หลังจากศึกษาดีเอ็นเอทุกรูปแบบ ของนักพันธุวิศวกรรมของไทย ร่วมกับนักวิทยาศาสตร์เยอรมัน โดยทำวิจัยร่วมกับนักวิจัยจากทั้งในประเทศไทยและจากสถาบันวิจัยแมกซ์พลังก์ (Max Planck Institute for Evolutionary Anthropology) ประเทศเยอรมนี สุดผลงานชิ้นนี้มีความหน้าเชืีอถือที่ถูกต้องแม่นยำสูง จนได้เผยแพร่ในวารสาร Molecular Biology and Evolution
จากการศึกษาดีเอ็นเอในรูปแบบของ SNPs ในจีโนมของกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย และเปรียบเทียบกับประชากรอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบว่าดีเอ็นเอของคนไทยในแต่ละภูมิภาคมีความแตกต่างกัน คนเมืองซึ่งเป็นประชากรหลักในภาคเหนือของไทย มีดีเอ็นเอคล้ายกับชาวไดจากสิบสองปันนา ประเทศจีนตอนใต้ ส่วนคนอีสานมีดีเอ็นเอที่มีการผสมผสานระหว่างกลุ่มประชากรที่พูดมอญ-เขมรกับดีเอ็นเอของคนไทยในสิบสองปันนา ซึ่งดีเอ็นเอของคนอีสานมีความต่างระหว่างชายกับหญิง คนอีสานเพศหญิงมีดีเอ็นเอเหมือนคนไทยสิบสองปันนา ในขณะที่ผู้ชายอีสานมีดีเอ็นเอเหมือนคนมอญ-เขมร น่าจะบ่งบอกเหตุการณ์ในอดีตและรูปแบบของการอพยพ
ในการอพยพของคนอีสานน่าจะเป็นการอพยพมาทั้งชายและหญิงกลุ่มใหญ่ แต่เนื่องจากประชากรที่เป็นประชากรดั้งเดิมที่อยู่ในพื้นที่ภาคอีสานปัจจุบันเป็นคนกลุ่มมอญ-เขมรมาก่อน เมื่อเกิดรูปแบบการแต่งงาน ทำให้ดีเอ็นเอของคนอีสานในปัจจุบันเป็นแบบนี้
ส่วนคนไทยภาคกลางและภาคใต้มีดีเอ็นเอที่เหมือนดีเอ็นเอของชาวมอญ และยังพบว่าดีเอ็นเอของคนภาคกลางและภาคใต้ยังมีบางส่วนเหมือนกับชาวอินเดียตอนใต้ ซึ่งแสดงถึงการผสมผสานทางพันธุกรรมจากเอเชียใต้สู่ดินแดนสุวรรณภูมิ ซึ่งสามารถประมาณอายุได้ 600-700 ปี ซึ่งตรงกับสมัยอยุธยาของไทย
งานวิจัยชิ้นนี้เป็นงานวิจัยชิ้นแรกที่บ่งบอกถึงรายละเอียดโครงสร้างพันธุกรรมของคนไทยในแต่ละภาคว่ามีความแตกต่างกันและแตกต่างกันอย่างไร
ด้วยเหตุนี้จึงสามารถยืนยันได้ว่า ชาติพันธุ์ไทยแท้ไม่มีอยู่จริง ไทยคือสัญชาติ ไม่ใช่ชาติพันธุ์ แต่การศึกษาไทย ไม่เคยสอนความจริง การศึกษาไทยนอกจากไม่บอกความจริง สอนให้ประชากรเป็นคนคลั่งชาติโง่ๆ

การศึกษาประวัติศาสตร์ ต้องถูกปฎิรูปครั้งใหญ่ โดยเฉพาะวิชาประวัติศาสตร์ชาติไทย