป็นสัดส่วน ศิริราชนี่ไม่ใช่เลย รามาก็พอๆกัน ที่จอดรถ รามาเหี้ยกว่าศิริราชอีก ตึกก็สร้างแน่นไม่ต่างกัน แต่สภาพไม่อนาถาเท่าศิริราช แผนกฉุกเฉิน ศิริราช คือสุดยอด เห็นแล้วอนาถทุกครั้งที่ไป

อีกอันที่เป็นระดับ รร แพทย์ แต่ไม่ดูแน่น คือ พระมงกุฏ แต่ชื่อเสียงก็ไม่ค่อยหวือหวา ราชวิถีฝั่งตรงข้าม ยังดังกว่าถึงจะเป็นคณะแพทย์มหาลัยเอกชนก็เหอะ

ไปศูนย์ตา

รามา ห่วย ใครเป็นมะเร็งไป แม่ม ทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ตายห่ากันหมด

เออ แล้วต่างจังหวัดที่เป็นชายแดน อย่างสระแก้ว สุรินทร์ หนองคาย แม่สาย แม่สอด และอื่นๆยอดผู้ป่วยจากต่างประเทศอาจจะเยอะกว่าคนไทยอีกนะ

รพ ปฏิเสธคนไข้ไม่ได้ด้วยสิ ใครมาไกล้ตายก็ต้องรับไว้หมด ไม่ต่างจากศิริราช นั้นแหละค่ะ

น้องเกรนนี่รับยาต้านที่นั้นเหรอค่ะ

ต้านหน้ามึงสิอิแก่ อิอิ