ปรกติคะ เภสัช ม.บูรพา เปิดมาไม่ถึง 10 ปีคะ
มีคนจบไป รุ่น สองรุ่นเองมัง
ต้องเข้าใจนะคะ คณะเปิดใหม่ รับ อ. ใหม่ ส่วนใหญ่ก็จบตรีกัน คะ รุ่นแรกๆ เลยต้องมีอาจารย์พิเศษเยอะ เอา ม.อื่น มาช่วยสอนคะ
แล้ว ม. ก็ทยอยหาทุน ส่ง อ. ที่จบ ตรี ไปเรียนต่อคะ
ลองคิดตามนะคะ มี อ. 10 คน ไม่ใช่จะให้ทั้ง 10 คนไปเรียนต่อ พร้อมกันคะ ไม่งัน อ. ไม่พอคะ
เลยต้อง แบ่งกันไปคะ เช่น ให้ไปก่อน 2-3 คน อ. ที่เหลือ ก็สอนที่ ม. รออีก 2-3 ปี ให้คนที่ไป กลับมา สอน
แล้วชุดสอง ก็ส่งไปอีก 2-3 คน ทำแบบนี้จนครบคะ
จะส่งไปที่เดียวทั้งหมดแล้วใครจะสอนละคะ
ฉนั้น ช่วงแรกๆ รุ่นแรกๆ จะเป็น อ. ที่จบ ตรี สอนวิชาพื้นฐาน ง่ายๆ แล้วเชิญ อ. พิเศษ มาช่วยสอนในวิชาที่เฉพาะทาง เพิ่มคะ
รอจน อ. ประจำที่ทยอยส่งไปเรียน กลับมาจนครบนั้นแหละคะ
เป็นทุกคณะคะ คณะแพทย์ ก็เป็นคะ
ฉนั้น กรณีแบบนี้ ปรกติคะ สำหรับ คณะที่เพิ่งเปิดใหม่
ส่วนเรื่อง วุฒิ MBA กูว่าไม่น่าเกี่ยวหรอกคะ แต่ประวัติ มันให้ใส่ว่าจบอะไรมาบ้าง ก็ใส่ๆไป ไม่ใช่สาระคะ เหมือน MBA อาจจะเรียนเพราะชอบ ส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับวุฒิ ที่ใช่สอนหรอกคะ
เพราะอย่างไง คุณวุฒิ อ. ต้องผ่านสภาวิชาชีพอยู่แล้ว ว่าสอนแรกๆ ใครมาสอน แผนพัฒนาบุคลากรเป็นไง สภาวิชาชีพเขาดูหมดคะ ถ้าวุฒิไม่ตรง ไม่มีแผนพัฒนาบุคคลากร คงไม่ให้ผ่านการรับรองหรอกคะ
ไม่ต้องทะเลากันคะ เป็นแบบนี้แทบทุกคณะ คะสำหรับคณะที่เพิ่งเปิดใหม่ และส่วนใหญ่จะเป็นกับ คณะที่มีความเชียวชาญเฉพาะด้าน และมีสภาวิชาชีพคะ เพราะ อ.ไม่พอคะ
ไม่ว่า วิศวะ แพทย์ ทันตะ เภสัช เป็นหมดคะ แรกๆ ก็เอา อ.แค่วุฒิ ตรี มาสอน แล้วก็ทยอยส่งเรียนคะ