แถมล่าสุด บอก ละคร จะเหลือแค่พุธ พฤหัส จะเอารายการข่าวมาทำ มันบ้งมากๆเลย นี่มันคือช่อง7 หรือ ททบ5 คะอยากจะรู้

แต่มองอีกแง่ หลายคนเค้าก็วิเคราห์มานานแล้วว่า หลังจากสื่อสิ่งพิมพ์ตาย สื่อที่จะตามมาก็คือ ทีวี

ประมาณว่า ทีวีก็ยังอยู่ได้ แต่คนจะให้ความสำคัญน้อยลง เพราะมีอินเตอร์เน็ตเข้ามาแทนที่ มีหนัง มีซีรีย์ให้เลือกดูได้ตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องง้อโทรทัศน์

ขนาดแกรมมี่ อาร์เอส ยังต้องมารวมกัน เพื่อความอยู่รอด แต่ช่อง 7 ช่อง 3 จับมือร่วมกันยาก ถ้าจับมือกันในด้านละคร แบ่งปันดารากัน น่าจะคึกคัก

แต่โปรเจคนี้เกิดยากกว่าค่ายเพลงรวมกัน เพราะช่องมากสีก็หัวโบราณ ช่องน้อยสีก็ถูกคุมโดยกะเทยขี้อิจฉา

นี่ถ้ารัฐบาลไทยเลิกผูกขาดช่องโทรทัศน์ แล้วไทยกลายเป็น digital tv สำเร็จไปตั้งแต่ยุค 80s เสรีภาพสื่อหลากหลาย ผู้เล่นเยอะแยะ เป็นอิสระ ยืดหยุ่น ทุกวันนี้การแข่งขันในวงการโทรทัศน์ไทย จะยังคงแข็งแรงอยู่ และมีอำนาจต่อรองกับฝั่ง streaming อยู่มากๆ (ดูเกาหลี ญี่ปุ่น เป็นตัวอย่าง)

แต่เพิ่งพยายามมาดัน digital tv ในยุคที่คนไปอยู่ใน internet กัน มาตั้งไข่เอาตอนนี้ มีแต่เจ๊ง กับเจ๊ง ก็ดูสิ ช่อง digital tv ทุกวันนี้เหลือกี่เจ้า 55555555555

ในขณะที่ digital tv เกาหลี ญี่ปุ่น อเมริกา เขาแข่งกันเป็น ร้อยๆช่อง

เพราะฉะนั้น มันชัดเจนแล้วว่า วงการทีวีไทยกำลังตายแบบกู่ไม่กลับแล้ว ทางรอดของช่องโทรทัศน์ คือต้องแยกส่วนขายคอนเทนต์ที่มี เพราะวิถีการบริโภคของมนุษย์ในยุคนี้เปลี่ยนไปหมดแล้ว

ข่าวเนี่ย ต้องบอกว่าเป็นยุคทอง เพราะขายบนทีวี แล้วก็มาขายต่อได้ในเน็ตอีกต่อได้สบายๆ เป็นยุคที่วงการข่าวมีสีสันมาก แล้วยุคหลังช่องต่างๆ ได้เงินจากการนำเสนอข่าวในอินเตอร์เน็ต แซงในทีวีไปแล้ว

แต่คอนเทนต์ที่เป็นละครนี่ต่างกัน ไม่ช้าก็เร็ว สื่อบันเทิง ที่ยังเกาะอยู่กับระบบ scheduled โบราณล้าหลังจะตาย หมดยุค คนยุคนี้ เขาเน้นดูซีรี่ย์ ดูหนังแบบ streaming คนนิยมเสพคอนเทนต์ แบบ on-demand ดูได้หลายขนาดหน้าจอ เมื่อไร ที่ไหนก็ได้ ไม่ใช่ต้องมารอละคร หน้าจอทีวี ตามวันเวลาที่กำหนดเท่านั่น

ส่วนวงการเพลง อันนี้ชัดเจนว่าเขาเปลี่ยนผ่านมาเป็น streaming แบบ on-demand กันแทบจะ 100% หมดแล้ว ทำให้เกิดผู้เล่น (ค่ายเพลง และ ศิลปิน) ใหม่ๆ เกิดขึ้นมาก จนกระแสไม่ได้ถูกผูกขาดอยู่ที่ค่ายเพลงใหญ่อีกต่อไป โดยตีแตกกระจุย

กลับมาที่วงการละคร ทางรอดของช่อง 3 กับ 7 ไม่ช้าหรือเร็ว ก็ต้องถูกบีบให้มีแพลตฟอร์ม streaming ของตัวเอง แบบ Netflix , Viu, iQiyi, WeTV จากที่เอาเงินไปลงทุนในทีวี ต้องมาลงทุนเพื่อจัดจำหน่ายคอนเทนต์ บนแพลตฟอร์มที่เป็น internet-based service มากขึ้น ถ้าไม่ลงทุนทำเอง ก็ต้องเอาคอนเทนต์ตัวเองไป collab กับบริการสตรีมมิ่งที่มีอยู่แล้ว เช่น Netflix และ บลา บลา

ทางนี้ ทางเดียวเท่านั้น ที่จะทำให้ละครช่อง 7 และ 3 กลับมามีกระแส เพราะคนรุ่นใหม่ แทบไม่ดูทีวีแล้ว

สรุป!!! ต้องยอมรับความจริง ว่าโลกมันเปลี่ยนไปแล้วให้ได้ก่อนในขั้นแรก แล้วเดี๋ยว solution มันก็จะตามมาเอง ไม่ยากหรอก

ช่อง3ก็ไม่ใช่จะดีนะคะ ปี64 พลิกกลับมามีกำไร 700ล้าน หลังขาดทุนติดกันมาหลายปี เพราะคืนช่องที่เป็นตัวถ่วงไปสองช่อง ตัดรายจ่ายไปเยอะ

แต่พอปี65 กำไรกลับลดเหลือ600กว่าล้าน ก็คือแนวโน้มกลับมาลดอีก

ธุรกิจทีวีเข้าสู่ยุคขาลงแล้ว ช่อง3ก็เริ่มมองลู่ทางอื่นแล้ว มีออกซิงเกิ้ลเพลงให้ดารา แล้วในลิ้งค์ข่าวนี้ก็จะสร้างหนัง ทุกคนต้องดิ้นเอาตัวรอด

ขอโทษค่ะลืมแปะลิ้งค์อ้างอิง

https://thunhoon.com/article/268699

หยุดมโนค่ะ ช่อง 7 ได้กำไรทุกปี แล้วถ้าเทียบในปีเดียวกันกับที่หล่อนเอามากางโชว์

ช่อง 7 นางได้กำไรเกือบ 2 พันล้านเลยนะคะ

แต่เพราะว่าช่วงนี้จะมีการเลือกตั้ง

เขาไม่อยากเอาละครรีรัน มาฉายแบบช่อง 3 และช่อง One ที่ชอบเอามาฉายซ้ำ ๆ ในช่วงรอเคาะละครใหม่

เขาก็เลยเอารายการข่าวการเมืองมาแทรกชั่วคราว

แค่ 5 อาทิคย์เองมั้ง จนกว่าจะเลือกตั้งเสร็จ

จะได้วิเคราะห์ วิจารณ์ วิพากษ์ และด่านักการเมือง ได้ถูกคอ

ตอนนี้ช่อง 7 ทำข่าวการเมืองแซ่บมากนะ

แบบไม่สนพรรคไหน ฝ่ายไหนเลย จิกกัดทุกด้าน แต่เหมือนแอบเทมาทางฝ่ายพรรคก้าวไกลมากกว่าด้วยซ้ำ

เท่าที่เข้าใจเพราะทางเทโรชอบคนของพรรคก้าวไกลแน่ๆ

แต่ทีมข่าวช่อง 7 ดั้งเดิม จะยังเป็นกลาง

รายการข่าวการเมืองนี้ เหมือนจะเป็นเทโรมาทำชั่วคราว เป็นการคั่นเวลาจ้า

ปล. ช่อง 7 กำไรปีละ 2 พันล้านนะคะ ถ้าเทียบกับปีเดียวกับแฟนๆ ช่อง 3 เอามาโพสต์ข้างบน จะเอาอะไรมาเจ๊งคะ ติ่งช่อง 3 อย่าเพิ่งเวอร์ค่ะ

>มันอยากรวยเองมันก็เห็นช่องมันก้ไปสิ อิโง่

เอออ เสี่ย​ 3 ช่า​ เค้าย้ายมาแล้วหลายช่อง
ก่อนจะมีทีวีดิจิตอลอีก​ ถามเสี่ย​ VT ดูก็ได้
ทำไมถึง​ "จำใจ" ออกมาจากแดนสนธยา

ซึ่งตอนนั้น​ ​ก็ยังไม่มีวี่แวว​กล่องดิจิตอลใดๆ
ใครจะคิดถึงคำว่ารวย​ สรุปใครโง่

.

ช่อง 7 ผลิตได้เองแค่ข่าวกับรายการบันเทิง บางรายการที่หล่อนคิดว่าเชยๆ นั่นแหละ ปัญหาพวกนี้ ไม่ได้เกิดแต่ที่ช่อง 7 ค่ะ ช่อง 5 ช่อง 9 ก็เจอปัญหาเดียวกัน คือ ไม่มีบริษัทผลิตคอนเทนท์ที่เก่งพอ แบบแต่ก่อน เพราะถ้าเก่งมากๆ ก็ออกไปเปิดช่องตัวเองทั้งนั้น เพราะฉนั้นพวกที่ยังผลิตรายการให้ช่องเก่าแก่แบบ 3-5-7-9 คือ ผู้ผลิตที่ไม่ได้ไปเปิดช่องตัวเอง ยังรับผลิตให้ช่องพวกนี้อยู่ ซึ่งล้มหายตายจากไปก็เยอะ เช่น JSL dTalk แม้แต่ Polyplus ก็มีพาร์ทเนอร์หลักเป็น ไทยรัฐทีวี รายการดีๆ ก็จะไปอยู่ช่องที่มีตัวเองมีเอี่ยวแทน

กลับมาที่ช่อง 7 เราว่า องค์กรมันมีวัฒนธรรมโบราณ คร่ำครึ พอเวลาเลือกคนมาทำงาน ก็เลือกแบบเดิมๆ เพราะตัวเองชินกับสไตล์แบบนั้น เธอก็จะเห้นว่า ช่อง 7 ไม่มีซีรี่วาย (ซึ่งอาจจะมีเนื้อหาวายปนบ้าง แต่ไม่มาก) ไม่มีรายการ Hardtalk ไม่มีรายการขยี้ข่าวที่ใช้พิธีกรดังๆ มาเล่าข่าว ไม่ใช่เพราะเขาทำไม่ได้นะ แต่เขาไม่อยากทำ เขาไม่แตะอะไรที่มันล่อแหลม หรือเซนซิทิฟ ซึ่งฟังดูแล้ว มีคุณธรรมและหลักการที่ดีนะ แต่เราว่า มันไม่ทันโลกยุคนี้ ที่คนชอบเสพดราม่ามากๆ

แล้วทำไมช่อง 7 ถึงยังเป็นช่องอันดับ 1 ทั้งที่ รายการหรือละครแทบไม่มีกระแส เพราะระบบเรตติ้ง ยังไม่อัพเดตไง ใช้มาเป็นสิบๆปี กล่องติดตั้งที่ไหนบ้างก็ไม่รู้ ซึ่งมีข่าวลือ กล่องที่ว่าจะอยู่ตามชนบท เสียเป๋นส่วนใหญ่ เนื่องจาก หลายๆ บ้านใน กทม และ หัวเมือง เขาไม่ยอมให้มาติดกล่อง เนื่องจากค่าตอบแทน ในการติดตั้งกล่อง ไม่ได้จูงใจให้คนเต็มใจติด แล้วคนดูกลุ่มตัวอย่าง ยังต้องป้อนรหัส เวลาเข้าดูรายการทุกครั้ง ซึ่งทีวี จะถูกแปลงสัญญาณผ่านกล่องอีกที ซึ่งถ้าบ้านไหน มีทีวีดีๆ เขาไม่ให้ติดกล่องเพื่อขัดอรรถรสในการรับชมทีวีหรอก เพระาค่าจ้างติดกล่องก็ไม่คุ้ม หรือถ้ายอม ก็ไม่แปลก ที่ตจะเห็น เรตติ้งยุคปัจจุบัน ต่ำเตี้ย เพราะคนติดกล่อง คงปิดทีวีเครื่องนี้ทิ้งไปเลย มากกว่า ซึ่ง บ. ทำวิจัยก็คงทำอะไรไม่ได้ เพราะการปิดทีวี เป็นสถิติของพฤติกรรมการดูทีวีประเภทนึงเช่นกัน

แล้วทีนี้ บ. โฆษณา เขาไม่ได้ซื้อโฆษณาตามเรตติ้งทีวี เขาซื้อตาม CPRP เพราะฉนั้น ต่อให้เรตติ้งอันดับ 1 ก็จริง แต่ทิ้งห่างช่องคู่แข่งแค่จุดทศนิยม เวลาคำนวณหา CPRP แล้วไม่คุ้ม เขาก็ไม่ซื้อค่ะ เพราะราคาค่าโฆษณาช่อง 7 แพงสุด หารกับเรตติ้ง แล้วมีค่าโฆษณา ต่อ impression สูงไป ก็ไม่เกิดประโยชน์ค่ะ แล้วทีนี้ ด้วยความที่เน้นหนัก ทางตลาดจังหวัด สินค้าหลายตัว ไม่ได้มีขายทุุกจังหวัดนะคะ หรือถ้ามี ก็มีเฉพาะในตัวเมือง ดังนั้นไม่แปลกที่ช่อง ที่มีเรตติ้งดี ในหัวเมืองจะยังขายโฆษณาได้เยอะกว่าช่อง 7 เพราะราคาดีกว่า เจาะกลุ่มตลาดได้ลึกกว่า ไม่ใช่จำกัดแค่สินค้าแมสที่วางขายทั่วประเทศ ถึงจะค่อยพิจารณาช่อง 7 ว่าอาจจะคุ้มค่ายิงแอดกว่า

อ้อ ที่น่าตกใจคือ ช่อง 7 ไม่ได้มีแผนกการตลาดขายโฆษณาจริงจังนะ มีแต่ทีมการตลาดง่อยๆ ที่เป็นแต่ตั้งราคากับรับออเดอร์ นอกนั้น แผนการวางสื่อ ก็คอยแต่ให้เอเจนซี่ป้อนงานให้ เราเลยไม่ได้เห็นช่อง 7 มีกิจกรรมไทอินสินค้า หรือ ขายของในรายการเท่าไรนัก ซึ่งบางคนก็ชอบ แต่ในขณะที่ช่องอื่น ขายกันหนักมาก แต่ก็ทำให้รายการอยู่รอดได้นานกว่า แม้หลังไ จะมีการทำ Intregrated MKT ร่วมทำคอนเทนท์กับดารา แต่ก็ไม่เคยเห็นคอนเทนท์อะไรเปนชิ้นเป็นอัน แบบที่เห็นช่องวัน ที่ทำคอนเทนท์ทางยูทูปแบบจริงๆจังๆ สุดๆ

เราว่า ช่อง 7 ก็ยังคงตีโจทย์เรื่อง ทาร์เก็ตไม่แตก ยังคงผลิตรายการที่ไม่ตรงกับทาร์เก็ตต่อไป พอคิดไรไม่ออก ก็เอาข่าวมาคั่น ไม่ก็รายการกีฬา เพราะพวกนี้ ช่องผลิตได้เอง ไม่ต้องนั่งเจรจากับ บ. ผผลิตคอนเทนท์ ว่าจะผลิตรายการออกมาดึงคนดูยังไงดี เพราะเอาจริงๆ ตัว ผบรห ไม่ได้มีความรู้เรื่องการผลิตรายการแบบช่องที่ไปเปิดเองแบบช่องใหม่ๆ เลย อันไหนเห็นที่อื่น ทำแล้วดัง ก็ทำตาม ทั้งๆที่ไม่ได้มีศักยภาพ

หลังๆ ก็เริ่มเละ ขึ้นรายการมา ไม่รอให้คนติด เรตติ้งไม่มาก็เลิก ทำให้ ไม่มีแฟนประจำแบบแต่ก่อนอีกต่อไปแล้ว

ระบบเรตติ้งใหม่กำลังจะเกิด มีคนทำนายว่า ช่อง 7 อาจจะได้เรตติ้งใหม่ที่ 4 แทน

ซึ่งปัจจียที่วา่ามาด้านบน ทำไห้ช่อง 7 เมหือนย่ำอยู่กับที่ และคิดส่าตัวเองยังเป็น ที่ 1 ที่ยังอยู่ในแต่กะลา ไม่ได้ออกไปดูโลกภายนอกว่า ช่องอื่น เขาไปถึงไหนกันแล้ว

ต่อให้คิดเรตติ้งแบบใหม่ หรือเอาแบบออนไลน์มา ช่อง 7 ก็ชนะค่ะ

ป้าคิดในมุมของตัวเองว่าไม่มีคนดูช่อง 7 หรือบอกว่าแค่เรตติ้งไม่กี่กล่อง

แต่จริงๆ ช่อง 7 มันมีคนชอบสไตล์นางนะคะ

เช่น รายการข่าว คนชอบ เพราะมันไม่เวิ่นเวอร์ มันก็มีคนที่ชอบดูข่าวแบบเร็ว ๆ แล้วไม่มานั่งเอา คห.ตัวเอง พูดเป็น 20 - 30 นาที นะคะ

แล้วช่อง 7 มี content ที่จับกลุ่มเป้าหมายประจำอยู่แล้ว เช่น ละครพื้นบ้าน ก็ไม่มีใครล้มนางได้

ส่วนละครก็มีคนดูเรื่อย ๆ ต่อให้คนด่าว่าไม่ดี แต่มันก็มีดาราหนุ่มๆ สาวๆ ที่หน้าตาน่ารักเอาเรื่องอยู่นะ คนก็ดูแบบของฟรี ไม่ได้คิดอะไรไง

อย่างพระเอกช่อง 7 ส่วนตัวมองว่า ดูแมน ดูคมเข้ม ดูโอเคกว่าพระเอกช่อง 3 และช่อง One นะ

ดูพระเอกช่อง 3 นะ ออกแนวไปทางอ้อนแอ๊น หวานๆ มันจะมีคนที่ไม่ชอบแนวพระเอกแบบนี้เยอะนะ

คนรอบตัวนี่มีแต่คนชอบแนวพระเอกช่อง 7 เพราะบอกว่าดูแมน ดูเท่ เข้มดี ซึ่งก็เป็นอีก target ที่คนชอบต่างกัน

แต่สิ่งที่ทำให้คนดูชอบไปดูดาราชายช่อง 7 แม้ไม่ได้งานพรีเซนเตอร์เท่าช่อง 3 คือ ดาราชายช่อง 7 ดูเข้าถึงได้ และหุ่นดี หน้าตาเป็นเอกลักษณ์ ไม่ได้แนวเดียวกันทั้งหมด

ช่อง 7 ค่อนข้างเน้นหุ่นพระเอกด้วยนะคะ

แล้วถ้าใครคมเข้ม ก็จะดังหน่อย เพราะคนไทยชอบแนวพระเอกคมเข้ม สูงโปร่ง ไม่งั้นพี่เวียร์ไม่ยืนหนึ่งแถวหน้าได้หรอกค่ะ

ส่วนพระเอก ของช่อง 7 สังเกตุแต่ละคนที่ผ่านมา จะออกแนวแมนๆ หล่อ ล่ำ ขวัญใจภูธร
่เช่น ลิขิต เอกมงคล, จอห์น รัตนเวโรจน์,อาณัช,เวียร์ คอนเซปชัด หล่อ ลุยๆ แมนๆ

ยกเว้นคนเดียว ที่เหมือนรอยด่างของช่อง คือ อีบิีกเจ๊เอ็ม
ไม่รู้จะดูให้เป็นพระเอกหรือนางเอก เพราะนางสาวแข่งกับนางเอกเลย
สาบานได้ว่า ดูยังไงก็ไม่ชิน ไม่มีความรู้สึกว่านี่คือพระเอกกับนางเอก
แต่มีความรู้สึกเหมือนกำลังดู นางเอกฝ่ายหญิงกำลังเม้าท์อยู่กับนางเอกฝ่า่ยกะเทย

กรี๊ดดดดดดดดดดด น้องกลัฟสงสัยจะใหญ่มากค่ะมึง ดูสิ

ฉันเข้าใจที่หล่อนสื่อค่ะ ว่ามันมีคนชอบแนวช่อง 7 ไม่เถียงนะคะ แต่กลุ่มคนชอบช่อง 7 คิดเป็นจำนวนประชากรทั้งหมดของประเทศจริงๆ หรือปล่าว??? หรือ สามารถตรึงคนดูที่เป็นทาร์เก็ตของสินค้าได้จริงๆ ไหม

ที่ฉันจะบอกคือ เอเจนซี่ ที่จะยิงแอด มันดูละเอียดกว่า ที่ช่องต้องการขายคอนเทนท์ ดาราของช่อง มีกระแสมากแค่ไหน เพราะถ้าเธอสังเกต ดาราคนไหนมีละคร จำนวนโฆษณาของดาราคนนั้น จะมากเป็นพิเศษช่วงละครฉาย เพราะแฟนคลับดาราจะช่วยกันดูละคน หรือคอนเทนท์ที่มีดาราคนนั้นอยู่ เอาแค่นั้นค่ะ เพราะนั่นคือ รายได้ส่วนใหญ่ที่ช่องจะได้รับ

ถ้าช่องไม่มีดาราดึงดูดโฆษณา ต่อให้บอวก่า เรตติ้งมันสูง รายได้จากการโฆษณาก็อาจจะไม่มากเท่า อีกช่อง ที่มีดาราแม่เหล็กพงกนั้นอยู่ก็ได้ ซึ่งปัจจุบัน มีช่อง 3 กับช่องย่านอโศก ที่มีดารา ที่ถือพรีเซนเตอร์เป็นหลัก ทีนี้ทางสินค้าก็จะเทเม็ดเงินไปในเวลาที่มี คอนเทนท์ของพวกดาราเหล่านั้นออนแอร์เสียมากกว่า

มันเลยเป็นที่มาว่า ช่อง 7 เร่ิมลดความสำคัญของละครในบางช่วง เพราะมันไม่ทำให้เกิดรายได้เท่าแต่ก่อน ถึงจะมีคนบ่นเรื่องมวยเรตติ้งไม่ดีเท่าละคร แต่สปอนเซอร์มวย เขาซื้อโฆษณา คนละกลุ่มกับละครเลย ถ้าช่องหารายได้จากสปอนเซอร์มวยได้มากกว่าละคร ช่องก็คิดถูกแล้ว แบบนี้เอาเรตติ้งมาวัดไม่ได้เสียทีเดียว เพราะทาร์เก็ตคนดูมันต่างกัน แล้วถึจะบอวก่า ดาราไม่มีผลต่อโฆษณา มันเปนไปไม่ได้ค่ะ ส่วน พี่เวียร์ อั้ม พวกนี้ ไม่ใช่แค่ดาราช่อง 7 ค่ะ แต่ผู้จัดการดาราเขาแข็งแกร่ง (ลองดูค่ะ ดารามีงานโฆษณาของช่อง 7 ส่วนมากเซ็นแค่ละครค่ะ ช่อง 7 ไม่มีเอี่ยวในส่วนแบ่งรายได้อื่นๆ ส่วนอั้ม ไม่ได้เซ็นนะคะ แต่ไม่ได้รับงานช่องอื่นเท่านั้นเอง) ถ้าเทียบกับ ดาราช่อง 7 ที่ ช่อง 7 บริหารสัญญาเอง แทบไม่ได้งานสินค้าเลย ไม่งั้นพระเอกแบบบิ๊กเอ็ม คงไม่ไปรับงานสุ่มสี่สุ่มห้าโดยช่องไม่รับรู้ด้วยแบบนั้นหรอก ที่ช่องปลด เพราะน่าจะรับงานเองโดยไม่แจ้งต้นสังกัดด้วย ซึ่งมันผิดกฎค่ะ

อีกอย่าง ช่อง 7 ไม่อนุญาตให้นักแสดงไปรับงานนอกช่อง แบบช่อง 3 หรือช่องวัน ที่ดาราไปออกรายการดังๆ เพื่อโปรโมทตัวเองได้ เพราะสุดท้าย ช่องก็อาจจะได้ความดังของดาราคนนั้นเพิ่มขึ้นก็ได้ แต่เราว่าช่อง 7 ใจแคบ เพราะมั่นใจเกินไปที่คิดว่า จะดันดาราตัวเองให้ติดลมบน

แล้วดูสิ ช่อง 7 กลายเป็นสถานที่ ที่ทั้งดาราและทีมงานอื่นๆ ทะยอยลาออกกันไปเรื่อยๆ คนที่ัยงอยู่ก็คือ คนที่ไม่มีที่ไปต่อ มันก็เลยส่งผลให้คุณภาพคอนเทนท์เป็นแบบที่เป็น ซึ่งใช่ค่ะ อย่างที่เธอบอก ยังมีัคนชอบ แต่มันใช่ของที่คนส่วนใหญ่ ในยุคนี้ ชอบกันจริงๆ หรือปล่าว?????

กำไร 2 พันล้าน นี่ยังไม่เรียกว่ามีคนดูอีกเหรอ

ส่วนอีกช่อง กำไรแทบไม่มี แถมเจ๊งหลายปีต่อเนื่อง

หมี่ล่ะงงกับตรรกะกีบอีกะเทยตัวนี้จริงๆ

ช่อง 3 โล้สำเภาไม่ไหว ประกาศเปิด Early Retired ทีมข่าวอย่างน้อย 100 คน

https://www.marketingoops.com/media-ads/thai-media-ads/channel-3-early-retired/

----------

ธรรมชาติหุ้นมันมีขึ้นๆ-ก็มีลงๆ​ค่ะ​ คนทำธุรกิจเค้าคาดการณ์

ไว้ล่วงหน้าแล้ว​ อิฝั่ง​ "ติ่งมากสี" มองเป็นเรื่อง​เยอะย้อยสะใจ​

จะรู้มั้ยถ้า​ "ช้อนซื้อ" ถูกจังหวะซะตอนนั้นยังไงก็กำไร...!!

#หัวเราะที่หลัง​ ดังกว่า​ 555555 ดังสุภาษิตไทย

.

แต่คู่แข่งที่น่ากลัวของช่อง 7 ไม่ได้มีแค่ช่อง 3 ไงคะ ยังมีช่องอื่นที่กำลังโตเอาๆ ช่องวันที่เริ่มมีกำไร เวิคพอยต์ก็มีกำไร แสดงว่า ช่องอื่นแย่งคนดูมาจากช่อง 7 ใช่หรือปล่าว???? รายได้หลักของช่อง มันไม่ใช่แค่ เรตติ้งไงคะ ถ้าช่อง 7 ทำได้แบบแต่ก่อน พรีเซนเตอร์แต่ก่อน ดาราช่อง 7 กวาดทุกตัวนะคะ นั่นแปลว่า ในขณะที่สมัยนั้น คือยุคพีคๆ ของช่อง 7 แม้แต่ดาราช่อง 7 ก็มีชื่อเสียยงแบบสุดๆ ดาราดัง เงินฆ่าโฆษณาก็หลั่งไหลเข้าช่องไปในตัวด้วย ถูกมะคะ

จะมาอาศัยคอนเทนท์ดูง่าย ย่อยง่าย แบบแต่ก่อน มันไม่ได้แลเวไง มันต้องนำขึนไปอีก เพื่อรีักษาความเป็นเบอร์ 1 ให้ได้ แต่ตอนนี้ ช่องก็ทำไม่ได้ เลยใช้การตัดคนเพื่อลดค่าใช้จ่ายแทน

แค่ค่าลิขสิทธิ์มวย ที่ฉายทั่วโลก นางก็ได้กำไรเกิน 1000 ล้านบาทแล้วค่ะ

นางเลยไม่แคร์ละครไงคะ

เอางี้ค่ะ ตราบใดที่ยังได้กำไร ก็ถือว่ากำไร ไม่ใช่ขาดทุน

แค่ว่าไม่ได้กำไรเท่าเดิม ก็ต้องประหยัดค่าใช้จ่าย พนักงานอายุเยอะคนไหนเงินเดือนเยอะไป ก็ให้สมัครใจออก

แต่ยังจ้างคนรุ่นใหม่เข้ามาเพิ่ม เพราะฐานเงินเดือนน้อยกว่าไงคะ

ขรรม ดังกว่าตรงไหนคะ

ยังเห็นจะขาดทุนอีกรอบอยู่เนี่ย

เอาอะไรมาหัวเราะคะ

ส่วนอีมากสี นางไม่เคยเจ๊งไม่เคยขาดทุน

นางแค่ต้องการให้คนแก่บางคน ออกไปพักค่ะ

แล้วนางยังจ้างคนรุ่นใหม่เพิ่มด้วย ไปอ่านดูบ้าง

ส่วนช่องน้อยสีนี่คือขาดทุนต่อเนื่อง เพิ่งลืมตาอ้าปากได้ปีเดียว

เห็นแว่วว่าปีนี้กำลังแป๊กอีกรอบ

ละครเย็นก็เจอช่องน้อยสีกว่าเอาไปกินเรียบ

งานนี้คือเตรียมขาดทุนอีกรอบแน่ๆ