ตอนนี้เห็นว่ารัฐบาลประกาศออกมาอุ้มค่ะ คงผ่อนคลายความตึงไประดับหนึ่ง
จะเป็นโดมิโนต่อไปที่อื่นไหม ช่วงนี้ต้องคอยระวังให้มาก

https://twitter.com/Catter65422769/status/1635158211933376514/photo/1

ใหญ่แค่ไหนคะ อีดอก มันเป็นธนาคาร Local ค่ะ ธนาคารใหญ่ ต้อง Chase, Wells, CITI, BOA โน่นนนค่ะ แต่ SVB ก็ Market Cap ใหญ่พอตัว แต่เทียบไม่ติดพวกนี้ค่ะ พวกนี้ใหญ่กว่าเป็น 10 เท่าค่ะ ธนาคาร Big 4 ของเมกา ล้ม ถึงค่อยเรียกวิกฤคค่ะ ปกติ ธนาคารของเมกา เปลี่ยนมือหรือล้มบ่อยกว่าไทยมากๆ ค่ะ

คนที่ฝากเงินไม่ถึง $250k ได้คืนก่อนแล้ว
ส่วนพวกสตาทอัพที่ฝากเกินไว้ ก็รอธนาคารเก็บหนี้ ขายBondขาดทุน อาจจะได้เงินคืน 90-95%

ล่าสุดHSBC ซื้อธนาคาร 1ใน3 ไปแล้ว
คิดว่าเป็นโอกาสเลย ยังไงก้กลับมาได้

ข่าวล่าสุดบอกจะหยุดขึ้นดอกเบี้ย
คริปโตก็เขียวขจี หุ้นก้ไม่ได้ร่วงแรงใดๆ

.

ยังไม่หยุด มีขึ้นต่อไปอีก ไม่มากก็น้อย

ต้องรอดูเฟดอาทิตย์หน้าก่อนว่าจะเอายังงัยดี

.

.

.

.

.

ล่าสุด “มูดี้ส์” เล็งหั่นเครดิต 6 แบงก์สหรัฐฯ

https://www.youtube.com/watch?v=zOvpQM3POEQ

โดยเฉพาะดอกเบี้ยบัตรเครดิต ตอนนี้เก๋ๆ ก็ 27%-28% ใครที่ดอกบัตรเครดิตต่ำกว่า 25% นี่คือมึงโชคดีแล้ว จากแต่ก่อนถ้าเครดิตสกอร์สูงดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 12%-15% ตอนนี้ไม่ละค่ะ ต่อให้มึงเครดิตดีแค่ไหนก็ตามโดนกันหมด

ดอกเบี้ยเงินกู้ต่าง ๆ ก็เริ่มที่ 10%-15% แล้วค่ะช่วงนี้ จากที่ช่วงปกติเคยอยู่ที่ไม่เกิน 3%-5% (สำหรับคนเครดิตดี)

อย่างเพื่อนสาวกูเครดิตสกอร์ 700 กว่า ไปถามกู้แบงค์จะซื้อบ้าน เจอดอก 14% วิ่งหางจุกตูดออกประตูแทบไม่ทัน อีพนักงานแบงค์ตุ๊ดปินส์นี่ก็เก๋เว่อ บอกเพื่อนสาวกูตรง ๆ เลยว่าอย่าเพิ่งซื้อตอนนี้ เดี๋ยวอีกหน่อยน่าจะ Foreclosure กันถ้วนหน้า ถึงตอนนั้นค่อยซื้อ (ก็จริงของมัน) กูเองก็อยากได้บ้านเหมือนกัน แต่ตอนนี้คือบรรลัยมาก ราคาบ้างก็แพงเกินความเป็นจริง อีดอก แถมดอกก็สูงอีก ใครมันจะซื้อ ใครมันจะมีปัญญาผ่อน อีพวกที่ซื้อบ้านตั้งแต่ปี 2020 มาถึงตอนนี้กุมขมับกันถ้วนหน้า มันถึงได้มีคนกลายเป็น Homeless กันเยอะ

เบื้องหลังเศรษฐกิจอเมริกาตอนนี้เป็นยังไง อันนี้กูไม่รู้ลึกหรอกนะ เพราะอย่างที่บอกกูไม่ใช่ตุ๊ดเศรษฐศาสตร์ แต่สภาพความเป็นอยู่เฉพาะเมืองที่กูอยู่คือเหมือนจะไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ค่ะ

แต่ของไทย มึงผ่อนไม่ไหว ยึดขายทอดตลาด ถ้าไม่พอกับหนี้ที่มี มันตามยึดอย่างอื่นอีก

เท่าที่กูรู้มานะ ผิดถูกยังไงกูไม่ขอการันตี เพราะกูเองไม่เคยอยู่ในจุดที่เป็นหนี้จนไม่มีปัญญาใช้

กว่าจะโดนยึด ธนาคารก็ต้องไปฟ้องศาลหีแตดสารพัดก่อนค่ะ กว่าศาลจะพิจารณาออกคำสั่ง Foreclosure ก็คือพักใหญ่ๆ อาจจะ 5-6 เดือนด้วยซ้ำ แต่เอาเข้าจริงศาลจะให้ประณีประนอมกับแบงค์มากกว่าเพื่อหาทางออก ถ้าหาทางออกไม่ได้ผู้กู้ก็ต้องยื่นล้มละลายลำบากรัฐต้องมาอุ้ม

คราวนี้ถ้ามึงยื่นล้มละลาย เครดิตมึงเสียไปอย่างน้อย 7-10 ปีเลยค่ะ ภายใน 10 ปีนี้มึงจะกู้อะไรไม่ได้อีก ทำบัตรเครดิตก็ยาก กู้บ้าน กู้รถ ไม่ต้องพูดถึง รวมไปถึงเช่า Apartment ด้วย อีดอก บางทีไปสมัครงานที่เกี่ยวข้องกับการเงินการธนาคาร หรือแม้แต่งานรัฐบาลที่ส่วนใหญ่เขาเช็คไปถึง Financial background ถ้าเขาเจอประวัติล้มละลายเมื่อไหร่มึงมีสิทธิโดนปัดตกทันที แล้วมันจะอยู่กันได้เหรอคะ ถึงได้กลายเป็น Homeless กันเต็มไปหมดนี่ไง

แต่ถ้าเป็น Insecure debt อย่างหนี้บัตรเครดิต หรือ Personal loan ถ้าหร่อนเบี้ยว แล้วหร่อนประณีประนอมกับแบงค์ไม่ได้ หรือตีมึน ไม่รู้ ไม่ชี้ ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย อันนี้แบงค์เขาฟ้องศาลให้ตามหักจากบัญชีเงินหร่อนเลยค่ะ คำสั่งศาลถึงที่ทำงานหร่อนทันนี้ ที่เรียกว่า wage garnishment นั่นแหระ หร่อนทำงานที่ไหน ศาลส่งหมายแจ้งไปหา HR หร่อนไม่เกิน 7 วันเลยค่ะ แล้วมันจะอยู่เป็นประวัติติดตัวหร่อนไปตลอดจนกว่าจะใช้หนี้หมด ต่อให้หร่อนเปลี่ยนงาน เขาก็ตามหร่อนจนเจอ

ตอแหลอีแก่

ละพวกเงินเทาๆเงินมืดๆก็มาจากรัสเซียทั้งนั้น

แต่รอบนี้ก้น่าจะPanicมาแหละ
เอาไปซื้อทอง ซื้อคริปโต เก็บไว้ น่าจะเซฟกว่า

Silicon Valley Bank เนี๊ยะนะไม่ใหญ่
ใหญ่กว่ากสิกรสองเท่าคร้า มีสาขาหลายประเทศด้วย
แล้วเกิดวิกฤติทำให้ต้องปิดตัวภายในไม่กี่วัน
เหตุการณ์แบบนี้คือผิดปกติมากๆ

หลังๆมาเอเชียขยันกว่า สมองดีกว่า มีสินค้าและบริการท่มาแย่งตลาดไปได้
อาการที่ซ่อนอยู่มันเลยฟ้องออกมาไงว่าอยู่ภายใต้ฟองสบู่ ขายฝันว่าเป็นดินแดนเสรี

อเมริกาน่าจะเหมือนเมืองใหม่ที่สร้างไปไม่หยุด ถ้าหยุดคือฟองสบู่ยุบ
แต่อเมริกาน่าจะไปต่อได้บ้าง คงไม่บูมเหมือนที่ผ่านมา
ไปต่อคือ เป็นประเทศกว้างใหญ่ ทรัพยากรเยอะ เสรี ประชาธิปไตย โปรโมตอะไรก็ได้ เช่นการศึกษา ท่องเที่ยว กีฬา เอนเตอร์เทน