ความมั่งคั่งของประเทศไม่ได้เกิดขึ้นจากรัฐสวัสดิการ
.
เขียนโดย Kraisorn Krungkasem.
เนื่องจากความมั่งคั่งเป็นสิ่งเดียวที่สามารถแก้ไขความยากจนได้ คุณอาจคิดว่าฝ่ายซ้ายจะหมกมุ่นอยู่กับการสร้างความมั่งคั่ง พอ ๆ กับการกระจายความมั่งคั่ง แต่คุณคิดผิด Thomas Sowell
.
ระบบรัฐสวัสดิการเป็นดั้งแสงสว่างของเหล่าผู้ชื่นชอบอุดมการณ์ทางความคิดแบบฝ่ายซ้ายที่ได้เชื่อว่า "มีรัฐสวัสดิการแล้ว ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าไม่มีรัฐสวัสดิการจะคลี่คลายลงไปได้เอง" เพียงแค่วางแผนการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐต่อนโยบายที่จะทำเพียงเท่านั้น คนทั่วไปอาจจะคิดจริง ๆ โดยไม่ตั้งคำถามต่อแนวคิดของตนเองว่าเพราะเหตุใดการมีอยู่ของรัฐสวัสดิการจึงเป็นการแก้ไขปัญหา หรือ บรรเทาปัญหาทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม? บางทีนั้นจะเป็นการง่ายกว่าเพื่อสร้างให้แนวคิดรัฐสวัสดิการเป็นที่จับตามองของคนในสังคมเท่านั้นเพื่อทำให้บรรลุเป้าหมายของการไปสู่สังคมนิยมทีละขั้น
.
มายาคติของเรื่องรัฐสวัสดิการอย่างหนึ่งได้กล่าวอย่างกว้าง ๆ เอาไว้ว่า รัฐสวัสดิการดียังไง
มักจะอยู่บนพื้นฐานที่ละเลยกฎทางเศรษฐศาสตร์พื้นฐานอย่าง ความขาดแคลน (scarcity) ว่าจะทำยังไงให้เราสามารถจัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด การตอบคำถามนี้จะต้องพิจารณาว่าระหว่างรัฐ หรือ ตลาด อันไหนจะจัดสรรทรัพยากรได้มีประสิทธิภาพมากกว่ากัน? ผู้สนับสนุนแนวคิดรัฐสวัสดิการอาจมีข้อเสนอร่วมกันว่า สังคมควรมีความเท่าเทียม ความเห็นอกเห็นใจ การให้ความเป็นมนุษย์
ฯลฯ ที่เป็นข้ออ้างในการให้ความชอบธรรมแก่รัฐในการกระจายทรัพยากรที่นำทรัพย์สินของอีกคนมาให้อีกคนอย่างไม่เต็มใจ เพราะมันเน้นย้ำว่า การบีบบังคับ เป็นสิ่งที่ควรเห็นชอบถ้าหากเพื่อความเป็นมนุษย์แล้วโดยไม่คำนึงถึงบริบทและสถานการณ์
.
หากการกระจายทรัพยากรโดยรัฐสามารถทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นแล้วฉันใด การให้รัฐเข้ามาควบคุมทุกภาคส่วนที่เป็นการเลี้ยงดูประชาชนในทุกด้านย่อมมีประสิทธิภาพที่สูงกว่าการกระจายทรัพยากรฉันนั้น
.
หากการควบคุมโดยรัฐทำให้การคำนวณทางเศรษฐกิจเป็นไปได้แล้ว (economic calculation) การจัดสรรทรัพยากรโดยรัฐที่จะต้องพบเห็นได้ก็คือ การจัดสรรที่มีประสิทธิภาพสูงสุด จะไม่เกิดการทำให้ผลกระทบ เป็นทอด ๆ ตามมา อย่างเช่น ถ้ารัฐควบคุมราคาไข่ไก่ของพ่อค้าแม่ค้าให้มีราคาต่ำกว่าราคาตลาดเพื่อให้บริโภคสามารถซื้อไข่ไก่ในราคาที่ถูกได้ ซึ่งในกรณีนี้เองปรากฏการณ์ที่ชื่อว่า ความขาดแคลนสินค้า (shortage) ที่ส่งผลให้ผู้บริโภคไม่สามารถหาไข่ไก่ในตลาดที่มีราคาถูก พ่อค้าแม่ค้าไม่ต้องการจะขายไข่ไก่ ผู้ผลิตไข่ไก่ได้รับผลกระทบเรื่องการควบคุมราคา สิ่งเหล่านี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้หากรัฐบาลมีศักยภาพที่จะแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด
.
ทว่าในความเป็นจริงถ้ารัฐควบคุมหรือแทรกแซงเศรษฐกิจย่อมเป็นการสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นมาอีก ซึ่งมันไม่เคยเป็นตามหลักประสิทธิภาพของพาเรโต (Pareto efficiency) เนื่องจากเป้าหมายคือ รัฐจะต้องจัดสรรทรัพยากรเพื่อคนทุกคนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่ถ้าคนใดคนหนึ่งได้รับผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตให้แย่ลง ก็ย่อมไม่เป็นไปตามหลักการ (ในบางสถานการณ์ ตลาด สามารถให้ประสิทธิภาพมากกว่ารัฐ เนื่องจากมีการปรับตัวตามสถานการณ์และการยอมรับการได้อย่างเสียอย่าง)
.
เช่นนั้นแล้ว หากกลับมาสู่หัวข้อของบทความนี้จะสื่อว่า หากการจัดสรรทรัพยากรโดยรัฐที่ทำผ่านการบีบบังคับคนกลุ่มหนึ่งเพื่อนำทรัพย์สินมาให้อีกคนกลุ่มหนึ่งเป็นการทำให้คนบางกลุ่มเสียผลประโยชน์และอีกกลุ่มหนึ่งได้ประโยชน์ การกระจายทรัพยากรมันจะทำให้คนที่ได้ประโยชน์มีความมั่งคั่ง หรือ รวยขึ้นได้ไหม?
.
คำตอบก็คือ ไม่ได้ กลุ่มประเทศที่เป็นรัฐสวัสดิการในปัจจุบันสำหรับฝ่ายซ้ายที่ชื่นชอบอย่างประเทศแถบสแกนดิเนเวียที่สามารถทำรัฐสวัสดิการได้ การทำรัฐสวัสดิการได้ไม่ใช่เพราะว่าการที่รัฐบาลฝ่ายซ้ายขึ้นมาแล้วรากฐานวางนโยบายแล้วทำให้สำเร็จ หรือ การที่ประเทศมีเงินจากการจัดเก็บภาษีให้เพียงพอต่อการจัดสรร แต่มันทำได้เพราะในประเทศแถบสแกนดิเนเวียผ่านการปฏิวัติอุตสาหกรรมมาก่อน (Industrial revolution) เฉกเช่นเดียวกับประเทศสหรัฐอเมริกา สวิสเซอร์แลนด์ และอื่น ๆ เหตุการณ์ปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นการยกระดับเศรษฐกิจของประเทศในการพัฒนาเครื่องจักร การยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงาน การเพิ่มขึ้นของชนชั้นกลาง การเกิดขึ้นของนวัตกรรมแลเทคโนโลยีที่ช่วยพัฒนาศักยภาพของทุนมนุษย์ การเพิ่มขึ้นของค่าแรง และการสะสมทุนของประเทศอย่างมหาศาลย่อมเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้มากที่สุด จึงเป็นที่มาว่าประเทศที่ร่ำรวยที่สุดติดท็อปอันดับโลกทั้งหลายล้วนแล้วผ่านการปฏิวัติอุสาหกรรมมาทั้งสิ้น แล้วจึงหันไปหานโยบายรัฐสวัสดิการในภายหลัง
.
กล่าวได้ว่าประเทศที่ทำรัฐสวัสดิการจะต้อง กินบูญเก่า เพื่อให้สามารถอยู่รอดไปได้ เนื้อแท้ของระบบรัฐสวัสดิการเป็นเพียงการบ่อนทำลายความมั่นคงของชีวิตคน และการสร้างความทุกข์ยากต่อประชาชนในประเทศแทนที่จะเป็นการช่วยเหลือโดยตรง
.
ตัวอย่างประเทศที่มีการกระจายทรัพยากรโดยตรงอย่างศรีลังกา (Sri Lanka) เวเนซุเอลา (Venezuela) ซิมบับเวย์ (Zimbabwe) ที่มีการพิมพ์เงินเป็นจำนวนมากแล้วอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ในขณะนั้นเมื่อปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจเพิ่มสูงขึ้น รัฐคิดว่ามันจะเป็นการสร้างสภาพคล่องเพื่อให้คนจับจ่ายใช้สอย หรือ การทำธุรกรรมต่าง ๆ มีความเป็นไปได้อย่างราบลื่น แต่กลับกลายเป็นว่าปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจเป็นตัวแปรสำคัญในการทำให้เกิดเงินเฟ้อขึ้นมา (inflation) แล้วจากนั้นราคาสินค้าและบริการก็เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งต้นทุนการผลิตต่าง ๆ ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ในทำนองเดียวกันกับระบบสวัสดิการถ้วนหน้าอย่าง รายสวัสดิการได้พื้นฐานถ้วนหน้า (Universal Basic Income) เมื่อรัฐกระจายรายได้ขั้นพื้นฐานในจำนวนมากเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ก็ย่อมส่งผลต่อการเกิดเงินเฟ้อเช่นกัน
.
คำถามสำคัญก็คือ ในกรณีที่มีการกระจายทรัพยากรโดยตรงแบบนี้ทำให้คุณภาพชีวิตคนแย่ลงแล้ว เช่นนั้นการกระจายทรัพยากรที่อ่อนกว่าหรือขั้นกว่าจะทำให้คนดีขึ้นได้อย่างไร? สิ่งที่แสดงให้เห็นได้ว่าโดยพื้นฐานการกระจายทรัพยากรโดยรัฐมันไม่มีประสิทธิภาพและช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในประเทศให้ดีขึ้นไม่ได้จริงตามตัวอย่างได้แสดงให้เห็นแล้วว่า แม้แต่การแจกเงินให้คนยิ่งมากเท่าไหร่คนก็ไม่ได้ร่ำรวย มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย
.
ประเด็นของรัฐสวัสดิการถัดมาคือ การให้คนเข้าถึงการบริการขั้นพื้นฐานโดยรัฐฟรีอย่างเช่น การรักษาพยาบาล การคมนาคม การศึกษา ที่เป็นการปูทางให้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีจากการจบมามีงานทำ และการไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเฉพาะหน้า ต่าง ๆ นี้จะหมายความว่า การที่รัฐอนุญาตให้การบริการที่ต้องมีค่าใช้จ่ายแลกมาเป็นของฟรีที่รัฐจัดหาให้นั้นเป็นการสร้างความมั่งคงและความมั่งคั่งกับชีวิตในระยะยาวใช่ไหม?
.
คำตอบก็คือ ไม่ใช่ สิ่งที่ยกระดับคุณภาพชีวิตและความมั่นคงได้คือ ความมั่งคั่ง (wealth) ที่ได้มาจากการสะสมทุนโดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องปราศจากการแทรกแซงของรัฐเข้ามารบกวน (แม้ว่าจะมีการรบกวนเล็กน้อย แต่หากไม่มีการขัดขวางการสร้างความมั่งคั่งก็ย่อมไม่เป็นอุปสรรคต่อบุคคลที่ไม่ได้รับความเสียหาย) ที่สำคัญที่สุด ความมั่งคั่งนี้เองเป็นจุดสำคัญที่ทำให้คนบางกลุ่มในสังคมมีการขยับสถานะทางชนชั้นขึ้นมาได้ (social mobility) โดยที่การขยับสถานะทางชนชั้นทางเศรษฐกิจหรือสังคมมันไม่ได้ขยับเพราะการทำให้สังคมและเศรษฐกิจให้มี ความเท่าเทียม กันผ่านการกระจายทรัพยากรโดยการทำรัฐสวัสดิการแต่อย่างใด
.
หากจะทำความเข้าใจได้อย่างง่าย ๆ ก็คือ ประเทศที่รวยคือ ประเทศที่มีความมั่งคั่งมาก ไม่ใช่ ประเทศที่มีเงินมาก แล้วจะรวย หลายคนอาจสับสนว่า เงิน อาจใช้แทนสิ่งที่บ่งบอกความร่ำรวยได้ใช่ไหม? อันที่จริงแล้วเงินนั้นเป็นผลิตภัณฑ์อย่างหนึ่งช่วยในการแลกเปลี่ยนทางอ้อม ที่สามารถเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสิ่งที่พิจารณาได้ว่าเป็น ความมั่งคั่ง โดยที่ความมั่งคั่งคือ ทรัพยากรหรือทรัพย์สินทางวัตถุที่มีค่า ที่เติมเต็มความต้องการของมนุษย์ได้
.
หรือ การที่รัฐใช้จ่ายเพื่อให้คนสามารถเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐานได้จะทำให้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นนั้นมันเป็นการบอกว่ารัฐสร้าง ความมั่งคั่ง ได้จริงอย่างงั้นหรือ? ถ้าเป็นเช่นนั้นการจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพของรัฐก็เป็นไปได้ และการพิมพ์เงินก็สามารถทำให้คนร่ำรวยก็ได้เช่นกัน ในทุกประเทศที่มีธนาคารกลางที่สามารถพิมพ์เงินได้ก็จะกลายเป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลกไปแล้ว ตามตัวอย่างที่กล่าวมาทั้งประเทศศรีลังกา เวเนซุเอลา และซิมบับเวย์ก็จะติดอันดับประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่มันไม่ใช่อย่างงั้น หรือ ประเทศที่ทดลองทำรัฐสวัสดิการแล้วอย่างประเทศบราซิลและอาเจนติน่าก็ควรติดอันดับประเทศที่ร่ำรวยที่สุดเช่นกันไปแล้ว (และจะไม่ล้มเหลว)
.
ความเป็นจริงนั้นอยู่ที่ใครก็ตามจะเลือกมองและไม่มอง แต่สุดท้ายมันก็เป็นสิ่งที่ไม่มีทางตายได้ รัฐสวัสดิการไม่ใช่สิ่งอุดมคติที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยรัฐบาลที่จัดสรรงบประมาณแล้วนำไปกระจายในส่วนต่าง ๆ แล้วจะให้ผลลัพธ์ที่พอใจได้ในตอนแรก การตั้งคำถามขั้นพื้นฐานต่อ ลัทธิรัฐสวัสดิการ จึงเป็นสิ่งจำเป็นในสังคมไทยในปัจจุบันว่า
.
ถ้ามีรัฐสวัสดิการแล้ว จะทำให้คนกินดีอยู่ดีขึ้นอย่างไร? ,ถ้ามีรัฐสวัสดิการแล้ว คนจะหายยากจนหรือมีการขยับปรับเปลี่ยนของชีวิตไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างไร? หรือ ถ้ามีรัฐสวัสดิการแล้ว ประเทศจะรวยขึ้นอย่างไร? ซึ่งสิ่งนี้เองไม่สามารถตอบได้อย่างสำเร็จรูปได้เพราะมันมีมูลสายปลายเหตุว่ามันจะสำเร็จได้ควรมีอะไรเป็นปัจจัยประกอบขั้นพื้นฐานบ้างและจะคงระบบรัฐสวัสดิการได้อย่างยาวนานได้อย่างไร?
.
แม้ว่าผู้สนับสนุนแนวคิดอิสรนิยมจะคัดค้านต่อรัฐสวัสดิการก็ตาม แต่ก็ต้องมองความเป็นจริงที่ว่าการที่มันดำรงอยู่ได้นั้นไม่ใช่เพราะมันแจกเงิน หรือ ให้สิทธิ์ขั้นพื้นฐาน แต่มันมาจาก ระบบตลาดเสรีทุนนิยม ต่างหากที่มันถึงอยู่รอดได้ แต่ถึงกระนั้นผู้คนในประเทศก็มีสภาพไม่แตกต่างจากนกในกรงมากเท่าไหร่
.
บรรณานุกรม
Mueller, Antony P. Why Misess Theory of Economic Calculation Still Is Relevant Today. Auburn, AL: Mises institute, 2023.
Galles, Gary. Why the Misuse of the Word "Efficiency" Is Such a Problem. Auburn, AL: Mises institute, 2022.
Karlsson, Stefan. The Sweden Myth. Auburn, AL: Mises institute, 2006.
Shostak, Frank. How Government Spending Destroys Wealth. Auburn, AL: Mises institute, 2020.