ไม่รู้นึกไงเลยอยากกลับมาเรียน นะคะ ไม่รู้มีปัญหากับที่บ้านหรือเปล่าเลยหาเรื่องออกจากบ้านกลับมาเรียน คะ ไม่ได้ถาม เพราะไม่กล้ามันไม่คอยเล่าคะ

เคยดู ทราสคริปมันนะคะ ป.ตรี มันมีเรียน เจนเคม เรียน เคมี วิเคราะห์อยู่คะ ส่วนออเคม ไม่แน่ใจคะ เพราะ เกษตร มันก็เรียน ชีว เคมี ฟิสิกส์ เหมือน ป.ตรี คณะวิทย์อยู่คะ แต่เนื้อหาที่เรียน เข้มเท่าหรือเปล่าไม่แน่ใจคะ มันจบมาคนละ ม. กับของฉันคะ

ฉันก็บอกมันแล้ว ว่าไม่น่ารอด ขนาดตัวมันเอง ฉันถามว่า มั่นใจเหรอ มันยังไม่มั่นใจเลยคะ แต่คือมันอยากเรียนไงคะ

ฉันกลัวว่าจะเสียเวลา เสียเงิน แล้วก็เครียดเปล่าๆ แถมที่มันดูไว ก็ ฬ กับ มหิดล ซะด้วยนะคะ เล่น ม.ยากซะด้วย นี้ก็พยายาม ห้ามมันอยู่ แต่มันบอก ขอกลับไปคิดดูก่อน

อีกอย่าง อายุ 35 36 แล้วคะมึง กว่าจะจบ 40 ซะละมัง เผลอๆไม่จบด้วย

ปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต (Bachlor of Engineering) เกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง สาขา Sex Toy Technology & Engineering) จาก University of Palm Plaza, USA

ปัจจุบันกำลังเรียนปริญญาโท เปลี่ยนสายเเรียนช่นกันค่ะ

โดยเข้าเรียนหลักสูตรปริญญาโท Gender Affirmation Surgery & Technology (เทคโนโลยีและศัลกรรมผ่านตัดแปลงเพศ)

มีอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์คือ ศาสตราจารย์ กวน อิม ล้าน ล้าน ภาค

ปรึกษาได้นะคะ กำลังทำ paper ตีพิมพ์ เทคนิคผ่าหีแท่งให้เป็นหีอูมโหนกนูนให้แบบเนียนสุดอยู่ค่ะ

การเรียนข้ามสายถ้าคุณสมบัติผ่าน มหาลัยรับเข้าเรียนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
หลายคนเค้าก็ทำกัน แต่ มันต้องใช้ความพยายามอย่างสูงเลยนะที่จะทำให้สำเร็จ
เพื่อนดิชั้นก็จบตรีโทวิศวะมา ช่วงอายุ 35 มันก็ไปสอบเรียนตรีเภสัชที่รังสิตอีกใบซะงั้น
ก่อนเรียนมันก็มั่นอกมั่นใจว่าทักษะคำนวนกับเคมีที่ดีของมันจะนำพาให้มันเรียนเภสัชได้อย่างสบาย
สรุปเปล่าเลยยิ่งเรียนปีสูงๆอาศัยแค่ความถึก ทน เข้าใจ ท่องจำ อย่างเดียว จนมันเป๋เกือบจะลาออก
ตอนเรียนอยู่เภสัชปี 3-4 แต่เพื่อนๆในกลุ่มก็คอยให้กำลังใจ จนมันเรียนจบตอนอายุ 41 สอบสภา
2 รอบกว่าจะผ่าน ตอนนี้เปิดร้านยาหลายสาขาแล้วค่ะ

ดิชั้นกำลังจะบอกว่าถ้าเค้าอยากลองก็ให้เค้าลอง ไบโอเคมมันไม่เหมือนเภสัชที่เพื่อนดิชั้นเรียนนะคะ
เภสัชมันยังมีความเป็นศาสตร์และศิลป์ ต่อให้ข้ามสายมันยังค่อยๆปรับได้
แต่ไบโอเคมนี่ศาสตร์ทางวิทยาศาสตร์ล้วนๆค่ะแล้วยิ่งป.เอกด้วย มหาลัยดังด้วย อาจารย์เค้าไม่ปล่อยจบ
ออกไปง่ายๆหรอกค่ะ

เเต่คำเเนะนำคือ ควรจะเรียนให้ตรงสายให้ตรงทั้ง ตรีโท เอก มันจะได้ดูมีพื้นฐานเเละมีความเเน่นในเนือหาวิชา ดูเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้นๆ จริงๆ เรียนข้ามไปข้ามมาเเบบนี้มันไม่มีความรู้จริงคะ

บางคนขนาดฝีมือดี เกรดดีมาก แต่พอมาทำ experiment มันควบคุมยากมากนะ สารชีวโมเลกุลต่างๆ เนี่ย สุดท้ายผล lab ไม่ออก lab fail เลย

ยิ่งถ้าไปเจออาจารย์ที่เคี่ยวๆ ยิ่งเครียดคูณสองเลย บางคนเจออาจารย์โหด นี่ยิ่งตายแน่ๆ

โหด กับ เคี่ยวต่างกันนะ บางคนเคี่ยวแต่ใจดี แต่ก็เคี่ยวให้ได้งาน แต่บางคนโหด คือทั้งดุ ทั้งด่า ทั้งไม่ให้จบง่ายๆ มึงเตรียมตายอนาถค่ะ

ซึ่งการเรียน ป.เอก ทุกมหาวิทยาลัยเขาคาดหวังต้องได้ผลงานตีพิมพ์ระดับนานาชาติในฐานข้อมูลด้วย ถามเพื่อนเธอสิว่าเคยทำวิจัยลงใน SCOPUS ที่เป็นชื่อแรกได้กี่เรื่อง

ถ้าไม่มี บอกเลยว่าเพื่อนเธอจะงานหนักแน่นอน อ้อ ไม่ใช่ไปซื้องานวิจัยเอาแบบที่กำลังเป็นข่าวนะยะ ยังไงก็จับโป๊ะได้อยู่ดีค่ะ

แต่ที่มันถาม เรื่องเรียน ชีวเคมี นี้คือมันอยากเรียนเฉยๆคะ แบบคนเรียนเพื่อนสนองนีส ตัวเองนะคะ

ถามมันนะคะว่าจบมาแล้วจะหางานด้านนี้เหรอ มันบอกไม่ได้คาดหวังแต่ถ้าได้ก็ดี จะสายวิจัย หรือ อ. มหาวิทยาลัยก็ได้ แต่ถ้าไม่ได้ ก็กลับไปทำกิจการที่บ้านต่อ

เท่าที่ฟัง คืออยากเรียน เพราะความอยากล้วนๆคะ ไม่ได้เรียนเพราะอาชีพ หรือเพราะพ่อแม่บังคับ

เรื่องสมองนะคะ เพื่อนฉันมันเป็นคนหัวกลางๆ คะ ถ้าเทียบเป็นเกรด ก็น่าจะประมาณ B ไม่ถึง B+ หรือ A คะ

แต่มันได้ตรงมันขยัน แค่นั้นคะ เขากับคนง่าย ตอนเรียน โท มันบอกก็ช่วย อ.ทำงานวิจัย อยู่ อาจารย์มันก็เอ็นดูมันคะ

มันจะเรียนต่อตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่ติดเรื่องที่บ้าน นี้คงกลับไปคิดหลายปีแล้วละคะ ใจมันก็กลัวจะไม่รอด จะเสียเงิน เสียเวลา

เท่าที่ฟังมัน มันบอกอยากทำวิจัย เรื่อง โรคมะเร็ง กับ โรค พันธุกรรมคะ มันจะไปเรียนสายแพทย์เลย หรือ เภสัช ก็ไม่ไหว มันว่าข้ามสายเกิน

แต่อย่าง คหห บนๆว่า ถ้าไปเรียนจริง มันว่า ม. คงบังคับให้มันเรียนปรับพื้นก่อนแน่ๆ

มันบอกไม่กลัวเรื่องสอบเข้านะคะ เพราะมันว่า สายนี้คนเรียนน่าจะน้อย การแข่งขันน่าจะน้อย แต่มันกลัวว่าเรียนไม่รอดมากกว่าคะ

ขนาดฉันถามมัน ว่ามั่นใจหรือเปล่า มันก็เอาแต่สายหน้า ส่วนตัว ฉันว่าไม่รอดคะ ตุ่ยแน่ๆ ถ้าไปเรียนกับคน ตรงสาย ฉันว่าไปเป็นฐานให้เขาเหยียบแน่ๆ

อาจารย์มหาวิทยาลัย น้อยมากที่จะรับคนอายุ 40+

ถ้าจะรับจริงๆ คือต้องมี publications ระดับนานาชาติ 10 เรื่องขึ้นแล้วนะสำหรับ 40+

ซึ่งคนเรียน Ph.D. ส่วนใหญ่นะ ย้ำว่าส่วนใหญ่ในสายวิทย์ ชีวเคมี ก็จะจบด้วย publications ไม่เกิน 3 เรื่องหรอกค่ะ ได้ 2 เรื่องก็ว่าเก่งแล้ว

แล้วคิดว่าใครจะรับไปเป็นอาจารย์ด้วยจำนวนผลงานแค่นี้ คือถ้ามีผลงานแค่ 2 - 3 เรื่อง แต่อายุน้อย เขาก็อาจจะรับค่ะ เพราะเห็นว่ายังเด็กและจะทำต่อยอดได้

แต่ถ้าอายุเยอะ เขาจะสงสัยและอยากรู้ว่าที่ผ่านมาทำอะไร แล้วก็ไปช่วยอะไรคนในหลักสูตรก็ไม่ค่อยได้ เพราะอายุเยอะแล้ว

ในเมื่อเรียนแค่อยากเรียน ก็เรียนเอาปริญญาโทอีกใบก็ได้นี่

ยกเว้นว่าจะอยากมีคำว่า ดร. นำหน้า นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ไม่จริงค่ะอีแก่ตัวนี้มโนเป็นสาวมหิดลแน่ๆ
สมัยนี้เขารับหมดทุกคนค่ะ เพราะอาจารย์มหาวิทยาลัยเดี๋ยวนี้อยากได้ทาสเอ๊ย อยากได้คนไปช่วยทำงานวิจัยให้ ใครจบเกรดน้อย หรือมหาวิทยาลัยราชภัฎมาสมัคร ยังรับเลยค่ะ
เพราะเดี๋ยวนี้ต้องเน้นหาเงิน + หาแรงงานไปช่วยทำแล็บ + ธุรกิจการศึกษา
คนไปเรียนโท เอก น้อยลงมากๆ ถ้ามีใครหลงมาสมัคร เขารับหมดค่ะ

อีนี่ไม่รู้จริง ชอบเสือกมโนอีกล่ะ

มันเชื่อมต่อกันอยู่ แต่ถามว่าเหนื่อยไหมก็เอาเรื่อง ฉันคิดไปลงเรียนวิชา advanced plant biochem น้ำตาไหลคะ เพราะพื้นฐานมีแค่ Biochem 1 และ 2 มันไปต่อไม่ได้ ต้องดรอป อาจารย์ก็แนะนำให้ไปลงบางวิชาเพิ่ม

ถามว่า เพื่อนเธอเรียนได้ไหม ตอบเลยว่าเรียนได้แต่มันอาจต้องเสียเวลาไปปูพื้นบางวิชาเพิ่ม ช่วงปีแรกอาจจะยังไม่ได้ทำอะไรมา ต้องลงเรียนอีก หลายวิชา และอาจจะใช้เวลาเรียนนานหน่อยอย่างน้อย ๆ ก็ 4-5 ปี แต่ถ้าทำ lab อย่างมันก็ทำไปก่อนตามวิธีการที่มี แล้วก็ค่อย ๆ ทำความเข้าใจ ก็เป็นไปได้ อย่างน้อย ๆ ก็ 4-5 ปี

เราต้องไม่ดูถูกความตั้งใจของใคร
ส่วนตัวมีเพื่อนที่เรียน ชีวและเคมี ในเมืองไทยไม่รู้เรื่อง ต้องเรียนหลายรอบ แต่ไปอยู่ อเมริกานางจบ โท โมเล็ก ตอนนี้เป็นนักวิทย์ที่ อเมริกา ได้ดิบได้ดีไปแล้ว